ช่วงนี้วันหยุดยาว จึงอยากเอาประสบการณ์ การใช้รถคันแรกที่ซื้อด้วยตัวเองมาแบ่งกับเพื่อน ๆ ชาว Headlightmag ครับ
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย
ตอนที่ผมเรียน ใช้รถคันเก่าต่อจากแม่ เคยรีวีวไปแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,12023.0.html หลังจากนั้นช่วงที่ผมจะเรียนจบ ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนตัวจริง ๆ ไม่ได้อยากซื้อรถใหม่ กะจะเก็บเงินก่อนสักปีนึง ตั้งใจจะซื้อ Focus MK3 แต่ที่บ้าน ไม่ยอมเพราะรถคันเก่ามันเก่ามาก กลัวเสียระหว่างทาง และกังวลเรื่องความปลอดภัย ที่บ้านจึงต้องการให้ซื้อรถใหม่ เพื่อใช้ขับไปทำงาน โดยวางงบไว้ไม่เกิน 1200000 บาท ที่งบเท่านี้เพราะที่บ้านจะดาวน์ให้ 50% ไม่เกิน 600000 นะครับและผ่อน 2 ปี เนื่องจากเสียดายดอกเบี้ย ตอนนั้น Focus คันนี้ ไม่ได้อยู่ใน Lists เลย เพราะแม่ใช้ ตัว 4 ประตู เครื่อง 1.8 อยู่
ตัวเลือกของผม มีดังนี้ Fiesta 1.6S, Corolla Altis 2.0G CVT, Civic 1.8E Navi, Lancer 2.0GT, Cruze 1.8LTZ, Teana 2.0XL Accord 2.0EL และ Captiva 2.4LS (ตัวเปลี่ยนเครื่อง) หลายท่านคงสงสัยว่า แต่ละคันที่กล่าวมาไม่ได้ไปด้วยกันเลย แต่ทุกคันที่กล่าวมา ผมได้ลองขับมาหมดใน 1 สัปดาห์ ก่อนซื้อรถ ทำให้จับ Feeling แต่ละคันได้ ดังต่อไปนี้
1. Fiesta 1.6S ให้ความมั่นใจในการขับขี่ดี อัตราเร่งพอใช้ options เยอะ แต่ภายในอึดอัด
2. Altis 2.0G อัตราเร่งดีมาก ลื่นไหลดี ภายในสวยมาก แต่ช่วงล่างขณะเข้าโค้งยังไม่ค่อยมั่นใจ
3. Civic 1.8E ชอบรูปทรงภายนอก การออกแบบภายใน อัตราเร่ง แต่ที่บ้านไม่ชอบมาตรวัด กับกระจกมองข้าง
4. Lancer 2.0GT อัตราเร่งใกล้เคียง altis ชอบรูปทรงภายนอก และช่วงล่างที่ดี การขับขี่เป็นกลาง แต่ที่บ้านทั้งแม่และน้องสาว ไม่ชอบตั้งแต่แรกเห็น
5. Cruze 1.8 LTZ ชอบด้านหน้าของตัวรถ แต่ไม่ชอบสีภายใน อยากได้สีดำ แต่ options ก็แทบไม่มี
6. Teana 2.0XL รุ่นนี้เพื่อนผมใช้กันเยอะ ภายในเรียบหรูดี การขับขี่ไปสบาย ๆ แม่บ่นนั่งข้างหลังแล้วเวียนหัว
7. Captiva 2.4LS เป็นตัวเลือกที่จะซื้อ เกือบจะจองแล้ว เพราะที่บ้านยังไม่มี SUV ตอนทำสัญญามีปัญหากับเซลล์ เรื่องส่วนลดเงินจาก จาก 50000 เป็นไม่มีเลย จึงยกเลิก
สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบว่าจะเอารุ่นไหน จึงรองาน Motorshow ที่ Impact เดินไป ๆ มา ๆ ตัดสินใจไม่ได้ บังเอิญเดินไปบูธ Ford เห็น Focus ลดราคา จาก 929000 เป็น 849000 ตอนแรกผมปฏิเสธเสียงแข็งเพราะ เคยขับรถแม่ แล้วอืด อึดอัด และดูแก่ ยิ่งผมเข้าในนั่งภายในตัว 5 ประตูเป็นสีดำ กับเสาหนา ๆ ยิ่งรู้สึกไม่ชอบ แต่ที่บ้าน ตกลงใจกันแล้ว จึงถอยหลัก กลับมาตัดสินใจกันอีกที สุดท้ายด้วยมติเอกฉันท์ พ่ายแพ้ไปขาดลอย จึงได้ Focus 2.0S+ มาเป็นรถคันแรกในชีวิตที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของผมเอง (ไม่ต้องงงนะครับ เงินส่วนที่บ้านดาวน์ให้ผม หาคืนให้ท่านหมดแล้ว)
คราวนี้มาส่วนรีวีวตัวรถนะครับ ถ้าผมจะบอกกว่าส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยชอบรูปร่างรถ style นี้เท่าไหร่จะผิดไหม รูปร่างรถมันดูอ้วนท้วน บวม ๆ ตูดใหญ่ ๆ โชคดีที่มี Spoiler กับ Skirt เบี่ยงเบนความสนใจไปได้บ้าง เพราะถ้าไม่มีเลย รูปทรงจะน่าเกลียดมาก ส่วนที่ผมชอบมากสุดคือไฟหน้าของรถ ในแนวระนาบ ทำมุม 45 องศากับแนวยาว มันให้ความรู้สึก sport ดี
มิติรถคันนี้ยาว 4337 mm. โดยดีฐานล้อ 2640 mm. กว้าง 1839 mm. (2020 mm. เมื่อรวมกระจกมองข้าง) สูง 1497 mm. และน้ำหนัก 1339 kg. อย่างที่ทุกท่านทราบว่า MK2 ใช้ Platform ร่วมกับ Mazda 3 และ Volvo C30, S40, V50 แต่จุดประสงค์ในการขับขี่แตกต่างกัน หากท่านสังเกตจะพบว่า Focus กว้างสุดในกลุ่ม C-Segment ซื้อน่าจะมาจากการตีโป่งซุ้มล้อมากกว่า เพราะภายในมันไม่ได้รู้สึกกว้างแบบภายนอก
จุดสังเกตที่จะแยก Focus แต่ละรุ่นออกจากกันไม่ยากครับ ตัว 2.0S+ บริเวณคิ้วที่ฝากระโปรงจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่นก่อนหน้าจะเป็น Chromium ด้านท้าย Spoiler จะเป็นแบบ ST คือขนาดใหญ่กว่าปกติ และมีช่องลมตามหลัก Aerodynamic รวมถึง skirt ล่างสีเดียวกันตัวรถ ทั้ง 2 ชิ้นนี้ TDCi รุ่นก่อน MK3 ก็ยังไม่มีให้นะครับ ซึ่งผมว่ามันเข้ากับรถได้ดี
ผมอยากจะบอกหลาย ๆ ท่านว่า ถ้าเห็นท้ายรถเป็น 2.0S ไม่ต้องมาจี้ตูดเล่นกับผมนะครับ ผมไม่ใช่ TDCi ผมหลบให้ท่านแซงอย่างเดียว หลัง ๆ นี่ผมเจอบ่อยมาก ขนาดขับเลนซ้าย ยังตามมาจี้ตูด สงสารผมเถอะครับ
ส่วนสัมภาระท้าย ขนาดค่อนข้างใหญ่ 396 ลิตร แน่นอนว่าจุกว่า Hatchback ทุกคันที่ขายในไทย ถามว่าขนาดประมาณไหน ใกล้เคียง Jazz นะครับ ตรงนี้ผมชื่นชม Honda เลย ตัวรถสั้นกว่า 40 cm. แต่ออกแบบภายในได้ดีมาก ด้านหลังมีตะขอเกี่ยวของมาให้ด้วย แต่ดูไม่ค่อยแข็งแรงกลัวหักครับ
ภายใน อยากที่ผมเคยบอกนะครับ ว่ารู้สึกอึดอัดพอควร ด้วยโทนสี ขนาดเสา ความหนาของประตู สิ่งแรกที่ผมสงสัยคือ เสียงปิดประตู และน้ำหนักประตู 4 ข้างไม่เท่ากัน ด้านคนขับดีสุด ไม่รู้เป็นเฉพาะคันไหม แต่คงทำอะไรกับมันไม่ได้ ส่วนที่สองที่ผมไม่ชอบคือ console เบียดขาซ้าย ไม่ได้เบียดธรรมดานะครับ เบียดมาก รวมถึงที่วางเท้าซ้ายที่ทำไว้ให้ จังหวะมันพอดีให้เข่าผมกดเข้ากับ console เลย ต่อมาเรื่องวิทยุ ใช้งานง่าย ปุ่มเล็กไปหน่อย อาศัยไม้พายพวงมาลัยช่วยเอา เสียงที่ได้ยังขาดมิติ เบสหนัก เสียงแหลมไม่ค่อยดี ผมว่าฟังแนว Hiphop Pop ก็ OK แต่เสียงกลางไม่มีเลย โดยรวมก็ไม่ได้แย่มาก
อีกอย่างนึงคือไฟในห้องโดยสาร กระจุกอยู่เฉพาะด้านหน้า เวลาของหายที ต้องใช้ไฟมือถือส่งส่องแทน เห็นว่าตัว MK3 มีมาให้เยอะจนสะใจเลย แบ่งให้ผมบ้างนะคับ
บ่นมาเยอะแล้ว ต้องชมเชยบ้าง เรื่อง Soft touch Material น่าจะเป็นคันแรก ๆ ใน C-Segment ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทที่ขายในไทย ให้ความรู้สึกว่าเขาใส่ใจกับความปลอดภัย เรื่องที่สอง แอร์ ผมว่าสวยดี ใช้งานง่าย มี Dual Zone เย็นเร็วดี แต่คงไม่เท่า Denso หรอกครับ จุดที่ 3 ก็มาตรวัด อ่านง่ายดี ขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อน Minorchange และมีข้อมูลให้ดูได้มากกว่า Options ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ปัดน้ำฝน เปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ก็สะดวกดีครับ
ขอแซวนิดนึงเพราะ Sensor ข้างหน้าใหญ่มาก เคยหลอกเพื่อนว่าเป็น City Safe แบบ Volvo (เพื่อนก็เชื่อด้วย)
ส่วนโดยสารตอนหลัง หลายคนที่คิดว่าน่าจะดีกว่า Fiesta ผมบอกเลยว่าอย่าหวังให้มาก เพราะอืดอัดพอกัน ตีบแคบ หลังคาเตี้ย ดีกว่าตรงที่เบาะรองนั่งรองรับถึงเข่า รวมถึงแอร์ผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งในฐานะคนขับจะรู้ได้ทันทีกว่ามีใครใช้แอร์หลัง เพราะแอร์ด้านหน้าจะถูกแย่งชิงไป จนรู้สึกได้
ทัศนวิสัยรอบคัน ด้านหน้าผมว่าใข้ได้ ถึงเสา A จะใหญ่ แต่ก็ไม่บังรถในเลนส์ที่สวนมา ที่น่ากังวลคือ กระจก Opera พอประกบกับพนักพิงศีรษะหลัง ทำให้ผมแทบไม่เห็นอะไรเลย ได้แต่ฝากคนนั่งข้างผมดูให้
เรื่องเครื่องยนต์อย่างที่ทราบ ๆ กัน เครื่องสหกรณ์ 2.0 ใช้ร่วมกันกับ Mazda และ Volvo อัตรากำลัง 145 แรงม้า ที่ 6000 รอบ และ แรงบิด 18.8 N.M ที่ 4500 รอบ กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะอันโบราณ และหาโอกาสกระตุกได้เมื่อมีโอกาส การขับขี่ในเมืองอัตราเร่งตอนออกตัวถือว่าใช้ได้ คงไม่แรงเหมือน VVTi ของ Toyota แต่ต้องทำให้ว่าหากออกตัวเร็ว เกียร์จะกระตุกตอนเปลี่ยนขึ้นเกียร์ 2 แน่นอน วิธีที่จะทำให้ออกตัวได้ราบรื่น คือ ปล่อยให้เข็มวัดรอบตีขึ้นช้า ๆ เนิบ ๆ คุณรู้สึกได้เลยว่ารถมันเหมือนใช้เกียร์ CVT เลย จุดที่ให้อัตราเร่งดีที่สุดคือ ช่วง 90 120 km/hr ที่เกียร์ 3 ผมรู้สึกว่ามันเร็วทันเท้าดี ยิ่งขับทางใกล้ ถ้าแซงที่ความเร็วเท่านี้ รู้สึกมั่นใจว่าจะไม่ถูกรถด้านหลังมาจี้ตูด จุดด้อยของเครื่องยนต์ตัวนี้อยู่ที่หลัง 140 เพราะอืดอาดมาก เหยียบไปมีแต่เสียงเครื่อง กันเข็มน้ำมันที่ลดลงต่อหน้าต่อตา ซึ่งสำหรับผม เพียงพอนะครับ เพราะเวลาขับไปกลับต่างจังหวัด ก็อยู่ในช่วง 90 140 บ้าง จะมี 160 บางครั้งถ้ามีพวกมาจี้ตูดแบบไม่มีมารยาท
อัตราเร่ง 0 - 100 ประมาณ 12 วินาที
อัตราเร่ง 80 - 120 ประมาณ 9 วินาที
จุดเด่นของ Focus อยากที่ทราบกัน คือ พวงมาลัย กระชับดีมาก ระยะฟรีกำลังดี ความแม่นยำสูง พวงมาลัยตัวนี้ยังเป็นแบบ Electro-Hydrolic จึงมีแรงหน่วงดี ซึ่งเป็นจุดที่ผมประทับใจมาก พอ ๆ กับช่วงล่าง ที่เกาะถนนได้ดี ที่ทางโค้ง 120 ผมยังมีความมั่นใจในการขับอยู่ เพื่อนผมยังบอกว่าดีกว่า Tiida ที่เขาขับ แต่ที่ความเร็วต่ำ ค่อนข้างกระด้างแต่น้อยกว่า Mazda 3 เล็กน้อย
อัตราการบริโภคเชื้อเพลิง สิ่งที่ผมจะบอกนี้ ไม่ได้หลอกนะครับ เฉลี่ยทางไกล ประมาณ 13.5 km/L ดีสุดที่เคยทำได้ 15.0 km/L ที่ความเร็วเฉลี่ย 120 km/hr ในเมืองประมาณ 7 8 km/L ค่านี้มาจากการคำนวณเอง ไม่ได้ดูจากจอที่หน้าปัด ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าประหยัดมาก แต่ก็พอรับได้ มันอยู่ที่เท้ากว่าจะกดคันเร่งโหดแค่ไหน ตอนแรก ๆ ผมเหยียบหนัก รอบเครื่องขึ้นไป 3 4 พันรอบ หลัง ๆ ค่อย ๆ ไต่ไปช้า ๆ ครับ ใครจะแซงก็ปล่อยเขาไป ผมหลบให้หมด
โดยรวมแล้ว ทัศนคติ สำหรับรถคันนี้ดีกว่าที่ผมคิดนะครับ ตอนแรกผมไม่ชอบเลย หลัง ๆ ผมหาจุดดีของมันได้มากขึ้น กลบข้อเสียที่มันมี อย่างน้อยมันก็เป็นรถคันแรกที่ซื้อด้วยเงินของผมเอง ผมภูมิใจกับมันมากครับ
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน หากมีข้อบกพร้องหรือข้อสงสัยใด ๆ สอบถามได้นะครับ
รีวีวครั้งหน้า Focus 1.8 Finesse กับค่าซ่อมตลอด 5 ปี และศูนย์บริการ 3 แห่ง
ปล. ถ้าจะแซงผม ทางตรงแซงไปได้เลย แต่ทางโค้งระวังผมแซงนะคับ
