ขอถามเรื่องการใช้งานรอบเครื่องของดีเซลเทอโบ

[-Anonymous-]

ข้อ1 รอบสูงที่เกินจากรอบที่มีแรงบิดสูงสุดเอาไว้ทำไรหรอครับ เช่นแรงบิดสูงสุด370n/m มาในรอบ1700-2500 แล้ว2500-4000มีไว้ทำไมหรอครับ

ข้อ2 ถ้าเราเล่นเกียเอง ต้องการให้รถไปเร็วที่สุด เราไม่ต้องสนเกียเลยใช่มั้ยครับ ถึงจะกดเกียสูงแค่ไหนก็ได้ขอแค่ให้อยู่ในรอบแรงบิดสูงสุดก็พอ หรือ เกียต่ำกว่ายังไงก็แรงกว่า

ขอบคุณครับ

[2k]

ก่อนหน้านี้ผมก็สงสัยแบบนี้นะเลยมีผู้รู้มาให้คำตอบว่าในรอบเครื่องที่สูงเกินกว่ารอบที่แรงบิดสูงสุดจะมาแล้ว แรงบิดจะค่อยๆตกลงเรื่อยๆทำให้แรงเร่งลดลง แต่ในจุดนั้นแรงม้าก็จะมารับช่วงต่อเองแล้วก็จะกลายเป็นเรื่องของความเร็วสูงสุดแทน 

[Nookkiez]

ข้อ1 รอบสูงที่เกินจากรอบที่มีแรงบิดสูงสุดเอาไว้ทำไรหรอครับ เช่นแรงบิดสูงสุด370n/m มาในรอบ1700-2500 แล้ว2500-4000มีไว้ทำไมหรอครับ
-รอบเครื่องที่สูงกว่ารอบแรงบิด แรงบิดจะเริ่มลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะครับและจะเริ่มเป็นการเค้นแรงม้าให้ทำความเร็วสูงสุดของในแต่ละเกียร์แล้วครับ

ข้อ2 ถ้าเราเล่นเกียเอง ต้องการให้รถไปเร็วที่สุด เราไม่ต้องสนเกียเลยใช่มั้ยครับ ถึงจะกดเกียสูงแค่ไหนก็ได้ขอแค่ให้อยู่ในรอบแรงบิดสูงสุดก็พอ หรือ เกียต่ำกว่ายังไงก็แรงกว่า
- ผมขอ"เดา" คร่าวๆว่า แรงบิดสูงสุดในแต่ละเกียร์นั้นมีไม่เท่ากันครับ แต่แรงบิดสูงสุดของรถคันนี้ที่สามารถทำได้คือ 370n/m อาจจะอยู่ที่เกียร์3ก็เป็นไปได้ครับ เช่นเราเลี้ยงรอบไปถึง 1700-2500 รอบ ในช่วงเกียร์6 ความเร็วน่าจะขึ้นช้ากว่าเกียร์3 ครับ  น่าจะประมาณนี้ ผิดพลาดอะไรยังไงขออภัยครับ 

[decptt]

ผมเคยอัด Corona 2.0 เกียร์ออโต้ ที่ 180
ปรากฎว่า ต้องลงมาเกียร์ 3 (Overdrive Off) ครับ ถึงจะขึ้นไว (ถ้าจำไม่ผิด เกียร์ 3 อัตราทดที่ 1.00 นะ)
เกียร์ D ทั่วไป มันนานอ่ะ

[Kittimasak]

ผมเคยเค้นสมรรถนะสุดๆของเจ้า trailblazer กับ Ranger 2.2 DBL XLT (MT) ครับ
  -แรงบิดที่สามารถรู้สึกได้จิงๆนะครับ จะรู้สึกแบบตอนที่เราไม่ได้kick down ชัดกว่า
ซึ่งถ้าคุณกดkick down ไป คุณแทบจะไม่รู้สึกเลยครับว่าแรงบิดมามาช่วงไหนถึงช่วงไหน รู้แค่ว่ามีแรงดึงทำให้หลังติดเบาะไปช่วงๆนึง และก็เริ่มหมดแรง ช่วงที่เริ่มหมดแรงคืือช่วงที่แรงม้ามาสูงสุดแล้วครับ 3800rpm โดยประมาณ
  -การเปลี่ยนเกียร์ยังเป็นเรื่องสำคัญครับสำหรับ อัตราเร่ง ถ้าอยากให้อัราเร่งดีๆก็ต้องรากเกียร์เรียกแรงม้ามากกว่าแรงบิด เพราะอัตรเร่งดีๆ มักจะมาตอนที่ม้าเยอะๆ ไม่ใช่แรงบิดครับ

[Alcatraz]

1 - ตามสเปครถทั่วไปจะเขียนว่าแรงบิดมาสูงสุดมาที่ x รอบถึง y รอบ แรงม้าสูงสุดที่ a รอบ แรงบิดหมดใช่ว่าแรงม้าต้องหมด เหยียบลากรอบต่อเพื่อแค้นแรงม้า เหมือนเวลาเข็นรถ ตอนจอดเฉยๆ ใช้แรงแยอะกว่า พอวิ่งได้แล้วก็ใช้แรงน้อยลงแล้วไปต่อที่ความเร็วขาว่าวิ่งได้เร็วขนาดไหน

2 - เกียร์ต่ำกว่า อัตตราทดสูงกว่าทำให้รอบกวาดได้เร็วกว่า อย่างสมมุติ เกียร์ 2 เครืองหมุน 4 รอบเพื่อให้ล้อหมุน1 รอบ ถ้าเกียร์ 5 เครื่องอาจจะหมุน 1 รอบ ล้อหมุน 1.5 รอบก็ได้ ตามข้อ 1 เวลาเข็นรถคือออกตัว ใช้แรงแยอะกว่าวิ่งแล้ว จึงเซ็ตเกียร์มาให้ทดแยอะๆ ถ้าเคยขี่จักรยานมีเกียร์จะรู้ว่าออกตัวเกียร์ 1 กับเกียร์ 5 ต่างกัน
เกียร์ 1 เบากว่า แต่พอวิ่งแล้วออกแรงปั่นอีกก็ไม่ค่อยไป แต่ เกียร์ 5 ออกตัวหนักแต่พอยิ่งปั่นยิ่งเร็ว ถ้าจะปั่นให้มีประสิทธิภาพที่สุดก็ปั่นไล่ทีละเกียร์

[Koong]

ตอบข้อ 1   รอบที่เกินว่านั้นก็เอาไว้ทำความเร็วปลายครับ   เช่นถ้าสับจนถึงเกียร์สุดท้ายแล้ว ที่รอบเครื่องเช่น 2000 รอบ  มันไม่มีเกียร์ให้เปลี่ยนอีกแล้วก็ต้องอาศัยเร่งรอบขึ้นไปครับ   แต่จะมีคำถามตามมาว่าแล้วทำไมถึงไม่ทำให้มันมีต่อไปอีกหลายๆเกียร์ เช่นเกียร์  6 7 8 9   คำตอบอยู่ที่ข้อ 2 ครับ

ตอบข้อ 2  อย่างที่หลายท่านบอก ถึงแม้เมื่อเลยรอบที่มีแรงบิดสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แรงบิดที่รอบเลยไปจากนั้นจะหายไปหมดเลย   ดัังนั้น สมมติที่ความเร็ว 100 กม/ชม  ที่เกียร์ 5 รอบเครื่อง 2000 (ซึ่งเป็นรอบที่มีแรงบิดสูงสุด)   อาจจะเร่งแซงได้ช้ากว่า การเร่งแซงที่เกียร์ 4 รอบเครือง 2500 ก็ได้  ถึงแม่ที่รอบ 2500 เครื่องยนต์จะมีแรงบิดต่ำกว่าที่ 2000 รอบ แต่ได้อัตราทดเกียร์มาช่วยจึงเร่งแซงได้เร็วกว่า    และอย่างที่บอกทำไมถึงไม่ทำเกียร์ให้มีต่อไป 6789เกียร์ จะได้วิ่งกันที่ความเร็วสูงสุดที่รอบแรงบิดสูงสุดกันไปเลย  คำตอบคือ ถ้าทดเกียร์กันขนาดนั้นต่อให้อยู่ที่รอบที่มีแรงบิดสูงสุดก็เร่งไม่ออกครับ   ลำพังจะรักษาความเร็วไว้ยังลำบาก กดคันเร่งลงไปก็เสียน้ำมันเปล่าความเร็วก็จะไม่เพิ่ม  กลายเป็นเปลืองน้ำมัน

ส่วนท่านที่บอกว่าแรงบิดของเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์มีไม่เท่ากัน  ไม่ถูกต้องนะครับ เครื่องยนต์น่ะมีแรงบิดสูงสุดที่รอบเท่าเดิมทุกเกียร์ครับ   แต่แรงบิดที่ล้อต่างหากที่ในแต่ละเกียร์มีไม่เท่ากัน

[Nookkiez]

ตอบข้อ 1   รอบที่เกินว่านั้นก็เอาไว้ทำความเร็วปลายครับ   เช่นถ้าสับจนถึงเกียร์สุดท้ายแล้ว ที่รอบเครื่องเช่น 2000 รอบ  มันไม่มีเกียร์ให้เปลี่ยนอีกแล้วก็ต้องอาศัยเร่งรอบขึ้นไปครับ   แต่จะมีคำถามตามมาว่าแล้วทำไมถึงไม่ทำให้มันมีต่อไปอีกหลายๆเกียร์ เช่นเกียร์  6 7 8 9   คำตอบอยู่ที่ข้อ 2 ครับ

ตอบข้อ 2  อย่างที่หลายท่านบอก ถึงแม้เมื่อเลยรอบที่มีแรงบิดสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แรงบิดที่รอบเลยไปจากนั้นจะหายไปหมดเลย   ดัังนั้น สมมติที่ความเร็ว 100 กม/ชม  ที่เกียร์ 5 รอบเครื่อง 2000 (ซึ่งเป็นรอบที่มีแรงบิดสูงสุด)   อาจจะเร่งแซงได้ช้ากว่า การเร่งแซงที่เกียร์ 4 รอบเครือง 2500 ก็ได้  ถึงแม่ที่รอบ 2500 เครื่องยนต์จะมีแรงบิดต่ำกว่าที่ 2000 รอบ แต่ได้อัตราทดเกียร์มาช่วยจึงเร่งแซงได้เร็วกว่า    และอย่างที่บอกทำไมถึงไม่ทำเกียร์ให้มีต่อไป 6789เกียร์ จะได้วิ่งกันที่ความเร็วสูงสุดที่รอบแรงบิดสูงสุดกันไปเลย  คำตอบคือ ถ้าทดเกียร์กันขนาดนั้นต่อให้อยู่ที่รอบที่มีแรงบิดสูงสุดก็เร่งไม่ออกครับ   ลำพังจะรักษาความเร็วไว้ยังลำบาก กดคันเร่งลงไปก็เสียน้ำมันเปล่าความเร็วก็จะไม่เพิ่ม  กลายเป็นเปลืองน้ำมัน

ส่วนท่านที่บอกว่าแรงบิดของเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์มีไม่เท่ากัน  ไม่ถูกต้องนะครับ เครื่องยนต์น่ะมีแรงบิดสูงสุดที่รอบเท่าเดิมทุกเกียร์ครับ   แต่แรงบิดที่ล้อต่างหากที่ในแต่ละเกียร์มีไม่เท่ากัน

ขอบคุณครับ 

[edward_jong]

-การเปลี่ยนเกียร์ยังเป็นเรื่องสำคัญครับสำหรับ อัตราเร่ง ถ้าอยากให้อัราเร่งดีๆก็ต้องรากเกียร์เรียกแรงม้ามากกว่าแรงบิด เพราะอัตรเร่งดีๆ มักจะมาตอนที่ม้าเยอะๆ ไม่ใช่แรงบิดครับ

^
^
^
ขอแย้งนิดหนึ่งครับน้อง
 การเปลี่ยนเกียร์ที่ต้องการประสิทธิภาพเหมาะสมและไม่เปลืองนำ้มัน ควรเปลี่ยนที่รอบเครื่องเริ่มมาที่แรงบิดสูงสุดครับ  อัตราเร่งจะดีกว่าเราลากเกียร์ไปจนเกินรอบเเรงบิดสูงสุดของเครื่องตัวนั้นน่ะ

ก่อนจะขับอาจจะต้องมีความรู้และประสบการณ์บ้าง ว่ารถคันที่ขับมีแรงบิดสูงสุดมาที่รอบเท่าไร  แรงม้าสูงสุดที่รอบเท่าไร
แล้วลองเทสซักรอบดูว่าพฤติกรรมที่เราขับนั้นเป็นอย่างไร   บางคันแรงม้าน้อยๆ ก็สามารถสวนรถแรงม้าแยอะได้เหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนเกียร์ไล่คววามเร็วได้ถูกต้องและเหมาะสม  ไม่ใช่อัดรอบเครื่องเพื่อเร่งอย่างเดียวครับ  เครื่องโทรมแน่ๆ

ดูอย่างมือขับทางภาคเหนือ  เขาไล่ความเร็ว ไม่ใช่ลากเกียร์ตลอดนะครับ  แต่เขารู้จักความเร็วรอบเครื่อง และประเมินเส้่นทางที่ขับด้วยว่าเป็นเนินหรือทางลาด  จึงสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เหมาะสมตามสถานการณ์นั้น

เคยลองของ อัดความเร็ว ลากเกียร์ตลอด ยังไงก็สู้เจ้าถิ่น ไม่ได้5555

[YenChar]

การเปลี่ยนเกียร์ ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องสำคัญมากๆครับ
เปลี่ยนเกียร์ที่รอบแรงม้าสูงสุด จะเรียกความเร็วได้ดีที่สุด
เปลี่ยนเกียร์ที่รอบแรงบิดสูงสุด จะขับสนุก ไม่แรงเท่าแรงม้าสูงสุด แต่ประหยัดกว่า มีแรงบิดให้ใช้ตลอด

รถบ้าน เซตมาให้ประหยัด ช่วงทดเกียรยาวๆ เกียรสุดท้ายเน้นประหยัด
ถ้าอยากแรงในรถบ้าน ต้องเลือกครับ ว่าจะแรงในสนาม หรือแรงทางตรง

- แรงทางตรง พวก Drag racing เซตอัตราทดเกียรชิดๆกัน เฟืองท้ายจัดๆ
วิ่งเข้าเส้นที่ความเร็วสูงสุดและเกียรหมดพอดี

- แรงในสนาม ทดชิดเหมือนกัน แต่เซตให้เปลี่ยนเกียร์แล้วรอบตกที่แรงบิดพอดีๆ
เอาไว้ออกโค้ง เอาไว้เอ็นจิ้นเบรค ไล่เกียรสุดที่แต่ล่ะโค้งพอดีๆ วิ่งไม่เกิน 140 ก็ถึงโค้งต้องเบรคแล้ว
พวกนี้ ปลายเหี่ยว

- แรงแบบรถบ้าน เน้นแรงบิดไว้ใช้งาน เกียร 1 ไว้ออกตัว เกียร 2-4 ไว้เร่ง เกียร์สุดท้ายไว้เดินทาง

รอบเครื่อง สัมพันธ์กับเกียรแน่นอนครับ
รถคันแรงเครื่องแรง แต่ทดเกียรแบบบ้านๆ ทดห่างๆ ทดยาวๆ
รถคันที่สอง เครื่องแรงน้อย แต่ทดจัด ทดชิด เฟืองท้ายจัด

รถคันแรก จะเร่งอืด กำลังตกช่วงเปลี่ยนเกียร แต่ปลายไหล เดินทางไกลประหยัด รอบต่ำ
รถคันที่สอง จะเร่งดี ขับมันส์ ลงสนามได้ คันแรกไล่ไม่ทัน ต้น-กลางดี
แต่ปลายเหี่ยว โดนสวนที่ความเร็วปลาย รอบสูง เดินทางไกลรอบพุ่งเป็น 3-4 พัน เปลืองน้ำมัน

[youngbear]

  .........ขอบคุณครับที่แชร์ความรู้กันทุกๆมุม  ได้ประโยชน์ทั่วกันดี