สมรภูมิใหม่ของตลาดรถในอาเซียน คือช่องว่าระหว่าง มอเตอร์ไซค์กับรถเล็กครับ
ถ้าในเมืองไทยก็คือช่วง 100,000 - 300,000 บาท ครับ
ในเมืองใหญ่ๆการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไป มอเตอร์ไซค์จะขายได้น้อยลง คนจะหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนรางมากขึ้น
แล้วหันไปซื้อรถยนต์เล็กไว้ใช้ในวันหยุดเพื่อการพักผ่อน
ถ้าสังเกตยอดขายรถมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคัน +-นิดหน่อย โดยที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงมา 2-3 ปีแล้ว
ในช่วงเดียวกันก็เป็นช่วงที่ บ.มอเตอร์ไซค์เริ่มทำ ซูเปอร์ไบค์ กันเป็นจริงจังมากขึ้น และบ.รถยนต์เริ่มโปรเจคท์ อีโค่คาร์
เร็วๆนี้อาจจะได้เห็น มอเตอร์ไซค์ 4 ล้อ(ATV)ก็เป็นได้ ถ้าทำให้สามารถจดทะเบียนได้ถูกกฎหมาย
คนต่างจังหวัดจะเริ่มใช้รถเก๋งที่มีราคาพอๆกับรถกระบะแค็บคือช่วง 500,000 - 800,000 บาท
เนื่องจากถนนหนทางเริ่มดีขึ้นกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
รถกระบะเริ่มต้องใส่อุปกรณืที่มีในรถเก๋งเพื่อมาชนกับรถเก๋งจริงๆ (Cruise control, ปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย, เกียร์ ทริปโทนิค,แอร์ออโต้)
ความนิยมจะเริ่มหันไปทางรถ 5 ประตู เพื่อประโยชน์ที่มากขึ้น
ขนาดเครื่องยนต์จะเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Productivity) แรงม้าต่อปริมาตรกระบอกสูบสูงขึ้น
พิษณุโลก ขอนแก่น จะเป็นจังหวัดที่คาดว่าจะมีการเติบโตทางการขนส่งสูงมาก เนื่องจากเป็นทางผ่านสำหรับการขนส่งจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งของอาเซียน
หากว่าท่าเรื่อทวายสามารถเดินโปรเจคท์ได้จริงตามเป้าหมาย บ้านโป่งจะได้ต่อรถบรรทุกกันคึกคักอีกครั้งหลังจากย้ายไปคึกคักอยู่แถวพนัสนิคม
ก๊าซ NGV จะมีให้ใช้ อย่างสบายขึ้น เนื่องจาก ปตท. เตรียมเดินท่อจากอยุธยาขึ้นไปถึงนครสวรรค์
สระบุรีไปถึงโคราช ราชบุรีลงไปถึงประจวบคีรีขันธ์ คาดว่าทั้ง 3 โปรเจคท์จะเสร็จประมาณปี58
นอกจากนี้ยังมีท่ออีกเส้นจากคลัง LNG ที่ระยองวิ่งไปฉะเชิงเทราออกปราจีนบุรีวกเข้านครนายกทะลุออกสระบุรี
นึกถึงเส้นทางที่คนอีสานใช้วิ่งจากสระบุรีเข้ากรุงเทพช่วงน้ำท่วมปีที่แล้วนั่นแหละครับ
แล้วสามามรถสร้างสถานีจ่ายก๊าซหลักเพื่อส่งก๊าซออกไปตามพื้นที่ข้างเคียงในรัศมีได้ประมาณ 50-100 กม.
จากนครสวรรค์ก็จะไปถึงพิษณุโลก กำแพงเพชร ชัยนาท เพชรบูรณ์
โคราช วิ่งไป ชัยภูมิ บุรีรัมย์ เมืองพลขอนแก่น
ประจวบฯลงไประนองกับชุมพร
พื้นที่ห่างไกลจะใช้การขนก๊าซ LNG ไปส่งที่ปั๊มแล้วแปลงเป็น NGV เติมให้รถได้ครั้งละเยอะขึ้นต่อการขนส่งก๊าซ
บางพื้นที่จะใช้ก๊าซที่ได้จากการหมักของเสียมาแปลงสภาพเติมให้กับปั๊ม
ตาก อทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง จะเป็นแนวพื้นที่ใหม่ที่บริษัทรถยนต์สนใจไปลงทุน
เนื่องจากสามารถใช้ท่าเรือทวายในการส่งออกได้ ค่าพื้นที่ยังถูก เสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อยกว่าภาคกลาง
ขาดแต่ระบบสาธารณูประโภคเท่านั้น
อาจจะเป็นรถที่ทำเพื่อส่งออกตลาดตะวันออกกลางและแถบแอฟริกา
จริงๆนอกจากโครงการทวายแล้ว พม่ายังมีอีกโครงการที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกหลายเท่าที่ทำสัญญากับบ.ญี่ปุ่นไปแล้วด้วย
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่รถเทคโนโลยีต่ำอาจจะกำลังตัดสินใจตั้งโรงงานระหว่างอินโดนีเซียกับพม่าก็เป็นได้
เท่าที่คิดมาน่าจะต้องใช้เวลาอีก 5 - 10 ปีเป็นอย่างเร็วครับ