ผู้เขียน หัวข้อ: อนาคตตลาดรถยนต์ในไทย ??????  (อ่าน 3227 ครั้ง)

ออฟไลน์ Oat_Oat

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 90
อนาคตตลาดรถยนต์ในไทย ??????
« เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 13:33:06 »
คือ ผมอยากทราบเป็นความรู้อะครับว่า ในปี 58 สมาคมอาเซี้ยนเปิดจะมีผลต่อตลาดรถยนต์บ้านเราไหมครับ เเละถ้ามี มีผลอย่างไรมากน้อยเเค่ไหนครับ....... ;D

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
Re: อนาคตตลาดรถยนต์ในไทย ??????
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 15:47:21 »
เดจาวู :P

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
Re: อนาคตตลาดรถยนต์ในไทย ??????
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2012, 17:40:59 »
อยากให้มีตัวเลือกของรถจากเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ Philippines กับ Indo ให้มากกว่านี้ครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ ghia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 346
  • the power of bear
    • อีเมล์
Re: อนาคตตลาดรถยนต์ในไทย ??????
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2012, 16:46:06 »
สมรภูมิใหม่ของตลาดรถในอาเซียน คือช่องว่าระหว่าง มอเตอร์ไซค์กับรถเล็กครับ

ถ้าในเมืองไทยก็คือช่วง 100,000 - 300,000 บาท ครับ

ในเมืองใหญ่ๆการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไป มอเตอร์ไซค์จะขายได้น้อยลง คนจะหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนรางมากขึ้น
แล้วหันไปซื้อรถยนต์เล็กไว้ใช้ในวันหยุดเพื่อการพักผ่อน

ถ้าสังเกตยอดขายรถมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคัน +-นิดหน่อย โดยที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงมา 2-3 ปีแล้ว
ในช่วงเดียวกันก็เป็นช่วงที่ บ.มอเตอร์ไซค์เริ่มทำ ซูเปอร์ไบค์ กันเป็นจริงจังมากขึ้น และบ.รถยนต์เริ่มโปรเจคท์ อีโค่คาร์
เร็วๆนี้อาจจะได้เห็น มอเตอร์ไซค์ 4 ล้อ(ATV)ก็เป็นได้ ถ้าทำให้สามารถจดทะเบียนได้ถูกกฎหมาย

คนต่างจังหวัดจะเริ่มใช้รถเก๋งที่มีราคาพอๆกับรถกระบะแค็บคือช่วง 500,000 - 800,000 บาท
เนื่องจากถนนหนทางเริ่มดีขึ้นกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
รถกระบะเริ่มต้องใส่อุปกรณืที่มีในรถเก๋งเพื่อมาชนกับรถเก๋งจริงๆ (Cruise control, ปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย, เกียร์ ทริปโทนิค,แอร์ออโต้)

ความนิยมจะเริ่มหันไปทางรถ 5 ประตู เพื่อประโยชน์ที่มากขึ้น

ขนาดเครื่องยนต์จะเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Productivity) แรงม้าต่อปริมาตรกระบอกสูบสูงขึ้น

พิษณุโลก ขอนแก่น จะเป็นจังหวัดที่คาดว่าจะมีการเติบโตทางการขนส่งสูงมาก เนื่องจากเป็นทางผ่านสำหรับการขนส่งจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งของอาเซียน

หากว่าท่าเรื่อทวายสามารถเดินโปรเจคท์ได้จริงตามเป้าหมาย บ้านโป่งจะได้ต่อรถบรรทุกกันคึกคักอีกครั้งหลังจากย้ายไปคึกคักอยู่แถวพนัสนิคม

ก๊าซ NGV จะมีให้ใช้ อย่างสบายขึ้น เนื่องจาก ปตท. เตรียมเดินท่อจากอยุธยาขึ้นไปถึงนครสวรรค์
สระบุรีไปถึงโคราช ราชบุรีลงไปถึงประจวบคีรีขันธ์ คาดว่าทั้ง 3 โปรเจคท์จะเสร็จประมาณปี58
นอกจากนี้ยังมีท่ออีกเส้นจากคลัง LNG ที่ระยองวิ่งไปฉะเชิงเทราออกปราจีนบุรีวกเข้านครนายกทะลุออกสระบุรี
นึกถึงเส้นทางที่คนอีสานใช้วิ่งจากสระบุรีเข้ากรุงเทพช่วงน้ำท่วมปีที่แล้วนั่นแหละครับ

แล้วสามามรถสร้างสถานีจ่ายก๊าซหลักเพื่อส่งก๊าซออกไปตามพื้นที่ข้างเคียงในรัศมีได้ประมาณ 50-100 กม.
จากนครสวรรค์ก็จะไปถึงพิษณุโลก กำแพงเพชร ชัยนาท เพชรบูรณ์
โคราช วิ่งไป ชัยภูมิ บุรีรัมย์ เมืองพลขอนแก่น
ประจวบฯลงไประนองกับชุมพร

พื้นที่ห่างไกลจะใช้การขนก๊าซ LNG ไปส่งที่ปั๊มแล้วแปลงเป็น NGV เติมให้รถได้ครั้งละเยอะขึ้นต่อการขนส่งก๊าซ
บางพื้นที่จะใช้ก๊าซที่ได้จากการหมักของเสียมาแปลงสภาพเติมให้กับปั๊ม

ตาก อทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง จะเป็นแนวพื้นที่ใหม่ที่บริษัทรถยนต์สนใจไปลงทุน
เนื่องจากสามารถใช้ท่าเรือทวายในการส่งออกได้ ค่าพื้นที่ยังถูก เสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อยกว่าภาคกลาง
ขาดแต่ระบบสาธารณูประโภคเท่านั้น
อาจจะเป็นรถที่ทำเพื่อส่งออกตลาดตะวันออกกลางและแถบแอฟริกา

จริงๆนอกจากโครงการทวายแล้ว พม่ายังมีอีกโครงการที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกหลายเท่าที่ทำสัญญากับบ.ญี่ปุ่นไปแล้วด้วย
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่รถเทคโนโลยีต่ำอาจจะกำลังตัดสินใจตั้งโรงงานระหว่างอินโดนีเซียกับพม่าก็เป็นได้

เท่าที่คิดมาน่าจะต้องใช้เวลาอีก 5 - 10 ปีเป็นอย่างเร็วครับ

???????????? ??????????? ????????????????? ????????????????????? ??????????????????? ???????????????? ?????????????????????? ???????????????????? ???????????????? ???????????????? ????????????????? ??????????????????