ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน "น้ำมันดีเซล" ไม่มีทาง แพงกว่าเบนซิน ใช่มั้ยครับ  (อ่าน 7112 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
อยากทราบไว้เป็นข้อมูล รวมถึงอยากแสดงความเห็นครับ

ผมคิดเอง ยาวซักหน่อย ลองอ่านดูนะครับ

ผมกับเพื่อนๆคุยกันเรื่องความประหยัดน้ำมันของรถแต่ล่ะรุ่น
เรียงมาเรื่อยๆตั้งแต่ อีโค้คาร์ ซิตี้คาร์ รถมิดไซต์ กระบะ เรื่อยๆมาจนมาถึงรถ PPV

เพื่อนผมคนนึงขับนิสสันมาร์ช CVT ตัวท๊อปตัวแรกๆเลย
เราคุยกันถึงความประหยัดว่าทำได้ระดับ 15-16 โลลิตรมาแล้ว
หารเฉลี่ยออกมาแล้วตก 2.25 - 2.40 บาท (ที่น้ำมันเบนซินลิตรล่ะ 36 บาท)
ในขณะที่เพื่อนอีกคนขับฟอร์จูนเนอร์ 3.0 ขับสอง
ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 12 โลลิตร ที่น้ำมันดีเซลลิตรล่ะ 30 บาท เท่ากับ 2.5 บาทต่อกิโลเท่านั้นเอง

ความรู้สึกของผมคือ มัน"ไม่แฟร์เลย" กับการที่ส่วนต่างราคาน้ำมัน มันเยอะมากมายขนาดนี้
อัตราสิ้นเปลืองต่างกันถึง 3-4 กิโลเมตรต่อลิตร แต่หารออกมากลับได้ค่าเฉลี่ยพอๆกัน
ใครจะบอกได้ว่า ซื้อรถเล็กมาเพื่อหวังความประหยัด มันประหยัดที่ตัวเลข
แต่พอหารออกมา กลายเป็นว่า เครื่อง 3 ลิตร ในรถหนัก 2 ตัน ล้อใหญ่ยางหนาๆ กลับทำได้พอๆกัน

ขนาดที่ว่า เพื่อนผมคนนึงใช้ดีแม๊กซ์ 4 ประตู เกียรธรรมดา
เคยทำได้ถึง 14 โลลิตร พอหารออกมาเหลือแค่ 2.14 บาท ต่อกิโลเมตร
ขนาดขับในเมือง รถใหญ่ขนาดแคมรี่ ได้ 4 บาทต่อกิโลเมตร
แต่รถแบบ PJS หรือ Fortuner ทำได้ 4 บาทกว่าๆต่อกิโลเมตรเช่นกัน
ทั้งๆที่กินน้ำมัน กิโลเมตรต่อลิตรกว่า แต่บาทต่อกิโลเมตรแทบไม่ต่างกันเลย

ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน น้ำมันดีเซล ก็ไม่มีวันแพงกว่าเบนซินใช่มั้ยครับ??
ผมกำลังคิดว่า จะดีกว่ามั้ย ถ้าผมหันมาขับรถ PPV ดีเซลแทน
ในเมื่อผมใช้รถ 1.5 เบนซิน แต่หารค่าใช้จ่ายออกมา ได้เท่ารถใหญ่ 3.0
เวลาเลือกซื้อรถ หากเปรียบเทียบระหว่างเชื้อเพลิง 2 แบบ ผมควรตัดเรื่องความประหยัดออกไปถูกมั้ยครับ
ในเมื่อ น้ำมันดีเซล ยังเป็นน้ำมันการเมืองแบบนี้

ทุกท่านคิดว่า อีก 10-20 ปี หรืออีก 50 ปีข้างหน้า
น้ำมันดีเซล จะไม่มีวันราคาสูงกว่าน้ำมันเบนซิน ในประเทศไทยได้
ทั้งๆที่ทั่วโลก ดีเซลแพงกว่าเบนซิน
แล้วผมคิดถูกมั้ย ถ้ารถคันต่อไปของผม จะเป็น PPV เครื่องดีเซล แทนที่จะเป็นเก๋งขนาดกลางเครื่องเบนซิน


ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ [J]e[w]

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,375
งานนี้หวยต้องออกที่อีโค่คาร์เครื่องดีเซลครับ ^^
Don't waste time grieving over past mistakes, learn from them and move on!

ออฟไลน์ dumerrx8

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 50
โห 50ปีเลยเหรอครับ
ตอนนั้นคงมีพลังงานทดแทนอย่างอื่นแล้วมั้งครับ
เบนซินมีทางเลือกคือติดแกสครับ

ออฟไลน์ pongisra

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,458
เมื่อประเทศเราเจริญกว่านี้ครับ

ประเทศที่ดีเซลแพงกว่าส่วนมาก(ถ้าไม่ใช่ทั่งหมด) จะเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ส่วนประเทศกำลังพัฒนาอย่างเราๆ ส่วนใหญ่ดีเซลก็ถูกกว่าทั้งนั้น เพื่อเหตุผลทางค่าครองชีพ

ถ้าเรามีรายได้ต่อหัวมากๆเมื่อใหร่ แบบว่าของแพงขึ้นคนไม่ค่อยเดือดร้อน ดีเซลก็มีแนวโน้มแพงกว่าได้แน่ๆ

ถ้าอยากใช้น้ำมันไม่แพง ซื้อรถดีเซลก็ถูกแล้วครับผมว่า แต่มันก็ไม่ได้ประหยัดเท่าใหร่ ยิ่งในเมือง fortuner 4wd ที่บ้านไม่เคยได้เกิน 7km/l

รถก็แพงกว่าเก๋งกลาง แต่ถ้าอยากได้รถใหญ่ก็จัดเลยครับ

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,723
  • Nine & Knight
ถ้าดูกันยาวจริงๆต้องดูว่าต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลกับ E100 อันไหนถูกกว่ากัน แต่ตอนนี้อยากได้อีโค้ดีเซลเหมือนกันแฮะ ได้ทั้งแรงและประหยัด
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

nuTTy

  • บุคคลทั่วไป
ไม่น่าเกิน 10 ปี รถไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถน้ำมัน คล้ายๆ mobile laptop ที่จะค่อยๆตายจากไป โดยมาแทนที่ด้วยไอแพด ไอค่อกไอแค่กทั้งหลาย

รถคันต่อไปของจขกท. เชียร์ nissan leaf ครับ

ออฟไลน์ Ongszaa

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 809
ผมอยากได้ diesel turbo hybrid มากกว่า หุหุ
'19 BMW 630d GT M Sport[G32]
'24 LOTUS ELETRE R

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,560
รอฮอนด้า เอาอเมซ กับซิตี้ ดีเซล ที่ทำตลาดอยู่ในอินเดีย เข้ามาขายในไทยครับ ให้รู้ไปว่า จะขายไม่ได้ ถ้าราคาไม่เวอร์

ออฟไลน์ KrisTop

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
  • Ingenious
น้ำมันดิบ กลั่นมาเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆ ได้ปริมาตร Gasoline มากกว่า Distillate Fuel Oil(Diesel) ถึง 2 เท่ากว่าๆ
หากวันใดที่ปล่อยไปตามกลไกตลาด ย่อมแพงกว่าแน่นอน ราคาน้ำมันของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันก็ขึ้นอยู่กับนโยบายพลังงานประเทศนั้นๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2012, 11:51:58 โดย normalblue »

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,153
ในความคิดผมนะครับ เมื่อโครงสร้างพื้นฐานในประเทศพร้อม (รถไฟดีเซลรางคู่ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง) รัฐบาลเพื่อไทย(ถ้ายังเป็นรัฐบาลอยู่)
ปรับลอยตัวราคาดีเซลแน่นอนครับ เพราะทุกวันนี้ที่พยายามกดราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพราะเชิงพาณิชย์
ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการขนส่งที่คิดค่าขนส่งต่อกิโลเมตรมีราคาสูงมาก

ออฟไลน์ OhnMk

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 150
ถ้าคิดแบบ จขกท.

ต้ิองคิด ราคารถ ค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา

แล้วจะรู้ว่า Eco Car จะคุ้มกว่า จขกท. คิดแค่ช้าเืชื้อเพลิง ไม่+ ต้นทุนอื่นๆ มันก็ไม่แฟร์เหมือนกันครับ ด้วยความเคารพ  ;)

ส่วนในเรื่องของค่าน้ำมัน ผมว่ายากครับที่ดีเซลจะแพง เพราะ การขนส่งในประเทศส่วนมากน้ำมันดีเซลทั้งนั้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2012, 13:12:56 โดย OhnMk »

ออฟไลน์ beerrl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,671
    • อีเมล์
ในสถานการณ์เดียวกัน ถ้า Eco car ขับได้ 15 km/l รถ ppv อย่าง Fortuner ยังไงกินไม่ถึง 10 โลลิตรแน่
คือถ้าคิดจะประหยัดค่าเชื้อเพลิง รถ ppv อาจจะไม่ใช่คำตอบนะครับ น้ำมันดีเซลถูกกว่าเบนซิน E10 E20 จริง  แต่ก็แพงกว่า E85 และ LPG หรือ NGV ซึ่งขายต่ำกว่าต้นทุนเสียอีก ถ้าจะว่าไปแล้วเรื่องดีเซล เขาคิดราคาจริงแต่ลดค่าการตลาดลง

ถ้าจะเอาประหยัดจริงๆ คงต้องติดแก้ส รองลงมาก็น่าจะเป็น Eco car เติม E85(มียังอะ?) รถเครื่องดีเซลขนาดเล็ก 1.4-1.6l รถ hybrid
ดีเซล 2.0l ในรถเก๋ง
แต่ถ้าคิดว่าจะเอา ppv หรือ กะบะ มาใช้เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน เพราะ ดีเซลราคาถูกกว่า ผมว่าคิดผิดนะครับ กิโลละ 2 บาท ทำได้แต่ต้องวิ่งทางไกลความเร็วคงที่ แต่ถ้าในเมือง ผมว่า 3 บาทถึง 4 บาท ต่อกิโลมีให้เห็นแน่ครับ
Volvo 850GLT
Honda odyssey
Toyota Camry hybrid
Suzuki swift eco
Hyundai tucson crdi
Nissan Xtrail 2.0V 4wd
Honda Civic FC 1.8EL

ออฟไลน์ TK2003

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 258
  • พ่อลูกสอง
    • อีเมล์
ในความคิดผมนะครับ เมื่อโครงสร้างพื้นฐานในประเทศพร้อม (รถไฟดีเซลรางคู่ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง) รัฐบาลเพื่อไทย(ถ้ายังเป็นรัฐบาลอยู่)
ปรับลอยตัวราคาดีเซลแน่นอนครับ เพราะทุกวันนี้ที่พยายามกดราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพราะเชิงพาณิชย์
ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการขนส่งที่คิดค่าขนส่งต่อกิโลเมตรมีราคาสูงมาก
ผมกำลังจะตอบแบบนี้เหมือนกันครับ
เพราะถ้ามีรถไฟรางคู่ และระหว่างจังหวัดต่อจังหวัดเมื่อไรการขนส่งจะสะดวกมากขึ้น ถนนหนทางการคมนาคมก็จะโล่งขึ้น ดีขึ้น
ผมอยากให้รัฐบาลไหนก็ได้ทำให้ได้ดีเถอะ รถไฟความเร็วสูงเอาไว้ทีหลัง แต่ก็เถอะครับบริษัทขนส่งใหญ่ๆมีลงขันประท้วงแน่ๆ
วันนี้ "หลุม รอบๆตัวเรา มีกี่หลุม พยายามถมให้หมด" และ "อย่าขุดหลุม ฝังตัวเราเอง"

ใครเป็น "หลุม" คุณ "จงถมให้เต็ม" อย่าได้ "สูงแต่ผู้เดียว"

ออฟไลน์ kati348

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 237
ส่วนตัว ผมว่าใช้วิธีภาษี น่าจะแฟร์ ...คันไหนใช้เชื้อเพลิงที่อุ้มอยู่ก็จ่ายภาษีแพงๆ เพื่อชดเชย

ในเมื่ออุ้มน้ำมันดีเชลล์เพื่อช่วยเรื่องขนส่ง รถที่ไม่ใช่เพื่อการขนส่ง แต่ใช้ดีเซลล์ ก็เก็บภาษีให้เท่ากับที่รัฐช่วยไป ...

ออฟไลน์ tae_polestar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 340
    • อีเมล์
แต่ที่แน่ๆ ตอนเรียนอยู่ที่อังกิด  ราคาน้ำมันดีเซล แพงกว่าเบนซิน เหอๆ ::)
The love of automobile will be never cease

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
เหล่าแทปเลททั้งหลายไม่สามารถมาแทนโน๊ตบุ๊คได้หรอกครับ การทำงานของมันยังจำกัดอยู่ การใช้งานเบื้องต้นเพื่อความบันเทิงนั้นทำได้แต่ถ้าต้องใช้งานจริงจังในการประมวลผลการคำณวนนั้นยังทำไม่ได้เหมือนที่โน๊ตบุ๊คทำได้ ส่วนถ้าจะให้แทปเลทมีความสามารถเหมือนกันนั้นขนาดก็จะใหญ่กว่าเดิมมากแล้วจะต้องมีพัดลมระบายความร้อนด้วย โน๊ตบุ๊คเองก็เช่นกันที่ไม่สามารถมาแทนที่PCได้เพราะประสิทธิภาพสนการทำงานต้องพึ่งขนาดที่ใหญ่เหมือนกัน  :)

เรื่องของดีเซลถูกกว่าเบนซินน่าจะใช้เวลาเกิน10ขึ้นไปหรือนานกว่านั้นหรือเราอาจะไม่ได้เห็นในยุคที่เรายังอยู่ ปัจจัยเดียวที่จะบอกได้ว่าเมื่อไหร่นั้นคือการบริหารประเทศนั่นแหละ ถ้าหากว่ามีการจัดการพลังงานที่เหมาะสม ระบบขนส่งไม่ได้พึงแต่จักรกลดีเซลมีการใช้แบบอื่นๆบ้าง ความต้องการดีเซลก็จะลดลงแล้วราคาของมันก็จะปรับตัวไปตามที่ควรจะเป็นเอง แต่ถ้าอะไรๆมันก็ย่ำกับที่เหมือนสมัย40ปีที่แล้วที่ต้องพึ่งพลังงานดีเซลเป็นหลักไม่มีความคิดที่จะหาพลังงานทดแทนรูปแบบอื่นมา ยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  :-\
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,486
    • อีเมล์
ผมขอตอบในแง่ของการเลือกซื้อรถแล้วกันครับ

อาจจะต้องคิดค่ารถ ค่าภาษี ค่าประกัน รวมไปในค่าใช้จ่ายด้วยล่ะมั้งครับ
ถ้าต้องการตัวเลขความคุ้มค่า
(ถ้าคิดค่าใช้จ่ายโดยรวม ไม่ได้คิดเฉพาะค่าน้ำมัน)
 
March Sport Version 535,000            
ภาษี ไม่เกิน 1,200 บาท/ปี
ประกันไม่เกิน 15,000 บาท/ปี

Fortuner TRD Sportivo 1,534,000      
ภาษี 7,000 บาท/ปี
ประกัน 25,000 บาท/ปี

ตรงนี้อาจจะพอชดเชยเรื่องค่าน้ำมันไปได้บ้างนะครับ
ยังไม่รวมดอกเบี้ย ยิ่งรถแพง ดอกเบี้ยที่จ่ายยิ่งเยอะขึ้นไปอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2012, 14:35:26 โดย MoO Cnoe »

Thor.1

  • บุคคลทั่วไป


  รถคันใหญ่ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา-ภาษี-ประกัน ต้องจ่ายแพงกว่ารถเล็กตามสมควร
  ซึ่งคนซื้อรถที่ใหญ่กว่าก็ยอมรับจุดนี้กันอยู่แล้ว

  ขับรถเล็ก ค่าดูแล-ภาษี-ประกัน ถูก
  ขับรถใหญ่ ค่าดูแล-ภาษี-ประกัน แพง
 
   อันนี้ทุกคนยอมรับว่า "แฟร์ "



  แต่จขกท.เขาคงจะหมายความว่า
 
  คนขับรถเล็ก ใช้เนื้อที่น้อย ใช้ทรัพย์ยากรมาทำเป็นรถ(คันเล็ก)ก็น้อย ใช้เชื้อเพลิงมาขับเคลื่อนน้อย
 ไฉนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนวัตถุเล็กๆนี้แพงเท่ากับรถคันใหญ่

  เลยรู้สึก " ไม่แฟร์ "......................น่าจะประมาณนี้รึเปล่าครับ


 

 

Tyde

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อก่อนผมเคยคิดบ่อยๆครับ  เวลาหาพวกกระบะบ้าพลังเครื่อง3000 หรือกระบะจูนกล่องเหยียบกันควันดำเต็มถนนก็คิดว่าผมไปทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาช่วยคนพวกนี้จ่ายค่าน้ำมัน  แต่ตอนนี้หลุดพ้นแล้วครับ  เพราะติดแก๊ส  ฮี่ๆๆๆๆ   ;D

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
ผมหมายถึงราคาน้ำมันเท่านั้นครับ
ความคุ้มค่า ค่าประกัน ภาษี ค่าดูแลรักษา ผมคำนึงถึงเสมออยู่แล้วล่ะครับ
ปัจจัยที่คำนึงถึง คือ บาทต่อกิโลเมตร ระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิง 2 แบบครับ
โปรดอย่าคิดไปถึงค่าซ่อมทั่วๆไปเลยนะครับ

มันไม่แฟร์ ตรงที่
คนบางคนขายรถใหญ่เครื่องดีเซล เพื่อมาซื้อรถเล็กเพราะคิดว่าประหยัดน้ำมัน
แต่พอมาเจอรถเล็ก แต่น้ำมันเชื้อเพลิงแพงกว่าเหลือหลาย
เลยไม่รู้ว่า ตกลงแล้ว การซื้อรถเล็กมาขับ มันประหยัดกว่าจริงหรือ??

บ้านผมซื้อไฮบริด วิ่งตกกิโลล่ะ 1.9 บาท
พอหันมาดูรถ PPV แล้วอิจฉาครับ บาทต่อกิโลเมตรแทบจะต่างกันไม่ถึง 1 บาท
เหตุเพราะน้ำมันเชื้อเพลิงแท้ๆ

ออฟไลน์ IncarRus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
เขตการค้าเสรี,,, จะทำให้ รัฐบาลไม่สามารถ อุ้ม, อุดหนุน หรือชดเชย ราคาสินค้าชนิดใดๆ ก็ตาม ได้อีกต่อไป
....ถ้าอุ้ม เหมือนดีเซล,,, พ่อค้าหัวใส ก็จะขนไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้ราคาดีกว่า อย่างห้ามไม่ได้
....ถ้าอุดหนุน เหมือนข้าว,,, พ่อค้าหัวใส ก็จะไปขนช้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาขาย อย่างห้ามไม่ได้

น้ำมันดิบ,,, ที่มาจากต่างแหล่งที่มา, เวลากลั่นเสร็จ จะได้น้ำมันต่างๆ ในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน
....ประมาณว่า,,, ใน 10 ส่วน น้ำมันดิบจากซาอุ จะกลั่นได้ เบนซิน 5 ส่วน, ดีเซล 5 ส่วน
....แต่น้ำมันดิบ,,, จากบาเรน จะกลั่น เบนซิลได้ 4 ส่วน, ดีเซล 6 ส่วน ไรงี้ (ตัวอย่างมั่วๆ นะคับ)

ดีเซล แพงกว่าเบนซิล,,, เป็นไปได้แน่นอนคับ, ดูตามหลัก อุปสงค์-อุปทานได้เลย
....ทิศทางราคาจริงๆ ,,, รอดูหลังสัญญาการค้าต่างๆ อย่าง AEC หรือ A-FTA ได้เลยคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2012, 21:02:49 โดย IncarRus »

adminope

  • บุคคลทั่วไป
ขอตอบในแง่คุณภาพชีวิตนะคับ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้อากาศในบ้านเราก็จะสกปรก เพราะคนหันไปไช้ดีเซลกันหมด

ขนส่งแพงแล้วไง ขนาดค่าแรงยังขึ้น300ได้เลย


สุดท้ายกรรมก็ตกอยู่ที่คนไทยนี่แหละคับ พวกนักการเมือง คนรวย เค้ามีธุรกิจอยู่ในไทย แต่ ชีวิตเค้าบินไปอยู่ประเทศอากาศดีๆ
ปล่อยพวกคุนเป็นมะเร็จตายกันไป ตอนนี้ไม่รู้สึก ต้องใช้เวลาคับ

ไม่สนันสนุนเครื่องดีเซลอย่างแรง ควรจะเก็บค่านั้นนี่แพงขึ้นด้วย เพื่อเอางบมากรองอากาศให้ประเทศด้วยซ้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2012, 21:41:10 โดย adminope »

ออฟไลน์ 7777777

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 601
    • อีเมล์
จริงๆเรื่องนี้ผมว่ามันเล่นแร่แปรธาตุกันเองมากกว่า+มีนโยบายช่วยราคาดีเซล

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซัก6-7ปีมั้ง ที่ดีเซลแพงกว่าเบนซิลอยู่ซักพักใหญ่ๆ ลิตรละ40+/- หรือเปล่าจำไม่ค่อยได้แล้ว

ตอนนั้นดีเซลราคาขึ้นจนแพงกว่าเบนซิล ที่จำได้เพราะตอนนั้นถอยรถใหม่ระหว่างดีเซลกับเบนซิล

เห็นดีเซลแพงเลยออกเบนซิลมา ซักพักดีเซลรัฐช่วยอุ้ม จ๋อยไปนานเลย ;D ;D

pasumylove

  • บุคคลทั่วไป
ใจเย็นครับ ยังไงเรื่องน้ำมันนี่มันก็ยังอยู่ในช่วงค่อยข้างจะปวดหัวครับ

ตามความคิดผมเลยนะ เรื่องรถที่ใช่พลังงานทดแทนในกรณีที่ไม่ใช่น้ำมันในการไปช่วยเครื่องยนต์ อันนี้ผมยังเห็นว่ายากที่นำมาใช้งานได้จริง !
เนื่องจากในภาคขนส่งและภาคธุรกิจ หากนำรถพวกนี้มาใช้(อันนี้พูดถึงกรณีที่รถไม่ใช้น้ำมันเลยนะ) เกิดรถดับกลางทาง ไกลปั้มเป็น 10 โล
แถวนั้นไม่มีบ้านคน เป็นถนนเปี่ยว ๆ หาจุดชาร์ตไปไม่ได้ งานนี้ไม่ต้องลากกันเลยหรอ และอีกอย่าง การชาร์ตไฟครั้งหนึ่งก็วิ่งไปไม่ได้ไกลเท่าไหร่
นอกจากจะนำพลังงานนิวเคลียร์เข้ามาร่วม แต่ก็ยากครับ หรือจะประดิษฐ์แบตที่มีการเก็บไฟได้เยอะขึ้น แต่ก็ต้องดูด้วยว่าขนาดใหญ่ตามหรือป่าว
นี่คือสิ่งที่เราได้แต่คาดคิดกันไปเองทั้งนั้น เพราะผมว่ามันยังไกลตัวไปมากครับ ไม่ต้องว่าแต่ 50 ปีเลย เอาแค่ 20 ปีนี่ก็ไกลไปละครับ
สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือ รถยนต์ที่พยายามจะลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ใช้นะ อาจจะเอาน้ำมันไปปั่นมอเตอร์เพื่อชาร์ตไฟกรณีไฟหมดกลางทาง
แล้วอย่างเจ้าตระกูล plug in มันก็ยังต้องมีใช้น้ำมันบ้างในบางรุ่น เฮ้ออออ อีกไกลเกิดไปสำหรับประเทศไทยที่จะยกเลิกเครื่องยนต์ที่ใช้วิธีการสันดาบออกไป

อย่าพึ่งคาดหวังไปมากครับ เอาแค่ภายใน 3-5 ปีนี้ให้รอดก่อน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราก็ต้องปรับตัวกันต่อไป โลกนี้มันอยู่ยากครับทุกวันนี้ ;D

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
มันไม่แน่นอนหรอกครับ

ประเทศที่เจริญแล้ว ดีเซลแพงกว่าครับ

แต่ประเทศเรานะถูกกว่า

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085
เปิด AEC ก็ลอยตัวแล้ว มันมีอะไรน่ากลัวหรอครับ?  ไม่งั้นเดี๋ยวก็มีน้ำมันข้างบ้านเข้ามาขาย

หรือไม่ก็คงต้องรอ เรากลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว >_<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 01, 2012, 01:21:09 โดย 6162002 »

fameta

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนตัวไม่มีอะไรต้องกลัว ทุกอย่างมันมีทางออกเมื่อถึงวันนั้น คิดใว้ก่อนมันก็ดี
แหละครับแต่ถ้าจะให้ดีอย่าไปคิดใว้ก่อนเดี๋ยวจิตแตก ;D

ออฟไลน์ -nu-

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
ราคาที่แท้จริงในตลาดโลก
น้ำมันดีเซล แพงกว่า น้่ำมันเบนซิน ครับ

แต่โครงสร้างพลังงานบ้านเรามันบิดเบือนจากสารพัดภาษีและกองทุน
ทำให้ราคาสุดท้ายเบนซินแพงกว่าดีเซลครับ