ผมว่า ถ้าจับมอเตอร์ไซด์ไม่ได้ รถใหญ่คงต้องจ่ายอานแน่ครับ
ตำรวจจริงๆถ้าเค้าตั้งใจทำงานมากกว่านี้ ก็คงดี
ผมว่ากฎหมายเขียนไว้ดีแล้วแต่คนดูแลและใช้กฎหมายไม่ได้นำมาใช้ให้ได้ประโยชน์เต็มที่มากกว่า
ผมเคยโดนมอเตอร์ไซด์ ขี่มาชน 2 ครั้ง
ครั้งแรก จอดรอเลี้ยวไฟแดง มอเตอร์ไซด์ไม่รู้แหกไฟแดงมายังไงอัดท้ายผมเต็มๆ
ผมลงไปดูกันชนแตก หลุดห้อยออกมา ผมก็บ่นคนขี่มอเตอร์ไซด์ว่าขี่ยังไงเนี่ย คนขี่ไม่พูดไม่จา
จับรถสตาร์ทขี่ไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ตำรวจยืนโบกรถตรงแยกนั้น + กับเลยไปหน่อยมีด่านตรวจแอลกอฮอล์
ไม่มีใครสนใจผมเลย ทั้งๆที่รถติดอยู่เพราะผมจอดดูอาการรถอยู่ ผมเลยเดินไปหาตำรวจที่ใกล้ที่สุด เค้าบอกให้ผมต้องไปแจ้งความที่ สน.
ผมจดทะเบียนและยี่ห้อรถไว้หมด ก็ไปแจ้งความที่ สน.เค้าก็ลงบันทึกประจำวันไป โดยบอกผมว่า ให้เอาทะเบียนกับเอกสารบันทึกประจำวันไปขอดูที่
กรมขนส่ง ว่าใครเป็นเจ้าของ และหาชื่อเจ้าของมาแจ้งความอีกที (เป็นหน้าที่ของเจ้าทุกข์หรือเนี่ยที่ต้องไปสืบหาเอาเอง) ซึ่งผมก็เดาเอาว่า ได้ชื่อที่อยู่มาแล้ว
ก็คงเอามาให้เค้าลงบันทึกประจำวันอีกเช่นเคย (ซึ่งจะลงไปทำไมฟะ) ผมก็เลยไม่รู้จะไปหาข้อมูลมาเพื่ออะไร เสียเวลาอีก ต้องหยุดงานอีก
ครั้งที่สอง ผมจอดรอเลี้ยวออกจากซอย มอเตอร์ไซด์ก็ไม่รู้ว่ามายังไงอีก อัดเข้าประตูฝั่งคนขับแล้วไถลจากประตูหน้าไปประตูหลัง กระจกข้างเบี้ยว
รอยยาว จากหน้าไปหลัง ประมาณ 4-5 รอย ประตูบุบลงไปเยอะพอสมควร
พอพี่แกจับรถขึ้นได้ก็ขี่ต่อไปหน้าตาเฉย โดยไม่มองหน้าผมอีกเช่นกัน ผมจำทะเบียนได้หมด แต่ไม่รู้จะไปแจ้งความทำไม
เพราะก็คงเสียเวลาไป สน. ไปนั่งรอเจ้าหน้าที่เขียนข้อความยาวๆ ลายมือหวัดๆหน่อย เต็มหน้ากระดาษ ได้กระดาษกลับบ้าน แบบเสียเวลา
สู้ผมรีบกลับบ้านไปนอนดีกว่า แล้วหาอู่ไว้ใจได้ทำสีใหม่
ผมจึงตัดสินใจ กลับบ้านเลย แจ้งความก็เท่านั้น เสียเวลาเปล่าๆ แล้วยังต้องไปนั่งฟังคำแดกดันของตำรวจที่ สน.อีก ว่าขับรถใหญ่ต้องทำใจ
ตามคดีไปก็ไม่คุ้ม เจอคดีแบบนี้ประจำ ฯลฯ ทำให้ผมได้ความรู้ว่า ร้อยเวร มีหน้าที่ เขียนบทความยาวๆ ลายหวัดๆ ให้เจ้าทุกข์ที่มาแจ้งความ
เอากลับไปอ่านเล่นที่บ้าน ว่าเคยได้ไปแจ้งความมา
แต่ก็ตามที่เค้าบอกละครับ ตามคดีไปก็ไม่คุ้ม เสียเงินเสียเวลา ผมก็เลยทำใจ ครับ
เอาเงินเอาเวลาเอารถไปทำสี ซ่อมประตูดีกว่า นี่ละครับ ประเทศไทย
บ่นยาวเลย พอดีเคยเจอกับตัวอะครับ เลยขออนุญาตบ่น นะ ครับ