ผู้เขียน หัวข้อ: ภาษีรถยนต์ใหม่ตามโครงสร้างการปล่อยมลพิษ ที่บังคับใช้ ปี 2559 คุณเห็นด้วยหรือไม่  (อ่าน 15160 ครั้ง)

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
http://www.mcot.net/site/content?id=50d06755150ba0af070000b0#.UNEMB-STrgE

อันนี้ครับ

ผมดูข่าวสมยุทธ เห็นบอกว่า ถ้าเป็น Eco car จะเสียถูกลงเหลือ 14% แต่ไปอ่านในข่าวไม่เจอครับ

แตถ้ามันเป็นแบบที่ว่าจริงๆ

ผมว่า เครื่อง 1.5-1.6 อาจจะสูญพันธ์ ถ้าไม่ใช้ E85 และมลพิษปล่อยเกิน 150 ต้องเสีย Rate 35%

ส่วน D-seg เครื่อง 2.0-2.5  ถ้าไม่ใช้ E85 และมลพิษปล่อยเกิน 150 ต้องเสีย Rate 40%

ซึ่งทางแก้ถ้าไม่ลงกระบอกสูบ ก็คงต้องพึ่ง Hybrid เท่านั้นครับ
 
เพราะจะไม่ได้เสียที่ 25% อีกต่อไป ซึ่งเมื่อกี้ข่าวบอกว่า

เครื่อง 1.4 จะได้เปรียบที่สุด(ในปัจจุบัน เพราะจะเป็นคนเดียวที่เสีย rate เดิม คือ 25-30 % ได้)

เดาว่ามาจาก น่าจะปล่อยน้อยกว่า 150 นะครับ

คิดเห็นอย่างไรกัน

ปล ผมเดาทางว่ารัฐบาลจะให้ Taxi ใช้เครื่อง 1.2 Eco car มาทำแน่ๆเลย ครับ เลยออกมาแบบนี้

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,659
    • อีเมล์

ออฟไลน์ RUKTOOKKHON

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 382
มีท่านไดทราบอัตราการปล่อยมลพิษของรถแต่ละคันไหมครับ

ออฟไลน์ jani

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 159
ข้อดี คือคุณจะเห็น Hybrid/E85 มาขึ้น แล้วรถธรรมดาจะราคาพอๆกับ Hybrid ไหมหนอ/หรือตัด Option จนหมด

ออนไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,208
มีท่านไดทราบอัตราการปล่อยมลพิษของรถแต่ละคันไหมครับ

รถญี่ปุ่นแนะนำให้เปิดสเป็กที่เว็บของ Australia ครับ
เพราะรถญี่ปุ่นที่นู่นหลายรุ่นเหมือนกับบ้านเรา

ส่วนรถยุโรปเปิดเว็บของไทยน่าจะมีบอกครับ (ไม่แน่ใจ) ถ้าไม่มีก็เว็บนอกโลด
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ Thor.1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 557
    กรณีแบบนี้ตรงใจผมเลย
  ผมเองคิดมานานแล้วและเคยพูดกับเพื่อนๆกันว่ารถใช้งานสมัยนี้แรงเกินไป เครื่องใหญ่เกินไป

   ก่อนหน้านี้รถเก๋งเครื่อง1,300ซีซีก็ขับกันทั้งบ้านทั้งเมือง
  แม้แต่กระบะโตโยแม้วก็ยังบรรทุกของเข้าป่าขึ้นดอยด้วยเครื่อง1,300ซีซี หรือดีเซลก็1,800-2,000ซีซี
 
    มาถึงยุคกระบะTFR 85แรงม้า อันนี้แทบจะพอเพียงในทุกสถาณะการณ์
  จะลุยแบบแต่ง4WDเข้าป่า/จะเสริมแหนบบรรทุกกัน3ตัน หรือจะประหยัดวิ่งในเมือง12-15กิโล/ลิตร ได้หมด

   แล้วก็มาถึงยุคกระบะเครื่อง3พันเทอร์โบ รถเดิมๆวิ่งเกือบ200กิโล/ชม. แ..กน้ำมัน10กิโล/ลิตรในเมือง
 ไล่จี้ตูดกระพริบไฟใส่ชาวบ้านกันแบบกำลังรีบมากเพราะพ่อป่วยอยู่ ทั้งที่จริงไม่มีธุระอะไรเลย
  แล้วก็มาบ่นว่ามันกินน้ำมันยังกับอูฐอดน้ำมา7วัน

    ซื้อรถเก๋งรถก็ต้องเครื่องใหญ่แรงเยอะไว้ก่อน ปลื้มในตัวเลขอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด
  แต่เอามาก็ขับย่องๆเพราะกลัวกินน้ำมัน  หรือต้องเอามาติดแก๊สเพราะรับค่าน้ำมันไม่ไหว

   พอมาถึงยุคปัจจุบัน รถอีโคคาร์เครื่อง1.2ลิตรออกมา พวกบ้องตื้นหัวโบราณบอกว่าวิ่งไปไหนไม่ได้
  เขาลืมไปว่าเครื่อง1.2หัวฉีดรุ่นปัจจุบัน กำลังเยอะกว่าเครื่อง1.3คาร์บูฯที่เขาเคยขับเมื่อก่อนด้วยซ้ำ

   อยากบอกว่าผมเองใช้อัลเมร่าของแฟน ทุกวันนี้ยังต้องขับแซงอยู่ตลอด คิดเป็น80%ของรถบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นทางปกติหรือบนทางด่วน
  แล้วนี่คือความเร็วเดินทางแบบปกติมาก คือ70-100ในเมือง กับ90-120บนทางด่วน 
  ไม่ได้ต้องเค้นอะไรเลย ขับไปตามปกติที่เครื่อง1.2มันให้ได้แบบสบายๆ กินเฉลี่ยที่9-12กิโล/ลิตรในเมือง 15-18กิโล/ลิตรทางไกล
  ด้วยอีโคคาร์ที่อืดและหนักที่สุดในบรรดาอีโคคาร์(แถมแต่งอย่างอื่น ที่เพิ่มน้ำหนักเข้าไปอีก)

   ผมไม่ได้มาอวยรถที่ผมใช้อยู่ แค่จะบอกว่า ถ้าขับแบบที่คนทั่วไปใช้กัน ที่เห็นบนถนนบ้านเราทั่วๆไป
  กับรถที่สมรรถณะเรื่องกำลังที่แย่ที่สุดในบรรดาอีโคคาร์อย่างอัลเมร่า ยังไปได้ดีกว่าที่คิด
  แล้วอีโคคาร์รุ่นอื่นทุกรุ่น มันเรียกได้ว่าดีเกินคำว่าแค่ไปได้ อีกไกลเลยครับ

    ท่านอาจจะคิดว่าผมขับรถอืดๆแล้วเก็บกด (อันนี้ออกแนวร้อนตัวนิดๆ ;D)
  ผมยังมีกระบะเรโทรเครื่องวีแปด กับR34(ซื้อร่วมกับพี่ชาย) เอาไว้เล่นยามคึกขึ้นมาอยู่
   อันนั้นไม่ใช่รถใช้งาน แค่บางเวลาบางอารมณ์

   ผมเองอยากเห็นรถกระบะรุ่นใหม่ที่ลดขนาดลงมาให้เท่ากับไมตี้-มังกร เครื่องดีเซล2,000เทอร์โบ 90แรงม้า
  ด้วยเทคโนโลยีของวันนี้ 20กิโล/ลิตรแบบใช้งานจริงในเมือง ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอน

  แต่การเเข่งขันในโลกธุระกิจมันยากที่จะทำอะไรที่เป็นแบบนี้ล่ะครับผมเข้าใจ
  มันคงจะต้องใหญ่ขึ้นอีก-แรงขึ้นอีก ไม่งั้นขายสู้เขาไม่ได้
 
  มันอยู่ในหัวมานานเลยบ่นยาว..........

 
 

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
แค่นี้รถบ้านเรายังแพงไม่พออีก ?

หาทางรีดเงินทุกทางจริงๆเลยวุ้ยรัฐบาลชุดนี้

ออฟไลน์ power_on

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
ผมเห็นด้วยครับเพราะถ้าคิดตามค่าปล่อยCO2แบบชาวโลกเค้าทำกับคนไทยก็จะได้ใช้เครื่องเทคโนโลยีใหม่ๆกับเค้าซักทีทั้งSkyactive,Earthdream,Hybirdแบบเสียบปลั๊กไม่ใช้เครื่องเก่าโบราณลากใช้มาเป็น10ปีแบบปัจจุบันครับ   :D

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085
ก็เขาลดภาษีเงินได้ลง มาเพิ่มภาษีสรรพสามิตแทน

มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ ??

ชีวิตนึงคุณจะเสียภาษีสรรพสามิตรถซักกี่ที
แต่ภาษีเงินได้มันเสียทุกปีนะครับ

รัฐลดภาษีที่เราจำเป็นต้องเสียลง  ไปเพิ่มภาษีที่ไม่เสียก็ได้  ผมไม่เห็นว่าเราจะเสียผลประโยชน์อะไร

แถมบังคับอ้อมๆ ให้เราได้ใช้เครื่องเล็กวางโบซักที พวก E85 ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ปตท.จะได้ขึ้นแก๊ส NGV มากไม่ได้ วินๆทุกฝ่าย

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
  • F10 525d M sport

.......ปี 59 กว่าจะถึงตอนนั้นอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงในเนื้อหากฎหมาย หรือ ตอนนั้นเทคโนโลยีอาจเปลี่ยนไปอีกก็เป็นได้

กฏหมายพวกนี้ประเทศอื่นเค้าใช้มานานมากแล้วครับ แต่เรารอแล้วรออีก รออีก3ปีถ้าบริษัทรถยังไม่พร้อมอีกผมว่าก็เลื่อนอีกอยู่ดี

ออฟไลน์ top3245

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 465
ระวังเรื่องเกี่ยวกับการปรับภาษีประจำปีให้แพงมากขึ้นเรื่อยๆ กันรถที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ กันไว้ด้วยนะครับ

ออฟไลน์ PRAIWAN6624

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 102
    • อีเมล์
ก็ถือว่าเป็นแนวทางเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างนึง เราก็จะลดปริมาณรถซิ่งพวกกระบะดีเซลควันดำอุดEGR รถปิกอัพส่งของตอนเดียวที่ขับแบบซิ่งจนยมบาลตามไม่ทัน  รถเก๋งซิ่งชอบปาดหน้าทั้งหลาย ต่อไปก็จะเป็นรถที่เหมาะสมกับการใช้งานกันมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอุบัตฺเหตุก็คงจะน้อยลง  เพราะคงจะเห็นข่าวพาดหัวว่ารถซิ่งแหกโค้งน้อยลง 

 

ออฟไลน์ PumpNISMO

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 638
อีกสี่ปี เผลอๆไม่ต้องทำอะไรเทคโนโลยีมันก็ลดการปล่อยมลพิษระดับนั้นได้อยู่แล้วหล่ะครับ สิ่งที่สำคัญอยู่ที่มาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าครับ ทุกวันนี้ยังไม่ได้ใช้Euro4กันทั้งหมดเลย ปี59ใช้Euro6ให้ได้แล้วกัน

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,723
  • Nine & Knight
เท่าที่ผมวิแคะเองนะครับยังไม่ถึงขั้นวิเคราะห์

ปี 55 มือหนึ่งยอดถล่มทลายจากนโยบายคืนภาษี มือสองราคาตกเพราะคนไปหามือหนึ่งกันหมด
ปี 56 ยอดจองมือหนึ่งน้อยลงแต่บ.ชิวๆเพราะทำส่งยอดจองปีที่แล้วก็หมดปีละ ส่วนมือสองก็ยังตกอยู่เพราะคนจ้องแต่จะขายเทิร์นเอามือหนึ่งที่จองไว้จากปีที่แล้ว
ปี 57-58 ยอดมือหนึ่งถล่มทลายอีกรอบยกเว้น Eco Car เพราะต้องรีบซื้อก่อนขึ้นราคาแบบก้าวกระโดด มีอย่างที่ไหนวีออสรุ่นล่างสุดราคาเกือบ 7 แสน ส่วนมือสองยังทรงๆ
ปี 59-61 มือหนึ่งยอดตกวูบเพราะแพงขึ้นเยอะ ส่วนมือสองราคาขึ้นเป็นยุคทองของมือสองซะทีเพราะคนจะซื้อป้ายแดงก็แพงอีกทั้งยังมีหลายคันติดล็อค 5 ปีขายยังไม่ได้คนซื้อก็ต้องหวนมาหามือสองกันเยอะขึ้น แต่สำหรับ Eco Car จะขายดีมากๆ
ปี 61 เป็นต้นไป มือหนึ่งจะกลับมาเหมือนเดิมเพราะชินชาเหมือนราคาน้ำมัน ส่วนมือสองตกลงไปเล็กน้อยเพราะรถที่ติดล็อค 5 ปีจะกลับเข้ามาสู่ตลาดอีกรอบ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ผมเห็นด้วยแบบสุดๆ ครับ

มองมุมไหน ผู้บริโภคก็มีแต่ได้

การเก็บอัตราใหม่ มันจะบีบให้บริษัทรถเอาเครื่องใหม่มาขายในไทย อีก4ปี คุณคิดดูว่าเทรนด์รถมันเป็นรถเครื่องเล็ก+เทอร์โบกันหมดแล้ว
ถ้ารัฐไม่มามุขนี้ เผลอๆคนไทยได้ใช้แต่เครื่องเก่าเกียร์เก่า  

เครื่อง 2400-2500 จะล้าสมัยแล้วในอนาคต มันจะกลายเป็น 1600+เทอร์โบ  ,และเครื่องไฮบริดกันหมด
อีก4ปี เท่ากับว่ารถจะเปลี่ยนอีก1เจเนอเรชั่น  เครื่องยนต์จะพัฒนาอีกอีกขั้น การปล่อยคาร์บอนจะน้อยลง  

เท่ากับว่าปี59 รถจะราคาถูกลงด้วยซ้ำ ถ้าค่ายไหนดันทุรังใช้เครื่องเก่า ก็ขายไม่ได้ไปเอง เพราะต้องขายแพงกว่าชาวบ้าน

บางคนบอกนี่ไงรัฐคืนภาษีรถคันแรก แล้วมาไล่เก็บอัตราภาษีใหม่เพื่อเอาคืน  ผมมองว่าคนพูดแบบนี้ ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลยว่าอัตราภาษีใหม่ มันทำให้รถถูกลงหรือแพงขึ้น

เทรนด์ในอนาคต รถจะเครื่องเล็ก มีเทอร์โบ ปล่อยคาร์บอนน้อยกันหมดแล้วครับ  

คุณเอารถในปัจจุบันไปจับกับโครงสร้างภาษีในอีก4ปีข้างหน้าไง มันทำไม่ได้
คุณต้องเอารถในอีก4ปีข้างหน้า เป็นตัวตั้งแล้วดูเอาว่าโครงสร้างใหม่มันทำให้คนไทยได้ใช้รถที่ไฮเทคแบบฝรั่งเสียที
โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นเนี่ยตัวกั๊กเครื่องใหม่เลย  

ออฟไลน์ BoringZee

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 227
ผมรอดแล้วรถเต็มบ้านเลย (รถเข็น+จักรยาน)

ผมเห็นด้วยนะ เก็บภาษีแพงๆ และยิ่งปล่อยมลพิษมากเท่าไหร่ยิ่งแพงเท่านั้น
พวดรถที่ไปติดกล่องอุดEGR พวกนี้ก็น่าโดน แบบว่าถ้ารถเก่าก็น่าจะเอาแบบนี้มาใช้ด้วยเพราะว่าผู้คนจะได้
คอยตรวจสภาพรถของตนเองว่าพร้อมไหมที่จะเอาออกมาวิ่ง

ที่เห็นหนักๆเลย พี่โตรุ่นจูนกับพราบะทั้งหลาย ติดกล่อง อุด EGR คันนีดำออกมาเลย ไม่รวมพวกรถที่ชิ้นส่วนจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหละ รถบรรทุกที่คิดจะเบียดก็เบียด พวกนี้ปล่อยมลพิษมากทั้งนั้นเพราะว่ารถไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี

ออฟไลน์ keamglad

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
    • อีเมล์
พี่ได้ดูตารางสรุปหรือยังครับ เค้าไม่ได้คิดภาษีตามการปล่อยก๊าสอย่างเดียว เค้าคิดร่วมกับปริมาณกระบอกสูบ CC ด้วย
ซึ่งตามตารางเค้าสรุปมาแล้ว ไม่ว่ามันจะปล่อยก๊าสมาก ปล่อยก๊าสน้อย  (ไปดูสรุปได้กระทู้นี้ครับ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27003.0.html)

มีรถอยู่ประเภทเดียวที่เสียภาษีน้อยลงคือ eco car
ส่วนรถ 1500, 2000, 2500 เสียเพิ่มขึ้นหลักแสน ราคาแพงขึ้นหมดไม่ว่าค่ายรถจะเอาเครื่องใหม่มาลดปริมาณกาสเสียยังไงก็ตาม

ส่วนพิเศษสุด มีรถอีกประเภทที่เสียเท่าเดิม เอาใจบรรดาแฟนๆ คือรถเครื่องใหญ่ 3000 CC ขึ้นไป ไม่เพิ่มนะครับ  เดี๋ยวบรรดาท่านๆไม่พอใจ


ปล  ผมมองมุมไหนผู้บริโภคก็มีแต่เสียครับ ยกเว้นคนใช้รถเล็ก และคนรวยใช้รถใหญ่ๆ

ผมเห็นด้วยแบบสุดๆ ครับ

มองมุมไหน ผู้บริโภคก็มีแต่ได้

การเก็บอัตราใหม่ มันจะบีบให้บริษัทรถเอาเครื่องใหม่มาขายในไทย อีก4ปี คุณคิดดูว่าเทรนด์รถมันเป็นรถเครื่องเล็ก+เทอร์โบกันหมดแล้ว
ถ้ารัฐไม่มามุขนี้ เผลอๆคนไทยได้ใช้แต่เครื่องเก่าเกียร์เก่า  

เครื่อง 2400-2500 จะล้าสมัยแล้วในอนาคต มันจะกลายเป็น 1600+เทอร์โบ  ,และเครื่องไฮบริดกันหมด
อีก4ปี เท่ากับว่ารถจะเปลี่ยนอีก1เจเนอเรชั่น  เครื่องยนต์จะพัฒนาอีกอีกขั้น การปล่อยคาร์บอนจะน้อยลง  

เท่ากับว่าปี59 รถจะราคาถูกลงด้วยซ้ำ ถ้าค่ายไหนดันทุรังใช้เครื่องเก่า ก็ขายไม่ได้ไปเอง เพราะต้องขายแพงกว่าชาวบ้าน

บางคนบอกนี่ไงรัฐคืนภาษีรถคันแรก แล้วมาไล่เก็บอัตราภาษีใหม่เพื่อเอาคืน  ผมมองว่าคนพูดแบบนี้ ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลยว่าอัตราภาษีใหม่ มันทำให้รถถูกลงหรือแพงขึ้น

เทรนด์ในอนาคต รถจะเครื่องเล็ก มีเทอร์โบ ปล่อยคาร์บอนน้อยกันหมดแล้วครับ  

คุณเอารถในปัจจุบันไปจับกับโครงสร้างภาษีในอีก4ปีข้างหน้าไง มันทำไม่ได้
คุณต้องเอารถในอีก4ปีข้างหน้า เป็นตัวตั้งแล้วดูเอาว่าโครงสร้างใหม่มันทำให้คนไทยได้ใช้รถที่ไฮเทคแบบฝรั่งเสียที
โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นเนี่ยตัวกั๊กเครื่องใหม่เลย  

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2012, 11:48:58 โดย keamglad »

ออฟไลน์ Jump

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 720
เห็นด้วยมากๆ พอกันที ภาษี แรงม้า
ต่อไปรถ e85 ไฮบริด ไฟฟ้า ครองเมือง
ลดการนำเข้าน้ำมัน แต่ ราคาสินค้าเกษตร ที่ไปแปลงเป็น พลังงาน น่าจะแพง

ส่วนคนไทย หลายคน ที่โดนค่อนขอด ก็ยังเหมือนเดิม คืออ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด แต่ด่าไว้ก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2012, 11:55:50 โดย Jump »
LIKE A BOSS!!


morphling14

  • บุคคลทั่วไป
รถกระบะปลาหมึก(ควันดำเป็นปลาหมึกพ่นหมึก) ก็ควรเสียภาษีเยอะๆๆ เลยนะครับ ไอ้อนุภาคเขม่าดำๆนั่น สงสารคนที่สูดเข้าปอดมากๆ

ออฟไลน์ สมาชิกคนที่2455

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,775
มีท่านไดทราบอัตราการปล่อยมลพิษของรถแต่ละคันไหมครับ

ในเวปค่ายรถญี่ปุ่นมีครับ ดังนั้นเครื่องยนต์เดียวกันที่ขายในไทยและที่โน่นน่าจะเอามาเทียบเคียงได้

รถที่ขายในญี่ปุ่นหรือนำเข้ามาในไทยจะมีสติ๊กเกอร์รูปดาว 1-4 ดวงแปะอยู่ที่มุมกระจกหลัง ซึ่งความหมายจะระบุถึง ระดับของการปล่อยก๊าซในไอเสียที่ต่ำกว่าข้อกำหนดของภาครัฐ กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงเป็นของปี 2000 และ 2005 โดยมุ่งเน้นไปที่การลดระดับก๊าซทั้ง ไนโตรเจนออกไซด์ (Nox), คาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) และ NMHC (non-methane hydrocarbons)

ตามปกติแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายในญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน จะได้ 4 ดาว โดยมีระดับต่ำกว่าข้อกำหนดของมาตรฐานปี 2005 ถึง 75% หรือบางรุ่นก็ผ่านแค่ 50% เท่านั้นก็ยังมี

Nissan Sylphy ได้ดาว 4 ดวง (75%)
http://www2.nissan.co.jp/SYLPHY/eco.html


พี่ได้ดูตารางสรุปหรือยังครับ เค้าไม่ได้คิดภาษีตามการปล่อยก๊าสอย่างเดียว เค้าคิดร่วมกับปริมาณกระบอกสูบ CC ด้วย
ซึ่งตามตารางเค้าสรุปมาแล้ว ไม่ว่ามันจะปล่อยก๊าสมาก ปล่อยก๊าสน้อย  (ไปดูสรุปได้กระทู้นี้ครับ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27003.0.html)

มีรถอยู่ประเภทเดียวที่เสียภาษีน้อยลงคือ eco car
ส่วนรถ 1500, 2000, 2500 เสียเพิ่มขึ้นหลักแสน ราคาแพงขึ้นหมดไม่ว่าค่ายรถจะเอาเครื่องใหม่มาลดปริมาณกาสเสียยังไงก็ตาม

ส่วนพิเศษสุด มีรถอีกประเภทที่เสียเท่าเดิม เอาใจบรรดาแฟนๆ คือรถเครื่องใหญ่ 3000 CC ขึ้นไป ไม่เพิ่มนะครับ  เดี๋ยวบรรดาท่านๆไม่พอใจ


ปล  ผมมองมุมไหนผู้บริโภคก็มีแต่เสียครับ ยกเว้นคนใช้รถเล็ก และคนรวยใช้รถใหญ่ๆ

ผมเห็นด้วยแบบสุดๆ ครับ

มองมุมไหน ผู้บริโภคก็มีแต่ได้

การเก็บอัตราใหม่ มันจะบีบให้บริษัทรถเอาเครื่องใหม่มาขายในไทย อีก4ปี คุณคิดดูว่าเทรนด์รถมันเป็นรถเครื่องเล็ก+เทอร์โบกันหมดแล้ว
ถ้ารัฐไม่มามุขนี้ เผลอๆคนไทยได้ใช้แต่เครื่องเก่าเกียร์เก่า  

เครื่อง 2400-2500 จะล้าสมัยแล้วในอนาคต มันจะกลายเป็น 1600+เทอร์โบ  ,และเครื่องไฮบริดกันหมด
อีก4ปี เท่ากับว่ารถจะเปลี่ยนอีก1เจเนอเรชั่น  เครื่องยนต์จะพัฒนาอีกอีกขั้น การปล่อยคาร์บอนจะน้อยลง  

เท่ากับว่าปี59 รถจะราคาถูกลงด้วยซ้ำ ถ้าค่ายไหนดันทุรังใช้เครื่องเก่า ก็ขายไม่ได้ไปเอง เพราะต้องขายแพงกว่าชาวบ้าน

บางคนบอกนี่ไงรัฐคืนภาษีรถคันแรก แล้วมาไล่เก็บอัตราภาษีใหม่เพื่อเอาคืน  ผมมองว่าคนพูดแบบนี้ ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลยว่าอัตราภาษีใหม่ มันทำให้รถถูกลงหรือแพงขึ้น

เทรนด์ในอนาคต รถจะเครื่องเล็ก มีเทอร์โบ ปล่อยคาร์บอนน้อยกันหมดแล้วครับ  

คุณเอารถในปัจจุบันไปจับกับโครงสร้างภาษีในอีก4ปีข้างหน้าไง มันทำไม่ได้
คุณต้องเอารถในอีก4ปีข้างหน้า เป็นตัวตั้งแล้วดูเอาว่าโครงสร้างใหม่มันทำให้คนไทยได้ใช้รถที่ไฮเทคแบบฝรั่งเสียที
โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นเนี่ยตัวกั๊กเครื่องใหม่เลย  



ผมว่าคุณไม่เข้าใจที่ผมอธิบายมากกว่า

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเลย

ปัจจุบัน D-segment เครื่อง2400- 2500 ถูกเก็บภาษีร้อยละ 40
แต่ในอนาคต  เมื่อเปลียนเป็น 1600+เทอโบ จะเสียในอัตราใหม่คือร้อยละ35

เดิมเสียในพิกัดเครื่องยนต์ 2500ซีซี
พอใส่เครืองใหม่จะไปเสียในพิกัด 1600 แทน 

ถูกลงไหมครับ ทีนี้

ถ้าค่ายไหนไม่ทำ ก็ตายครับ
เขาให้เวลา4ปี เพื่อให้ค่ายรถปรับตัวครับ ให้วางแผนการผลิตได้ทัน
แล้วคุณคิดว่าค่ายรถจะยัดเครื่องเดิมให้ตัวเองขายไม่ได้ แล้วมองดูค่ายอื่นที่ทำเครื่องเล็กผูกโบขายได้กระฉูดเรอะครับ
อีกอย่างอนาคต รถเป็นไฮบริดกันหมดแล้วครับ ก็จะไปเสียในเรทของไฮบริดด้วยซ้ำ ถูกลงไปอีก



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2012, 12:18:49 โดย Nattadet »

ออฟไลน์ AzLaRN

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 262
เก็บเงิน รอ ไปสู่ขอ CR-Z

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,961
    • อีเมล์
เอาแล้วครับ เริ่มให้ข่าวกันแล้ว

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/auto-mobile/auto-mobile/20121219/482595/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2.html

ผู้ผลิตรถติงโครงสร้างภาษีใหม่ให้เวลาน้อย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ค่ายรถพร้อมรับภาษีใหม่ แม้บางรายการเพิ่มขึ้น ชี้เพิ่มปิกอัพมีแค็บสร้างรายได้เข้ารัฐชัดเจน ติงเวลาปรับตัว 3 ปี สั้นเกินไปไม่ครอบคลุมอายุรถ

ภาครัฐมีแนวคิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์มาหลายปีแต่ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โดยมีการระดมความคิดเห็นจากภาครัฐและเอกชนหลายครั้ง รวมทั้งมีความพยายามนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลายครั้ง แต่ถูกตีกลับเพื่อให้ศึกษาเพิ่มเติมใหม่ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ครม. ได้อนุมัติโครงสร้างใหม่เรียบร้อยแล้ววานนี้ (18 ธ.ค.)

โครงสร้างภาษีใหม่มีแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ถูกกำหนดด้วย ปริมาณความจุกระบอกสูบ และกำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) มาเป็นการกำหนดด้วยปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคู่กับปริมาตรกระบอกสูบซึ่งลดเหลือ 2 ระดับ คือ ไม่เกิน 3,000 ซีซี และ ตั้งแต่ 3,001 ซีซี ขึ้นไป โดยในส่วนของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะมีผลต่อภาษีที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เช่น รถยนต์นั่ง ค่ามาตรฐานตั้งต้น คือ 151-200 กรัม/กม. แต่หากคันใดปล่อยได้ 101-150 กรัม/กม. จะเสียภาษีลดลง 5% แต่หากปล่อยมากกว่า 200 กรัม/กม. ก็จะเสียภาษีเพิ่มขึ้น 5% ส่วนรถในกลุ่มปิกอัพ และอนุพันธ์ เช่น พีพีวี มี 2 อัตรา คือ ไม่เกิน 200 กรัม/กม. และ สูงกว่า 200 กรัม/กม.

นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดส่วนอื่นเพิ่มเติม เช่น ภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ อี 85 จากเดิมเริ่มต้น 22% ก็ปรับขึ้นเป็น 25% รถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จากเริ่มต้น 20% เพิ่มขึ้นเป็น 25% รถพีพีวี (Pick up Passenger Vehicle) เพิ่มจาก 20% เป็น 25% ปิกอัพแบบมีแค็บจาก 3% เพิ่มเป็น 5% รถไฮบริดจากอัตราเดียว 10% มีการปรับเพิ่มตามขนาดเครื่องยนต์ และรถอีโค คาร์ จะปรับลดจาก 17% เหลือ 14% หากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 100 กรัม/กม. และหากใช้เครื่องยนต์อี 85 จะได้ลดเพิ่มเหลือ 12%

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า หลักการโดยรวมของโครงสร้างภาษีใหม่ถือว่าไม่ได้ผิดไปจากความคาดหมายมากนัก เนื่องจากมีการพูดคุยกันมายาวนานในแนวทางนี้ โดยเฉพาะการใช้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นหลักเกณฑ์ หากคันไหนปล่อยน้อยก็จะได้ลดภาษี แต่ปล่อยมาก จะเสียภาษีเพิ่ม อย่างไรก็ตามเห็นว่าภาษีบางรายการที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะไม่ดีนัก เช่น รถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาด เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงรถปิกอัพแบบมีแค็บและรถไฮบริด

ปรับตัว 3 ปี น้อยเกินไป

ทั้งนี้ เห็นว่าแนวคิดโดยรวมภาครัฐน่าจะต้องการจัดเก็บภาษีให้ได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน แต่ก็ยังมีช่องทางให้ผู้ประกอบการคือ ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ให้เผาไหม้ได้สะอาดมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์สามารถพัฒนาได้ แต่ระยะเวลาที่ภาครัฐให้ปรับตัว (lead time) 3 ปี คือเริ่มบังคับใช้ในปี 2559 นั้น เร็วเกินไป

"ก่อนหน้านี้เอกชนขอรัฐปรับตัว 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ไม่ได้มากอะไร เพราะว่าในต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งใช้เวลาถึง 10 ปี"

การที่ภาคเอกชนต้องการเวลาในการปรับตัวมากกว่านี้ เพราะว่าโดยปกติอายุของรถยนต์จะอยู่ในระดับ 5-10 ปี ดังนั้นหามีการปรับเปลี่ยนในช่วง 3 ปี ทำให้ต้องลงทุนใหม่จำนวนมากสำหรับรถที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผู้ผลิตก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทัน

นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การปรับภาษีบางรายการ เช่น รถปิกอัพ แบบมีแค็บเพิ่มขึ้น จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ มียอดขายจำนวนมาก ขณะที่ภาคประชาชนก็เชื่อว่าจะรับได้เนื่องจากระดับภาษีที่เพิ่มขึ้น 3% ไม่มากนัก

"เข้าใจว่ารัฐเองก็คงอยากจะได้เงินเพิ่ม แต่อีกมุมหนึ่งก็คงต้องการจัดกลุ่มให้ชัดเจน เพราะปัจจุบันรถแบบมีแค็บ กับรถแบบไม่มีแค็บ เสียภาษีเท่ากัน แต่ใช้งานต่างกัน ปิกอัพไม่มีแค็บใช้บรรทุกของ แต่รถมีแค็บมีไม่น้อยที่ใช้งานส่วนตัวในชีวิตประจำวัน"

ในส่วนของการนำปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นตัวกำหนดนั้นเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรสนับสนุน

ลด อีโค คาร์ จูงใจลดคาร์บอนไดออกไซด์

ขณะที่รถ อีโค คาร์ ซึ่งมีแนวคิดลดภาษีลงจาก 17% เหลือ 14% หากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 100 กรัม/กม. และ 12% หากสามารถใช้เชื้อเพลิงอี 85 ได้ด้วยนั้น เห็นว่าเป็นความท้าทายของผู้ผลิตรถยนต์ที่จะพัฒนาไปให้ถึงจุดดังกล่าว

"อีโค คาร์ เป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัว และจะเติบโตเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าจะมีรถกลุ่มนี้วิ่งอยู่เกลื่อนถนน ดังนั้นหากสามารถทำให้เป็นรถที่สะอาดได้ ก็จะเป็นผลดีต่อสังคมโดยรวม รัฐจึงมีมาตรการจูงใจออกมา"

ทั้งนี้ อีโค คาร์ มีข้อกำหนดสิ่งหนึ่ง คือ จะต้องมีอัตราสิ้นเปลืองไม่ต่ำกว่า 5 ลิตร/100 กม. แต่โดยปกติแล้วอี 85 จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชิงปริมาณมากกว่าอี 20 ที่อีโค คาร์ ใช้ในปัจจุบัน ดังนั้นการทำให้อี 85 มีอัตราสิ้นเปลือง 5 ลิตร/100 กม. จึงถือว่าเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน

นายศุภรัตน์ กล่าวว่า แต่ในเชิงเทคโนโลยีถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ และก็เชื่อว่าผู้ทำตลาดก็คงจะต้องมองหาแนวทางการพัฒนา เพราะอัตราภาษีล่อใจ และหากคู่แข่งทำได้ จะทำให้เกิดการเสียเปรียบในการแข่งขัน

ด้านแหล่งข่าวกล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาษีที่มีการปรับเปลี่ยนในบางส่วน เช่น พีพีวี ปิกอัพ มีแค็บ รวมถึง อี 85 ที่เพิ่มภาษี จะทำให้รัฐได้ภาษีเพิ่มโดยตรง เนื่องจากรัฐต้องการรายได้ หลังจากที่ใช้งบประมาณมารไปมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ รถ อี 85 ที่ผ่านมา ผู้ซื้อส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงตรงตามเป้าหมาย เนื่องจากสถานีบริการมีน้อย ขณะที่ผู้บริโภคเองบางรายก็ไม่มั่นใจในการใช้งาน

สามปี เร็วเกินไป
ปีที่แล้วก้ว่าน้ำท่วม
สรุป ก็ชั้นจะเครื่องเดิม เกียร์เดิม ใครจะทำไม กิ้วกิ้ว

ออฟไลน์ keamglad

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
    • อีเมล์
มองกันคนละมุมครับ

ผมมองอย่างนี้ D segment มันก็ต้องยังอยู่ ไม่ได้ตายหายไปจากโลกนี้ซะหน่อย
ถูกของคุณถ้าคนซื้อจะเปลี่ยนจาก  D segment มาซื้อรถ C segment เครื่อง 1600 + turbo เสียภาษีน้อยลงแน่ครับ ได้รถแรงเท่าเดิมๆ (แต่อย่างอื่นไม่เท่าเดิม)  ถูกลงเพราะยอมลดลงมาหนึ่ง segement

แต่ D segment มันยังอยู่ เวลาเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบ คนซื้อ D segment ตอนนี้ กับคนซื้อ D segment ตอนปี 2559 ()
มันเสียเยอะขึ้นเพราะเครื่องพิกัดเท่าเดิม เสียภาษีสรรพสามิตรมากกว่าเดิม

Apple to Apple นะครับ แล้วถามว่าบริษัทรถต้องยอมหาทางออกให้ลูกค้าด้วยการเพิ่มทางเลือกเอา C segment + Bo มาให้คนซื้อในราคาที่ต่ำกว่า Camry, Teana, Accord

แล้วความเป็นจริงคนที่ซื้อ D segement กี่คนครับ จะยอมมาเล่นลด Altis + Turbo, Civic + turbo
อัตราเร่งมันดีจริงแต่ความสะดวกสบาย ความหรู ภาพลัก มันแทนกันไม่ได้อยู่ดีนี่ครับ

กลุ่มลูกค้า D segment มันก็ยังอยู่ไม่ล้มหายตายจากไปไหน

พี่ได้ดูตารางสรุปหรือยังครับ เค้าไม่ได้คิดภาษีตามการปล่อยก๊าสอย่างเดียว เค้าคิดร่วมกับปริมาณกระบอกสูบ CC ด้วย
ซึ่งตามตารางเค้าสรุปมาแล้ว ไม่ว่ามันจะปล่อยก๊าสมาก ปล่อยก๊าสน้อย  (ไปดูสรุปได้กระทู้นี้ครับ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27003.0.html)

มีรถอยู่ประเภทเดียวที่เสียภาษีน้อยลงคือ eco car
ส่วนรถ 1500, 2000, 2500 เสียเพิ่มขึ้นหลักแสน ราคาแพงขึ้นหมดไม่ว่าค่ายรถจะเอาเครื่องใหม่มาลดปริมาณกาสเสียยังไงก็ตาม

ส่วนพิเศษสุด มีรถอีกประเภทที่เสียเท่าเดิม เอาใจบรรดาแฟนๆ คือรถเครื่องใหญ่ 3000 CC ขึ้นไป ไม่เพิ่มนะครับ  เดี๋ยวบรรดาท่านๆไม่พอใจ


ปล  ผมมองมุมไหนผู้บริโภคก็มีแต่เสียครับ ยกเว้นคนใช้รถเล็ก และคนรวยใช้รถใหญ่ๆ

ผมเห็นด้วยแบบสุดๆ ครับ

มองมุมไหน ผู้บริโภคก็มีแต่ได้

การเก็บอัตราใหม่ มันจะบีบให้บริษัทรถเอาเครื่องใหม่มาขายในไทย อีก4ปี คุณคิดดูว่าเทรนด์รถมันเป็นรถเครื่องเล็ก+เทอร์โบกันหมดแล้ว
ถ้ารัฐไม่มามุขนี้ เผลอๆคนไทยได้ใช้แต่เครื่องเก่าเกียร์เก่า  

เครื่อง 2400-2500 จะล้าสมัยแล้วในอนาคต มันจะกลายเป็น 1600+เทอร์โบ  ,และเครื่องไฮบริดกันหมด
อีก4ปี เท่ากับว่ารถจะเปลี่ยนอีก1เจเนอเรชั่น  เครื่องยนต์จะพัฒนาอีกอีกขั้น การปล่อยคาร์บอนจะน้อยลง  

เท่ากับว่าปี59 รถจะราคาถูกลงด้วยซ้ำ ถ้าค่ายไหนดันทุรังใช้เครื่องเก่า ก็ขายไม่ได้ไปเอง เพราะต้องขายแพงกว่าชาวบ้าน

บางคนบอกนี่ไงรัฐคืนภาษีรถคันแรก แล้วมาไล่เก็บอัตราภาษีใหม่เพื่อเอาคืน  ผมมองว่าคนพูดแบบนี้ ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลยว่าอัตราภาษีใหม่ มันทำให้รถถูกลงหรือแพงขึ้น

เทรนด์ในอนาคต รถจะเครื่องเล็ก มีเทอร์โบ ปล่อยคาร์บอนน้อยกันหมดแล้วครับ  

คุณเอารถในปัจจุบันไปจับกับโครงสร้างภาษีในอีก4ปีข้างหน้าไง มันทำไม่ได้
คุณต้องเอารถในอีก4ปีข้างหน้า เป็นตัวตั้งแล้วดูเอาว่าโครงสร้างใหม่มันทำให้คนไทยได้ใช้รถที่ไฮเทคแบบฝรั่งเสียที
โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นเนี่ยตัวกั๊กเครื่องใหม่เลย  



ผมว่าคุณไม่เข้าใจที่ผมอธิบายมากกว่า

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเลย

ปัจจุบัน D-segment เครื่อง2400- 2500 ถูกเก็บภาษีร้อยละ 40
แต่ในอนาคต  เมื่อเปลียนเป็น 1600+เทอโบ จะเสียในอัตราใหม่คือร้อยละ35

เดิมเสียในพิกัดเครื่องยนต์ 2500ซีซี
พอใส่เครืองใหม่จะไปเสียในพิกัด 1600 แทน 

ถูกลงไหมครับ ทีนี้

ถ้าค่ายไหนไม่ทำ ก็ตายครับ
เขาให้เวลา4ปี เพื่อให้ค่ายรถปรับตัวครับ ให้วางแผนการผลิตได้ทัน
แล้วคุณคิดว่าค่ายรถจะยัดเครื่องเดิมให้ตัวเองขายไม่ได้ แล้วมองดูค่ายอื่นที่ทำเครื่องเล็กผูกโบขายได้กระฉูดเรอะครับ
อีกอย่างอนาคต รถเป็นไฮบริดกันหมดแล้วครับ ก็จะไปเสียในเรทของไฮบริดด้วยซ้ำ ถูกลงไปอีก





ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,723
  • Nine & Knight
^
^


 คิดว่าเค้าคงหมายถึงเอา 1,600 เทอร์โบมาใส่ใน D-Segment หล่ะมั้งครับ แรงเท่าเดิมกับเครื่อง 2,400 แต่เสียภาษีถูกกว่าทำให้ราคาขายถูกลงกว่า 2,400 เครื่องเดิมหน่ะครับ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

มองกันคนละมุมครับ

ผมมองอย่างนี้ D segment มันก็ต้องยังอยู่ ไม่ได้ตายหายไปจากโลกนี้ซะหน่อย
ถูกของคุณถ้าคนซื้อจะเปลี่ยนจาก  D segment มาซื้อรถ C segment เครื่อง 1600 + turbo เสียภาษีน้อยลงแน่ครับ ได้รถแรงเท่าเดิมๆ (แต่อย่างอื่นไม่เท่าเดิม)  ถูกลงเพราะยอมลดลงมาหนึ่ง segement

แต่ D segment มันยังอยู่ เวลาเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบ คนซื้อ D segment ตอนนี้ กับคนซื้อ D segment ตอนปี 2559 ()
มันเสียเยอะขึ้นเพราะเครื่องพิกัดเท่าเดิม เสียภาษีสรรพสามิตรมากกว่าเดิม

Apple to Apple นะครับ แล้วถามว่าบริษัทรถต้องยอมหาทางออกให้ลูกค้าด้วยการเพิ่มทางเลือกเอา C segment + Bo มาให้คนซื้อในราคาที่ต่ำกว่า Camry, Teana, Accord

แล้วความเป็นจริงคนที่ซื้อ D segement กี่คนครับ จะยอมมาเล่นลด Altis + Turbo, Civic + turbo
อัตราเร่งมันดีจริงแต่ความสะดวกสบาย ความหรู ภาพลัก มันแทนกันไม่ได้อยู่ดีนี่ครับ

กลุ่มลูกค้า D segment มันก็ยังอยู่ไม่ล้มหายตายจากไปไหน

พี่ได้ดูตารางสรุปหรือยังครับ เค้าไม่ได้คิดภาษีตามการปล่อยก๊าสอย่างเดียว เค้าคิดร่วมกับปริมาณกระบอกสูบ CC ด้วย
ซึ่งตามตารางเค้าสรุปมาแล้ว ไม่ว่ามันจะปล่อยก๊าสมาก ปล่อยก๊าสน้อย  (ไปดูสรุปได้กระทู้นี้ครับ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27003.0.html)

มีรถอยู่ประเภทเดียวที่เสียภาษีน้อยลงคือ eco car
ส่วนรถ 1500, 2000, 2500 เสียเพิ่มขึ้นหลักแสน ราคาแพงขึ้นหมดไม่ว่าค่ายรถจะเอาเครื่องใหม่มาลดปริมาณกาสเสียยังไงก็ตาม

ส่วนพิเศษสุด มีรถอีกประเภทที่เสียเท่าเดิม เอาใจบรรดาแฟนๆ คือรถเครื่องใหญ่ 3000 CC ขึ้นไป ไม่เพิ่มนะครับ  เดี๋ยวบรรดาท่านๆไม่พอใจ


ปล  ผมมองมุมไหนผู้บริโภคก็มีแต่เสียครับ ยกเว้นคนใช้รถเล็ก และคนรวยใช้รถใหญ่ๆ

ผมเห็นด้วยแบบสุดๆ ครับ

มองมุมไหน ผู้บริโภคก็มีแต่ได้

การเก็บอัตราใหม่ มันจะบีบให้บริษัทรถเอาเครื่องใหม่มาขายในไทย อีก4ปี คุณคิดดูว่าเทรนด์รถมันเป็นรถเครื่องเล็ก+เทอร์โบกันหมดแล้ว
ถ้ารัฐไม่มามุขนี้ เผลอๆคนไทยได้ใช้แต่เครื่องเก่าเกียร์เก่า  

เครื่อง 2400-2500 จะล้าสมัยแล้วในอนาคต มันจะกลายเป็น 1600+เทอร์โบ  ,และเครื่องไฮบริดกันหมด
อีก4ปี เท่ากับว่ารถจะเปลี่ยนอีก1เจเนอเรชั่น  เครื่องยนต์จะพัฒนาอีกอีกขั้น การปล่อยคาร์บอนจะน้อยลง  

เท่ากับว่าปี59 รถจะราคาถูกลงด้วยซ้ำ ถ้าค่ายไหนดันทุรังใช้เครื่องเก่า ก็ขายไม่ได้ไปเอง เพราะต้องขายแพงกว่าชาวบ้าน

บางคนบอกนี่ไงรัฐคืนภาษีรถคันแรก แล้วมาไล่เก็บอัตราภาษีใหม่เพื่อเอาคืน  ผมมองว่าคนพูดแบบนี้ ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลยว่าอัตราภาษีใหม่ มันทำให้รถถูกลงหรือแพงขึ้น

เทรนด์ในอนาคต รถจะเครื่องเล็ก มีเทอร์โบ ปล่อยคาร์บอนน้อยกันหมดแล้วครับ  

คุณเอารถในปัจจุบันไปจับกับโครงสร้างภาษีในอีก4ปีข้างหน้าไง มันทำไม่ได้
คุณต้องเอารถในอีก4ปีข้างหน้า เป็นตัวตั้งแล้วดูเอาว่าโครงสร้างใหม่มันทำให้คนไทยได้ใช้รถที่ไฮเทคแบบฝรั่งเสียที
โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นเนี่ยตัวกั๊กเครื่องใหม่เลย  



ผมว่าคุณไม่เข้าใจที่ผมอธิบายมากกว่า

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเลย

ปัจจุบัน D-segment เครื่อง2400- 2500 ถูกเก็บภาษีร้อยละ 40
แต่ในอนาคต  เมื่อเปลียนเป็น 1600+เทอโบ จะเสียในอัตราใหม่คือร้อยละ35

เดิมเสียในพิกัดเครื่องยนต์ 2500ซีซี
พอใส่เครืองใหม่จะไปเสียในพิกัด 1600 แทน 

ถูกลงไหมครับ ทีนี้

ถ้าค่ายไหนไม่ทำ ก็ตายครับ
เขาให้เวลา4ปี เพื่อให้ค่ายรถปรับตัวครับ ให้วางแผนการผลิตได้ทัน
แล้วคุณคิดว่าค่ายรถจะยัดเครื่องเดิมให้ตัวเองขายไม่ได้ แล้วมองดูค่ายอื่นที่ทำเครื่องเล็กผูกโบขายได้กระฉูดเรอะครับ
อีกอย่างอนาคต รถเป็นไฮบริดกันหมดแล้วครับ ก็จะไปเสียในเรทของไฮบริดด้วยซ้ำ ถูกลงไปอีก






แหม คุณเข้าใจอะไรยากนะครับ 55

ผมหมายถึงในอนาคต D-segment มันจะเป็นเครื่อง 1600+เทอร์โบ ครับ ไม่ได้หมายความว่ารถกลุ่มนี้จะหายไป
คุณดู เบนซ์อีคลาสในปัจจุบันดิครับ เครื่อง 1800cc นะครับ แต่มีระบบอัดอากาศ แรงกว่า d-segment ญี่ปุ่นเครื่อง2400อีก

พวก C-segment เครื่องอาจจะเหลือ 1300-1500 แต่มีเทอร์โบ

B-segment ก็อาจเป็น 1000-1200 บวกเทอร์โบ

ยังไม่นับรถตระกูลไฮบริดที่จะแทรกเข้าไปทุกเซ็กเมนต์อีก

เอางี้ดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้บรรยากาศในบอร์ดเสีย เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเรา2คนเถียงกันไปเถียงกันมาเปล่าๆ

ผมขอจบแค่นี้ดีกว่าครับ เราต่างคนต่างมุมมอง ก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหา ผมไม่ได้บังคับว่าคุณต้องคิดเหมือนผม
ผมมองว่ารถไม่แพงขึ้นหรอก แถมคนไทยได้ใช้เครื่องใหม่ๆด้วย ส่วนคุณจะมองว่าค่ายรถจะลากใช้เครื่องเก่าและรถจะแพงขึ้น ก็ให้กาลเวลาในอนาคตตัดสินว่าใครจะถูกดีกว่าครับ เถียงกันไปก็ไม่ได้ข้อสรุปแน่ๆ

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
เอ่อ อ่านของคุณ keamglad แล้วงงแหะ
ก็แค่ D-segment ใส่เครื่อง 1400-1600 เทอโบ แรงเท่า 2.4 มิติตัวรถเท่าเดิน ภาษีถูกลง แต่ได้เครื่องเล็กลงแต่บวกเทอโบเมพๆสักตัว กินน้ำมันน้อยลง
แล้วมันไม่ดียังไงครับ ???? แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเขามีกันเกือบหมดทุกค่ายแล้วแต่ไม่ค่อยมีใครเอามาใช้ในไทย

ที่นึกออกก็ Skoda, BMW  ;D

ผมว่าดีออก ได้เครื่องไหม่ แค่เพิ่มเงินเผื่อโบบินไว้
ว่าแล้วเขียนเพิ่มไว้ว่าใส่ Airbag 6 ลูกลดภาษีอีก 5% สิ



อ่อ เซกเมนท์ของผมไม่ได้วัดที่เครื่องนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2012, 14:23:56 โดย Codename - H »
H.

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,472
สรุปคือไม่ได้มีวัดจาก 220 แรงม้าแล้วใช่ไหมครับสรุปทั้งหมดให้ที !!

ถ้าไม่ได้วัดจากแรงม้าแล้ว ผมอยากให้รีบเปลี่ยนเร็วๆ ครับ คนไทยจะได้ใช้รถเทพๆ สักที :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2012, 14:56:37 โดย LanCeLoT »

ออฟไลน์ pongisra

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,458
สรุปคือไม่ได้มีวัดจาก 220 แรงม้าแล้วใช่ไหมครับสรุปทั้งหมดให้ที !!

ถ้าไม่ได้วัดจากแรงม้าแล้ว ผมอยากให้รีบเปลี่ยนเร็วๆ ครับ คนไทยจะได้ใช้รถเทพๆ สักที :D

นึกถึงข้อดีข้อนี้ข้อแรกเลยตอนเห็นข่าว  ;D

ชอบครับเก็บแบบนี้ รถค่ายยี่ปุ่นจะได้พัฒนาเร็วขึ้นบ้าง

ออฟไลน์ pongisra

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,458
http://www.mcot.net/site/content?id=50d06755150ba0af070000b0#.UNEMB-STrgE

อันนี้ครับ

ผมดูข่าวสมยุทธ เห็นบอกว่า ถ้าเป็น Eco car จะเสียถูกลงเหลือ 14% แต่ไปอ่านในข่าวไม่เจอครับ

แตถ้ามันเป็นแบบที่ว่าจริงๆ

ผมว่า เครื่อง 1.5-1.6 อาจจะสูญพันธ์ ถ้าไม่ใช้ E85 และมลพิษปล่อยเกิน 150 ต้องเสีย Rate 35%

ส่วน D-seg เครื่อง 2.0-2.5  ถ้าไม่ใช้ E85 และมลพิษปล่อยเกิน 150 ต้องเสีย Rate 40% <<<< ต้องเกิน 200g/km ครับ ถึงจะ 40

ซึ่งทางแก้ถ้าไม่ลงกระบอกสูบ ก็คงต้องพึ่ง Hybrid เท่านั้นครับ
 
เพราะจะไม่ได้เสียที่ 25% อีกต่อไป ซึ่งเมื่อกี้ข่าวบอกว่า

เครื่อง 1.4 จะได้เปรียบที่สุด(ในปัจจุบัน เพราะจะเป็นคนเดียวที่เสีย rate เดิม คือ 25-30 % ได้)

เดาว่ามาจาก น่าจะปล่อยน้อยกว่า 150 นะครับ

คิดเห็นอย่างไรกัน

ปล ผมเดาทางว่ารัฐบาลจะให้ Taxi ใช้เครื่อง 1.2 Eco car มาทำแน่ๆเลย ครับ เลยออกมาแบบนี้

ไม่นับ ecocar/hybrid รถเก๋งต่ำกว่า 3000cc เสียเรตเดียวกันหมดครับ