update
หลังจากใช้มาประมาณ 20 วัน เช็ค 1,000 โล ไปแล้ว
ตอนนี้ค่าเฉลี่ยน้ำมัน อยู่ที่ 11.3 ครับ โดยใช้เส้นทางเดิมครับ คือที่ว่ามันประหยัดขึ้นนี่ผมไม่แน่ใจนะครับว่าเป็นเพราะพ้น Run IN เหมือนอย่างเขาว่าหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ
รู้จักมันมากขึ้น....ทำให้รู้ว่าการไต่ระดับไปยัง 80 - 100 นั้น ทำได้ 2 อย่างคือ อย่างแรก ค่อยๆ ไป ให้ตัวไฟสีฟ้ามันขึ้นทีละขีด (ซึ่งนานมาก แล้วก็คงน่าถีบสำหรับคนที่ขับตามหลังด้วย) กับอีกวิธีคือ กดไปเลยครับ แต่ไม่มิดนะ ทิ้งระยะน้ำหนักเท้าสม่ำเสมอ ไฟจะขึ้นไวมากแป๊บเดียว 4 ขีด ก็แช่ไว้ประมาณ 2 วิ แล้วยกขานิดนึงให้ไฟขึ้นไปขีด 5 แช่ไว้ 2 วิ แล้วยกอีกนิดไฟขึ้นไปขีด 6 ทำแบบนี้ จะไม่ทำให้คันหลังลำคาญ แต่ต้องสมาธิดี ๆ และไม่ใช่ไปนั่งเพ่งไฟ เด๋วจะจวกตูดคันหน้าเอา เลีย ๆ มันไปจนถึงระดับที่ต้องการที่นี้ก็คลึงไว้อย่างนั้น วิธีนี้ทำให้การเดินทางสายเอเซียที่มีระยะทางประมาณ 20 กิโล ผมได้ค่าเฉลี่ยน้ำมันที่ 16.2 ความเร็ว 80 - 100 แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 90 ครับตอนจอดถึงที่หมายครับ ส่วนขับในเมืองแบ่งตามมาตรฐานของคนอื่นนะครับดังนี้
1. ชานเมือง รถไม่ติดไปได้เรื่อย ๆ แต่ถนนแคบ อาจมีเบรคบ้างเวลาเจอทางชำรุด ใช้ความเร็วไม่เกิน 50 km/h ระยะทาง 10 กิโล ค่าเฉลี่ย ตอนจอด 12.3 ครับ
2. ในเมืองช่วง Busy Time เช้า และเย็น ไฟแดง 4 จุด ติดทุกจุดเพราะมันเขียวแค่ 45 วิ (อิอิ) ติดทีนึง 1 นาที - 3 นาที ประมาณนั้น ระยะทาง 10 กิโลเหมือนกัน ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 40 KM/L ค่าที่ได้ 8.6,9.2,10.1,11 เวียนว่ายตายเกิดอยู่ประมาณนี้
3. ในเมืองเวลาประสาทแดก...คือโดนปาดหน้าแบบหน้าด้าน ๆ หรือพวกไอ้เด็กแว๊นขับส่ายตูดตรงหน้า แล้วกดพรวดเดียวจี้ตูดแมร่ง (พร้อมนั่งมองหน้ารอกระสุนปืน)
ระยะทาง 10 km เร่งบ้างหยุดบ้าง ล่อไปประมาณ 6-9 ครับ (อันนี้สันดานไม่ดีนะครับ แต่แค่อยากให้รู้ว่าบางอารมณ์รถมันก็ตอบสนองได้เหมือนกัน)
สรุป ผมไม่มีความรู้หรอกครับเรื่อง Run In แต่ที่รู้คือถ้าเรารู้จัก หรือพยายามทำความเข้าใจกับมัน จะให้รถมันตอบสนองเราแบบใดก็ได้ ดีบ้าง ไม่ค่อยดีบ้าง อันนี้คือต้องยอมรับและจดจำไว้
ข้อสังเกต การขับแล้วปล่อยไหล ประหยัดขึ้นเยอะ ไม่เบรกจนรถหยุด หรือเบรกซะหัวทิ่มแล้วเร่งเครื่องต่อนี่ก็ประหยัดเยอะ
แล้วจะคอยอัพเดทเส้นทางประหลาด ๆ ให้ทราบต่อไปนะครับ