ผู้เขียน หัวข้อ: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน  (อ่าน 26454 ครั้ง)

ออฟไลน์ Korn Coconut

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 145
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 08:05:22 »
ความคิดส่วนของผม   ย้ำนะครับว่าของผม แค่อยากแชร์ความคิด

1. การผ่อนคือการนำเงินอนาคตมาใช้ ย่อมมีต้นทุน นั่นคือดอกเบี้ย
          บริษัทไฟแนนท์คือนักลงทุน เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งไม่ต่างกับธนาคารที่ต้องการแสวงหาผลกำไรจากการลงทุน
ทำไมไฟแนนท์ถึงเลือกลงทุนกับสินเฃื่อรถยนต์  ไม่ไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ย ซื้อสลากออมสินหวังถูกรางวัลทุกงวด หรือซื้อหุ้นซื้อทอง
ทั้งที่ลงทุนแบบนี้ความเสี่ยงน้อยว่าปล่อยไฟแนนท์ ซึ่งต้องมีค่าดำเนินการ ค่าพนักงาน ลูกจ้าง คนตามหนี้ ค่าวัสดุสำนักงาน ..........ฯลฯ
ผ่อนรถต้องทำประกันชั้น1 ทุกปีนะครับตรงนี้อย่าลืม บางไฟแนนท์ให้คุณทำประกันชีวิตระบุผู้รับกรมทัณฑ์เป็นบริษัทด้วย แถมผ่อนเสร็จต้องเสียค่าโอนอีก
จะทำอะไรกับรถต้องถามไฟแนนท์อีกเรื่องเยอะครับ
ฉะนั้นสำหรับคนทั่วไป ตรรกะที่ว่าเอาเงินไปลงทุนเองจะได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยที่เสียให้ไฟแแนท์คงไม่น่าจะถูกต้องนัก ถ้าคุณไม่ใช่นักลงทุนที่ฝีมือฉกาจฉกรรณ์จริงๆ

2. ส่วนที่บอกผ่อนเพื่อมีเงินเก็ยไว้เผื่อฉุกเฉิน
           ต้องถามกลับว่าฉุกเฉินคืออะไร และแค่ไหน เช่นฉุกเฉินมากสำคัญมากจำเป็นต้องใช้เงินมาก ต้องทุ่มเงินที่มีทั้งหมดกับเหตุฉุกเฉินนั้น  ถ้าฉุกเฉินขนาดนี้แล้วเราจะเอาเงินส่วนไหนไปส่งไฟแนนท์เมื่อเงินสดและเงินสำรองถูกใช้ไปกับเหตุฉุกเฉินนั้นแล้ว (ซึ่งอาจรวมถึงรายได้ที่หายไปเช่นตกงานหรือป่วยไม่สามารถหารายได้ได้เท่าเดิม) คนรอบข้างอาจช่วยเหลือได้เช่น พ่อ แม่ พี่น้องหรือคู่สมรส แต่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เขาแน่ ถ้าไม่มีเงินส่งค่างวดสุดท้ายรถถูกยึด
ฉะนั้นการผ่อนคือการสร้างภาระเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินมากกว่า

ปล... การผ่อนเป็นการตอนสนองความต้องการใช้สินค้านั้นๆ ทั้งที่เกิดจากความจำเป็นต้องใช้สินค้า และความอยากได้ในสินค้า
หากผ่อนบ้าน ที่อยู่อาศัย  ผมเห็นด้วย การผ่อนรถ ก็ต้องดูเป็นกรณีไป เช่นถ่าซื้อสดได้ผมซื้อสด ยังไงก็ต้องเก็บเงินให้ได้จำนวนหนึ่ง ให้ทั้งพอราคารถและพอมีเงินเหลือเก็บสำหรับฉุกเฉิน แต่หากรถเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อใช้งานการผ่อนก็เป็นวิธีที่หนึ่งที่เราจะได้มีรถใช้งาน

         การผ่อนก็เป็นการตอบสนองการเข้าถึงสินค้า  จะเป็นการตอบสนองความจำเป็น หรือตอบสนองความต้องการ(กิเลส) หรือจะเพื่ออะไรก็ตามเงินเป็นของเราจะเงินเก็บหรือเงินอนาคต ก็ขอให้มีสติกับใช้จ่ายครับ..........

แหมรถใหม่ใครก็อยากได้  รวมทั้งผมด้วย  ;D ;D ;D ;D

+1 

ออฟไลน์ Yinglek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 09:40:09 »
ถ้าในกรณีจขกท.ดิฉันแนะนำผ่อน แล้วเก็บเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
ส่วนการเอาเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆ ถ้าไม่เก่งเรื่องหุ้นก็อย่าเสี่ยงจะดีกว่า
เพราะช่วงเวลาหุ้นตกหนักๆสามารถทำให้ขาดทุน40-50%ได้เลยทีเดียวไม่ว่าจะLTFก็ด้วยเช่นกัน
ดิฉันแนะนำการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือPFUND แบบFree Hold (เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตัวอาคารรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์)            ไม่ใช่สัญญาเช่าช่วงหรือเรียกว่าLease hold
ยกตัวอย่างเช่นที่ดิฉันถืออยู่
รร.ดุสิตธานี หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ จ่ายผลตอบแทนให้8.1%ต่อปีรับประกันผลตอบแทน4ปี
รร.PP Island Beach Resort ที่เกาะพีพี 7.8%ต่อปี ปล่อยเช่าทำสัญญาล่วงหน้า15ปี
หมู่บ้านนิชดาธานี ได้ค่าเช่าบ้านจากบ.ต่างชาติและสถานทูตอเมริกา+ UN 7.8%ต่อปีทำสัญญา7ปี
Service apartment+Retail spaceให้ร้านค้าเช่าทั้ง3ชั้นล่างที่ตึก8Thonglor6.5%ต่อปี
ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน มั่นคงกว่าการลงทุนในหุ้น แถมซื้อขายได้ทุกวันเหมือนหุ้นทั่วไปค่ะ
X6 , Panamera , Everest

ออฟไลน์ ohmegaja

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 10:04:48 »
อยากกด Like ให้หลายๆ คำตอบ

ออฟไลน์ treebegin

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 281
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 10:51:26 »
ซื้อสด ครับ สบายใจ ไม่มีหนี้ คุ้มกับสภาพจิตใจ ครับ

ไม่ต้องปวดหัวกับดอกเบี้ย เพราะยังไงก็ไม่เสีย
Honda Brio V AT  2011
Mitsubishi Mirage GLX CVT 2012 

ลดโลกร้อน กันครับ

ออฟไลน์ nunix

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 347
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 11:54:52 »


การผ่อนรถใหม่ เป็นเงินกู้ดอกต่ำที่สุดที่พึงจะหาได้ครับ ยิ่งได้ดอก 2.25% คือแค่ฝากแบงค์ ดอกดีๆ ที่ 3% ก็คุ้มกว่าแล้ว

ผมว่าคิดแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ

ดอกเบี้ยรถที่ดูเหมือนจะถูกมันเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะมันเป็น fix rate เทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ไม่ได้ครับ

สมมติตัวเลขง่ายนะครับ ยอดจัด 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 2.5%

สมมติเราผ่อน 4 ปี

สรุปดอกเบี้ยปีละ 25,000 บาท x 4 ปี เท่ากับ 1 แสน

ลองมองดีดี คือเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 2.5% ของยอดเต็ม 1 ล้าน หรือ 25,000 บาท ในทุกปี

ปีแรกผ่อนไป 250,000 บาท + ดอกเบี้ย 25,000

ปีที่สอง ยอดมันควรจะเหลือ 750,000 ( เพราะเราจ่ายปีแรกไปแล้ว 250,000) แต่เราคงต้องจ่ายดอกเท่าเดิม คือ 25,000 ในปีที่ 2 ใช่มั้ยครับ

พอเข้าปีที่ 3 ยอดค้างจะเหลืิอประมาณ 5 แสน เราก็ยังต้องจ่ายดอกเต็ม 25,000 บาท >> เท่ากับปีที่ 3 เราจ่ายดอกประมาณ 5%

พอปีสุดท้าย ยอดค้างเหลือประมาณ 250,000 บาท แต่เรายังต้องเสียดอก 25,000 บาท >>> มันคือ 10% นะครับในปีสุดท้าย

สรุป ในทาง finance ถ้าคิดคร่าวๆ ดอกเบี้ยรถยนต์ที่คิด fix rate ไม่ลดต้น ให้คูณ 2-2.5 ไว้เลย

=========================================================

ตอบเจ้าของกระทู้ ถ้าคุณคิดว่าเงินของคุณเอาไปลงทุนได้อย่างน้อย 5% ต่อปี ก็ซื้อผ่อนดีกว่าครับ

แต่ถ้าจะเอา 750,000 ไปฝากแบงค์เฉยๆ กินดอก 3% ซื้อสดไปเลย เพราะดอกเบี้ยรถแพงกว่าแน่นอนครับ





เห็นด้วยครับ คิดแบบนี้ถึงถูกต้องครับ จขกท
ในใบสัญญาผ่อน มันจะมีบอกไว้เลยครับว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่เท่าไร
ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยผ่อนครูซ ดอกเบี้ยสองกว่าๆสี่ปี แต่ในสัญญาเขียนว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงๆ (ถ้าจำไม่ผิด) อยู่ที่ 8-9% คับ

ออฟไลน์ 2C-T

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 118
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 13:32:29 »
จากคำถามมีเงินพอดีค่ารถเลย ยังไงก็ต้องผ่อน เงินเก็บเกลี้ยงเลยเสี่ยงไป

แต่ถ้าซื้อสดก็ได้แต่ต้องอย่าลืมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย
-ค่าน้ำมัน
-ค่าซ่อมบำรุง
-ค่ายาง
-ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง
ถ้าค่าใช้จ่ายเหล่านี้มีรายได้มาสมทบมากกว่าค่าใช้จ่ายเยอะๆก็ซื้อสดได้

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 888
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 14:12:49 »


การผ่อนรถใหม่ เป็นเงินกู้ดอกต่ำที่สุดที่พึงจะหาได้ครับ ยิ่งได้ดอก 2.25% คือแค่ฝากแบงค์ ดอกดีๆ ที่ 3% ก็คุ้มกว่าแล้ว

ผมว่าคิดแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ

ดอกเบี้ยรถที่ดูเหมือนจะถูกมันเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะมันเป็น fix rate เทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ไม่ได้ครับ

สมมติตัวเลขง่ายนะครับ ยอดจัด 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 2.5%

สมมติเราผ่อน 4 ปี

สรุปดอกเบี้ยปีละ 25,000 บาท x 4 ปี เท่ากับ 1 แสน

ลองมองดีดี คือเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 2.5% ของยอดเต็ม 1 ล้าน หรือ 25,000 บาท ในทุกปี

ปีแรกผ่อนไป 250,000 บาท + ดอกเบี้ย 25,000

ปีที่สอง ยอดมันควรจะเหลือ 750,000 ( เพราะเราจ่ายปีแรกไปแล้ว 250,000) แต่เราคงต้องจ่ายดอกเท่าเดิม คือ 25,000 ในปีที่ 2 ใช่มั้ยครับ

พอเข้าปีที่ 3 ยอดค้างจะเหลืิอประมาณ 5 แสน เราก็ยังต้องจ่ายดอกเต็ม 25,000 บาท >> เท่ากับปีที่ 3 เราจ่ายดอกประมาณ 5%

พอปีสุดท้าย ยอดค้างเหลือประมาณ 250,000 บาท แต่เรายังต้องเสียดอก 25,000 บาท >>> มันคือ 10% นะครับในปีสุดท้าย

สรุป ในทาง finance ถ้าคิดคร่าวๆ ดอกเบี้ยรถยนต์ที่คิด fix rate ไม่ลดต้น ให้คูณ 2-2.5 ไว้เลย

=========================================================

ตอบเจ้าของกระทู้ ถ้าคุณคิดว่าเงินของคุณเอาไปลงทุนได้อย่างน้อย 5% ต่อปี ก็ซื้อผ่อนดีกว่าครับ

แต่ถ้าจะเอา 750,000 ไปฝากแบงค์เฉยๆ กินดอก 3% ซื้อสดไปเลย เพราะดอกเบี้ยรถแพงกว่าแน่นอนครับ





แล้วถ้าไม่คิดเป็นเปอร์เซ็นต่อปี แล้วคำนวณเป็นตัวเลขออกมาเลยว่า ได้ดอกจากฝากแบงค์เท่าไหร่ เสียดอกกับไฟแนนซ์เท่าไรละครับ
เช่น จากตัวอย่าง
เงินสดหนึ่งล้าน ผ่อนดอก 2.5% ต่อปี 4 ปี เสียดอกให้ไฟแนนซ์ 1 แสน
แต่เอาเงินหนึ่งล้านฝากแบงค์ได้ดอก 3% ต่อปี 4 ปี จะได้ดอกมากกว่า 1 แสน (อย่างต่ำ 1.2 แสน)
เงินที่เอาไปฝากแบงค์ไม่ได้เอามาผ่อน

คิดแบบนี้ได้รึเปล่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2013, 14:15:44 โดย 5ume7h »

ออฟไลน์ me0708

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
  • เหนื่อยได้ แต่อย่าท้อ
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 14:44:48 »
ได้ข้อคิดดีๆเพียบเลยครับ

จริงๆรถก็มีใช้ไม่ได้เดือดร้อน แต่แค่ต้องการสนองความอยากเท่านั้นเอง

แต่อ่านคำตอบของบางท่านแล้วชักอยากเอาเงินมาลงทุนก่อนก็น่าจะดี....ถ้า Accord ใหม่ไม่จัดเต็มออฟชั่นซะก่อนนะ
เพราะ ผมรอแค่ Accord ใหม่เปิดตัวเพื่อตัดสินใจ

ส่วนคำตอบของคุณหญิงเล็ก
ถ้าในกรณีจขกท.ดิฉันแนะนำผ่อน แล้วเก็บเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
ส่วนการเอาเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆ ถ้าไม่เก่งเรื่องหุ้นก็อย่าเสี่ยงจะดีกว่า
เพราะช่วงเวลาหุ้นตกหนักๆสามารถทำให้ขาดทุน40-50%ได้เลยทีเดียวไม่ว่าจะLTFก็ด้วยเช่นกัน
ดิฉันแนะนำการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือPFUND แบบFree Hold (เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตัวอาคารรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์)            ไม่ใช่สัญญาเช่าช่วงหรือเรียกว่าLease hold
ยกตัวอย่างเช่นที่ดิฉันถืออยู่
รร.ดุสิตธานี หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ จ่ายผลตอบแทนให้8.1%ต่อปีรับประกันผลตอบแทน4ปี
รร.PP Island Beach Resort ที่เกาะพีพี 7.8%ต่อปี ปล่อยเช่าทำสัญญาล่วงหน้า15ปี
หมู่บ้านนิชดาธานี ได้ค่าเช่าบ้านจากบ.ต่างชาติและสถานทูตอเมริกา+ UN 7.8%ต่อปีทำสัญญา7ปี
Service apartment+Retail spaceให้ร้านค้าเช่าทั้ง3ชั้นล่างที่ตึก8Thonglor6.5%ต่อปี
ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน มั่นคงกว่าการลงทุนในหุ้น แถมซื้อขายได้ทุกวันเหมือนหุ้นทั่วไปค่ะ
ถ้าไม่รบกวนเกินไปอยากสอบถามเพิ่มเติมเรื่องการลงทุน PFund สนใจจริงๆ ครับ

ขอบคุณทุกๆคำตอบอีกครั้งนะครับ

ออฟไลน์ nin122

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 14:55:25 »


การผ่อนรถใหม่ เป็นเงินกู้ดอกต่ำที่สุดที่พึงจะหาได้ครับ ยิ่งได้ดอก 2.25% คือแค่ฝากแบงค์ ดอกดีๆ ที่ 3% ก็คุ้มกว่าแล้ว

ผมว่าคิดแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ

ดอกเบี้ยรถที่ดูเหมือนจะถูกมันเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะมันเป็น fix rate เทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ไม่ได้ครับ

สมมติตัวเลขง่ายนะครับ ยอดจัด 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 2.5%

สมมติเราผ่อน 4 ปี

สรุปดอกเบี้ยปีละ 25,000 บาท x 4 ปี เท่ากับ 1 แสน

ลองมองดีดี คือเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 2.5% ของยอดเต็ม 1 ล้าน หรือ 25,000 บาท ในทุกปี

ปีแรกผ่อนไป 250,000 บาท + ดอกเบี้ย 25,000

ปีที่สอง ยอดมันควรจะเหลือ 750,000 ( เพราะเราจ่ายปีแรกไปแล้ว 250,000) แต่เราคงต้องจ่ายดอกเท่าเดิม คือ 25,000 ในปีที่ 2 ใช่มั้ยครับ

พอเข้าปีที่ 3 ยอดค้างจะเหลืิอประมาณ 5 แสน เราก็ยังต้องจ่ายดอกเต็ม 25,000 บาท >> เท่ากับปีที่ 3 เราจ่ายดอกประมาณ 5%

พอปีสุดท้าย ยอดค้างเหลือประมาณ 250,000 บาท แต่เรายังต้องเสียดอก 25,000 บาท >>> มันคือ 10% นะครับในปีสุดท้าย

สรุป ในทาง finance ถ้าคิดคร่าวๆ ดอกเบี้ยรถยนต์ที่คิด fix rate ไม่ลดต้น ให้คูณ 2-2.5 ไว้เลย

=========================================================

ตอบเจ้าของกระทู้ ถ้าคุณคิดว่าเงินของคุณเอาไปลงทุนได้อย่างน้อย 5% ต่อปี ก็ซื้อผ่อนดีกว่าครับ

แต่ถ้าจะเอา 750,000 ไปฝากแบงค์เฉยๆ กินดอก 3% ซื้อสดไปเลย เพราะดอกเบี้ยรถแพงกว่าแน่นอนครับ





แล้วถ้าไม่คิดเป็นเปอร์เซ็นต่อปี แล้วคำนวณเป็นตัวเลขออกมาเลยว่า ได้ดอกจากฝากแบงค์เท่าไหร่ เสียดอกกับไฟแนนซ์เท่าไรละครับ
เช่น จากตัวอย่าง
เงินสดหนึ่งล้าน ผ่อนดอก 2.5% ต่อปี 4 ปี เสียดอกให้ไฟแนนซ์ 1 แสน
แต่เอาเงินหนึ่งล้านฝากแบงค์ได้ดอก 3% ต่อปี 4 ปี จะได้ดอกมากกว่า 1 แสน (อย่างต่ำ 1.2 แสน)
เงินที่เอาไปฝากแบงค์ไม่ได้เอามาผ่อน

คิดแบบนี้ได้รึเปล่าครับ

ไม่ได้ครับ ดอกเบี๊ยผ่อนรถมันเป็น Flat Rate ไม่เหมือนกับดอกเบี๊ยธนาคารอ่ะครับ

เช่น ยอดเงินที่ผ่อนทั้งหมด 100000 บาท ดอก 2.5% ผ่อน 4 ปี

เงินทั้งหมดคือ 110,000 หาร 48 เดือน = เงินที่คุณผ่อนต่อเดือน = 2291 บาท

เรายืมเงินมา 100000 บาทถูกไหมครับ แล้วเราต้องผ่อน 2291 บาททั้งหมด 48 เดือน
ดังนั้นเมื่อเราคำนวณหา ROR - rate of return จากเงินผ่อน 2291 บาท เป็นเวลา 48 เดือน จะได้เท่ากับ 0.39% ต่อเดือน หรือ 4.84% ต่อปี

ไอ้ 4.84% เนี่ยแหละครับ คือดอกเบี๊ยจริงๆ (เหมือนกับดอกเบี๊ยเงินฝาก หรือ เงินกู้ทั่วไป)

ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่า คุณผ่อนแล้วดก็บเงินไว้ ทำอย่างอื่น ที่ได้มากกว่า 4.84% เลือกผ่อนโลดดดดครับ
แต่ถ้าเทียบกับดอกเบี๊ยเงินฝาก อันนี้ ไม่คุ้มครับผม

ปล. ผมพิมพ์ไม่ละเอียดมาก งงๆ ตรงไหน ลองถามๆมาก็ได้ครับ ^^ หรือดูใน excel ไฟล์แนบก็ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2013, 15:05:17 โดย nin122 »

ออฟไลน์ babynew

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 94
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 15:09:43 »
ไม่สนใจทองแท่งหลอครับ ตอนนี้กำลังดำดิ่ง

1.5m ก็ได้60บ ไม่ต้องคิดไรมาก ลงก็เก็บ สูงก็ขาย

แต่ผมซื้อทีไรลงทุกที เก็บจนจะหมดตัวอยู่ละ -*-

ออฟไลน์ Yinglek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 15:46:34 »
ได้ข้อคิดดีๆเพียบเลยครับ

จริงๆรถก็มีใช้ไม่ได้เดือดร้อน แต่แค่ต้องการสนองความอยากเท่านั้นเอง

แต่อ่านคำตอบของบางท่านแล้วชักอยากเอาเงินมาลงทุนก่อนก็น่าจะดี....ถ้า Accord ใหม่ไม่จัดเต็มออฟชั่นซะก่อนนะ
เพราะ ผมรอแค่ Accord ใหม่เปิดตัวเพื่อตัดสินใจ

ส่วนคำตอบของคุณหญิงเล็ก
ถ้าในกรณีจขกท.ดิฉันแนะนำผ่อน แล้วเก็บเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
ส่วนการเอาเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆ ถ้าไม่เก่งเรื่องหุ้นก็อย่าเสี่ยงจะดีกว่า
เพราะช่วงเวลาหุ้นตกหนักๆสามารถทำให้ขาดทุน40-50%ได้เลยทีเดียวไม่ว่าจะLTFก็ด้วยเช่นกัน
ดิฉันแนะนำการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือPFUND แบบFree Hold (เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตัวอาคารรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์)            ไม่ใช่สัญญาเช่าช่วงหรือเรียกว่าLease hold
ยกตัวอย่างเช่นที่ดิฉันถืออยู่
รร.ดุสิตธานี หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ จ่ายผลตอบแทนให้8.1%ต่อปีรับประกันผลตอบแทน4ปี
รร.PP Island Beach Resort ที่เกาะพีพี 7.8%ต่อปี ปล่อยเช่าทำสัญญาล่วงหน้า15ปี
หมู่บ้านนิชดาธานี ได้ค่าเช่าบ้านจากบ.ต่างชาติและสถานทูตอเมริกา+ UN 7.8%ต่อปีทำสัญญา7ปี
Service apartment+Retail spaceให้ร้านค้าเช่าทั้ง3ชั้นล่างที่ตึก8Thonglor6.5%ต่อปี
ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน มั่นคงกว่าการลงทุนในหุ้น แถมซื้อขายได้ทุกวันเหมือนหุ้นทั่วไปค่ะ
ถ้าไม่รบกวนเกินไปอยากสอบถามเพิ่มเติมเรื่องการลงทุน PFund สนใจจริงๆ ครับ

ขอบคุณทุกๆคำตอบอีกครั้งนะครับ
ยินดีค่ะ สามารถเข้าไปหาข้อมูลใน www.thaipropertyfund.com ได้เลยค่ะ
เข้าไปดูในหัวข้อ ข้อมูลกองทุนรวมอสังหาฯ
ตัวที่เป็นที่นิยมได้แก่ พื้นที่เช่าห้างCentral,Future Park,Major cineplex,Tesco lotus 22สาขาหลัก,สนามบินสมุย,โรงแรมดุสิตธานี
อาคารสำนักงานให้เช่าของCentral world,Q house สามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน มูลค่าการซื้อขาย1-40ล้านต่อวัน สภาพคล่องดีค่ะ
ส่วนเงินปันผลจะจ่ายทุกๆ3เดือนโอนเข้าบัญชีเราเลย ผลตอบแทน5.2-10%ต่อปีค่ะ
หรือถ้าไม่อยากซื้อขายเองในตลาดหลักทรัพย์ ก็สามารถเลือกลงทุนกับทาง กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทางหนึ่งค่ะ
มีของ ธ.เกียรตินาคิน CIMB บลจ.MFC บลจ.วรรณ อันนี้ลองโทรไปสอบถามดูนะค่ะ
X6 , Panamera , Everest

ออฟไลน์ me0708

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
  • เหนื่อยได้ แต่อย่าท้อ
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 16:32:55 »
ได้ข้อคิดดีๆเพียบเลยครับ

จริงๆรถก็มีใช้ไม่ได้เดือดร้อน แต่แค่ต้องการสนองความอยากเท่านั้นเอง

แต่อ่านคำตอบของบางท่านแล้วชักอยากเอาเงินมาลงทุนก่อนก็น่าจะดี....ถ้า Accord ใหม่ไม่จัดเต็มออฟชั่นซะก่อนนะ
เพราะ ผมรอแค่ Accord ใหม่เปิดตัวเพื่อตัดสินใจ

ส่วนคำตอบของคุณหญิงเล็ก
ถ้าในกรณีจขกท.ดิฉันแนะนำผ่อน แล้วเก็บเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
ส่วนการเอาเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆ ถ้าไม่เก่งเรื่องหุ้นก็อย่าเสี่ยงจะดีกว่า
เพราะช่วงเวลาหุ้นตกหนักๆสามารถทำให้ขาดทุน40-50%ได้เลยทีเดียวไม่ว่าจะLTFก็ด้วยเช่นกัน
ดิฉันแนะนำการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือPFUND แบบFree Hold (เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตัวอาคารรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์)            ไม่ใช่สัญญาเช่าช่วงหรือเรียกว่าLease hold
ยกตัวอย่างเช่นที่ดิฉันถืออยู่
รร.ดุสิตธานี หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ จ่ายผลตอบแทนให้8.1%ต่อปีรับประกันผลตอบแทน4ปี
รร.PP Island Beach Resort ที่เกาะพีพี 7.8%ต่อปี ปล่อยเช่าทำสัญญาล่วงหน้า15ปี
หมู่บ้านนิชดาธานี ได้ค่าเช่าบ้านจากบ.ต่างชาติและสถานทูตอเมริกา+ UN 7.8%ต่อปีทำสัญญา7ปี
Service apartment+Retail spaceให้ร้านค้าเช่าทั้ง3ชั้นล่างที่ตึก8Thonglor6.5%ต่อปี
ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน มั่นคงกว่าการลงทุนในหุ้น แถมซื้อขายได้ทุกวันเหมือนหุ้นทั่วไปค่ะ
ถ้าไม่รบกวนเกินไปอยากสอบถามเพิ่มเติมเรื่องการลงทุน PFund สนใจจริงๆ ครับ

ขอบคุณทุกๆคำตอบอีกครั้งนะครับ
ยินดีค่ะ สามารถเข้าไปหาข้อมูลใน www.thaipropertyfund.com ได้เลยค่ะ
เข้าไปดูในหัวข้อ ข้อมูลกองทุนรวมอสังหาฯ
ตัวที่เป็นที่นิยมได้แก่ พื้นที่เช่าห้างCentral,Future Park,Major cineplex,Tesco lotus 22สาขาหลัก,สนามบินสมุย,โรงแรมดุสิตธานี
อาคารสำนักงานให้เช่าของCentral world,Q house สามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน มูลค่าการซื้อขาย1-40ล้านต่อวัน สภาพคล่องดีค่ะ
ส่วนเงินปันผลจะจ่ายทุกๆ3เดือนโอนเข้าบัญชีเราเลย ผลตอบแทน5.2-10%ต่อปีค่ะ
หรือถ้าไม่อยากซื้อขายเองในตลาดหลักทรัพย์ ก็สามารถเลือกลงทุนกับทาง กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทางหนึ่งค่ะ
มีของ ธ.เกียรตินาคิน CIMB บลจ.MFC บลจ.วรรณ อันนี้ลองโทรไปสอบถามดูนะค่ะ

คืนนี้คงอ่านกันยาวเลย ขอบคุณนะครับ ;)

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 888
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 16:52:21 »


ไม่ได้ครับ ดอกเบี๊ยผ่อนรถมันเป็น Flat Rate ไม่เหมือนกับดอกเบี๊ยธนาคารอ่ะครับ

เช่น ยอดเงินที่ผ่อนทั้งหมด 100000 บาท ดอก 2.5% ผ่อน 4 ปี

เงินทั้งหมดคือ 110,000 หาร 48 เดือน = เงินที่คุณผ่อนต่อเดือน = 2291 บาท

เรายืมเงินมา 100000 บาทถูกไหมครับ แล้วเราต้องผ่อน 2291 บาททั้งหมด 48 เดือน
ดังนั้นเมื่อเราคำนวณหา ROR - rate of return จากเงินผ่อน 2291 บาท เป็นเวลา 48 เดือน จะได้เท่ากับ 0.39% ต่อเดือน หรือ 4.84% ต่อปี

ไอ้ 4.84% เนี่ยแหละครับ คือดอกเบี๊ยจริงๆ (เหมือนกับดอกเบี๊ยเงินฝาก หรือ เงินกู้ทั่วไป)

ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่า คุณผ่อนแล้วดก็บเงินไว้ ทำอย่างอื่น ที่ได้มากกว่า 4.84% เลือกผ่อนโลดดดดครับ
แต่ถ้าเทียบกับดอกเบี๊ยเงินฝาก อันนี้ ไม่คุ้มครับผม

ปล. ผมพิมพ์ไม่ละเอียดมาก งงๆ ตรงไหน ลองถามๆมาก็ได้ครับ ^^ หรือดูใน excel ไฟล์แนบก็ได้ครับ


ขอบคุณครับแต่ยังงงอยู่ 555
คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ ROR นะครับ (ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการลงทุน)
คือส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราไม่ได้เอาเงินนี้ไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทน
แต่มาคิดว่า ในเวลา 4 ปี
ระหว่างสองทางเลือก คือ
1 ซื้อสดเต็มจำนวน (ไม่เหลือเงินฝากแบงค์) เมื่อครบเวลา 4 ปี เงินก็ยังเป็น 0 เพราะไม่มีเงินต้น
2 เอาเงินตรงนี้ไปฝากทั้งหมด ได้ดอกตามที่กำหนด
   แล้วเอาเงินเดือนมาผ่อน
   เงินต้นรวมดอกเบี้ยที่ได้จากธนาคารเมื่อครบ 4 ปีจะมากกว่า เงินที่ต้องเสียให้ไฟแนนซ์ทั้งหมด รึเปล่าครับ

อย่างตัวอย่าง ราคารถ 100000 เงินที่ต้องจ่ายไฟแนนซ์สุทธิเท่ากับ 110000
แล้วพอครบ 4 ปีเราน่าจะได้เงินจากธนาคารมากกว่า 110000 (เงินต้น 100000 + ดอก 3000 ต่อปี 4 ปี)
ไม่แน่ใจว่าอันนี้ถูกรึเปล่าครับ

ออฟไลน์ massyy

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 105
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 16:57:28 »
ผมออกเงินสดให้พวกซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง ได้ร้อยละ2% /20วัน

ดีกว่าฝากธนาคารเป็นไหนๆ

1 ล้านก็ 2หมื่นบาท/20วัน


น่าสนใจมากคับ ขอคำแนะนำด้วยน่ะคับ

ออฟไลน์ me0708

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
  • เหนื่อยได้ แต่อย่าท้อ
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 18:04:17 »
ผมออกเงินสดให้พวกซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง ได้ร้อยละ2% /20วัน

ดีกว่าฝากธนาคารเป็นไหนๆ

1 ล้านก็ 2หมื่นบาท/20วัน


น่าสนใจมากคับ ขอคำแนะนำด้วยน่ะคับ
ผมเข้าใจว่าน่าจะกึ่งๆปล่อยกู้หรือเปล่า (ไม่มั่นใจนะครับ พอดีผมขายวัสดุก่อสร้างอยู่)

แต่น่าจะมีความเสี่ยงเงินสูญ(ศูนย์)เพราะเจอช่างเบี้ยวเงิน กำไรจาก ดอกดี แต่ก็เสี่ยงสูง

แต่รอเจ้าของคอมเม้นท์มาตอบดีกว่า... แบบว่ามารอด้วนคน เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ ตรงกับธุรกิจส่วนตัวพอดี

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 19:47:44 »
อ่ะสรุปล่ะกันว่า

เมียเงินสด รถเงินผ่อน

 ::) ::) ::)
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ nin122

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 22:28:16 »


ไม่ได้ครับ ดอกเบี๊ยผ่อนรถมันเป็น Flat Rate ไม่เหมือนกับดอกเบี๊ยธนาคารอ่ะครับ

เช่น ยอดเงินที่ผ่อนทั้งหมด 100000 บาท ดอก 2.5% ผ่อน 4 ปี

เงินทั้งหมดคือ 110,000 หาร 48 เดือน = เงินที่คุณผ่อนต่อเดือน = 2291 บาท

เรายืมเงินมา 100000 บาทถูกไหมครับ แล้วเราต้องผ่อน 2291 บาททั้งหมด 48 เดือน
ดังนั้นเมื่อเราคำนวณหา ROR - rate of return จากเงินผ่อน 2291 บาท เป็นเวลา 48 เดือน จะได้เท่ากับ 0.39% ต่อเดือน หรือ 4.84% ต่อปี

ไอ้ 4.84% เนี่ยแหละครับ คือดอกเบี๊ยจริงๆ (เหมือนกับดอกเบี๊ยเงินฝาก หรือ เงินกู้ทั่วไป)

ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่า คุณผ่อนแล้วดก็บเงินไว้ ทำอย่างอื่น ที่ได้มากกว่า 4.84% เลือกผ่อนโลดดดดครับ
แต่ถ้าเทียบกับดอกเบี๊ยเงินฝาก อันนี้ ไม่คุ้มครับผม

ปล. ผมพิมพ์ไม่ละเอียดมาก งงๆ ตรงไหน ลองถามๆมาก็ได้ครับ ^^ หรือดูใน excel ไฟล์แนบก็ได้ครับ


ขอบคุณครับแต่ยังงงอยู่ 555
คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ ROR นะครับ (ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการลงทุน)
คือส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราไม่ได้เอาเงินนี้ไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทน
แต่มาคิดว่า ในเวลา 4 ปี
ระหว่างสองทางเลือก คือ
1 ซื้อสดเต็มจำนวน (ไม่เหลือเงินฝากแบงค์) เมื่อครบเวลา 4 ปี เงินก็ยังเป็น 0 เพราะไม่มีเงินต้น
2 เอาเงินตรงนี้ไปฝากทั้งหมด ได้ดอกตามที่กำหนด
   แล้วเอาเงินเดือนมาผ่อน
   เงินต้นรวมดอกเบี้ยที่ได้จากธนาคารเมื่อครบ 4 ปีจะมากกว่า เงินที่ต้องเสียให้ไฟแนนซ์ทั้งหมด รึเปล่าครับ

อย่างตัวอย่าง ราคารถ 100000 เงินที่ต้องจ่ายไฟแนนซ์สุทธิเท่ากับ 110000
แล้วพอครบ 4 ปีเราน่าจะได้เงินจากธนาคารมากกว่า 110000 (เงินต้น 100000 + ดอก 3000 ต่อปี 4 ปี)
ไม่แน่ใจว่าอันนี้ถูกรึเปล่าครับ

ถ้ามองเล่นๆ ผ่อนทั้งหมด 110,000 บาท  งั้นเอา 100,000 ฝาก 3% 4 ปี ก็จะได้เงินทั้งหมด 112,551 บาท (ดอกเบี๊ยทบต้น) งี้เราก็ฝากธนาคารสิ!!!!
แต่คุณ  จขกท. ต้องอย่าลืมครับว่า ไอ้เงินที่เราฝากเนี่ย เราต้องเอาไปผ่อน 2291 บาท ทุกเดือนๆ ปีนึงก็ 2291 x 12 แล้วครับ ดังนั้นดอกเบี๊ยที่เราได้จริงๆ จากการฝากธนาคารมันจะไม่ถึง 3000 บาท/ปีครับ ยิ่งปีสุดท้าย เงินหมด ไม่มีดอกแล้วนะครับ หุหุ

สรุปคือ ที่ดอกเบี๊ยผ่อนรถ 2.5% ผ่อน 48 เดือน ถ้าหาอย่างอื่นที่ดอกเบี้ยมากกว่า 4.84% (หลักหักภาษีดอกเบี๊ย 15% ด้วยนะครับ)ไม่ได้ เลือกเงินสดดีกว่าครับผม
ตัวอย่างเช่น พันธบัตร 5%/ปี  หักภาษีไป 15% เหลือ 4.25% อันนี้ก็ยังไม่คุ้มครับ เงินสดดีกว่า
แต้ถ้า พันธบัตร 6%/ปี  หักภาษีไป 15% เหลือ 5.1% อันนี้คุ้มครับ ผ่อนโลด

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 888
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 23:38:21 »
ถ้ามองเล่นๆ ผ่อนทั้งหมด 110,000 บาท  งั้นเอา 100,000 ฝาก 3% 4 ปี ก็จะได้เงินทั้งหมด 112,551 บาท (ดอกเบี๊ยทบต้น) งี้เราก็ฝากธนาคารสิ!!!!
แต่คุณ  จขกท. ต้องอย่าลืมครับว่า ไอ้เงินที่เราฝากเนี่ย เราต้องเอาไปผ่อน 2291 บาท ทุกเดือนๆ ปีนึงก็ 2291 x 12 แล้วครับ ดังนั้นดอกเบี๊ยที่เราได้จริงๆ จากการฝากธนาคารมันจะไม่ถึง 3000 บาท/ปีครับ ยิ่งปีสุดท้าย เงินหมด ไม่มีดอกแล้วนะครับ หุหุ

สรุปคือ ที่ดอกเบี๊ยผ่อนรถ 2.5% ผ่อน 48 เดือน ถ้าหาอย่างอื่นที่ดอกเบี้ยมากกว่า 4.84% (หลักหักภาษีดอกเบี๊ย 15% ด้วยนะครับ)ไม่ได้ เลือกเงินสดดีกว่าครับผม
ตัวอย่างเช่น พันธบัตร 5%/ปี  หักภาษีไป 15% เหลือ 4.25% อันนี้ก็ยังไม่คุ้มครับ เงินสดดีกว่า
แต้ถ้า พันธบัตร 6%/ปี  หักภาษีไป 15% เหลือ 5.1% อันนี้คุ้มครับ ผ่อนโลด

ขอบคุณครับ อันนี้เข้าใจง่ายดี

งั้นสมมติว่า ผมเก็บเงินจนได้เท่ากับราคารถ
และผมเลือกที่จะเอาเงินก้อนนี้ฝากธนาคาร โดยที่ไม่เอาออกมาจ่ายค่างวดเลยถ้าไม่จำเป็น
แต่ใช้เงินจากรายได้ในเดือนถัดๆ ไปมาผ่อน (เงินที่ฝากธนาคาร เอาไว้เผื่อเดือนไหนมีเหตุสุดวิสัยส่งไม่ได้ ก็ถอนมาส่ง)
ประมาณว่าเงินเดือนพอผ่อนได้สบายๆ แต่รถยังมีใช้อยู่เลยเก็บให้ได้เงินก้อนใหญ่ก่อน ไว้เป็นหลักประกันว่าจะส่งได้ต่อเนื่องทุกงวด
พอครบค่อยผ่อน
แนวทางนี้เป็นยังไงบ้างครับ

ออฟไลน์ simcity

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 02:06:37 »

งั้นสมมติว่า ผมเก็บเงินจนได้เท่ากับราคารถ
และผมเลือกที่จะเอาเงินก้อนนี้ฝากธนาคาร โดยที่ไม่เอาออกมาจ่ายค่างวดเลยถ้าไม่จำเป็น
แต่ใช้เงินจากรายได้ในเดือนถัดๆ ไปมาผ่อน (เงินที่ฝากธนาคาร เอาไว้เผื่อเดือนไหนมีเหตุสุดวิสัยส่งไม่ได้ ก็ถอนมาส่ง)
ประมาณว่าเงินเดือนพอผ่อนได้สบายๆ แต่รถยังมีใช้อยู่เลยเก็บให้ได้เงินก้อนใหญ่ก่อน ไว้เป็นหลักประกันว่าจะส่งได้ต่อเนื่องทุกงวด
พอครบค่อยผ่อน
แนวทางนี้เป็นยังไงบ้างครับ


ต้องคิดแบบนี้ครับ

สมมติว่ารถราคา 2 ล้าน เรามีเงิน 2 ล้านพอดี

ถ้าเราดาวน์ 1 ล้าน เหลือยอดจัด 1 ล้าน ดอกเบี้ย 2.5% ผ่อน 4 ปี

เท่ากับยอดจัดรวม 1,100,000 บาท / 48 เดือน = ผ่อนรถเดือนละ  22,916 บาท

คราวนี้ เรามีเงินอยู่ 2 ล้านพอดี ตัวเลือกของเราคือ

1. ซื้อสด >> จบ

2. ดาวน์ 1 ล้าน แล้วเอาเงิน 1 ล้านไปฝากแบงค์ได้ ดอกเบี้ยปีละ 3%

แล้วถอนเงินออกจากแบงค์ทุกเดือน เดือนละ 22,916 เพื่อไปจ่ายค่างวดรถ

คราวนี้ ดอกเบี้ยที่ได้ 3% ต่อปี มันจะไม่ใช่ ปีละ 30,000 บาท หรือ 4 ปี 120,000 แล้วครับ

เพราะยอดเงินฝากเราจะลดลงเรื่อยๆ ทุกเดือน ใช่มั้ยครับ

สรุปว่า ถ้าเลือกวิธีที่ 2 ยังผ่อนรถไม่ครบ แต่เงินในแบงค์เราจะหมดก่อนครับ แบบนี้ซื้อสดจะคุ้มกว่า

=========================================================

ถ้าวิธีที่คุณบอกคือ เอาเงินไปฝากแบงค์ 1 ล้าน แล้วไม่ถอนเลยล่ะ ได้ดอกเบี้ยเต็มๆ 30,000 ต่อปี

ครบ 4 ปี ได้ 120,000 บาท หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย เพราะมันทบต้นดอกเบี้ยไปให้

แต่อย่าลืมว่าเราต้องหาเงินมาจ่ายค่ารถเดือนละ 22,916 บาทอยู่ดีครับ

ต้องเทียบกับว่า งั้นเราซื้อสดเลย แล้วเอาเงินที่หามาได้ ที่ควรจะเป็นค่าส่งเดือนละ 22,916 บาท ไปฝากแบงค์ ทุกเดือน เป็นเวลา 4 ปี

พอครบ 4 ปี แบบไหนเหลือเงินเยอะกว่ากัน ?






ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 888
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 09:15:17 »

ถ้าวิธีที่คุณบอกคือ เอาเงินไปฝากแบงค์ 1 ล้าน แล้วไม่ถอนเลยล่ะ ได้ดอกเบี้ยเต็มๆ 30,000 ต่อปี

ครบ 4 ปี ได้ 120,000 บาท หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย เพราะมันทบต้นดอกเบี้ยไปให้

แต่อย่าลืมว่าเราต้องหาเงินมาจ่ายค่ารถเดือนละ 22,916 บาทอยู่ดีครับ

ต้องเทียบกับว่า งั้นเราซื้อสดเลย แล้วเอาเงินที่หามาได้ ที่ควรจะเป็นค่าส่งเดือนละ 22,916 บาท ไปฝากแบงค์ ทุกเดือน เป็นเวลา 4 ปี

พอครบ 4 ปี แบบไหนเหลือเงินเยอะกว่ากัน ?



ลืมนึกไป เห็นภาพเลย
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ sansan

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 33
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 09:37:16 »
ขอเเชร์นะครับเห็น โจทย์เดียวกับผมเลยตอนซื้อรถผมเลือกจ่ายสดไปเลยด้วยเหตุผล
1. การเอาเงินไปลงทุนใดๆก็ตามมีความเสี่ยงๆมากได้มากครับ อันนี้ผมมองว่าลงทุนให้คุ้มดอกเบี้ยรถยนต์เงินไม่กี่เเสนดูเเล้วเหนื่อย
2. อายุ 30 ปีมีเงินเก็บก้อนเเรก 1.5 ล้าน เลยซื้อรถไปหมดเหลือ เเสนกว่าๆไว้ฉุกเฉิน(เเทนคันเก่าที่้เป็นสมบัติพ่อให้มา)

สรุปผลหลังซื้อรถ
1. เงินค่อนข้างพอดีเพราะเงินเก็บที่เหลือ + รอขายรถคันเก่า คิดว่าไม่เอามาใช้เก็บไว้ก่อน
2. ต่อเดือนต้องเหลือเงินเก็บให้ได้ 30 % ของรายได้ทั้งหมด เพื่อ (เงินเก็บก้อนต่อไป เเละนำไปลงทุนตามอัตภาพทุกๆเดือน)



ออฟไลน์ chat120912

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 11:11:05 »
อย่าลืมเง้อเฟ้อนะครับ มันทำให้ค่าของเงินน้อยลง

ลงทุนอะไรต้องศึกษาดีๆให้เข้าใจจริงๆ  :-*

" My strength is you. "

ออฟไลน์ Kubota

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 207
    • .
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 14:10:30 »
ส่วนตัวผมไม่ค่อยมองเรื่องกระแสเงินสด ณ ปัจจุบันมากกว่าอะคับ เอาเงินไปลงทุนในตลาดเงิน มันได้ผลตอบแทนไม่เท่าไหร่ จะเล่นหุ้นก็ต้องศึกษาดีๆ

อย่างส่วนตัวผม ถ้าเป็นรถ คงวางดาวน์ อย่างเต็มที่ก็ 1/3 ของเงินเก็บที่มีอยู่
ค่างวดรถ ไม่เกิน 1/4 ของรายได้

ทั้งนี้ทั้งนั่นขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยอะคับ

จัดไฟแนนซ์เสียดอกแพงจริง แต่เงินก็เฟ้อทุกปี

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 888
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 14:35:44 »
แล้วเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
มีผลทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องเสียให้ไฟแนนซ์มีค่าลดลงรึเปล่าครับ

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 15:26:38 »
เงินเฟ้อมีผลต่อค่าเงินครับ มีผลทำให้มูลค่าเงินที่จ่ายทุกวันนี้มีมูลค่าสูงกว่าในอนาคตเยอะ
เรียนตามตรง ไม่ต้องคิดถึงเรื่องลงทุนหรอก แต่เงินสด เป็น ทุนที่หมุนเวียนได้เร็วที่สุด คล่องตัวที่สุด มีติดไว้ดีกว่าไม่มี
เพราะความไม่แน่นอนของรายจ่ายในปัจจุบัน ถ้าเราลงไปที่รถก็ขายรถได้ แต่มูลค่าจะลดลงเยอะ และไม่คล่องตัวเพราะไม่สามารถขายได้เลยทันที

การลงทุนมีหลายรูปแบบ การประกอบธุรกิจเอง เอาเงินไปลงทุนต่างๆ แม้เล่นแชร์ก็ลงทุน อันนี้มันไกลตัวและแนะนำยาก
และดอกเบี้ยเงินฝากยังไงก็ไม่คุ้มหรอก คิดถึง ดอกเงินฝากเยอะกว่าดอกเงินกู้ ธนาคารทุกธนาคารไม่เจ๊งหรอครับ

'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ mooindy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 151
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 16:24:01 »
ผมก็ซื้อเงินสด และเคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน ...แต่เราต้องมีเงินสำรองอีกก้อนเผื่อฉุกเฉินด้วยนะครับ
ในกรณีผม มีเงินสำรองอีกก้อน และเงินที่ขายรถคันเก่ากลับมา


ก็เหมือนท่านอื่นๆที่กล่าวมา ถ้าเอาเงินไปฝาก เพื่อหวังผลดอกเบี้ย ...เราก็ยังต้องมีเงินแต่ละเดือนมาผ่อนครับ

สรุป ถ้าจะทำเงินจากดอกเบี้ย ต้องมีเงินสำรองครับ

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: มกราคม 07, 2013, 16:33:03 »
ถ้ามีเงิน มีเงินเหลือๆน่ะครับ ผมเลือกที่จะซื้อสดครับ ซื้อความสบาย
ผมไม่ชอบนักกับการต้องผ่อนทุกเดือน เหมือนเป็นภาระ เป็นเรื่องที่ต้องกังวล ต้องนึกถึงตลอดเรื่อยๆในหัว

ต้องมากังวลต่ออีก ว่าเกิดเดือนนี้เงินไม่พอ ทำไงต่ออะไรประมาณนี้ครับ
ชอบสบายใจมากกว่าครับ

ความสบายใจ มีคุณค่ามากกว่าดอกเบี้ยครับ
 ;D ;D ;D

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: มกราคม 08, 2013, 01:03:10 »
เห็นด้วยตามที่คุณ Maimakha บอกครับ

ถ้าเงินไม่เหลือๆจริงๆ อย่าไปซื้อสดครับ   ไม่ก็เก็บตังไปอีกหน่อย 

ลองถามตัวเองดูครับว่าถ้าซื้อผ่อน เงินส่วนที่เหลือ เอาไปทำอะไรให้งอกเงยได้บ้าง ดูครับ อาจจะได้ไม่เท่าดอกไฟแนนท์ แต่การมีเงินสดหมุนเวียน ผมว่าสำคัญกว่าครับ

เหมือนทำธุรกิจแหละครับ
ขาดทุนยังพออยู่ได้ แต่ถ้าขาดเงินสด รอดยากครับ