ผู้เขียน หัวข้อ: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน  (อ่าน 26469 ครั้ง)

ออฟไลน์ me0708

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
  • เหนื่อยได้ แต่อย่าท้อ
    • อีเมล์
ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 15:19:47 »
ได้ข้อมูลนี้มาจากเพื่อนที่เป็นเซลล์ มันน่าคิดดี

ต้องการซื้อรถราคา 1.5 ล้าน โดยมีเงินสดอยู่ 1.5 ล้านพอดี

- ถ้าซื้อสดก็ OK ไม่มีหนี้ (รายได้/เดือนหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 40,000 - 60,000 บาท)

ทีนี้เพื่อนมันบอกว่าทำไมไม่ซื้อผ่อน แล้วมันก็ยกตัวอย่างให้ฟังว่า

รถ 1.5 ล้าน ดาวน์ 7.5 แสน ผ่อน 3 ปี ด/บ 2.25% = ด/บ 16,875 บาท/ปี 3ปี = 50,625 บาท
สรุปเสีย ด/บ 50,625 บาท (ผ่อนต่อเดือน 22,240 บาท)

แต่เงินเก็บอีก 750,000 บาท ของเรายังอยู่ เอาไปซื้อสลากออมสิน 3 ปี หน่วยละ 50 บาท ได้ 15,000 หน่วย ครบอายุสลาก 3 ปี ขายคืนได้ 52.50 บาท/หน่วย
(ด/บ รับ 2.5 บาท/หน่วย x 15,000 หน่วย = 37,500 บาท )

สรุปรวม ผมจะเสียด/บ 50,625 - 37,500 = 13,125 บาท (ยังไม่รวมเผื่อฟลุดถูกสลากในแต่ละงวด)

เผื่อเหตุฉุกเฉินหรืออะไรก็แล้วแต่ยังมีเงินสำรองไว้

ถ้าเป็นแบบนี้ผมควรซื้อสดหรือผ่อนดี คิดแล้วคิดอีกก็ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน


ออฟไลน์ cdchn

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 15:29:51 »
  แสดงว่า จะต้อง ลงทุนเงินผ่อน เพิ่มจาก เงินต้น ที่ต้องไปซื้อ ออมสิน ใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ SUPAPID

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 240
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 15:39:17 »
ถ้าลงทุน แล้วได้ผลตอบแทนกว่า 2.25%  คุณก็คุ้มกว่า อาจจะไม่ใช่แค่สลากออกสิน

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 15:55:58 »
ควรมีเงินสดไว้บ้างยามฉุกเฉินครับไม่งั้นก็ลดสเปครถลงมา ผมรู้จักคนนึงซื้อซีวิคเงินสดแต่ผ่านไปได้ราวๆ 6 เดือนมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินอย่างแรง (จำไม่ได้ว่าบวชหรือแต่งงาน) ก็เอารถไปเข้าไฟแนนท์เสียดอกบานทะโร่เลย


ถ้าเป็นผมก็คงเอาเงินมาลงทุนมากกว่าครับดาวน์ซัก 3 แสน เหลือ 1 ล้าน เก็บ 2 แสน ลงทุน 1 ล้าน ได้ 1.5%/เดือนเท่ากับกำไรเดือนละ 15,000 ปีละ 180,000 แค่ปีเดียวก็ cover ดอกได้เกือบหมดแล้วเอาไปเอามาถูกกว่าซื้อสดซะอีก แต่เพราะคิดแบบนี้แหละเลยไม่ได้ซื้อซักกะที  :D :D :D
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 16:02:28 »
คิดอย่างนั้นไม่ได้ครับ เงินต้นที่ฝากสลากออมสิน จะถอนได้เมื่อครบ 3 ปี

แต่เงินที่ผ่อน ต้องจ่ายทุกเดือน ถ้าเอา 750,000 ไปฝากหมด ก็จะต้องเจียดเงินก้อนอื่นมาผ่อนไม่ใช่หรือครับ?

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำได้หากซื้อเงินผ่อน คือการฝากพวกบัญชีออมทรัพย์พิเศษ ดอกเบี้ย 3%

ถ้าเราฝากเงิน 750,000 ดอกเบี้ยร้อยละ 3 นาน 3 ปี จะได้ดอกเบี้ย 68,000 บาท

แต่ทว่า เนื่องจากเราต้องถอนเงินไปผ่อนทุกเดือน เพราะฉะนั้นเงินต้นเราจะลดลงเรื่อยๆ จนหมด เป็นกราฟรูปสามเหลี่ยม ไม่ใช่สี่เหลี่ยม

ดอกเบี้ยที่ได้จริงๆ คิดง่ายๆ 68,000/2 = 34,000 บาท

แต่ดอกเบี้ยที่ต้องผ่อน ไม่ลดตามเงินต้น ต้องจ่ายเต็มๆ 37,500 บาท สรุปคือขาดทุน 3,500 บาท



เพราะฉะนั้น แนวคิดนี้จะใช้ได้ต่อเมื่อมีวิธีหาดอกเบี้ยเงินฝากให้ได้อย่างน้อย 2 เท่าตัวของดอกเบี้ยรถครับ

กรณีนี้คือ ร้อยละ 4.5 ต่อปีขึ้นไป และต้องถอนได้ทุกเมื่อ ซึ่งผมมองเห็นแค่การลงทุนตลาดหลักทรัพย์ (หุ้น) ซึ่งมีความเสี่ยงนิดหน่อย

ครับ

ออฟไลน์ DArkMaster

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 963
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 16:20:00 »
ถ้าโจทย์มัดมาว่าต้องซื้อตัว 1.5ล้าน ผมคงซื้อผ่อนเอาครับ เผื่อฉุกเฉินจะได้เอาเงินไปหมุนก่อน แต่ถ้าโจทย์เปลี่ยนไปผมก็จะบอกว่าซื้อรถถูกกว่านี้จะได้มีเงินหมุน+มีเงินเย็น จะได้กันเหนียวไว้2ชั้น

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 16:29:52 »
ที่เพื่อนบอกถูกต้องครับ

การผ่อนรถใหม่ เป็นเงินกู้ดอกต่ำที่สุดที่พึงจะหาได้ครับ ยิ่งได้ดอก 2.25% คือแค่ฝากแบงค์ ดอกดีๆ ที่ 3% ก็คุ้มกว่าแล้ว ไหนจะเผื่อฉุกเฉินสำรองอีก

แต่หากจะลงทุน หาหุ้นดีๆ มีปันผล เกิน 5% เยอะแยะมากมาย ไม่ต้องมอง ไม่ขาย เก็บ 3-4 ปี หากบริษัทดีๆ มีแต่ราคาจะขึ้น คือได้กำไรมากกกว่าอีก
หรือเอาอีกแง่ เอาไปซื้อกองทุน LTF RMF หากฐานภาษีอยู่ 30% ยิ่งเจ๋ง ได้คืนทันที 30% เฉลี่ยอายุ ก็ 3.5 ปีไม่เกิน (ซื้อปลายปี ขายต้นปี) การถือครองต่ำกว่า 4 ปีแน่ๆ ตีเป็น 4 ก็ได้ เท่ากับ เฉลี่ยได้คืนปีละ 7.5% ไม่รวมราคา กองทุนที่ขึ้น ไม่รวมปันผลจากกองทุนที่จะได้

ประมาณนี้ครับ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ Teamkk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 121
  • ไม่มีอะไรดีที่สุด แค่ชอบที่สุดก้อพอ
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 16:36:35 »
ส่วนต่างไม่เยอะอย่าเอาไปคิดเลยครับ  ถ้าเป็นหนี้แล้วไม่เป็นทุกข์ผ่อนไปเถอะครับ แต่ถ้าเป็นหนี้แล้วกินไม่อร่อย นอนไม่อิ่มเหมือนเดิม จ่ายไปเถอะครับ ช้าเร็วต้องใช้หนี้เค๊าเหมือนเดิม โชคดีครับผม... ;)

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,292
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 16:40:58 »
อันนี้แล้วแต่สถานะทางการเงินของคุณเลยครับ ว่ารายได้เท่าไหร่ ภาระเยอะมั้ย

ถ้ารายได้เยอะ เข้าแน่นอนทุกเดือน  ไม่ใช่ ขึ้น ๆ ลงๆ  ก็ซื้อสดได้

แต่ถ้าเป็นผมคงไม่ซื้อด้วยเงินทั้งหมดที่มีอยู่หรอกครับ

ใครจะไปรู้ วันนึง คนในครอบครัว อาจป่วย เข้า รพ. ต้องการใช้เงิน

หรือ อุบัติเหตุต่างๆ ก็เกิดขึ้นได้

ถ้า ดาวน์ 50% ก็มี เงินเหลือ 750,000 ผมฝาก สหกรณ์ ได้ 5.5% ต่อปี

ก็คงรู้สึกปลอดภัยกว่านะครับ

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 16:54:47 »
ในมุมมองของผมนะครับ
การที่จะซื้อรถเงินสด ควรมีเงินสดคงเหลือในมือให้ใช้ได้อย่างต่ำ 6 เดือน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าเราไม่สามารถตอบได้
การซื้อรถเงินผ่อน ณ วันที่ซื้อรถก็ควรมีเงินเก็บมากกว่าราคารถ เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถปิดยอดรถได้ตลอดเวลา หากเราจำเป็นต้องทำธุรกรรม หรือ ลงทุนในอนาคต

เอาง่าย ๆ นะครับ ถ้าเงินเดือน 1 แสนบาท มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท ใช้จ่ายเต็มที่เดือนละ 7 หมื่น เก็บ 3 หมื่นต่อเดือน
ซื้อรถคันละ 8 แสน
1. กรณีแรก ถ้าซื้อสด เงินเก็บเหลือ 2 แสน และมีเงินเก็บอีกเดือนละ 30000   
          ใน 1 ปีต่อมา คุณจะมีเงินเก็บประมาณ 560000 บาท คุณต้องเอาไปเสียภาษี ซื้อประกัน หรือ LTF สุดท้ายอาจเหลือเก็บจริง 4 แสน
          ใน 3 ปีต่อมา คุณน่าจะมีเงินเก็บประมาณ 8 แสน

2. กรณ๊ที่สอง ซื้อเงินเผ่อน ดาวน์ 50% ดอก 2.25% 3 ปี เงินเก็บเหลือ 6 แสน แต่ละเดือนที่เหลือ 30000 เอามาผ่อนรถอีก 12000 เหลือเก็บเดือนละ 18000
          ใน 1 ปีต่อมา คุณจะมีเงินเก็บประมาณ 600000 + 12(18000) ประมาณ 820000 และเหมือนเดิมหักโน่นหักนี่เหลือ 660000
          ใน 3 ปีต่อมา คุณน่าจะมีเงินเก็บประมาณ ประมาณ 770000

3. กรณีสุดท้าย เหมือนข้อ 2 แต่เอาไปฝากธนาคารประจำ 12 เดือน ได้ดอกเบี้ย 2.9 - 3%
         ต่อจากแบบที่ 2 เงินเก็บเหลือ 600000 ถามใจต้วเองว่าจะนำไปฝากเท่าไหร่คับ เอาง่าย ๆ นะครับ คิดว่าเหลือเหมือนกรณ๊ที่ 1 เงินเก็บ 200000
         เอาไปฝากธนาคาร 400000 ได้ดอกปีละ 12000 คิดทบต้นไปมา น่าจะประมาณ 40000
         สุดท้ายเงินเก็บปีที่ 3 ก็ประมาณ 8 แสน พอ ๆ กับกรณีแรก

อย่างที่คุณเจ้าของกระทู้ว่า วีธีสุดท้ายดูเป็นวีธีที่ดีสุดตามทฤษฎี แต่ในชีวิตจริง คนเราไม่ได้อยากของอย่างเดียวหรอกครับ อยากได้โทรศัพท์ใหม่ ทีวีใหม่ แต่รถ ไปเที่ยว
ต้องถามใจตัวเองว่าทนได้ไหมครับ สำหรับผมแบบสองครับ เพราะเงินในมือคงเหลือมากกว่า ส่วนดอกเบื้ยประมาณ 3 หมื่น ถามว่าเสียดายไหม
ผมว่าใคร ๆ ก็คงเสียดาย แต่ถ้าเทียบกับความมั่นคงทางการเงินแบบสอง ดีกว่าชัดเจนครับ เกิดอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน ก็ยังมีเงินใช้จ่ายคล่องตัวกว่า

แต่ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ มีเงินเก็บเยอะอยู่แล้ว ผมว่าไม่ว่ากรณีไหนก็เหมือนกัน ส่วนต่างมันอยู่ที่ราคารถที่ซื้อครับ ยิ่งรถแพง ดอกเบี้ยก็เสียเยอะตาม
ตามทฤษฏีที่ผมว่าดีสุดคือ ดาวน์ให้ต่ำสุด ที่ดอกเบี้ย 0% ผ่อนกี่ปีตามสะดวกครับ

ทั้งหมดเป็นแค่ทฎษฎีนะครับ ผมชอบคำนวณ อาจมีถูก-ผิด ยังไงเงินของคุณ ก็ต้องบริหารด้วยตัวเองครับ ;D

ออฟไลน์ myalexxp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 17:03:33 »
ผมออกเงินสดให้พวกซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง ได้ร้อยละ2% /20วัน

ดีกว่าฝากธนาคารเป็นไหนๆ

1 ล้านก็ 2หมื่นบาท/20วัน


ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 17:07:49 »
ควรมีเงินสดไว้บ้างยามฉุกเฉินครับไม่งั้นก็ลดสเปครถลงมา ผมรู้จักคนนึงซื้อซีวิคเงินสดแต่ผ่านไปได้ราวๆ 6 เดือนมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินอย่างแรง (จำไม่ได้ว่าบวชหรือแต่งงาน) ก็เอารถไปเข้าไฟแนนท์เสียดอกบานทะโร่เลย


ถ้าเป็นผมก็คงเอาเงินมาลงทุนมากกว่าครับดาวน์ซัก 3 แสน เหลือ 1 ล้าน เก็บ 2 แสน ลงทุน 1 ล้าน ได้ 1.5%/เดือนเท่ากับกำไรเดือนละ 15,000 ปีละ 180,000 แค่ปีเดียวก็ cover ดอกได้เกือบหมดแล้วเอาไปเอามาถูกกว่าซื้อสดซะอีก แต่เพราะคิดแบบนี้แหละเลยไม่ได้ซื้อซักกะที  :D :D :D

โห กำไร 18% ต่อปีเลยหรือครับ ถ้ามีช่องทางได้ขนาดนี้ น่าสนมาก ไม่ทราบว่าเป็นแนวไหนครับ สนใจ

ออฟไลน์ swan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 901
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 17:20:05 »
ผมก็คเคยคิดแบบเดียวกับ จขกท. วางเงินดาวน์ไปครึ่งหนึ่ง ผ่อน 60 เดือน เงินที่เหลือก็เอาไปลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีมีปันผล กะถือไว้ 60 เดือนโดยที่ไม่เอาเงินออกมา เพียงไม่ถึงปีผมก็ได้ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยคืน แล้วก็ยังมีเงินปันผลเป็นของแถมมาอีก และถือไว้ยาวๆก็ยังมีส่วนต่างของราคาที่เพิ่มขึ้นมา ส่วนจะได้กี่ % คงเร็วเกินไปที่จะสรุป ต้องรอดูว่าเมื่อครบ 60 เดือนเงินส่วนที่ว่านี้จะมีมูลค่าเพิ่ม หรือลดลงเท่าไหร่

ออฟไลน์ ryukin

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 18:00:01 »
ซื้อเงินสดแล้วมีเงินอยู่พอดี
ถ้าเป็นผม ผมจะไม่เลือกจ่ายเงินสดทั้งก้อนทีเดียวครับ
ยังไงก็ต้องมีเงินก้อนสำรองเผื่อเหตุฉุกเฉินไว้บ้าง

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยผมเคยคิดเหมือนกันดอกเบี้ยรถถูกมาก
แต่ถ้าเราเอาไปฝากประจำก็โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย15%
แล้วถ้าดอกเบี้ยรับเกิน 20,000 บาท/ปี
ก็คิดเป็นรายได้ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาอีก เรตเท่าไหรก็ขึ้นอยู่กับรายได้

ส่วนเรื่องถ้าจะไปลงทุนหุ้น ณ ตอนนี้
ต่อให้หุ้นตัวนั้นปันผลเยอะก็ยังอันตรายครับ
เพราะราคาหุ้นตอนนี้ ดัชนีขึ้นสูงสุดในรอบ16ปีแล้ว... ;D


ถ้าจะลงทุนแนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปหลายๆรูปแบบครับ



ออฟไลน์ me0708

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
  • เหนื่อยได้ แต่อย่าท้อ
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 19:07:50 »
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์นะครับ

ขอเอาไปนั่งคำนวณดูดีๆอีกที แต่รถยังไงก็คงต้องซื้อแน่ๆ เพราะกิเลสมันบังตาซะละ อิอิ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 19:32:28 »
ผมยังผ่อนรถอยู่เช่นกัน..เงินสดในมือมีพอซื้อเงินสด แต่ไม่ซื้อสด  ดอกเบี้ยมันถูก คิดแล้วเลยผ่อน เงินเก็บไปทำอย่างอื่น เฉพาะสลากออมสิน ที่คุณคิดจะซื้อ  ผมซื้อเลขรันนิ่ง สามล้าน สองปีได้รางวัลที่สองครั้งเดียว รวมยอดดอกเบี้ย ที่ได้มา  แสนห้า..ขี้เกียจคำนวณว่าได้กี่%  ...ครับ

ออฟไลน์ Disk™

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,153
  • High Society Sallon Gallery
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 20:36:41 »
ผมว่าจ่ายสดซัก 8 แสนแล้วก็ผ่อนที่เหลือดีกว่าครับ เผื่อต้องใช้เงิน จะได้คล่องตัว
User Review : ฟิล์มเซรามิค SolarFX (รีวิวแรกของผมครับ)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53654.0

User Review : Remap ECU Toyota Fortuner ที่ ECU Thailand by RPT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=71384.0

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 20:52:37 »
โห มีเงินเก็บ 1.5 ล้าน แล้วซื้อรถหมดเลย มันจะเสี่ยงไปนะครับ

ในความคิดผม ผ่อนดีกว่าครับ ปลอดภัยไว้ก่อน หรือถ้าจะซื้อสด ควรจะซื้อรถที่ราคาต่ำกว่านี้หน่อยครับ เช่น
แทนที่จะซื้อ D-segment ก็ไปซื้อ C-segment แทน ค่อยซื้อสด

ออฟไลน์ babynew

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 94
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 21:03:55 »
ได้ข้อมูลนี้มาจากเพื่อนที่เป็นเซลล์ มันน่าคิดดี

ต้องการซื้อรถราคา 1.5 ล้าน โดยมีเงินสดอยู่ 1.5 ล้านพอดี

- ถ้าซื้อสดก็ OK ไม่มีหนี้ (รายได้/เดือนหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 40,000 - 60,000 บาท)

ทีนี้เพื่อนมันบอกว่าทำไมไม่ซื้อผ่อน แล้วมันก็ยกตัวอย่างให้ฟังว่า

รถ 1.5 ล้าน ดาวน์ 7.5 แสน ผ่อน 3 ปี ด/บ 2.25% = ด/บ 16,875 บาท/ปี 3ปี = 50,625 บาท
สรุปเสีย ด/บ 50,625 บาท (ผ่อนต่อเดือน 22,240 บาท)

แต่เงินเก็บอีก 750,000 บาท ของเรายังอยู่ เอาไปซื้อสลากออมสิน 3 ปี หน่วยละ 50 บาท ได้ 15,000 หน่วย ครบอายุสลาก 3 ปี ขายคืนได้ 52.50 บาท/หน่วย
(ด/บ รับ 2.5 บาท/หน่วย x 15,000 หน่วย = 37,500 บาท )

สรุปรวม ผมจะเสียด/บ 50,625 - 37,500 = 13,125 บาท (ยังไม่รวมเผื่อฟลุดถูกสลากในแต่ละงวด)

เผื่อเหตุฉุกเฉินหรืออะไรก็แล้วแต่ยังมีเงินสำรองไว้

ถ้าเป็นแบบนี้ผมควรซื้อสดหรือผ่อนดี คิดแล้วคิดอีกก็ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน



นี้มันชีวิตผมนิหว่า รายได้พอๆกันเลย

ถอยหลังไป 16เดือน ผมมีเงินอยู่ 1ล้าน แต่ทำไงดีอยากได้ accord 2.4

จะซื้อเงินสดไม่พอแน่ จะยืมที่บ้านไม่เอาอะอยากซื้อเองด้วยเงินที่หามาเอง

สรุป ดาวไป5แสน ดอก2.5% 5ปี  ผ่อน 18,750 /เดือน สรุปเหลือเงินสด 5แสน

ไปซื้อทองแท่งไว้เผือวันไหนไม่มีผ่อนก็ขาย ถึงตอนนี้ทองก็ไม่ต้องขายแถมยังผ่อนสบายๆ

ออฟไลน์ MaiSki

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 679
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 21:23:08 »
เอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนต่อเดือนเท่ากับค่างวด ดีสุด

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 22:11:36 »
ควรมีเงินสดไว้บ้างยามฉุกเฉินครับไม่งั้นก็ลดสเปครถลงมา ผมรู้จักคนนึงซื้อซีวิคเงินสดแต่ผ่านไปได้ราวๆ 6 เดือนมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินอย่างแรง (จำไม่ได้ว่าบวชหรือแต่งงาน) ก็เอารถไปเข้าไฟแนนท์เสียดอกบานทะโร่เลย


ถ้าเป็นผมก็คงเอาเงินมาลงทุนมากกว่าครับดาวน์ซัก 3 แสน เหลือ 1 ล้าน เก็บ 2 แสน ลงทุน 1 ล้าน ได้ 1.5%/เดือนเท่ากับกำไรเดือนละ 15,000 ปีละ 180,000 แค่ปีเดียวก็ cover ดอกได้เกือบหมดแล้วเอาไปเอามาถูกกว่าซื้อสดซะอีก แต่เพราะคิดแบบนี้แหละเลยไม่ได้ซื้อซักกะที  :D :D :D

โห กำไร 18% ต่อปีเลยหรือครับ ถ้ามีช่องทางได้ขนาดนี้ น่าสนมาก ไม่ทราบว่าเป็นแนวไหนครับ สนใจ

เกี่ยวกับรถมือสองครับทั้งซื้อมาขายไปและจัดไฟแนนท์แต่ตอนนี้เหลือแค่ไฟแนนท์เพราะช่วงนี้ขายอืดและจัดไฟแนนท์ไปเรื่อยเงินก็หมด  :D :D :D  จริงได้มากกว่าร้อยละ 18 ต่อปีครับเพราะที่จ่ายไม่ได้มีแค่ดอกแต่มีเงินต้นด้วยได้อีกก้อนก็จัดอีกผ่านไปปีกว่าจากสี่แสนงอกเป็นห้าแสนล่ะ ที่ทำได้เพราะที่บ้านผมเป็นเต้นท์นะครับแล้วแต่โอกาสและช่องทางของแต่ละคนครับ อนาคตกะว่าจะเปิดร้านถ่ายเอกสาร เข้าเล่ม เครื่องเขียน ต่อประกัน พรบ นายหน้าไฟแนนท์ อู๊ยยยย โครงการเพียบตอนนี้ยุ่งกับเรื่องลูกก่อน
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 22:25:05 »
ต้องถามพี่ว่า พี่ใช้เวลาเก็บเงิน 7.5 แสนนานหรือไม่อ่ะครับ

ประเด็นอยู่ที่ว่า :
พี่ต้องดีไซน์ทางสายกลางเพื่อสร้างสมดุล
ระหว่างความประหยัด กับความพอเพียง
ในแบบของพี่เองครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 05, 2013, 22:27:17 โดย redsun »

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 22:40:41 »
ควรมีเงินสดไว้บ้างยามฉุกเฉินครับไม่งั้นก็ลดสเปครถลงมา ผมรู้จักคนนึงซื้อซีวิคเงินสดแต่ผ่านไปได้ราวๆ 6 เดือนมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินอย่างแรง (จำไม่ได้ว่าบวชหรือแต่งงาน) ก็เอารถไปเข้าไฟแนนท์เสียดอกบานทะโร่เลย


ถ้าเป็นผมก็คงเอาเงินมาลงทุนมากกว่าครับดาวน์ซัก 3 แสน เหลือ 1 ล้าน เก็บ 2 แสน ลงทุน 1 ล้าน ได้ 1.5%/เดือนเท่ากับกำไรเดือนละ 15,000 ปีละ 180,000 แค่ปีเดียวก็ cover ดอกได้เกือบหมดแล้วเอาไปเอามาถูกกว่าซื้อสดซะอีก แต่เพราะคิดแบบนี้แหละเลยไม่ได้ซื้อซักกะที  :D :D :D

โห กำไร 18% ต่อปีเลยหรือครับ ถ้ามีช่องทางได้ขนาดนี้ น่าสนมาก ไม่ทราบว่าเป็นแนวไหนครับ สนใจ

เกี่ยวกับรถมือสองครับทั้งซื้อมาขายไปและจัดไฟแนนท์แต่ตอนนี้เหลือแค่ไฟแนนท์เพราะช่วงนี้ขายอืดและจัดไฟแนนท์ไปเรื่อยเงินก็หมด  :D :D :D  จริงได้มากกว่าร้อยละ 18 ต่อปีครับเพราะที่จ่ายไม่ได้มีแค่ดอกแต่มีเงินต้นด้วยได้อีกก้อนก็จัดอีกผ่านไปปีกว่าจากสี่แสนงอกเป็นห้าแสนล่ะ ที่ทำได้เพราะที่บ้านผมเป็นเต้นท์นะครับแล้วแต่โอกาสและช่องทางของแต่ละคนครับ อนาคตกะว่าจะเปิดร้านถ่ายเอกสาร เข้าเล่ม เครื่องเขียน ต่อประกัน พรบ นายหน้าไฟแนนท์ อู๊ยยยย โครงการเพียบตอนนี้ยุ่งกับเรื่องลูกก่อน

ถึงว่าทำไมมันงามจัง (ดอกเบี้ย)

ช่องทางแต่ละท่านก็มีหลากหลายกันไป อย่างที่ว่าแหละ ของแบบนี้ ทางใครทางเค้า ว่ากันไป

ขอบคุณมากครับที่มาแชร์ให้ฟัง

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,145
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 22:46:43 »
เข้ามาเก็บข้อมูล

ออฟไลน์ kikumarru

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 23:43:19 »
สรุปให้ แล้วกัน
คำแนะนำของเซลล์ก้อคือคำแนะนำของเซลล์ไม่ว่าจะเป็นเพื่อหรืออะไรก้อตาม
ที่พูดมาทั้งหมดก้อถูก แต่มีอีกเรื่องคื่
เซลล์ขายรถได้ค่าคอมจากบริษัทรถ
แต่ถ้าเข้าไฟแนนซ์ได้ค่าคอมจากไฟแนนซ์อีกต่อนึง
แค่นั้นแหละที่เซลล์จะเชียร์ให้ผ่อน
แต่ต้องหาวิํีพูดหว่านล้อมให้ไม่เข้าตัวเอง ให้ไปเข้าข้างคนซื้อ ว่าได้ประโยชน์งั้นงี้

ปต่คนซื้อต้องตัดสินใจเองว่าถ้าเงินที่ใช้แค่ดาวน์ แล้วที่เหลือลงทุนอะไรก้อตามแต่ได้ผลประโยชน์มากกว่าก้อผ่อน
หรือมีเงินไม่พอซื้อสดก้อผ่อน แต่ถ้าเงินนี้เก็บไว้เฉยๆในธนาคาร ฝากกินดอก ถ้าดอกมากกว่าดอกรถ ก้อผ่อน แต่ไม่มีหรอก
ฟรือถ้าไม่มีที่ลงทุนทำให้มันงอกเงยได้ก้อซื้อสดดีกว่า ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ยังงัยก้อตามคนซื้อเป้นคนรับผิดชอบ
เซลล์แค่แนะนำอย่าไปเชื่อเซลล์หรือคนอื่น เงินของตัวเอง ตัวเองต้องรับผิดชอบดูแล และ/ม่ต้องเดือดร้อน

ออฟไลน์ auto46

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 81
  • ปืนฉีดน้ำ
    • LANCER EX
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 23:45:15 »
มาเก็บข้อมูลวิธีคิดการหาเงินของพวกพี่ ๆ

ออฟไลน์ simcity

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 00:10:41 »


การผ่อนรถใหม่ เป็นเงินกู้ดอกต่ำที่สุดที่พึงจะหาได้ครับ ยิ่งได้ดอก 2.25% คือแค่ฝากแบงค์ ดอกดีๆ ที่ 3% ก็คุ้มกว่าแล้ว

ผมว่าคิดแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ

ดอกเบี้ยรถที่ดูเหมือนจะถูกมันเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะมันเป็น fix rate เทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากแบงค์ไม่ได้ครับ

สมมติตัวเลขง่ายนะครับ ยอดจัด 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 2.5%

สมมติเราผ่อน 4 ปี

สรุปดอกเบี้ยปีละ 25,000 บาท x 4 ปี เท่ากับ 1 แสน

ลองมองดีดี คือเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 2.5% ของยอดเต็ม 1 ล้าน หรือ 25,000 บาท ในทุกปี

ปีแรกผ่อนไป 250,000 บาท + ดอกเบี้ย 25,000

ปีที่สอง ยอดมันควรจะเหลือ 750,000 ( เพราะเราจ่ายปีแรกไปแล้ว 250,000) แต่เราคงต้องจ่ายดอกเท่าเดิม คือ 25,000 ในปีที่ 2 ใช่มั้ยครับ

พอเข้าปีที่ 3 ยอดค้างจะเหลืิอประมาณ 5 แสน เราก็ยังต้องจ่ายดอกเต็ม 25,000 บาท >> เท่ากับปีที่ 3 เราจ่ายดอกประมาณ 5%

พอปีสุดท้าย ยอดค้างเหลือประมาณ 250,000 บาท แต่เรายังต้องเสียดอก 25,000 บาท >>> มันคือ 10% นะครับในปีสุดท้าย

สรุป ในทาง finance ถ้าคิดคร่าวๆ ดอกเบี้ยรถยนต์ที่คิด fix rate ไม่ลดต้น ให้คูณ 2-2.5 ไว้เลย

=========================================================

ตอบเจ้าของกระทู้ ถ้าคุณคิดว่าเงินของคุณเอาไปลงทุนได้อย่างน้อย 5% ต่อปี ก็ซื้อผ่อนดีกว่าครับ

แต่ถ้าจะเอา 750,000 ไปฝากแบงค์เฉยๆ กินดอก 3% ซื้อสดไปเลย เพราะดอกเบี้ยรถแพงกว่าแน่นอนครับ




ออฟไลน์ Kubota

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 207
    • .
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 01:11:51 »
ต้องการซื้อรถราคา 1.5 ล้าน โดยมีเงินสดอยู่ 1.5 ล้านพอดี

ส่วนตัวผม ผมแบ่งตามกรณีแบบนนี้นะครับ
- เกษียรแล้ว ลูกหลานมีหน้าที่การงานดี มีทรัพย์สินเหลือๆ << แบบนี้สดหรือผ่อนก็ได้
- ถ้าอยู่ในวัยทำงาน เป็นผมยังไงก็ผ่อนอยู่ดี แต่ต้องดูรายได้ และค่าใช้จ่ายอื่นๆต่อเดือนว่าเหลือเงินเท่าไหร่อะครับ อย่างเต็มที่สุดๆค่างวดรถก็ไม่ควรเกิน 30% รายได้ต่อเดือน และก็ดาวน์ไม่เกิน 1/3 ของ เงินที่มีอยู่ เว้นแต่มีทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงเก็บไว้ในรูปแบบอื่นๆอยู่ด้วยอีกจำนวนนึงพอสมควร
- ถ้ารายได้ต่อเดือนยังไม่มากกว่า 3 เท่าของค่างวดรถ เป็นผมจะมองรถคันที่เล็กกว่า ไม่ก็รถมือสองไปก่อนอะครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 02:57:32 »
หูย มี1.5 อย่าลงหมด 1.5 เลยครับ

เผื่อไว้ฉุกเฉินดีกว่า

ดาวสัก 8-1 ล้าน

ผ่อนสัก 2 ปี ครับ

ไม่ก็เล่นตัว 2.0 ก็พอครับซื้อสดไปเลย

ออฟไลน์ Maimakha

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: ซื้อรถเงินสดกับซื้อรถเงินผ่อน
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: มกราคม 06, 2013, 07:39:38 »
ความคิดส่วนของผม   ย้ำนะครับว่าของผม แค่อยากแชร์ความคิด

1. การผ่อนคือการนำเงินอนาคตมาใช้ ย่อมมีต้นทุน นั่นคือดอกเบี้ย
          บริษัทไฟแนนท์คือนักลงทุน เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งไม่ต่างกับธนาคารที่ต้องการแสวงหาผลกำไรจากการลงทุน
ทำไมไฟแนนท์ถึงเลือกลงทุนกับสินเฃื่อรถยนต์  ไม่ไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ย ซื้อสลากออมสินหวังถูกรางวัลทุกงวด หรือซื้อหุ้นซื้อทอง
ทั้งที่ลงทุนแบบนี้ความเสี่ยงน้อยว่าปล่อยไฟแนนท์ ซึ่งต้องมีค่าดำเนินการ ค่าพนักงาน ลูกจ้าง คนตามหนี้ ค่าวัสดุสำนักงาน ..........ฯลฯ
ผ่อนรถต้องทำประกันชั้น1 ทุกปีนะครับตรงนี้อย่าลืม บางไฟแนนท์ให้คุณทำประกันชีวิตระบุผู้รับกรมทัณฑ์เป็นบริษัทด้วย แถมผ่อนเสร็จต้องเสียค่าโอนอีก
จะทำอะไรกับรถต้องถามไฟแนนท์อีกเรื่องเยอะครับ
ฉะนั้นสำหรับคนทั่วไป ตรรกะที่ว่าเอาเงินไปลงทุนเองจะได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยที่เสียให้ไฟแแนท์คงไม่น่าจะถูกต้องนัก ถ้าคุณไม่ใช่นักลงทุนที่ฝีมือฉกาจฉกรรณ์จริงๆ

2. ส่วนที่บอกผ่อนเพื่อมีเงินเก็ยไว้เผื่อฉุกเฉิน
           ต้องถามกลับว่าฉุกเฉินคืออะไร และแค่ไหน เช่นฉุกเฉินมากสำคัญมากจำเป็นต้องใช้เงินมาก ต้องทุ่มเงินที่มีทั้งหมดกับเหตุฉุกเฉินนั้น  ถ้าฉุกเฉินขนาดนี้แล้วเราจะเอาเงินส่วนไหนไปส่งไฟแนนท์เมื่อเงินสดและเงินสำรองถูกใช้ไปกับเหตุฉุกเฉินนั้นแล้ว (ซึ่งอาจรวมถึงรายได้ที่หายไปเช่นตกงานหรือป่วยไม่สามารถหารายได้ได้เท่าเดิม) คนรอบข้างอาจช่วยเหลือได้เช่น พ่อ แม่ พี่น้องหรือคู่สมรส แต่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เขาแน่ ถ้าไม่มีเงินส่งค่างวดสุดท้ายรถถูกยึด
ฉะนั้นการผ่อนคือการสร้างภาระเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินมากกว่า

ปล... การผ่อนเป็นการตอนสนองความต้องการใช้สินค้านั้นๆ ทั้งที่เกิดจากความจำเป็นต้องใช้สินค้า และความอยากได้ในสินค้า
หากผ่อนบ้าน ที่อยู่อาศัย  ผมเห็นด้วย การผ่อนรถ ก็ต้องดูเป็นกรณีไป เช่นถ่าซื้อสดได้ผมซื้อสด ยังไงก็ต้องเก็บเงินให้ได้จำนวนหนึ่ง ให้ทั้งพอราคารถและพอมีเงินเหลือเก็บสำหรับฉุกเฉิน แต่หากรถเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อใช้งานการผ่อนก็เป็นวิธีที่หนึ่งที่เราจะได้มีรถใช้งาน

         การผ่อนก็เป็นการตอบสนองการเข้าถึงสินค้า  จะเป็นการตอบสนองความจำเป็น หรือตอบสนองความต้องการ(กิเลส) หรือจะเพื่ออะไรก็ตามเงินเป็นของเราจะเงินเก็บหรือเงินอนาคต ก็ขอให้มีสติกับใช้จ่ายครับ..........

แหมรถใหม่ใครก็อยากได้  รวมทั้งผมด้วย  ;D ;D ;D ;D