ในมุมมองของผมนะครับ
การที่จะซื้อรถเงินสด ควรมีเงินสดคงเหลือในมือให้ใช้ได้อย่างต่ำ 6 เดือน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าเราไม่สามารถตอบได้
การซื้อรถเงินผ่อน ณ วันที่ซื้อรถก็ควรมีเงินเก็บมากกว่าราคารถ เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถปิดยอดรถได้ตลอดเวลา หากเราจำเป็นต้องทำธุรกรรม หรือ ลงทุนในอนาคต
เอาง่าย ๆ นะครับ ถ้าเงินเดือน 1 แสนบาท มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท ใช้จ่ายเต็มที่เดือนละ 7 หมื่น เก็บ 3 หมื่นต่อเดือน
ซื้อรถคันละ 8 แสน
1. กรณีแรก ถ้าซื้อสด เงินเก็บเหลือ 2 แสน และมีเงินเก็บอีกเดือนละ 30000
ใน 1 ปีต่อมา คุณจะมีเงินเก็บประมาณ 560000 บาท คุณต้องเอาไปเสียภาษี ซื้อประกัน หรือ LTF สุดท้ายอาจเหลือเก็บจริง 4 แสน
ใน 3 ปีต่อมา คุณน่าจะมีเงินเก็บประมาณ 8 แสน
2. กรณ๊ที่สอง ซื้อเงินเผ่อน ดาวน์ 50% ดอก 2.25% 3 ปี เงินเก็บเหลือ 6 แสน แต่ละเดือนที่เหลือ 30000 เอามาผ่อนรถอีก 12000 เหลือเก็บเดือนละ 18000
ใน 1 ปีต่อมา คุณจะมีเงินเก็บประมาณ 600000 + 12(18000) ประมาณ 820000 และเหมือนเดิมหักโน่นหักนี่เหลือ 660000
ใน 3 ปีต่อมา คุณน่าจะมีเงินเก็บประมาณ ประมาณ 770000
3. กรณีสุดท้าย เหมือนข้อ 2 แต่เอาไปฝากธนาคารประจำ 12 เดือน ได้ดอกเบี้ย 2.9 - 3%
ต่อจากแบบที่ 2 เงินเก็บเหลือ 600000 ถามใจต้วเองว่าจะนำไปฝากเท่าไหร่คับ เอาง่าย ๆ นะครับ คิดว่าเหลือเหมือนกรณ๊ที่ 1 เงินเก็บ 200000
เอาไปฝากธนาคาร 400000 ได้ดอกปีละ 12000 คิดทบต้นไปมา น่าจะประมาณ 40000
สุดท้ายเงินเก็บปีที่ 3 ก็ประมาณ 8 แสน พอ ๆ กับกรณีแรก
อย่างที่คุณเจ้าของกระทู้ว่า วีธีสุดท้ายดูเป็นวีธีที่ดีสุดตามทฤษฎี แต่ในชีวิตจริง คนเราไม่ได้อยากของอย่างเดียวหรอกครับ อยากได้โทรศัพท์ใหม่ ทีวีใหม่ แต่รถ ไปเที่ยว
ต้องถามใจตัวเองว่าทนได้ไหมครับ สำหรับผมแบบสองครับ เพราะเงินในมือคงเหลือมากกว่า ส่วนดอกเบื้ยประมาณ 3 หมื่น ถามว่าเสียดายไหม
ผมว่าใคร ๆ ก็คงเสียดาย แต่ถ้าเทียบกับความมั่นคงทางการเงินแบบสอง ดีกว่าชัดเจนครับ เกิดอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน ก็ยังมีเงินใช้จ่ายคล่องตัวกว่า
แต่ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ มีเงินเก็บเยอะอยู่แล้ว ผมว่าไม่ว่ากรณีไหนก็เหมือนกัน ส่วนต่างมันอยู่ที่ราคารถที่ซื้อครับ ยิ่งรถแพง ดอกเบี้ยก็เสียเยอะตาม
ตามทฤษฏีที่ผมว่าดีสุดคือ ดาวน์ให้ต่ำสุด ที่ดอกเบี้ย 0% ผ่อนกี่ปีตามสะดวกครับ
ทั้งหมดเป็นแค่ทฎษฎีนะครับ ผมชอบคำนวณ อาจมีถูก-ผิด ยังไงเงินของคุณ ก็ต้องบริหารด้วยตัวเองครับ