ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก  (อ่าน 24302 ครั้ง)

ออฟไลน์ patzahut

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,091
สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก มีผลกับราคาขายอย่างไรและรุนแรงระดับไหนถึงจะซ่อมไม่ได้

เชิญแสดงความเห็น

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 16:03:39 »
ชนหน้า : ชนจนเสา A ยุบ คือชนหนัก แรงเข้าถึงตัวถัง ดึงยังไง ก็ไม่เหมือนเดิม

ชนท้าย : ชนจนเสา C ยุบ หรือแรงถึงถังน้ำมัน คือเข้าโครงสร้างรถพอดีๆ

ถ้าคว่ำ ยับทั้งคัน หลังคา เสา ยู้หมด ไม่เหลือ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 16:13:25 »
ไม่ก็เอาสีข้างฟาดเสา,ต้นไม้ จนงอครับ

รถพวกนี้ถ้าพ่อค้าซื่อตรงบอกกันก่อน สมมุติรถราคาตลาด6-7แสน จะตั้งขายถูกกว่านั้นประมาณแสนครับ
จริงๆ ชนมานี่ซ่อมได้เกือบหมดครับ แต่ที่ไม่ซ่อมคือกรณีค่าอะไหล่+ค่าแรงมันเท่าๆหรือแพงกว่าราคาขายต่อครับ
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ coconut

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
    • อีเมล์
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 16:25:48 »
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม

1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล

2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม.  การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน  บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้  แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง  โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1

3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50  ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว

4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม.
การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป

5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม.  ขึ้นไป
การชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง

ที่มา http://sabuycar.blogspot.com

ออฟไลน์ Thor.1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 557
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 16:35:22 »
   ชนหนักความเห็นของผม

  -ด้านหน้า แค่ชนเข้ามาถึงคานหน้า/เบ้าโช๊คย่น ผมก็จำกัดความว่าชนหนักแล้วครับ
   ศูนย์เพี้ยน จุดยึดช่วงล่างหน้าเพี้ยน กระทบเกียร์และตัวเครื่อง
  -ด้านหลัง ถึงเบ้าโช๊คเหมือนกัน คานหลัง/จุดยึดเบี้ยว
  -ด้านข้างเสาBคด มันจะกระทบไปทั้งหลังคา ไปจนอีกฝั่ง

   ถ้ากระทบกับโครงสร้างหลักที่มีผลกับช่วงล่างผมถือว่าหนัก เพราะจุดพวกนี้มันแทบจะโยงกันอยู่ทั้งคัน
 เจอบางเคส  ชนหน้าย่นเครื่องแตก ถึงมาไม่ถึงเสาA   แต่ฝากระโปรงท้ายเบียดจนเปิดไม่ออก
 มันกระทบไปยันท้ายรถ ทั้งที่ดูเหมือนไม่เป็นอะไร

  ถ้าชนเบาของผมคือ แก้มยุบ ประตูบุบ ท้ายย่น กันชนหลุด
 พวกนี้สบายๆ ซ่อมแล้วขับดีเหมือนเดิม

ออฟไลน์ wannachat

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
    • อีเมล์
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 16:50:52 »
คัทซีเสียหาย 
หรือเพลาขับเสียหาย ถ้าแกนพวงมาลัยเสียหายหนักแน่นอน

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 17:12:36 »
ผมจะใช้ว่า ชนหนัก กับรถที่ชนจนหม้อน้ำแตก ไม่ถึงเครื่อง

ชนยับ สำหรับรถชนมาแบบถึงห้องเครื่อง ซุ้มล้อ

ถ้าเกินว่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นซากแล้วเลยไม่จำกัดนิยามเพราะคงไม่ได้พูดกัน

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 18:05:27 »
สำหรับการซื้อ-ขายรถยนต์
การที่คานหน้าโดนมา ก็เรียกว่าชนหนักแล้ว
หรือด้านหลังทำสีด้านในมา ก็เรียกว่าชนหนักเช่นกัน
ทั้งๆที่รถมันก็ขับได้ปรกติๆนี่แหล่ะ แต่เรียกว่าชนหนักแล้วครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 18:57:24 »
ชนจนเสียศูนย์ เรียกว่าชนหนักครับ

ออฟไลน์ panerai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,351
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 20:18:05 »
 สำหรับผม ถ้าต้องขึ้นเครื่อง จิก ดึงโครง ถึงจะดึงนิดๆ หรือดึงน้อยมากๆ ก็ถือว่าหนัง แต่ถ้าแค่สีเปลือกภายนอก จะยับแค่ไหน ถลอกแค่ไหน เช่นแก้มรถ ถอยออกเปลี่ยนใหม่ นั้นถือว่าไม่หนัก

ออฟไลน์ JiNX

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
    • อีเมล์
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 20:23:35 »
โครงสร้างหลักเสียหายครับ

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 22:22:47 »
คัทซี คด-หัก หรือช่วงล่างกระจาย  คานรถพัง เสาต่างๆยุบ งอ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 23:34:13 »
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม

1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล

2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม.  การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน  บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้  แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง  โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1

3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50  ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว

4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม.
การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป

5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม.  ขึ้นไป
การชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง

ที่มา http://sabuycar.blogspot.com
ความรู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ coconut

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
    • อีเมล์
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 16, 2013, 13:12:40 »
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการแยกการชนออกเป็น 5 กลุ่ม

1. การเฉี่ยวทั่วๆไป เช่นการเบียดเสา การเฉี่ยวกันระหว่างขับขี่แบบใช้ความเร็วต่ำ เป็นต้น
การชนระดับนี้ เป็นการเฉี่ยวชนที่ทำความเสียหายได้เฉพาะพื้นผิว แค่เกิดรอยขีดข่วนสีถลอก หรือรอยบุบเท่านั้น
การซ่อมแซมก็แค่ทำสีใหม่หรือบางทีอาจเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นนั้นได้การชนแบบนี้สามารถเกิดได้กับรถทุกๆคัน ซึ่งเป็นการชนที่ไม่เกิดการกระทบระบบความปลอดภัยของตัวถังรถนั่นแสดงว่าสามารถซื้อรถมือสองที่ผ่านการชนแบบที่ 1 ได้อย่างไร้กังวล

2.การชนระดับเบา เช่นการชนท้ายเนื่องจากชะลอความเร็วไม่ทัน หรือการชนกันโดยใช้ความเร็วร่วมไม่เกิน 20 ก.ม./ช.ม.  การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนที่กระแทกได้จนถึงระดับบุบลึกหรือฉีกขาดได้ อย่างเช่นการชน  บริเวณกันชนที่ปัจจุบันมักทำมาจากวัสดุพลาสติกจนสามารถฉีกขาดได้  แต่ส่วนใหญ่การชนระดับนี้จะไม่กระทบไปถึง  โครงสร้างความปลอดภัยนั่นก็แสดงว่า ท่านสามารถเลือกซื้อรถที่เคยเกิดการชนระดับเบาได้โดยไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดียวกันกับแบบที่ 1

3.การชนระดับปานกลาง ที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 50  ก.ม./ช.ม. การชนแบบนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนความปลอดภัยต่างๆได้ไม่น้อย เช่น คานรับแรงกระแทกต่างๆและอาจสร้างความเสียหายได้ในชิ้นส่วนรอบๆบริเวณที่ชน อาทิเช่นการชนท้ายที่ความเร็วนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กันชนท้าย อ่างยางอะไหล่ ไฟท้ายและตัวถังส่วนเบ้าไฟท้ายเป็นต้นการชนระดับนี้สามารถทำการซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ เคาะบริเวณที่เสียหาย ไปจนถึงการตัดต่อชิ้นส่วนต่างๆที่เสียหายจนไม่สามารถเคาะซ่อมได้ซึ่งรถที่ได้รับการชนในระดับนี้ยังจัดว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในการขับขี่อยู่ แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมมาอาจไม่เรียบร้อยเท่ารถใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้รวมถึงถ้าการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆไม่ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต และได้รับการติดตั้งโดยช่างที่ไม่ใช่ผู้ชำนาญการก็สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้ได้มากทีเดียว

4.การชนหนัก ระดับเริ่มต้นที่ความเร็วร่วมไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม.
การชนระดับนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างความปลอดภัย และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์และช่วงล่างเรียกได้ว่าการชนแบบนี้มีผลกระทบเป็นบริเวณกว้างเช่นถ้าได้รับการชนด้านหน้าในระดับนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับตัวถังทั้งชิ้นในส่วนที่ 1 ใน 3 ส่วนของรถ ส่วนของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่อง ระบบไฟฟ้า รวมถึงช่วงล่างและความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากขึ้นได้ถ้าการชนเป็นไปแบบแนวเฉียง ชนเข้าที่ด้านข้าง หรือที่มุมต่างๆการชนแบบนี้เป็นการชนที่สามารถกระทบกับระบบโครงสร้างความปลอดภัย นั่นหมายถึง รถที่ผลิตจากโรงงานผลิตส่วนใหญ่จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารได้จากการชนระดับนี้ แต่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นการซ่อมรถที่ชนหรือพลิกคว่ำในระดับนี้ทำได้ตั้งแต่ ตัดต่อ ดึงโครงสร้าง เปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้นบริเวณรอบๆ รวมไปถึงการไปเอาโครงรถรุ่นเดียวกัน(หรือรุ่นอื่นๆที่ดัดแปลงกันได้)มาเชื่อมใหม่ซึ่งแน่นอนว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุระดับนี้เราไม่ควรมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด เว้นแต่จะสามารถซื้อได้ในราคาถูกมากๆ และผู้ใช้รู้ดีว่าการใช้งานจะต้องไม่มีความเสี่ยงต่อการชนในครั้งต่อไป

5.การชนหนักมาก ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 120 ก.ม./ช.ม.  ขึ้นไป
การชนระดับนี้ สามารถทำให้รถทั้งคันกลายเป็นกองเศษเหล็ก ไม่สามารถมองออกว่าด้านนี้เป็นด้านไหน หรือก้อนนี้มันก้อนอะไรและส่วนใหญ่ ผู้โดยสารก็ไม่สามารถออกมารับรู้ได้ว่าหลังการชนนั้นรถตนเองสามารถซ่อมได้หรือเปล่า
การหาซื้อรถชนในระดับนี้คงไม่ต้องพูดถึง

ที่มา http://sabuycar.blogspot.com
ความรู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบคุณครับ
โอ้...ไม่เป็นไรคับ ข้อมูลไหนที่พอมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ก็เอามาแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนกันได้ได้คับ  :)

ออฟไลน์ KT7

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 66
    • www.bansdivingresortkohtao.com
Re: สอบถาม : รถเสียหายมากแค่ไหนถึงเรียกว่าชนหนัก
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 15:36:12 »
ยุบมากกว่า 50% มั้งครับ