ส่วนตัวผมใช้รถมาหลานคันครับ มีคันแรกในชีวิตเพียงคันเดียวที่พ่นกันสนิม
ส่วนคันหลัง ๆ ที่ใช้ ไม่เคยพ่นเลยครับ
แล้วไอ้คันแรกที่พ่นกันสนิมนั่นล่ะครับ ที่ต้องขายทิ้งไปเพราะมันเป็นสนิม ผุ เปื่อยหมด
ส่วนคันที่ใช้ต่อ ๆ มาเนื่องจากประสบการณ์เยอะขึ้น รู้วิธีดูแลรักษา และมีเวลาให้กับรถ ( อาจจะมากกว่าเมีย )
ไม่มีคันไหนเป็นสนิมเลยครับ คันหลังสุดที่ขายให้หลานสาวไปก็ city ครับ ใช้มา 10 ปี เต็ม ๆ ที่ทำงานผมก็ติดทะเล
ไม่มีสนิมแม้แต่นิดเลยครับ
เท่าที่ผมเคยทำคาร์แคร์มาสองปีนะ การพ่นกันสนิมมันก็มีประโยชน์ครับ กันสนิมได้นะ
แต่ต้องดูด้วยว่าช่างพ่นเป็นหรือเปล่า โดยเฉพาะบริเวณจุดอับ จุดหมักหมม หรือบริเวณที่จะเจอสนิมได้ง่ายที่สุดคือขอบซุ้มล้อ
ซึ่งช่างมักจะไม่ได้พ่นให้ครับ และตรงนั้นล่ะครับ ถ้าเจ้าของไม่สนใจดูแล เพราะอาจจะคิดว่าพ่นกันสนิมมาแล้ว มันไม่เป็นสนิมง่าย ๆ
ก็เลยกลายเป็นจุดอ่อนให้เกิดสนิม เหมือนรถคันแรกในชีวิตของผมนั่้นล่ะครับ
การดูแลรถไม่ให้เกิดสนิม ไม่ยากเลยครับ ถ้ามีเวลา และสถานที่อำนวยที่จะล้างรถเองได้
ให้ล้า่งรถเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณขอบซุ้มล้อ ให้ฉีดล้างสิ่งสกปรกออกให้หมด เวลาเช็ดรถก็ให้เช็ดบริเวณนี้ด้วย แล้วเดืนอละครั้งสองครั้ง
ให้เอา พวกสเปรสารพัดประโยชน์ฉีดขอบซุ่มล้อบ้างครับ
อีกอย่างนึง ถ้าฝนตก ก็มใักจพะไม่ค่อยล้างรถกัน แต่ที่จริง เราควรจะล้างนะครับ โดยเฉพาะซุ้มล้อหรือใต้ท้องรถ ถ้าขี้เกียจล้างรถก็ขอให้ฉีดน้ำทำความสะอาดทุกครั้ง ถ้าสถานที่อำนวยที่จะทำได้นะครับ
หากสถานที่ไม่อำนวย อันนี้การฉีดพ่นกันสนิมก็ควรทำ แต่ต้องบอกช่างให้พ่นให้ทั่ว ๆ โดยเฉพาะตามจุดอับบริเวณซุ้มล้อด้านในครับ
และระวังอย่าให้ช่างไปพ่นปิดรูระบายน้ำใต้ท้องรถนะครับ อันนี้รถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น อาจจะมีรูระบายน้ำอยู่ ถ้าไปพ่นปิดรู จะกลายเป็นว่า น้ำขังในรถ แล้วเป็นสนิมจากด้านในออกมาได้ครับ