ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ผู้เสียหาย,
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย,นำวิธีพิจารณาในศาลอุทธรณ์มาใช้ในชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2553
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นสามแยกติดตั้งสัญญาณจราจรไฟ และขณะเกิดเหตุ
สัญญาณจราจรไฟเป็นสัญญาณจราจรไฟสีเขียวให้เลี้ยวขวา เมื่อได้รับสัญญาณจราจร
ไฟเขียวให้เลี้ยวขวารถทุกคันที่จะเลี้ยวขวาย่อมเคลื่อนที่แล่นเข้าสู่ทางร่วมทางแยก
ผ่านช่องเดินรถของรถที่แล่นสวนทางมาไปได้ การที่จำเลยขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถ
ของรถที่แล่นสวนมาก็เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเลี้ยวขวาแล่นผ่านช่องเดินรถ
ของรถที่แล่นสวนทางมาเท่านั้น แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องจากการกระทำของผู้ตาย
ที่ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดงแล่นเข้าชนรถโดยสารที่จำเลยเป็นผู้ขับ
โดยที่ไม่ว่าจำเลยหรือผู้ใดก็ไม่อาจคาดคิดได้ จำเลยจึงไม่เป็นฝ่ายประมาท การกระทำของ
จำเลย จึงไม่เป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม
ป.อ. มาตรา 291
อนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายประมาทเนื่องจากเป็นฝ่ายขับรถ
จักรยานยนต์แล่นสวนทางมาโดยฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดงเป็นเหตุให้ชนเข้ากับ
ด้านหน้าข้างขวาของรถโดยสารที่จำเลยเป็นผู้ขับ ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ย. ภริยา
ของผู้ตายจึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายด้วย ดังนั้น ย. จึงไม่มีสิทธิขอเข้าร่วม
เป็นโจทก์ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจ
ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาฏีกาย่อยาว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2553
โจทก์ พนักงานอัยการ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โจทก์ร่วม นางยินดี เพชรมีศรี
จำเลย นายสำรอง หนูอินทร์
อาญา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มาตรา 291)
วิธีพิจารณาความอาญา ผู้เสียหาย ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย นำวิธี
พิจารณาในศาลอุทธรณ์มาใช้ในชั้นฎีกา (มาตรา 2 (4), 195 วรรคสอง, 225)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 291
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางยินดี เพชรมีศรี ภริยาของนายเดชา เพชรมีศรี ผู้ตาย
ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 291
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4), 157
เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ถนนเกิดเหตุมี 2 ช่องเดินรถ
รถแล่นสวนทางกัน ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณสามแยกติดตั้งสัญญาณจราจรไฟ ขณะเกิดเหตุ
สัญญาณจราจรไฟเป็นสัญญาณจราจรไฟสีเขียวให้เลี้ยวขวา จำเลยขับรถโดยสารล้ำ
กึ่งกลางของทางเดินรถเพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางแยกไปอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป็นเหตุให้ด้านหน้าข้างขวาของรถโดยสารชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายเป็นคนขับ
แล่นสวนทางมาโดยฝ่าฝืนสัญญาณไฟสีแดง ผู้ตายถึงแก่ความตาย สำหรับความผิด
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 ซึ่งศาลชั้นต้น
พิพากษายกฟ้องไปนั้น คู่ความมิได้อุทธรณ์ ความผิดตามข้อหาดังกล่าวเป็นอันยุติ
ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8
โดยที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายประมาท คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกา
ของจำเลยเพียงว่า จำเลยเป็นฝ่ายประมาทหรือไม่ เห็นว่า เมื่อได้รับสัญญาณจราจร
ไฟเขียวให้เลี้ยวขวา รถทุกคันที่จะเลี้ยวขวาย่อมเคลื่อนที่แล่นเข้าสู่ทางร่วมทางแยก
ผ่านช่องเดินรถของรถที่แล่นสวนทางมาไปได้ การที่จำเลยขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถ
ของรถที่แล่นสวนมาก็เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเลี้ยวขวาแล่นผ่านช่องเดินรถ
ของรถที่แล่นสวนทางมาเท่านั้น แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องจากการกระทำของผู้ตาย
ที่ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดงแล่นเข้าชนรถโดยสารโดยที่ไม่ว่าจำเลยหรือผู้ใด
ก็ไม่อาจคาดคิดได้ การกระทำของจำเลยหากจะเป็นความก็คงเป็นความผิดตาม
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่ขับรถล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถเท่านั้น
จำเลยจึงไม่ได้เป็นฝ่ายประมาท ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายประมาท ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย
นางยินดี เพชรมีศรี ภริยาของผู้ตายจึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายด้วย ดังนั้น นางยินดี
จึงไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ และศาลล่างทั้งสองก็ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาดังกล่าว
จึงชอบที่ศาลล่างทั้งสองจะยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของนางยินดีเสีย ปัญหานี้
เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบ
มาตรา 225"
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องและให้ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์