First Impression - Hyundai Veloster สมการวัยโจ๋ 2+1 = 3 content by nixpornprom
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ช่วงเริ่มฤดูใบไม้ผลิ(มั้ง) ที่เกาหลีใต้..
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด..
ผมไม่ได้เกิดที่เกาหลีครับ แต่เกิดอยากจะหน้าตาดี เหมือนคนเกาหลีบ้าง
แต่เมื่อมาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในดินแดนโสมขาวแห่งนี้ ก็พบว่า สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าผู้คนนั้นก็คือ
"รถ" บนท้องถนนประเทศนี้นี่แหละ
สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมีอยู่ 2 อย่าง1.
บนถนนมีแต่รถเกาหลี 95% !! - เรียกได้ว่ายี่ห้ออื่นจะสวยขนาดไหน ก็ไม่ทำให้ความชาตินิยมลดลงเลย
2. รถที่นี่
สวยยยยยมว๊าาาากกกกกกกกก - จนคิดว่าถนนของเกาหลีนั้นคือ
รันเวย์ ดีๆ ที่รถยุคใหม่ของเขา ได้มาเดินอวดโฉมให้คนผ่านไปมา ได้เป็นอาหารตากันทุกนาที
ไม่ว่าจะเป็น KIA K7 , Hyundai grandeur ,Samsung SM3 , KIA Forte ฯลฯ
แต่คงไม่มีคันใดที่ผม
ถูกตาต้องใจ เท่าคันนี้
มันแทบจะสะกดสายตา ของคนบ้ารถอย่างผมให้หัวใจหยุดเต้น
รถ HOT HATCH คือหนึ่งในรถที่ผมชอบที่สุด และคิดว่าคงอยู่ในใจใครหลายคน
และคันนี้คือรถที่ผมเห็นเพียงครั้งเดียว ไม่กี่วินาที ทำให้ผมต้องกลับมาหาข้อมูลเกี่ยวกับมันมาตลอดจนถึงวันนี้คือ
"HYUNDAI VELOSTER"และความฝันนั้นก็มาถึง เมื่อทาง Hyundai Thailand ได้นำเข้ารถรุ่นนี้ ชนิดนำเข้ามาทั้งคัน เพื่อทำตลาดในประเทศไทย
และเผยโฉมครั้งแรกในงาน Bangkok Motorshow 2013 ครั้งที่ 34 "Street of Automotive Fashion"
ความฝันของผมก็เป็นจริง ที่จะได้สัมผัสตัวเป็นๆของ HOT HATCH อวบอั๋นคันนี้
ให้ตายเถอะ ผมแทบจะไม่ได้มอง พริตตี้ที่ยืนอยู่นับหลายสิบชีวิตเลย เพราะความเด่นของเจ้า เวโลสเตอคันนี้
2 รุ่นย่อยที่เราทราบกันดี ว่ารุ่นแรกคือรุ่น 1.6 Turbo และ อีกรุ่นคือ 1.6 GDI หรือ NA หายใจธรรมดา นั่นเอง
ภายนอก Veloster 1.6 Turboด้านหน้า เปลือกกันชนหน้ามาพร้อมกระจังหน้าแบบ ลายแนวขวางดำด้าน เปิดรับลมเพื่อเข้าระบายอากาศภายในห้องเครื่อง
ฝากระโปรงมาพร้อมลายที่เสริมความพริ้วไหวที่ดุดันเอาไว้ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมเดย์ไลท์ กับไฟตัดหมอกที่อยู่ในเบ้าสีดำด้าน
พร้อมดีไซน์ ลิ้นหน้า ที่ดูดุ กว่ารุ่นหายใจธรรมดามากเลยทีเดียว
ด้านหลังเปลือกกันชนหลังที่มาพร้อม ท่อคู่วงกลม และทับทิมสะท้อนแสงรูปวงกลมอีกเช่นกัน
ไฟท้ายแบบ LED พร้อมลายเส้น ที่ให้อารมณ์เดียวกันกับ BMW รุ่นใหม่ ในปัจจุบัน
ความสวยแบบนี้มีมาให้เฉพาะรุ่น TURBO รุ่นหายใจธรรมดา จะเป็นอีกแบบนึงครับ
สิ่งที่ทุกคนบ่นขัดตาก็คือ ช่องเว้าข้างไฟท้ายของเจ้า Veloster ซึ่งส่วนตัวมองว่า
ทำให้ท้ายดูมีมิติและดุขึ้น ลองตัดต่อภาพให้ช่องมันหายไป รู้สึกว่า เหมือนรถบ้านๆไงไม่รู้ครับ
กระโปรงท้ายเปิดได้เกือบ 80 องศา พื้นที่เก็บของด้านหลังของรุ่น TURBO รู้สึกว่าจะน้อยกว่า รุ่น NA นิดหน่อยตามสเปค (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน)
แต่ก็เพียงพอที่จะเก็บของได้พอสมควร ถ้าไม่พอก็สามารถพับเบาะแยกได้ 40:60
พื้นที่กระจกฝาท้ายนั้น กินพื้นที่เข้ามาถึงผู้โดยสารด้านหลัง ที่จะได้สังเคราะห์แสงกันได้เกือบเต็มศีรษะ
แต่ก็มีข้อดี ที่เมื่อดูด้านบนของรถนั้น เหมือนจะมีหลังคาแก้วตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงด้านฝาท้ายเลยทีเดียว และให้ความปลอดโปร่งในห้องโดยสารดีมาก ไม่รู้สึกว่าคับแคบจากที่การที่มี 1 ประตูหลัง และการต้องนั่งชันในพื้นที่แคบๆ
แต่ก็อีกนั่นแหละ หลังคาแก้ว แบบ panoramic sunroof มีมาให้รุ่น Turbo นี้เท่านั้น (รุ่น NA ติดสติ้กเกอร์หลังคาแก้ว เอาละกันนะครับ อิอิ)
ภายนอก Veloster 1.6 GDI NAด้านหน้ามีความแตกต่างในด้านกันชนหน้า ที่จะไม่มีลายขวางดำด้าน แต่มาในรูปแบบ สีเดียวกันทั้งกันชน
เล่นลายร่องลึกด้านข้างให้ดูพริ้วไหว คล่องตัว มาทดแทนความโหดของรุ่น เทอร์โบ
ด้านหลังแตกต่างที่ เปลือกกันชนหลังนั้น เป็นท่อคู่แบบชิดติดกัน ดูเรียบหรู คนละอารมณ์กันรุ่น TURBO
และทับทิมด้านท้ายเป็นแนวตั้ง ให้ความรู้สึกสวยเรียบ มากกว่าครับ
มากับล้อ 17 นิ้ว รัดด้วยยาง 215/45 R17
ภายในประตูของรถคันนี้ นี่ละที่เป็นจุดเด่น ก็คือด้านข้างคนขับจะมีประตูเดียวบานใหญ่ ให้ความรู้สึกสปอร์ต
แต่ด้านคนนั่ง จะมี 2 ประตู แต่ประตูหลังจะซ่อนที่เปิดไว้แบบ Chev Sonic ตรงกรอบหน้าต่าง เมื่อเปิดพร้อมกันทุกประตูจะหน้าประมาณนี้
นี่ละครับที่มาของคำว่า
2+1 ของรถคันนี้ ที่ทางต้นสังกัด ได้โปรโมทไว้
จะบินได้ไหมนี่
ภาพ ที่เปิดประตูหลัง
สำรวจภายในประตูด้านคนขับ มีทรงเหลี่ยมๆ ให้รู้สึกมีเส้นสายความแข็งแรง ดูหนักแน่นดีเวลาที่ปิด แต่ไม่เท่า Cruze รายนั้นประตูปิดทีทับขานี่แทบร้องเลยครับ
มือจับปิดประตู ดูสวยงามล้ำสมัย เหมือนที่ออกมาจาก คอนเซปคาร์ยังไงยังงั้น
เอ หรือบางที่เหมือนที่จับด้านท้ายเบาะมอเตอร์ไซต์เหมือนกันนะเนี่ย
เบาะเป็นเบาะผ้าสำหรับรุ่น 1.6 GDI พร้อมสลักคำว่า veloster ส่วนรุ่น Turbo จะเป็นเบาะหนัง สลักคำว่า Turbo เป็นเบาะหนังเกรดเดียวกับโซนาต้ารึเปล่าไม่รู้เพราะไม่เคยนั่ง (แล้วพูดทำไม)
ให้ความรู้สึกนั่งสบายพอไหวอยู่
อุปกรณ์ภายใน 1.6 NA มีมาให้ครบ ตั้งแต่
- Smart Entry เข้ารถโดยไม่ต้องกดกุญแจ
- ปุ่ม Start/Stop Engine
- จอ LCD 7"
- ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
- แอร์ออโต้
- USB / AUX
- CD / MP3 / DVD
ส่วนรุ่น TURBO นั้น จะมีของเล่นเพิ่มเข้ามาหลายอย่าง
- เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า
- หลังคาแก้ว panoramic sunroof
- Bluetooth
- Cruise Control (ทำไมไม่ใส่มาให้ 1.6 GDI ด้วยละ ! ราคาขนาดนี้น่าจะมีแล้วนะ)
- Paddle shift ที่พวงมาลัย
คันเกียร์เป็นแบบขั้นบันได ซ่อนด้วยกรอบสีดำ
คือเราจะไม่เห็นขั้นบันใด แต่จะเลื่อนแบบขั้นบันได โดยมีกรอบวงกลมสีดำปิดอยู่ (งงไหมหว่า)
เหมือนรถราคาแพงบางรุ่น
เกียร์ 6 สปีดนะครับลืมบอกไป
ปุ่ม Start stop เครื่องยนต์ก็อยู่ด้านกลางล่างของคอนโซลหน้า ใกล้ๆกับเกียร์ อย่าเผลอไปกดเล่นละ อิอิ
เมื่อมานั่งด้านหลังเบาะด้านหลัง เตี้ยกว่าปกตินิดหน่อย (ก็สปอร์ตนี่หน่า) แต่ก็เป็นเบาะเรียบๆแบบรถมั่ง ไม่ได้บุ๋มลึกลงไปแบบรถสปอร์ตยุคปี 90
เวลานั่งไม่ถึงกับต้องชันเท่ามากมาย นั่งสบายพอสมควร มี legroom เหลือ ไม่น่าเชื่อว่าจะนั่งได้สบายกว่าที่คิดไว้มาก
แต่ที่ขอติ อย่างแรง คือวัสดุ พลาสติก ที่ใช้ขึ้นรูปที่วางแขนด้านหลังมันดูอ่อนแอ มากแค่จับขยับๆๆ มันก็จะ เด้งดึ๋งตามมือออกมา ขึ้นชื่อว่าเป็น "Premium Hatchback" ไม่ควรจะใช้วัสดุระดับนี้ในรถราคาเท่านี้
สีนั้นมีมาให้เลือกอย่างจุใจถึง 8 สี มณี 8แสง (เอ๊ะ เคยได้ยินแต่7สี) ได้แก่ สี เงิน ขาว ดำ (grey scale เบื่อมากๆ) ส้ม เขียว เหลือง น้ำเงิน เทาด้าน (สีอย่างกับน้ำอัดลม)
โดยที่รุ่น 1.6 GDI จะมีสีให้เลือกมากกว่า (อ้าว ไหงเป็นงั้น) โดยมีสี เขียวแอปเปิ้ล Green apple , เหลือง วิตามินซี Vitamin C , และสีน้ำเงิน
ส่วนรุ่น 1.6 TURBO จะมีสีเทาด้าน มาเป็นตัวเลือกด้วย แต่ก็ไม่ได้เลือกฟรี ต้องเพิ่มเงิน หมื่นกว่าบาทด้วย เพื่อแลกกับความเท่ในระดับ ซุปเปอร์คาร์
สีต่างๆมีดังนี้
สรุปHyundai Veloster 1.6 GDI ราคา 1,299,000 บาท
Hyundai Veloster 1.6 GDI ราคา 1,739,000 บาท
1.6 130แรงม้า 0-100 ประมาณ 11 วิ
กับ 1.6 เทอร์โบ 186 แรงม้า 0-100 ประมาณ 8 วิ
ตัวเลขทั้งหมดนี่ถามเจ้าหน้าที่มา ไม่รู้ขับจริงจะได้ตามนี้ไหม
ถ้าคิดว่า ราคาแบบนี้ รุ่น 1.6 GDI ไปเล่น Accord g9 ดีกว่า
หรือ 1.6 Turbo น่าจะไปฟัดกับ V40 นะ
ตัวเลือกแรกเราอาจมองความคุ้มค่า ตัวเลือกที่สองเราอาจมองหน้าตาหรือแบรนด์ ระดับในสังคม
รถคันนี้ก็อาจไม่เหมาะกับท่าน
แต่สำหรับคนที่มองหารถหน้าตาไม่เหมือนใคร ดึงดูดสายตาคนรอบข้าง ไม่ยึดติดยี่ห้อ ขอเป็นมือหนึ่ง แล้วมีศูนย์บริการมีตัวตนอยู่บ้างก็พอแล้ว
รถคันนี้อาจจะเป็นเนื้อคู่ของท่านก็เป็นไปได้
ส่วนตัวมองว่าด้วยราคา ทำให้ทั้งสองรุ่นนี้ เจาะตลาดได้สองกลุ่ม
คือรุ่น 1.6 GDI นั้นก็อาจจะทำให้คนรุ่นใหม่ที่มองรถ D Segment พวก เทียน่า แคมรี่ แอคคอร์ด แต่ไม่ได้ต้องการความหรูหรา ใจยังเป็นวัยรุ่น คันนี้อาจเป็นตัวเลือกของท่าน
ส่วนรุ่น 1.6 Turbo อาจทำให้คนที่กำลังมอง V40 , A180 อาจลามไปถึง VW golf หรือจัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำอยู่ตอนนี้ หันกลับมามองได้บ้าง
ก็อยู่ที่เราชอบอะไร
ถ้าชอบความแรงสุดฉุดระเบิดเทิด Handling เกียร์ ช่วงล่วง ระดับเทพ แต่หน้าตาสวยพอประมาณ บางคนบอกหน้าตาบ้านๆเลยก็มี ก็ไป VW Golf GTI แถมมีโอกาสจูนต่อเพิ่มได้อีก 3 Stage
ถ้าชอบความแรง บวกแบรนด์ที่ดูดี แต่อาจทำใจกับค่าอะไหล่ในอนาคต ก็ไป Volvo V40
ถ้าชอบความหรูหรา ภาพลักษณ์ในสังคม ไป Mercedes A180
หรือเพิ่มเงินอีกนิด ได้ความสดใหม่ ภาพลักษณ์ในสังคม และความเป็นวัยรุ่นพร้อมๆกัน ไป BMW 116i แต่ราคาอาจโดดไปอีกแสนนึง
อยู่ที่คุณเท่านั้นครับ ที่ตัดสินใจ
แต่อย่าลืมลองขับก่อนซื้อด้วยละกันนะครับ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไป ตามคำพังเพยที่ว่า
10 ปากกว่า ไม่เท่าตาเห็น
10 ตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ
10 มือคลำ ไม่เท่าเท้าเหยียบ
Happy Motoring ครับ
nunix.
ปล. ไปลองขับจริง เสียงจริงมาแล้วครับ มีรถตู้ h-1 มารับอย่างดีที่งานมเตอร์โชว์
ตัว 1.6 GDI นั้น กดมิดแล้ว ไม่ได้ให้ความรู้สึกดึงดันใดๆ รู้สึกกว่าความเร็วนั้น อาจใกล้เคียง CIVIC FD / FB 1.8 ที่เคยใช้ แต่ก็เร่งได้ดีไม่เท่า ขาดไปอีกนิด
แต่ถ้าในมุมมองของเครื่อง 1.6 เทคโนโลยี GDI ยิงเชื้อเพลิงได้ละเอียดขึ้น มันสามารถรีดแรงม้าได้ถึง 130 ม้า ก็คิดว่าพอที่จะขับใช้ในเมือง ตจว ก็พอไหวครับ
สถานี Slalom ให้ความมั่นใจดี ไม่มีสะบัดในช่วงการเข้าโค้งสลับด้วยความเร็วประมาณ 70 km/hr ในความรู้สึกดีกว่า Mazda 2.0
ส่วนสถานีเบรคนั้น abs ทำงานหลังจาก กดมิดเท้าสัก 1 วินาทีครับ