ขอเล่านิทานเรื่องยาวหน่อยนะครับ เนื่องจากว่า
ผมไป มอเตอร์โชว์กับเด็กวัยรุ่นที่ชอบเกียร์ธรรมดา พอเห็น SUV คันใหญ่ของเขาก็เลยเข้าไปดู เกิดเป็น
เกียร์ธรรมดาขึ้นมา
ตอนกำลังมุงดูอยู่
มีคนลักษณะเหมือนผู้จัดการมาเห็นเข้า ก็เลยมองดูๆ ว่าผมมองอะไรกัน
ผมได้คุยกับผู้ชายคนนั้นที่พูดไทยไม่ได้เลย ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษผมมันก็มีอยู่น้อยนิด + ความหน้าด้านในการมั่วภาษาจีนที่เคยเล่าเรียนมา เลย พอที่จะคุยกับเขารู้เรื่อง และ เขาได้ถามเรื่องตลาดรถในเมืองไทย ผมเลย จัดเต็มไปเลย
เป้าหมายในการมาครั้งนี้ เค้ามาเพื่อเปิดตัว แบรน์ของเขา ยังไม่ขายจริง ยังไม่มีราคา ยังไม่มีอะไรเลย มีแต่รถมาให้ดูอย่างเดียว เขาให้สัญญากับผมไว้ว่า ปลายปีเขาจะเข้ามาขายแน่ๆ ซึ่งผมเองก็จะรอ เพราะ SUV ระดับค่อนข้างหรู การประกอบ ความคิดเห็นส่วนตัวบอกได้เลยว่า ถ้า แดชบอร์ดน่ะ เบาะ หลังคา ภายใน นอก มันก็งั้นๆ อ่ะครับ แต่ ถ้ามองลึกลงไป หลังรถตรงที่เก็บของ มันมีแผงปิดที่ทำออกมาแล้ว ดูเนียนและดีกว่าเจ้าตลาดหลายๆ คัน ความรู้สึกของหัวเกียร ดีกว่าเจ้าตลาด ดีกว่าทั้งไอ้ที่ต้องพึ่งโชค และไม่ต้องพึ่งโชค Shift Feeling กำลังดี
ขนาดของรถไม่ได้ใหญ่จนเกินไป
เขาถามผมหลายคำถามมาก ผมจับได้บางประเด็นว่า
เขาถามผมว่า ผมชอบรถเขาไหม ผมตอบว่าชอบ เพราะคุณให้เกียร์ธรรมแต่ Option ค่อนข้างจัดเต็ม ในขณะที่ ค่ายอื่น Option จัดเต็มมันอยู่ใน เกียร์ Auto ซึ่ง ผมรู้สึกว่าไม่แฟรตรงนี้
ผมก็เลยแนะนำเขาต่อไปว่า ถ้าคุณจะมาทำตลาดในเมืองไทย คุณน่าจะ มีรุ่นท๊อปของเกียร์ธรรมดาที่ได้ Option เท่ากับรุ่น top ของเกียร์ Auto เขาก็รับฟัง และจดไปด้วย
ผมยังบอกต่อไปด้วยอีกว่า ถ้าคุณจะมาในไทยจริงๆ ขอให้คุณมีศูนย์บริการที่ดี บริการลูกค้าได้รวดเร็ว ทำงานละเอียด และสามารถเข้าถึงลุกค้าได้ และที่สำคัญ ห้ามทิ้งผม และเพื่อนผมก็เล่าประสบการณ์ ของค่ายรถยนต์เกียร์ Dual Clut ให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็จดตาม รวมถึงค่ายรถจีนหน้าตาน่ารักที่เคยมาทำกิจการ (ไม่ใช่ซิมีคนนำเข้ามา) มห้ฟังว่า ความรู้สึกลูกค้าตอนโดนทิ้ง มันเป็นยังไง และคุณ ต้องห้ามทิ้งลูกค้าเด้ดขาด เขาก็รับฟัง จดลงสมุด และจะนำไปพัฒนาต่อ เขาบอกผมมาอย่างนั้น
อีกข้อนึงที่กระแทกใจผมเลยคือ เขาถามว่า มุมมองของคนไทยต่อรถจีนเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็ซัดหนักเลยคราวนี้ ห่วย กระจอก กาก ยาวครับ ยาวจริงๆ เหตุผลคือ เพราะคำว่า Copy ด้วย และคำว่า จีนแดงด้วย ไล่ยาวครับ เขาคนนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังและจดไป ตอนนี้เริ่มมีเพื่อนผู้จัดการเข้ามาฟังด้วยเป็น 3 คนแล้ว
เขาก็ตอบผมมาว่า ทางบริษัทเขาต้องการโอกาสที่เขาจะพิสูจน์ความสามารถว่า รถเขานั้นดีจริง อะไรประมาณนี้ ผมก็เลยต่อไปเลยว่า แล้วเรื่องราคาล่ะ คันเนี่ย จะเข้ามาขายใยไทยเท่าไหร่ เขาบอกว่า ไอ้เจ้า Size ใกล้ๆ กับ Captiva นะ จะมาในราคา6-8 แสนบาท แต่ไอ้คันเท่าๆ Fortuner ยังไม่แน่ชัด แต่ 1 ล้านขึ้นแน่นอน
ผมก็ถามต่อไปอีกว่า แล้วรถนี่ คุณสร้างมันขึ้นมาเองเลยหรือเปล่า เค้าก็บอกว่า ได้ Mitsubishi มาร่วมในการทำงานของเครื่องยนต์ อะไรมาณนี้
ผมก็ถามต่อไปว่า แล้วไอ้เจ้าคันสีเทาๆ ที่ผมดูอยุ่เนี่ย เครื่องเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่า 2.0 เบนซิน แต่เขายังมี 2.0 ดีเซล และ 2.4 เบนซินอยู่อีก
ผมก็ถามต่อไปว่า แล้วถ้ามาวางตลาดจริงๆ จะวางตัวไหนก่อน เขาบอกว่า น่าจะเป็น 2.0 เบนซินก่อน 2.0 ดีเซลยังไม่มีแผน ผมสวนเลยครับ ไม่ได้ไม่ได้ เอามา ก็ต้องเอามาทั้ง 2 เลย เพราะ เบนซิน ในเมืองไทยถึงจะมีคนขับอยุ่เหมือนกันและมีแนวโน้มว่าจะติดแก๊สได้ มันมีอยุ่เยอะก็จริง แต่ ดีเซล มันประหยัดกว่า ทนกว่า ให้เอา ดีเซล เข้ามาทำตลาดด้วยเลย โดยการลดความจุของเครื่องลง เช่น อาจจะเป็น 1.8 แต่ใส่ Turbo เข้าไป และ ถ้ามันมีแรงม้ากว่าคู่แข่ง ตรงนี้ล่ะคุณขายได้แน่นอน (ความคิดเห็นส่วนตัวด้วยครับ)
ผมก็ถามต่อไปอีกว่า คุณมาแต่ SUV หรือ แล้ว รถแบบอื่นล่ะ
เขาบอกว่า HAVAL คือ ชื่อเล่น (ตระกูล) ของรถ GREAT WALL ที่เป็น SUV ทั้งหมด ตอนนี้เอาเข้ามาแต่ SUV ก่อน เพราะว่าคลาดในเมืองไทย สนใจตัวนี้อยู่ ส่วนรถใน Segment อื่นๆ จะทยอยตามมาทีหลัง
"หลังจากที่ผมมีโรงงานในไทย"
หลังจากนั้น ผมคุยไปอีกเยอะมากๆ เลยครับ เขาถามความคิดเห็นผมเยอะมากๆ เลย ผมเองก็จัดหนักให้เหมือนกัน ถ้ากล้าพูดตรงๆ มา ผมก็กล้าที่จะตอบไปตรงๆ เหมือนกัน
ก่อนจากลา ผมก็ฝากเขาไว้ด้วยว่า หวังว่าจะเจอรถของคุณบนถนนเมืองไทยเร็วๆ นี้ เขาก็ยิ้มให้ แล้วก็ยังขอจับมืออีก
ถือว่าเป็นการทำการตลาดที่น่ารักมาก ตอนนี้ก็คงต้องรอดูต่อไปว่า เจ้านี้มาจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวผมเอง ชอบไอ้เจ้าคันสีส้มๆ ที่จอดโชว์อยู่อ่ะครับ มันดู น่ารักดี แต่ หลังจากซื้อมาแล้ว มันจะยังคงความน่ารักอยู่หรือเปล่า อันนี้อีกเรื่อง
นึง
ปลลอจุด อาจจะยาวไปหน่อย เหอๆๆๆๆ เพราะผมคุยกับเขามายาวยจริงๆ แฮแฮ
ปลลอจุดที่ 2 ผมชอบนะ การที่ผู้จัดการ พูดตรงๆ แบบนี้
ปลลอจุดที่ 3 ขอบคุณพื้นที่ที่ให้ผมได้เขียนครับผม ^^