// Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)

J!MMY

เนื่องจาก เวลาผมมีน้อยมาก และแอบต้องการ การพักผ่อน
ดังนั้น จะขอลงแต่ Text นะครับ ยังไม่มีเวลาทำรูปให้ดูกัน
หรืออาจหารูปดูตามอินเตอร์เน็ตไปก่อน

จะได้เข้าใจกันสักทีว่า Skyactiv มันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ใหม่ ทั้งเบนซิน และ ดีเซล


แต่มันคือ กลุ่มเทคโนโลยี เน้นการลดน้ำหนัก เพิ่มประสิทธิภาพ
ของทั้งโครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง ทั้งหมด!


ถ้า Mercedes-Benz เรียกกลุ่มเทคโนโลยี ภาพรวมลักษณะนี้ว่า Blue Efficiency
ถ้า BMW เรียกกลุ่มเทคโนโลยี ภาพรวมลักษณะนี้ว่า Efficiency Dynamic
ถ้า Volkswagen เรียกกลุ่มเทคโนโลยี ภาพรวมลักษณะนี้ว่า Blue Motion

Mazda ก็เรียก กลุ่มเทคโนโลยีนี้ ของตนว่า SKYACTIV ! นั่นเอง!

ที่อยากลงให้อ่าน
เพราะอยากให้เห็น Idea ว่า ทำไม ชาวฮิโรชิมา ถึงคิดว่า จะยังไม่ไปหา Hybrid ในตอนนี้
ซึ่งแนวคิด "น่าสนใจมาก"
เปล่าหรอก SKYACTIV ที่จะมาเมืองไทย กับที่ขายในโลกตอนนี้ เป็น "แค่เฟสแรก"

ยังมี เฟส 2 3 4 ตามมาอีก!!! นี่แค่เริ่มต้น!


ข้อแม้ ที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อน ดังนี้

1. เนื่องจาก ไม่มีเวลาปรับแก้ภาษาใน เอกสารที่เขาแจกมาให้
ดังนั้น อย่าแปลกใจ ที่จะเจอสำนวนการแปล ประหลาดๆ

2. บางคำ ที่คิดว่าอาจไม่เข้าใจ

ลดการสูญเสียจากการปั้ม..

เขาแปลมาจากคำว่า ลด Pumping Loss ซึ่งแปลผิด!
มันคือ การที่ เครื่องยนต์ บ้วนไอดีทิ้งบางส่วน หลังจากดูดไอดีเข้าไป
แล้วเอาไอดีที่บ้วนทิ้ง ไหลกลับเข้ามาเผาไหม้กันใหม่อีกรอบ...แล้วก็บ้วนของใหม่ที่ตามเข้ามาบางส่วนออก

เทอร์โบ 2 ชั้น

มันคือ Turbocharger แบบ 2-Stage ครับ ซึ่งเดี๋ยวต้องไปถามวิศวกรญี่ปุ่น ที่ยกกันมาเกือบทั้งฮิโรชิมา กันอีกที!

ฯลฯ

OK เริ่มกันได้ข้างล่างนี้!





jztang

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 18:54:12 »
แรงและประหยัด ก้อพอใจแล้วครับ 555 ;D



J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 18:56:11 »
บทนำ

"SKY is the limit หรือ ท้องฟ้าคือสิ่งที่สูงสุดที่จำกัดไว้" วลีนี้เปรียบเสมือนเทคโนโลยีของรถมาสด้ารุ่นใหม่ทั้งหมด
และเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยียุคใหม่ของบริษัท ความไม่เหมือนใครของมาสด้าในทางวิศวกรรมในหมู่ผู้ผลิต
มักจะมีส่วนประกอบสำคัญเสมอคือ ความสุขในการขับรถเป็นเป้าหมายหลักของวิศวกรมาสด้าในการพัฒนารถยนต์

เทคโนโลยีสกายแอคทีฟคือการเพิ่มประสิทธิภาพของยานยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมด ปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิง
และการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในขณะที่ความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันกับความสนุก
ในขณะขับรถ และวิศวกรประสบความสำเร็จในการจัดการความแตกต่างเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบควบคู่ไปกับ
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟใหม่ อันได้แก่ เครื่องยนต์ เกียร์ บอดี้และแชสซี ที่จะมาเป็นรถรุ่นเจนเนอเรชั่นใหม่
ของมาสด้าที่เปิดตัวต่อจากนี้ไป

เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในจะยังคงเป็นเทคโนโลยีหลักของรถ ที่คาดการณ์ว่า จะมีการใช้อย่างต่อเนื่องในอนาตค
และมีสัดส่วนสูงมากกว่า 80% ของรถในตลาดในปี พ.ศ. 2563 รถในตลาดในปัจจุบันใช้เชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพเพียงแค่ 30%
แต่ยังมีส่วนที่ให้ปรับปรุง


(แทรกนิดนึง วิศวกร Mazda บอกว่า ทุกวันนี้ รถที่เราขับๆกันหนะ การเติมน้ำมัน 1 ถัง
พลังงานที่ขับเคลื่อนออกมาได้หนะ แค่ 30% แล้วไอ้ 70% ที่เหลือละ?

ก็สูญหายไปกับ การสูญเสียกำลังในระบบขับเคลื่อน แล้วก็ น้ำหนักในส่วนต่างๆที่ไม่จำเป็นยังไงละ!

เป้าหมายของ Mazda คือ ทำยังไง ที่จะเอา ลด 70% ตรงนี้ลง ...ตอนนี้ อาจทำได้แค่ จาก 70
เหลือ 40% ในรถรุ่นที่จะเปิดตัว แต่สในอนาคต มันต้องเหลือแค่ 10% เท่านั้น!!)


วิศวกรของมาสด้าเน้นที่เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในเพื่อมุ่งเป้าไปสู่การเผาไหม้ในอุดมคติ ซึ่งเป็นการท้าดังเดิมเดิมๆ
หลักการสำหรับรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่ คือการใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟในรถรุ่นใหม่ทุกรุ่น และเป็นรถ "สีเขียว"
 พลังงานสะอาด ที่มีราคาไม่แพง สิ่งนี้เน้นความมุ่งมั่นแน่วแน่ของบริษัทในการปรับปรุงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
ความปลอดภัยของยานยนต์ และพลศาสตร์ของการขับขี่

วัตถุประสงค์ทางธุรกิจหลักอย่างหนึ่งของมาสด้าคือการทำกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และในเวลาเดียวกัน
ลูกค้าทั่วไปสามารถซื้อได้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

นี่คือเหตุผลว่าทำไมมาสด้าจึงได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ในการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน
บุคลากรทางด้านการวิจัยและพัฒนาของบริษัทมาสด้าในฮิโรชิมาได้ใช้วิธีที่ดีที่สุดในการทำสิ่งนี้เป็นอันดับแรกเพื่อหา
ความเหมาะสมในกระบวนการภายในเครื่องยนต์ในการลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง

การเผาไหม้ภายใน: ยังคงเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนในปี พ.ศ. 2563

ผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากวางแผนที่จะมุ่งเน้นไปสู่การขับเคลื่อนแบบไฮบริดในระยะกลางและขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
อย่างเต็มรูปแบบในระยะยาว  มาสด้ามีแนวคิดที่เหมือนกัน โดยหลังจากใช้เวลานานกว่า 20 ปี ที่ทำงานเกี่ยวกับ
ยานยนต์ไฮบริดและไฟฟ้า ในความเป็นจริงแล้ว รถไฟฟ้าในรุ่นมาสด้า 2 จะออกจำหน่ายในจำนวนจำกัดในปี
 พ.ศ. 2555 ที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการขาย โครงการรถไฟฟ้ามาสด้า 2 ให้ข้อมูลเชิงลึก
ที่มีคุณค่าใหม่ในเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยไฟฟ้า และวิธีการใช้งานรถไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม สมมติฐานของ
ผู้สังเกตการณ์ได้พิสูจน์ความถูกต้องว่าประมาณ 23% ของรถยนต์นั่งในยุโรปจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2563
ที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่จะขับรถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน

และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในจะยังคงต่ำกว่าจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ตราบใดที่ไฟฟ้าที่ใช้มาจากแหล่งที่ไม่ใช่พลังงานหมุนเวียน







J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 18:59:03 »
3. ยุทธศาสตร์ “ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน” ของมาสด้า
ยุทธศาสตร์พัฒนาเป็นลำดับขั้น (Building Block)


ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2550 มาสด้าคิดค้น "ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน" กลยุทธ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิงขึ้น 30%
อย่างต่อเนื่อง (เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2551) สำหรับยานยนต์ทั้งหมดของมาสด้าที่ขายทั่วโลกภายในปี  พ.ศ. 2558
สิ่งนี้สอดคล้องกับการลดลงของการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23% จึงเป็นการลดลงของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย
วัตถุประสงค์ที่ท้าทายนี้สามารถดำเนินการโดยใช้ยุทธศาสตร์พัฒนาเป็นลำดับขั้นของมาสด้า อันหมายถึงรูปแบบ
ขั้นตอนในการนำระบบไฟฟ้าเข้าไปช่วยขับเคลื่อนร่วมกับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในสกายแอคทีฟอย่างเป็นขั้นตอน

เทคโนโลยีไอสต็อป “i-stop” ของมาสด้า (ระบบสตาร์ทและหยุด) ถูกเปิดตัวในปี พ.ศ. 2552 เป็นหนึ่งในแนวทาง
ที่นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้อย่างเหมาะสมที่สุด เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลสกายแอคทีฟ
จะทำงานร่วมกับระบบไอสต็อป อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆจะถูกติดตั้งเข้าไปเพิ่มเติมด้วย

 ตัวอย่างหนึ่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่มาสด้าคือ ระบบเบรกแบบรีเจนเนอร์เรทีฟที่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อนำพลังงานในช่วงการลดความเร็วกลับมาใช้ใหม่ สำหรับเทคโนโลยีไฮบริด มาสด้าจะรวมเทคโนโลยีไฮบริด
เข้ากับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ (ดูในกรอบข้อความข้างล่าง) การพัฒนาเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของแนวคิด
สกายแอคทีฟ

การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงเป็นสิ่งที่คาดการณ์ภายในปี พ.ศ. 2558
จะเป็นไปได้เมื่อครึ่งหนึ่งของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่ทั้งหมดของมาสด้าเป็นไฮบริด หรือเกือบหนึ่งในสี่เป็นรถไฟฟ้า


“นวัตกรรม MONOSUKURI ”
ขั้นตอนที่เปลี่ยนแปลง การผลิตที่เปลี่ยนแปลง


ในปี พ.ศ. 2550 แม้กระทั่งก่อนที่สกายแอคทีฟจะเริ่มขึ้น มาสด้าเริ่มการปฏิรูปกระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
ในการผลิตรถยนต์จากการพัฒนาและวิจัยสู่การผลิต ด้วยวิธีนี้ บริษัทเรียกว่านวัตกรรมโมโนะสึคุริซึ่งได้วาง
แนวคิดทางสถาปัตยกรรมร่วมกันและแนวคิดการผลิตที่มีความยืดหยุ่นบนพื้นฐานของการวางแผนผลิตภัณฑ์
โดยรวมเข้าไว้ด้วยกัน (Bundled Product Planning) โมโนะสึคุรินำไปสู่ความรุดหน้าในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ
(ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน) เช่นเดียวกับมาตรฐานของชิ้นส่วนเพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
จึงทำให้มาสด้าใช้เทคโนโลยีในระดับสูงและสมรรถนะสูงในรถได้หลายรุ่นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมโมโนะสึคุริช่วยให้มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนในระดับสูง
ซึ่งท้ายที่สุดจะเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า





J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:03:59 »

การเผาไหม้ภายในที่สมบูรณ์แบบเชิงอุดมคติ
(Ideal Internal Combustion Engine)
สำหรับไฮบริดซูม-ซูมที่ทรงประสิทธิภาพ


เช่นเดียวกันกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น มาสด้าวางแผนที่จะนำไฮบริดมาใช้ในช่วงเวลาระยะกลาง เริ่มปี พ.ศ. 2556 ที่ญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามจะมุ่งพัฒนาให้เกิดความแตกต่างมากกว่าการแข่งขัน โดยอยู่บนพื้นฐานของสกายแอคทีฟ

ประสิทธิภาพเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ในปัจจุบันลดลงอย่างมากในการรับภาระของเครื่องยนต์ต่ำในรอบปานกลางถึงรอบต่ำ
ยานยนต์ไฮบริดสามารถเติมเต็มการประหยัดเชื้อเพลิงได้เนื่องจากเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในได้ถูกออกแบบให้ใช้งานในช่วง
ที่มีประสิทธิภาพเชื้อเพลิงสูงเพื่อผลิตไฟฟ้าซึ่งให้กำลัง (ร่วมกับพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่) แก่ยานยนต์ที่ภาระต่ำ

แต่กระนั้นก็ตาม ยิ่งช่วงที่เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในมีประสิทธิภาพต่ำที่ภาระต่ำยิ่งกว้าง ยิ่งต้องการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า
และแบตเตอรี่สำหรับไฮบริดมากเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ

ดังนั้น เนื่องจากการมีประสิทธิภาพตลอดช่วงการทำงาน การทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในสกายแอคทีฟ
และการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจึงสามารถยกระดับประสิทธิผลของไฮบริด ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งไฮบริดซูม-ซูม
ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ดังนั้น ระบบเบรกรีเจนเนอเรทีฟจึงเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในการประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่

-------------------------

4. เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ

เทคโนโลยีสกายแอคทีฟจะถูกเปิดตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2556 สำหรับรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นรุ่นใหม่ทั้งหมด
ด้วยเครื่องยนต์ เกียร์ บอดี้ และแชสซีแบบใหม่ มาสด้าได้ทำตามแนวทางของวิธีที่เรียกว่า “ความคิดริเริ่มที่แตกต่าง”
ซึ่งเป็นการทำให้ความขัดแย้งทางเทคนิคหมดไป เช่น การเพิ่มความปลอดภัย พลศาสตร์ของการขับขี่ และการ
ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นการปรับปรุงเทคโนโลยียานยนต์ที่สำคัญอย่างต่อเนื่องในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่

วัตถุประสงค์ของเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในในอุดมคติตามวิถีแห่งมาสด้า

มาสด้าสร้างเส้นทางของตนเองโดยมีพื้นฐานตามประเพณีที่ยาวนานของการประดิษฐ์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ของบริษัท
ทำไมมาสด้าไม่เคยหยุดพัก? เพราะว่าหลังจากการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งกว่า 120 ปี เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในยังคงไม่สามารถ
ใช้ประโยชน์ได้มากเท่าที่ควรหรือเกิดการสูญเสียสูงถึง 70-90% ของพลังงานจากเชื้อเพลิงที่ได้

โดยธรรมชาติแล้ว การสูญเสียพลังงานนี้โดยส่วนใหญ่เป็นทางความร้อน และสามารถจำแนกได้เป็นความร้อนที่สูญเสีย
ไปกับไอเสีย ระบบหล่อเย็น และ ผนังเครื่องยนต์และห้องเกียร์ จึงมีการมุ่งเน้นในการปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงความร้อน
ของเครื่องยนต์ นอกเหนือจากนี้ มาสด้าทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะลดความเสียดทานภายในของเครื่องยนต์และน้ำหนัก
ของเครื่องยนต์

ตัวแปรที่สามารถควบคุมได้ 6 ประการที่เป็นหัวใจสำคัญ ได้แก่
•   อัตราส่วนการอัด
•   อัตราส่วนอากาศต่อเชื้อเพลิง
•   ช่วงเวลาการเผาไหม้
•   จังหวะการเผาไหม้
•   การสูญเสียจากการปั๊ม
•   การสูญเสียจากความเสียดทานเชิงกล

เป้าหมายคือการหาความเหมาะสมของตัวแปรเหล่านี้ โดยการทำให้เป็นฟังก์ชั่นที่หาค่าที่เหมาะสมได้
และทำให้ก้าวไปสู่เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในในอุดมคติ ในท้ายที่สุด อัตราส่วนการอัดจะเป็นตัวแปร
ที่สำคัญสำหรับทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล

ความเข้มแข็งอย่างหนึ่งของมาสด้าคือ ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง การจัดการเวลา และการได้รับผล
ที่ยอดเยี่ยมโดยการดำเนินการจากทรัพยากรที่มี หนึ่งในตัวอย่างของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ไม่เหมือนใคร
ของมาสด้าที่เป็นต้นกำลังให้กับ 787B ในตำนาน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์โรตารี่หนึ่งเดียวที่ชนะในรายการ
แข่งขันเลอมังส์ในปี พ.ศ. 2534 อีกตัวอย่างหนึ่งคือมาสด้า MX-5 ที่พลิกฟื้นตลาดของโรดสเตอร์ทั่วโลก
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟเป็นบันทึกเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่สำคัญในประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่แสดงให้เห็น
อีกครั้งหนึ่งว่ามาสด้าได้เป็นผู้นำในชะตากรรมของเทคโนโลยีของตนเองได้อย่างไร สิ่งนี้ได้ถูกพัฒนา
โดยใช้กระบวนการของมาสด้าที่เป็นลักษณะจำเพาะ

ยกตัวอย่างเครื่องยนต์สกายแอคทีฟใหม่ไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างอิสระโดยลำพังจากวิศวกรเพียงฝ่ายเดียว
แต่เริ่มจากกลุ่มของวิศวกรที่เชี่ยวชาญเฉพาะได้พัฒนาสถาปัตยกรรมของเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดที่เป็นได้ก่อน
ในครั้งแรก แล้วใช้เป็นพื้นฐานให้กับเครื่องยนต์ใหม่ทุกรุ่น โดยไม่คำนึงถึงจำนวนกระบอกสูบหรือชนิดของ
เชื้อเพลิง และนั่นคือพื้นฐานของเครื่องยนต์เจนเจอเรชั่นใหม่ที่คณะวิศวกรฝ่ายอื่นๆสามารถทำงานพัฒนา
ต่ออย่างสอดผสานและเกิดประสิทธิภาพ

“ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราทำงานร่วมกันเพื่อการออกแบบทางวิศวกรรมให้ได้สถาปัตยกรรมให้เป็นไปได้
มากที่สุดด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และคุณภาพดีที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น เราจึงทำให้กระบอกสูบ
ใหญ่ขึ้น เล็กลง จำนวนกระบอกสูบ สี่สูบ หกสูบ สามสูบ หรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อที่จะสร้างเครื่องยนต์ที่หลากหลาย
สำหรับการใช้งานในอนาคต” เซอิตะ คาไน รองประธานกรรมการบริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าว

เพิ่ม อัตราส่วนการอัด (Compression Ratio) แทนที่จะลดขนาดเครื่องยนต์

ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงของเครื่องเบนซินโดยการลดขนาดของเครื่องยนต์
(downsizing) การลดลงของกำลังและแรงบิดที่เกิดขึ้น จึงต้องถูกชดเชยด้วยการนำอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้
โดยการใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์และซูเปอร์ชาร์จเจอร์

ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลดี มาสด้าได้เลือกใช้แนวทางอื่น ดังเช่นที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ การพัฒนาเครื่องยนต์
เผาไหม้ภายในในอุดมคตินั้นเป็นหลักการที่สำคัญของยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นลำดับขั้นของมาสด้า

จากโรดแม็ปของมาสด้าสำหรับเครื่องยนต์เบนซินในอุดมคตินั้น ขั้นตอนต่อไปคือการเพิ่มอัตราส่วนการอัด




J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:09:22 »
5. เครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ-จี SKYACTIV-G

ข้อได้เปรียบของเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ-จี ระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงที่ไม่เหมือนใครเป็นผลผลิตจาก
“ความคิดริเริ่ม” ทางวิศวกรรมที่เป็นหนึ่งเดียวของมาสด้า โดยการวิเคราะห์และคิดใหม่ทั้งหมดในหลักการ
ทางเทอร์โมไดนามิกส์ บริษัทจึงประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนการอัดสูงเป็นพิเศษ
14:1 ซึ่งเป็นระดับที่เห็นได้เฉพาะเครื่องยนต์ของรถแข่งสมรรถนะสูงเท่านั้น ที่ไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้

ในปัจจุบัน มาสด้าเอาชนะข้อจำกัดในทางปฏิบัติได้อัตราส่วนการอัดสูง 14:1

การอภิปรายเกี่ยวกับอัตราส่วนการอัดต้องการคำอธิบายถึงข้อดีและความท้าทายของการอัดสูง การเพิ่มอัตราส่วน
การอัดในเครื่องยนต์เบนซินเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงความร้อน ดังนั้นเป็นการปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการอัดสูงในเครื่องยนต์แบบดั้งเดิมนำไปสู่การเผาไหม้ที่ผิดปกติเรียกว่าเกิดการน็อค
ซึ่งทำให้แรงบิดของเครื่องยนต์ลดลง ส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศที่หนาขึ้นและการทำให้ไฟจุดระเบิดล่าช้าลง
ได้ถูกใช้เพื่อป้องกันการเกิดการน็อค แต่สิ่งนี้ต้องแลกมาด้วยการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและแรงบิดที่ลดลง

ดังนั้น ปัญหานี้จะถูกแก้ได้อย่างไร?

อัตราส่วนการอัดสูงโดยปราศจากการน็อค?

การน็อคเกิดเมื่อมีการชิงจุดระเบิดก่อนการให้ประกายไฟจากหัวเทียนอันเนื่องมาจากอุณหภูมิและความดันในกระบอกสูบสูงเกินไป
สิ่งนี้สามารถแก้ได้ด้วยการลดปริมาณและความดันของก๊าซที่ค้างในกระบอกสูบที่ร้อนในห้องเผาไหม้ มาสด้าจึงพัฒนาท่อระบาย
ไอเสียแบบพิเศษ 4-2-1 ที่ยาว ป้องกันก๊าซไอเสียที่เพิ่งออกจากกระบอกสูบและถูกผลักกลับเข้าไปในห้องเผาไหม้ ส่งผลให้
อุณหภูมิในการอัดลดลงเป็นการลดการน็อค

ช่วงเวลาการเผาไหม้ได้ถูกลดลงด้วยการเผาไหม้ที่รวดเร็วทำให้ส่วนผสมอากาศ-เชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้สัมผัสกับอุณหภูมิสูง
ด้วยเวลาที่สั้นลง เป็นการทำให้การเผาไหม้แบบปกติเกิดขึ้นก่อนเกิดการน็อค ดังนั้นเครื่องยนต์ใหม่จะใช้ลูกสูบพิเศษที่มีโพรง
อยู่ด้านบน ทำให้เปลวไฟของการเผาไหม้ตอนเริ่มต้นแพร่กระจายโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง และหัวฉีดแบบหลายรูที่เพิ่ม
คุณลักษณะการสเปรย์ของเชื้อเพลิง

เมื่อรวมกันกับท่อระบายไอเสียแบบ 4-2-1 นวัตกรรมนี้ส่งผลให้เพิ่มแรงบิดได้ 15% มากกว่าเครื่องยนต์มาสด้า MZR ขนาดค 2 ลิตร
ในปัจจุบัน เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี มีแรงบิดสูงตลอดช่วงการทำงานของรอบเครื่องยนต์ และจะประหยัดเชื้อเพลิงได้ 15%

การลดการสูญเสียจากการปั๊ม (<--- Pumping Loss ดูเขาแปล ตูละงงจริงๆ แปลไม่ถูกเลย<--- J!MMY)

เพื่อที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ จึงมีความจำเป็นต้องลดการสูญเสียจากการปั๊มที่เกิดที่ภาระเครื่องยนต์ต่ำ

เมื่อลูกสูบดึงอากาศเข้าขณะเคลื่อนที่ลงในจังหวะดูด โดยทั่วไป ปริมาณอากาศที่เข้าสู่กระบอกสูบถูกควบคุมด้วยลิ้นเร่ง
ที่ติดตั้งอยู่ก่อนท่อไอดี ที่ภาระเครื่องยนต์ต่ำ จะใช้อากาศในปริมาณไม่มาก ลิ้นเร่งปิดเกือบสนิท เป็นเหตุให้ความดันใน
ท่อไอดีและกระบอกสูบต่ำกว่าความดันบรรยากาศ สิ่งนี้เป็นผลให้ลูกสูบต้องเอาชนะสุญญากาศในปริมาณมาก

สิ่งนี้ถูกเรียกกันว่า Pumping Loss ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลกระทบเชิงลบกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
มาสด้าทำการลดการสูญเสียจากการปั๊มด้วยจังหวะการเปิดและปิดวาล์วเป็นลำดับขั้น (sequential valve timing, S-VT)
ที่วาล์วไอดีและวาล์วไอเสีย S-VT เปลี่ยนจังหวะการเปิดและปิดวาล์ว ทำให้ปริมาณอากาศที่ไหลเข้าห้องเผาไหม้ถูกควบคุม
โดยวาล์วแทนที่จะเป็นลิ้นเร่ง ในระหว่างจังหวะดูด ลิ้นเร่งและวาล์วไอดีถูกทำให้เปิดกว้างสุดในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ลง
จังหวะดูดสิ้นสุดเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลงถึงศูนย์ตายล่าง แต่ถ้าวาล์วไอดีปิด ณ ตอนนี้ จะมีอากาศในกระบอกสูบมากเกินไป
แต่ที่ภาระเครื่องยนต์ต่ำต้องการอากาศในปริมาณไม่มาก

ดังนั้น เพื่อกำจัดอากาศส่วนเกิน S-VT จะให้วาล์วไอดีเปิดเมื่อลูกสูบเริ่มที่จะเลื่อนขึ้น (ในจังหวะอัด)  วาล์วไอดีจะปิด
เมื่ออากาศที่ไม่จำเป็นได้ถูกดันออกไป สิ่งนี้เป็นวิธีการที่ S-VT ลดการสูญสียจากการปั๊ม ทำให้กระบวนการเผาไหม้
โดยรวมทั้งหมดมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

โดยปกติแล้ว การไหลกลับทำให้การเผาไหม้ไม่สเถียร เนื่องจากวาล์วไอดียังคงเปิดแม้เมื่อจังหวะอัดเริ่มแล้ว ความดัน
ภายในกระบอกสูบจะลดลง ทำให้ยากในการเผาไหม้ส่วนผสมอากาศ-เชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นปัญหา
สำหรับสกายแอคทีฟ-จีเนื่องจากมีอัตราส่วนการอัดสูง (14:1)  อัตราส่วนการอัดที่สูงช่วยเพิ่มอุณหภูมิและความดัน
ในห้องเผาไหม้ ดังนั้น กระบวนการเผาไหม้จะมีความสเถียร (แม้ว่าการสูญเสียจากการปั๊มจะลดลง) และเครื่องยนต์
จะมีประสิทธิภาพเชื้อเพลิงสูงขึ้น

การลดน้ำหนักและความเสียดทานภายในเครื่องยนต์

แน่นอนว่าการตอบสนองของยานยนต์โดยรวมสามารถเพิ่มขึ้นได้โดยการลดขนาดและน้ำหนักของชิ้นส่วน และ
โครงการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่อย่างสมบูรณ์เปิดโอกาสให้เกิดแนวทางใหม่ไปสู่การออกแบบน้ำหนักเบา การที่
ลูกสูบเบาขึ้น 20% ก้านสูบเบาขึ้น 15% และความเสียดทานภายในเครื่องยนต์ลดลง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ
เครื่องยนต์ MZR  2 ลิตร ในปัจจุบัน ทำให้ต้นกำลังสกายแอคทีฟ-จีใหม่มีความคล่องตัว เร่งดี ปรับตัวได้รวดเร็วกว่า
เมื่อภาระเปลี่ยน และดังนั้นเป็นการเสริมลักษณะสปอร์ตของรถมาสด้า และเครื่องยนต์ใช้พลังงานน้อยลงในกระบวนการ
ซึ่งช่วยปรับปรุงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ 15% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ในปัจจุบัน



J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:17:30 »
6. เครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟ-ดี SKYACTIV-D

เทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ของมาสด้ายังมีเครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟ-ดี คอมมอนเรล รุ่นใหม่ ทั้งหมด
มีอัตราส่วนการอัด 14:1 เท่ากันกับเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีอัตราส่วน
การอัดน้อยที่สุดในโลก


สกายแอคทีฟ-ดี เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นแรกๆที่เป็นไปตามข้อบังคับมลพิษยูโร 6 (ยังไม่บังคับใช้จนกว่าถึง
ปี พ.ศ. 2557 เริ่มใช้ในยุโรป ก่อน) โดยไม่ต้องใช้เครื่องบำบัดไอเสียเอสซีอาร์ (selective catalytic reduction, SCR)
หรือแอลทีเอ็น (lean NOx trap catalyst converter) ที่มีราคาแพง

เครื่องยนต์ดีเซลไม่ต้องใช้หัวเทียน เชื้อเพลิงที่ถูกฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้จะจุดระเบิดด้วยตัวเองภายใต้ความดัน
และอุณหภูมิที่สูงใกล้ศูนย์ตายบน (top dead centre, TDC) หรือเมื่อหัวลูกสูบเข้าใกล้ฝาสูบ เพื่อให้มั่นใจการสตาร์ท
ในขณะเครื่องยนต์เย็นและการเผาไหม้ที่สเถียรระหว่างช่วงการอุ่นเครื่อง เครื่องยนต์ดีเซลในแบบดั้งเดิมจะมีอัตราส่วน
การอัดสูง 16:1 ถึง 18:1 แต่ไม่ใช่สกายแอคทีฟ-ดีของมาสด้า

อัตราส่วนการอัดที่ต่ำเพียง 14:1 ทำให้ช่วงเวลาการเผาไหม้สามารถถูกปรับได้อย่างเหมาะสม เมื่ออัตราส่วนการอัดต่ำลง
อุณหภูมิและความดันในการอัด ณ ศูนย์ตายบนจะลดลง เป็นผลให้การจุดระเบิดเกิดยาวนานขึ้นแม้ว่าเมื่อเชื้อเพลิงถูกฉีด
ใกล้ศูนย์ตายบน ทำให้เกิดการผสมระหว่างอากาศกับเชื้อเพลิงดีขึ้น สิ่งนี้เป็นผลดีต่อการป้องกันการเกิดไนโตรเจนออกไซด์
และเขม่า เพราะจะเป็นการเผาไหม้ของสารผสมที่เป็นเนื้อเดียวกันโดยปราศจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงและออกซิเจนไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ การฉีดเชื้อเพลิงและการเผาไหม้ใกล้ศูนย์ตายบนทำให้เครื่องยนต์ดีเซลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อัตราส่วนการขยาย
(หรือปริมาณงานที่ได้จริง) จะมากกว่าในเครื่องยนต์ดีเซลที่มีอัตราส่วนการอัดสูง ช่วงเวลาการเผาไหม้ที่เหมาะสมหมายถึง
สกายแอคทีฟ-ดี ใช้พลังงานในเชื้อเพลิงได้ดีกว่า และสิ่งนี้เป็นเหตุผลหลักของการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลง 20%

ยูโร 6 โดยปราศจากเครื่องบำบัดไอเสียสำหรับไนโตรเจนออกไซด์

เนื่องจากอัตราส่วนการอัดต่ำ สกายแอคทีฟ-ดีเผาไหม้ได้สะอาด ปล่อยไนโตรเจนออกไซด์และเขม่าในปริมาณต่ำมาก
ดังนั้น จึงสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องบำบัดไอเสียสำหรับไนโตรเจนออกไซด์และยังคงเป็นไปตามมาตรฐาน
มลพิษที่เข้มงวดทั่วโลก (เช่นยูโร 6) ที่จำกัดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ที่ปล่อยออกมา

เป็นความจริงที่ว่าการคิดค้นและพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟได้ถูกพิจารณาว่าเป็นการบุกเบิกของนวัตกรรมยานยนต์
ในปัจจุบัน ที่ไม่มีผู้ผลิตใดใดสามารถทำให้เท่าเทียมในเรื่องอัตราส่วนการอัดที่ต่ำ ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิในการจุดระเบิดด้วย
การอัดสำหรับการสตาร์ทเย็นและระหว่างการทำงานที่อุณหภูมิต่ำโดยปกติแล้วต่ำไปสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีอัตราส่วน
การอัดเพียง 14:1 เครื่องยนต์อาจทำงานไม่ราบเรียบ โดยเฉพาะในหน้าหนาว อาจไม่จุดระเบิดระหว่างการอุ่นเครื่อง และ
ที่อุณหภูมิต่ำมากๆ เครื่องยนต์อาจสตาร์ทไม่ติดในครั้งแรก

ดังนั้น เพื่อปรับปรุงการสตาร์ทเย็นและการทำงานที่อุณหภูมิต่ำ มาสด้าได้ใช้หัวเผาเซรามิกกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ
และการยกตัวของวาล์วไอเสียแบบแปรผัน ประการหลังทำหน้าที่ให้เกิดการหมุนเวียนของก๊าซไอเสียร้อนภายในห้องเผาไหม้
หัวเผาได้ถูกใช้ในช่วงต้นของการเผาไหม้ที่ต้องเพิ่มอุณหภูมิก๊าซเสียได้อย่างเพียงพอ หลังจากเครื่องยนต์สตาร์ทแล้ว
วาล์วไอเสียไม่ได้ปิดแบบปกติในระหว่างจังหวะดูด แต่จะยังคงเปิดเล็กน้อยเพื่อให้ก๊าซไอเสียบางส่วนกลับเข้ามาใหม่
สิ่งนี้เป็นการเพิ่มอุณหภูมิอากาศในห้องเผาไหม้ ซึ่งในทางกลับกันเป็นการช่วยการจุดระเบิดของส่วนผสมอากาศ-เชื้อเพลิง
และป้องกันการไม่จุดระเบิด

การลดน้ำหนักและความเสียดทานภายในเครื่องยนต์

อัตราส่วนการอัดที่ต่ำของสกายแอคทีฟ-ดี หมายถึงความดันสูงสุดที่มีค่าต่ำลงไปด้วย ดังนั้น ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์จะเกิด
ความเครียดน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซลแบบดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้ จึงมีโอกาสในการปรับปรุงโครงสร้างเพื่อการลดลงน้ำหนักได้
ฝาสูบที่มีความหนาน้อยลงและท่อร่วมไอเสียมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน 3 กิโลกรัม ในขณะที่เสื้อสูบในปัจจุบันได้ใช้อลูมิเนียม
ที่สามารถลดน้ำหนักลงได้อีก 25 กิโลกรัม

นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักของลูกสูบและเพลาข้อเหวี่ยงที่ลดลงอีก 25%  มาสด้าได้ทำการลดความเสียดทานภายในเครื่องยนต์
รวมอีก 20% ในสกายแอคทีฟ-ดีเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล MZR-CD ในปัจจุบัน สำหรับผู้ขับขี่ สิ่งนี้หมายถึงการ
ตอบสนองที่เหนือกว่า พละกำลังและการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น

เทอร์โบชาร์จเจอร์สองขั้น Two-stage Turbocharger (<----- คนแปล เขาแปลมายังไงกันวะเนี่ยยยยยย J!MMY)

เทอร์โบชาร์จเจอร์ไม่ได้เพียงแต่ช่วยเครื่องยนต์ดีเซลให้มีแรงบิดสูงขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิง
และลดการปลดปล่อยมลพิษที่เป็นอันตรายอีกด้วย สกายแอคทีฟ-ดีใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์สองขั้น

เทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ใช้มีสองขนาด ตัวหนึ่งขนาดเล็กและอีกตัวหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่า เทอร์โบชาร์จเจอร์ทั้งสองตัว
ทำงานตามสภาวะการขับขี่ เทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวเล็กป้อนอากาศเข้าห้องเผาไหม้ที่รอบต่ำเพื่อผลิตแรงบิดที่รอบต่ำ
และกำจัดการทำงานที่ล้าช้าของเทอร์โบชาร์จเจอร์ (turbo lag) ที่สังเกตได้จากแรงบิดต่ำผิดปกติและการตอบสนอง
ต่อการเร่งไม่ดี สิ่งนี้เกิดจากความดันของก๊าซไอเสียไม่เพียงพอที่จะขับดันใบจักรของเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้หมุน
ตามความเร็วที่ต้องการในการเพิ่มความดันในการอัด เทอร์โบชาร์จเจอร์สองตัวทำให้แน่ใจว่ามีแรงบิดสูงเพียงพอ
และการตอบสนองที่ดีที่ความเร็วรอบต่ำและมีพลกำลังมากที่รอบสูง จนกระทั่งสกายแอคทีฟ-ดีไม่ยากที่จะเร่งจนแตะ
ความเร็วรอบขีดแดงที่ 5,200 รอบต่อนาที การใช้ เทอร์โบชาร์จเจอร์สองขั้นและอัตราส่วนการอัดที่ต่ำทำให้สามารถ
หาความเหมาะสมของจังหวะการเผาไหม้ได้

นอกจากนี้ การมีอากาศ (ออกซิเจน) เพียงพอต่อการเผาไหม้ ก๊าซมลพิษไนโตรเจนออกไซด์และเขม่าจึงปลดปล่อยออกมาน้อยลง

7. เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ SKYACTIV-DRIVE

เพื่อบรรลุความพยายามในการนำไปสู่เกียร์อัตโนมัติในอุดมคติ มาสด้ามุ่งเป้าไปยังสิ่งต่างๆดังนี้
•   ปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิง
•   ทำให้มั่นใจถึงการตอบสนองต่อคันเร่งโดยตรง
•   เปลี่ยนเกียร์ราบเรียบ
•   ส่งผ่านอัตราเร่งอย่างนุ่มนวล

เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ใหม่รวมข้อดีของเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิมกับเกียร์ซีวีที (continuously variable transmission, CVTs)
และเกียร์คลัตช์คู่ (Dual Cluth transmission) การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบเรียบตามภาระของเครื่องยนต์โดยตรงตั้งแต่รอบต่ำ
และตอนที่ต้องการการประหยัดเชื้อเพลิง หัวใจสำคัญของสกายแอคทีฟ-ไดรฟ์คือทอร์กคอนเวอร์เตอร์พร้อมเกียร์เดินหน้า 6 จังหวะที่พัฒนา
ขึ้นมาใหม่พร้อมกับระบบคลัตช์ล็อคอัพทุกเกียร์ เรียกว่า ขับตรงในทุกช่วงความเร็ว อัตราทดของคลัตช์ล็อคอัพได้เพิ่มขึ้นจาก 64% ของ
เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะในปัจจุบัน หรือคิดเป็น 89% ระหว่างการทำงานของรถยนต์

การล็อคอัพเกิดตั้งแต่ช่วงแรกระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์โดยทอร์กคอนเวอร์เตอร์ (ทำให้กำลังที่ผลิตได้จากเครื่องยนต์ส่งผ่านโดยตรง
ไปยังล้อขับเคลื่อน) ลดการสูญเสียกำลังระหว่างการเร่ง เป็นการส่งผ่านความรู้สึกในการขับขี่โดยตรงมากขึ้น และป้องกันการสูญเสียกำลัง
จากเครื่องยนต์และยังปรับปรุงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย ระบบไฮดรอลิกส์ที่มีความแม่นยำสูงเป็นสิ่งจำเป็นในการออกแบบ

ดังนั้น เพื่อทำให้เร็วและการปรับความดันน้ำมันที่แม่นยำเป็นไปได้ในตอนแรกและเพื่อปรับปรุงการทำงานให้เชื่อถือได้ มาสด้าจึงใช้
สกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ควบคุมด้วยโมดูลเมคคาทรอนิกส์

ในขณะที่การหาช่วงล็อคอัพที่มากที่สุดเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงความรู้สึกในการขับขี่และการประหยัดเชื้อเพลิง สิ่งนี้เป็นการเพิ่ม
เสียง การสั่นสะเทือน และความรุนแรง (เขาแปลมาจาก NVH : Noise Vibration & Harshness .. J!MMY)
เนื่องจากไม่มีสิ่งใดมาดูดซับความแตกต่างระหว่างความเร็วรอบของเครื่องยนต์และเกียร์ ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ใหม่ได้ถูกปรับเพื่อแก้ปัญหานี้
ล็อคอัพที่ขยายออกไปถูกจำกัดอยู่ที่ความเร็วต่ำ ดังนั้นมันสามารถมีขนาดเล็กลงได้ ก่อให้เกิดช่องว่างสำหรับตัวหน่วงที่ปรับปรุงแล้ว
(เพื่อดูดซับเสียง การสั่นสะเทือน และความรุนแรง) เหมือนดังเช่นคลัตช์ล็อคอัพหลายแผ่นและลูกสูบซึ่งปรับปรุงความทนทานและ
การควบคุมของคลัตช์

สกายแอคทีฟ-ไดรฟ์มีสองรุ่น ทำให้เกียร์อัตโนมัติเหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟ


8. เกียร์ธรรมดาสกายแอคทีฟ-เอ็มที SKYACTIV-MT

มาสด้ามาพร้อมกับการพัฒนาใหม่อย่างสมบูรณ์ของห้องเกียร์ 6 จังหวะที่แม่นยำ ด้วยขนาดกะทัดรัดอย่างมากและการออกแบบน้ำหนักเบา
พร้อมกับความเสียดทานภายในที่ลดลง จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งในการใช้แหล่งพลังงานอย่างประหยัด

เช่นเดียวกันกับเกียร์อัตโนมัติ เกียร์ธรรมดาใหม่จะถูกเปิดตัวสองรุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการแรงบิดของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน
เป้าหมายคือเพื่อลดน้ำหนักลง 7% ถึง 16% (ขึ้นกับรุ่น) เมื่อเปรียบเทียบกับเกียร์ธรรมดาในปัจจุบัน

มาสด้าจึงมองชิ้นส่วนทุกชิ้นเพื่อพิจารณาถึงหน้าที่ของมันอีกครั้งหนึ่ง สกายแอคทีฟ-เอ็มที เป็นผลงานเชิงนวัตกรรมของมาสด้าโดยดูได้
จากสถาปัตยกรรมใหม่ที่ประกอบด้วยเคาท์เตอร์ชาร์ฟที่สั้นลงและไม่มีเพลาแยกสำหรับเกียร์ถอยหลังในรถรุ่นใหญ่

MX-5 สร้างมาตรฐาน

ความรู้สึกในการขับขี่แบบสปอร์ตอยู่บนสุดในรายการพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ ด้วยห้องเกียร์ธรรมดาที่แม่นยำและกระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ
ของโรดสเตอร์ MX-5 เป็นแรงบันดาลใจ หัวเกียร์มีระยะการเปลี่ยนเกียร์เพียง 45 มิลลิเมตรจากตำแหน่งเกียร์ว่างถึงตำแหน่งเกียร์ใดๆ การ
เปลี่ยนเกียร์ที่กระชับของเกียร์รุ่นใหม่ทำให้หวนรำลึกถึงเกียร์ของ MX-5 ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ไม่ต้องการแรงมากนัก เห็นได้ชัดว่า
สกายแอคทีฟ-เอ็มที เป็นดีเอ็นเอของมาสด้า

มาสด้าใช้กลไกที่ซับซ้อนเพื่อให้ความแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์และความรู้สึกกระฉับกระเฉงเป็นไปตามที่ต้องการ ลักษณะการทำงานใน
อุดมคติได้ถูกพิจารณาอย่างรอบคอบบนพื้นฐานของการเปรียบเทียบกับความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ MX-5 กับคู่แข่งจากยุโรป เกียร์ธรรมดาใหม่
ให้ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่ต่อเนื่องและเบากว่าด้วยความต้านทานที่น้อยกว่า เพื่อการเพิ่มความแม่นยำและความกระฉับกระเฉง คันเกียร์
ได้ถูกออกแบบให้รู้สึกหนักปานกลางตอนเริ่มเข้าเกียร์และความหนักลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเข้าเกียร์ต่อไป




JONNY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:17:46 »
สนุกครับ ภายในปีสองปีนี้ สงครามยานยนต์ ต่างก็ช่วงชิง มัวแต่กั๊กไม่ได้แล้ว ถึงเวลากับเทคโลโยแบบใหม่ที่ประหยัดพลังงานกันได้เสียที
เทคโนโลยี SKYACTIV ขออย่าให้ต้นทุนอย่าได้แพงเหมือน HIBRID เลย

แต่ก็แม้ๆมาสด้า นำข่าว เทคโลยี SKYACTIV มาตัดหน้า คู่แข่ง กันเลย แต่ก็ดี คู่แข่งที่เปิดตัวเร็วนี้จะได้ไม่มีกั๊กกันต่อไป 555 โอกาสดีของผู้บริโภคแล้ว ใครซื้อรถก่อนหน้านี้เสียใจด้วยนะ  ;D



jztang

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:23:43 »
สนุกครับ ภายในปีสองปีนี้ สงครามยานยนต์ ต่างก็ช่วงชิง มัวแต่กั๊กไม่ได้แล้ว ถึงเวลากับเทคโลโยแบบใหม่ที่ประหยัดพลังงานกันได้เสียที
เทคโนโลยี SKYACTIV ขออย่าให้ต้นทุนอย่าได้แพงเหมือน HIBRID เลย

แต่ก็แม้ๆมาสด้า นำข่าว เทคโลยี SKYACTIV มาตัดหน้า คู่แข่ง กันเลย แต่ก็ดี คู่แข่งที่เปิดตัวเร็วนี้จะได้ไม่มีกั๊กกันต่อไป 555 โอกาสดีของผู้บริโภคแล้ว ใครซื้อรถก่อนหน้านี้เสียใจด้วยนะ  ;D
คนมีการศึกษาแน่นขึ้น ศึกษาก่อนลงทุน กั๊กมากๆ ขายไม่ออกครับ 55555555555



J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:24:09 »
9. สกายแอคทีฟ-บอดี้และสกายแอคทีฟ-แชสซี SKYACTIV-BODY & SKYACTIV-CHASSIS

“ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน” หมายถึงประสิทธิภาพโดยไม่ประนีประนอมกับความเพลิดเพลินในการขับขี่ การเติมเต็มยุทธศาสตร์หมายถึง
การให้ความสำคัญกับตัวแปรเกี่ยวกับน้ำหนัก

วิศวกรรมน้ำหนักเบา: ความเชี่ยวชาญของมาสด้า

มาสด้าเน้นในเรื่องน้ำหนักอย่างมาก กล่าวโดยรวมแล้ว ยานยนต์ที่มีน้ำหนักเบากว่าจะมีประสิทธิภาพและความสนุกในการขับขี่มากกว่า
ส่งผลให้การประหยัดเชื้อเพลิงดีขึ้น ในขณะที่น้ำหนักที่เบานั้นเป็นผลดีต่อสมรรถนะของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง การบังคับรถ หรือ
การเบรก ในทางกลับกัน หากรถมีน้ำหนักมาก ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากบอดี้ที่หนักกว่า ยิ่งต้องการเครื่องยนต์ที่หนักตามไปด้วย
ซึ่งต้องการถังน้ำมันที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน

หากมอง MX-5 ที่มีความคล่องแคล่วและสมรรถนะแล้ว จะเห็นได้ว่าตลาดมีการเปลี่ยนแปลง น้ำหนักตัวรถที่น้อยทำให้มีความเพลิดเพลิน
ในการขับขี่ การบังคับเลี้ยวอย่างกระฉับกระเฉง การสมดุลหน้า-หลังอย่างสมบูรณ์ และจุดศูนย์กลางมวลต่ำ ทั้งหมดนี้เป็นข้อได้เปรียบ
อันเนื่องมาจากน้ำหนักรถ

ตัวอย่างของวิศวกรรมน้ำหนักเบาได้แก่ มาสด้า2 รุ่นที่ 2 ที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ตัวรถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 100 กิโลกรัม
เป็นรถ บี-เสกเม็นต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและหนักขึ้น มาสด้า2 นี้ได้ถูกออกแบบให้มีความประหยัดมากขึ้น ในขณะที่มีความปลอดภัยมากกว่า

วิธีการที่ไม่เหมือนใครในการหาความเหมาะสมของต้นทุน

ธรรมเนียมนี้ทำสืบเนื่องต่อกันมาจนถึงการพัฒนา สกายแอคทีฟ-บอดี้และสกายแอคทีฟแชสซี แทนที่จะจดจ่ออยู่กับวัสดุใดวัสดุหนึ่ง
(และมักมีราคาแพง) เช่นคาร์บอนไฟเบอร์หรืออลูมิเนียม มาสด้าเลือกวิธีทางที่ไม่เหมือนใครโดยใช้วิศวกรรมน้ำหนักเบา กระบวนการ
ที่เป็นมิตรกับลูกค้านี้ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญดังนี้ หาโครงสร้างบอดี้และการออกแบบที่เหมาะสม นำกระบวนการผลิตแบบใหม่มาใช้
และใช้วัสดุอื่นแทนเพื่อให้รถยนต์มีน้ำหนักเบากว่า แข็งแรงกว่า และปลอดภัยกว่า สมกับ “ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรถและผู้ขับขี่”
ให้เป็นความรู้สึกในการขับขี่

ผลลัพธ์คือ สกายแอคทีฟ-บอดี้ใหม่มีน้ำหนักลดลง 8% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในขณะที่ สกายแอคทีฟ-แชสซีมีน้ำหนักเบาขึ้น 14%
ในข้อเท็จจริงแล้ว มาสด้าได้ตั้งเป้าในการทำให้รถรุ่นใหม่เบากว่ารุ่นก่อนหน้าลง 100 กิโลกรัม สิ่งนี้ให้ผลดีกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ
 อื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกัน ยกตัวอย่างเช่นการเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ

สกายแอคทีฟ-บอดี้ SKYACTIV-BODY

คำสัญญาของมาสด้าที่มีต่อ “ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน” คือสิ่งที่กระตุ้นฝ่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อออกแบบรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นไป
ตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยนานาชาติที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก ในขณะที่มอบความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างเต็มที่

ดังเช่นที่กล่าวไป วัตถุประสงค์ของสกายแอคทีฟ-บอดี้มีความขัดแย้งกัน หากจะมีการประนีประนอม วิศวกรต้องกลับไปที่กระดานวาดภาพ
ผลลัพธ์ที่ได้คือโครงสร้างของรถมาสด้ารุ่นใหม่กำหนดมาตรฐานใหม่ในเรื่องของโครงสร้างที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบา

น้ำหนักที่ลดลง ความแข็งแรงมากขึ้นโดยใช้โครงสร้างตรงและโครงสร้างตัวถังแบบต่อเนื่อง

โครงสร้างบอดี้ที่แข็งแรงน้ำหนักเบาได้จากชิ้นส่วนที่ตรงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อให้ส่งผ่านแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ  แบบร่างยังคง
ต้องหาความเหมาะสมในการส่งผ่านแรงไปทั่วทั้งโครงสร้างและไม่รวมกันอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง วิศวกรของมาสด้าได้ออกแบบเป็นเส้นตรง
อย่างต่อเนื่องจากด้านหน้าถึงด้านหลัง และเอาส่วนโค้งออกจากใต้บอดี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ยกตัวอย่างตำแหน่งยึดระบบช่วงล่างด้านหลังได้ถูกเชื่อมโดยตรงเข้ากับโครงกรอบด้านใต้ตัวถัง เป็นที่รู้จักกันดีว่า “แกนค้ำยันคู่” (dual brace)
นอกจากนี้ ยังใช้โครงสร้างวงแหวนในแนวตั้งสี่จุดสำหรับด้านบนตัวถังได้ถูกเชื่อมติดกับบริเวณที่เสริมความแข็งแรงด้านใต้ตัวถัง เป็นการเพิ่ม
ความแข็งแรงโดยรวม ในขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแรงของตัวถังเฉพาะจุด แต่ยังได้ปรับปรุงหมดทั้งคัน รวมถึงเสริมคานขวาง
สำหรับระบบรองรับที่พัฒนาขึ้นใหม่ ในการนี้ได้มีการหาความเหมาะสมของตำแหน่งยึดตัวถังในกระบวนการการพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โครงสร้างรับแรงในหลายแนวสำหรับความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุด

หลักการสำคัญประการหนึ่งของมาสด้าคือปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยหลังการชนปะทะของรถหรือเชิงปกป้อง ดังนั้น บริษัทได้พัฒนาโครงสร้าง
รับแรงในหลายแนวจากหลากหลายทิศทางที่ไม่เหมือนใครสำหรับสกายแอคทีฟ-บอดี้ ดังที่ได้กล่าวไปว่า โครงสร้างดูดซับแรงอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเกิดการชนโดยการกระจายแรงไปตามชิ้นส่วนต่างๆ ยกตัวอย่างในระหว่างการชนด้านหน้า พลังงานจากการชนได้ถูกกระจายจากด้านหน้า
(และถูกดูดซับด้วย) ไปตามเส้นทางสามเส้น หรือที่เรียกว่า “แนวรับแรง” ขึ้นไปสู่เสาคู่หน้า (A-pillar) ลงไปสู่ใต้โครงสร้างตัวถัง และผ่านแนวกลาง
ไปยังด้านข้างของลำตัวรถ โครงกรอบด้านบนรับหน้าที่หลายอย่าง ไม่แต่เพียงกระจายพลังงานไปยังเสาคู่หน้า แต่ยังต้านการเคลื่อนที่ขึ้นของ
โครงกรอบด้านหน้า เพราะอาจส่งผลลบต่อการกระจายพลังงาน

แม้กระทั่งประตูของสกายแอคทีฟ-บอดี้ของมาสด้ายังทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และโครงสร้างรับแรงในหลายแนวยังได้ถูกนำมาใช้กับกันกระแทก
ด้านข้างเช่นกัน ซึ่งเป็นการปรับปรุงความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารอย่างมาก

การผลิต – การเชื่อมและจุดเชื่อมมากขึ้น

มีการเชื่อมตรงส่วนรางหลังคาเพื่อสร้างโครงสร้างเสริมแรงรูปวงกลม “คล้ายวงแหวน” ก่อนหน้านี้ ในกระบวนการประกอบตัวถังเข้าด้วยกัน
โครงสร้างนี้จะถูกแยกออกจากส่วนของเสาซี (C-pillar) แต่ในปัจจุบัน ชิ้นส่วนถูกนำมาเชื่อมติดกันก่อนและส่งไปยังสายการประกอบรวม
เป็นหน่วยเดียวกัน วิธีนี้ยังได้นำไปใช้ในส่วนของซุ้มล้อเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มจำนวนของการเชื่อมแบบจุด สิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อ
ความแข็งแรงที่ดีเยี่ยมของโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ-บอดี้

เพิ่มเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High Tensile และ Ultra High Tensile) สำหรับความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นและน้ำหนักที่ลดลง

มาสด้าได้เพิ่มเติมข้อดีโดยการเพิ่มเหล็กกล้าทนแรงดึงสูงเข้าไปในสกายแอคทีฟ-บอดี้ จาก 40% เป็น 60% มากขึ้นแต่ยังคงแข็งแรง
เหล็กกล้าทนแรงดึงสูงลดน้ำหนักตัวถังแต่เพิ่มความแข็งแรงของรถ ความพยายามของวิศวกรได้ประสบความสำเร็จดังที่ได้เห็นจาก
น้ำหนักและความแข็งแรงที่ดีที่สุดสำหรับสกายแอคทีฟ-บอดี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์ “ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน”

สกายแอคทีฟ-แชสซี SKYACTIV-CHASSIS

เช่นเดียวกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอื่นๆ นักพัฒนาแชสซีของมาสด้าได้เผชิญหน้ากับเป้าหมายที่ขัดแย้งกัน 3 อย่าง คือ

(1) มอบความกระฉับกระเฉงและความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรถกับผู้ขับขี่
(2) ความมั่นใจในสเถียรภาพที่ความเร็วสูง และ
(3) นำเสนอความสบายในการขับขี่ให้เป็นไปได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว การเพิ่มความว่องไวในการบังคับเลี้ยวที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง สามารถส่งผลกระทบเชิงลบกับ
การควบคุมรถและสเถียรภาพที่ความเร็วสูง และการตอบสนองอย่างว่องไวกระฉับกระเฉงสามารถทำให้ไปทิศทางเดียวกันกับ
ความสบายในการขับขี่ได้ นอกเหนือจากนี้ นักพัฒนากำลังหาทางลดน้ำหนักของแชสซี

ด้วยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น วิศวกรมาสด้าสามารถบริหารจัดการเพื่อบรรลุสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ในสกายแอคทีฟ-แชสซี โดยใช้วิธีการ
ที่ไม่เหมือนใครเพื่อแก้ไขความขัดแย้งนี้

การจัดการความแตกต่างของความคล่องแคล่วที่ความเร็วต่ำและปานกลางกับความมีสเถียรภาพที่ความเร็วสูง

ความท้าทายแรกคือความมั่นใจในสเถียรภาพที่ความเร็วสูงจากแชสซีที่สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง
ดังนั้น มาสด้าจึงพัฒนาระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าใหม่ขึ้นมาให้สามารถขับขี่ด้วยผลตอบสนองต่อผู้ขับขี่อย่างทันทีทันใดที่ความเร็วต่ำมาก
แต่ความคล่องแคล่วสามารถทำให้รถตอบสนองมากเกินไปที่ความเร็วสูง สิ่งนี้ทำให้วิศวกรตรวจสอบเลขาคณิตของระบบรองรับหลังอีกครั้งหนึ่ง
ได้มีการหาความเหมาะสมของจุดเชื่อมโยง หรือลิ๊งค์ของระบบรองรับการสะเทือนและเพิ่มการจับยึดล้อหลังเพื่อลดความง่ายในการเลี้ยว(yaw gain)

ในขณะเดียวกัน อัตราทดเกียร์พวงมาลัยที่ต่ำลง (เพื่อการเลี้ยวเร็วขึ้น) ได้ถูกนำมาใช้เป็นการเพิ่มความง่ายในการเลี้ยว เพื่อยังคงไว้ซึ่งความ
คล่องแคล่วที่ความเร็วต่ำ ดังนั้น รถยนต์จึงมีทั้งความคล่องแคล่วและความมีสเถียรภาพ และผู้ขับขี่รู้สึกสนุกในทุกช่วงความเร็ว

ความรู้สึกของการเลี้ยวอย่างมั่นคงที่ความเร็วสูงได้ถูกเสริมโดยการเพิ่มมุมคาสเตอร์และระยะในแนวราบของมุมคาสเตอร์ที่ล้อหน้า เป็นการ
เพิ่มแรงบิดเพื่อให้ล้อหมุนกลับมาตรงแนวเดิมหลังหมุนพวงมาลัย จึงต้องมีการใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ช่วยที่ความเร็วต่ำให้ง่ายในการเลี้ยว
และรู้สึกเบาขึ้นเมื่อความเร็วเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้การควบคุมพวงมาลัยของรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่นุ่มนวลและปลอดภัยในทุกสถานการณ์

การจัดการความแตกต่างของความคล่องแคล่วที่ความเร็วต่ำและปานกลางด้วยความสบายในการขับขี่ที่เหนือกว่า

ระบบรองรับเป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุมรถในฐานะที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวถังกับล้อ การจัดวางและโครงสร้างของระบบรองรับการสะเทือน
เป็นตัวบอกความแม่นยำเมื่อรถเลี้ยว และยังมีผลกระทบต่อความสบายในการขับขี่ ดังนั้น ความท้าทายเรื่องที่สองของนักพัฒนาคือการหา
ความเหมาะสมของสถาปัตยกรรมนี้

ระบบรองรับหลังเป็นสิ่งสำคัญเมื่อพยายามให้เกิดความสมดุลที่เป็นไปได้มากที่สุดระหว่างความคล่องแคล่วและความสบายในการขับขี่
วัตถุประสงค์ที่สำคัญคือการปรับปรุงการควบคุมรถโดยปราศจากสปริงและช็อคแอพซอร์เบอร์

ประการแรกเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวหน่วง จุดยึดได้ถูกติดตั้งในตำแหน่งที่ทำให้อัตราส่วนคานมีค่ามาก แรงที่ถูกหน่วง
และความแข็งของยางรองด้านบนได้ถูกเสริมความแข็งแรง ลดการกระแทกซึ่งมีผลต่อความสบายในการขับขี่ ตำแหน่งยึดเทรลลิ่งลิ๊งค์
ของระบบรองรับหลังได้ถูกยกให้สูงขึ้น จึงเป็นการปรับให้ทิศของการเคลื่อนที่ของเทรลลิ่งลิ๊งค์ง่ายต่อการดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน
สิ่งนี้ยังคงเป็นการปรับปรุงความสบายในการขับขี่ ในขณะเดียวกันเป็นการป้องกันการยกตัวที่ด้านท้ายรถ และเป็นการเพิ่มสเถียรภาพ
เมื่อเบรกซึ่งช่วยลดระยะการหยุดรถ

การจัดการความแตกต่างของน้ำหนักที่ลดลงด้วยความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น

น้ำหนักของแชสซีลดลง 14% น้อยกว่ารุ่นปัจจุบัน แต่มีความแข็งแรงมากกว่าเดิม สิ่งนี้เป็นความคิดริเริ่มใหม่เรื่องที่สาม

วิศวกรได้เน้นชิ้นส่วนแนวขวางของแชสซีเป็นพิเศษ (Chassis cross members) ในความพยายามที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ในการลดน้ำหนัก
หลังจากนิยามความต้องการในการใช้งานแล้ว เทคโนโลยีซีเออี (computer-aided engineering, CAE) หรือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่
นำมาใช้ในงานวิศวกรรมการออกแบบ ได้ถูกใช้ในการออกแบบโมเดลแนวความคิดและเชื่อมต่อโครงสร้างอย่างเหมาะสมเข้ากับรถยนต์ทั้งคัน

ส่วนศูนย์กลางของด้านหน้ารถได้ถูกยืดออกและการออกแบบให้ระยะเยื้องตามยาวของตำแหน่งยึดปีกนกล่างลดลง ในขณะเดียวกันสำหรับ
ด้านหลัง ระยะตามยาวของชิ้นส่วนแนวขวางได้ถูกยืดออกและระยะเยื้องแนวยาวของตำแหน่งยึดลิ๊งค์แนวขวางลดลง มีการนำเอาหน้าแปลน
เชื่อมออกจากด้านหน้าและด้านหลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงคู่ควบของส่วนที่ถูกเชื่อม สิ่งต่างๆเหล่านี้เพิ่มความเหนียวยืดหยุ่นโดยรวมของ
แชสซีที่มีน้ำหนักเบาขึ้น

ที่กล่าวมานี้คือการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดอันนำไปสู่การปรับปรุงในหลายเรื่องให้เกิดเป็นสกายแอคทีฟ-แชสซี วิศวกรประสบความสำเร็จ
ในสิ่งที่ได้ออกแบบและนำเสนอ กล่าวคือ ความสนุกในการขับขี่ ความปลอดภัย ความสบายในการขับขี่ ความคล่องแคล่ว และสเถียรภาพ


-------------------- จบ ------------------------




JONNY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:31:06 »
จบแล้ว อ่านจนปวดตา ขอบคุณครับ

สนใจ SKYACTIV D BT50 PRO 2017 รุ่นต่อไป คงใส่มา



Pan Paitoonpong

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:36:40 »
อุตส่าห์ลงเทคโนโลยีเยอะขนาดนี้
จะรอดูตัวจริง

ถ้าออกมา ไม่แรง ไม่ประหยัดกว่าคู่แข่งตลาด
จะเอาคำเหล่านี้ไปสักบนเสาหิน
แล้วเอาไปทุ่มที่ฮิโรชิม่า
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8



Alcatraz

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 19:44:52 »
ผมคิดถึงโรตารี่ เทอร์โบคู่ :'(



sith(สิทธิ์)

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:06:24 »
อุตส่าห์ลงเทคโนโลยีเยอะขนาดนี้
จะรอดูตัวจริง

ถ้าออกมา ไม่แรง ไม่ประหยัดกว่าคู่แข่งตลาด
จะเอาคำเหล่านี้ไปสักบนเสาหิน
แล้วเอาไปทุ่มที่ฮิโรชิม่า

จริงครับ อย่าให้ผมรอเก้อ ผมรอมานานขนาดนี้เพราะอยากเห็นนี่แหละ
ซึ่งคงต้องรบกวนพี่ๆทีมงาน ทดสอบให้รับรู้ด้วยเถิด
ถ้าไม่ดีจริง ผมจะตัดมาสด้าออกจากกองมรดก(ที่รอมานาน)
 ;D ฝากไปทุ่มเพื่อผมด้วยถ้าไม่ดีอย่างที่เค้าว่ามา)



Lammerison

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:08:48 »
อุตส่าห์ลงเทคโนโลยีเยอะขนาดนี้
จะรอดูตัวจริง

ถ้าออกมา ไม่แรง ไม่ประหยัดกว่าคู่แข่งตลาด
จะเอาคำเหล่านี้ไปสักบนเสาหิน
แล้วเอาไปทุ่มที่ฮิโรชิม่า

ลงบัญชีไ้ว้ทีเดียวเชียว 5555



JONNY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:14:42 »
อุตส่าห์ลงเทคโนโลยีเยอะขนาดนี้
จะรอดูตัวจริง

ถ้าออกมา ไม่แรง ไม่ประหยัดกว่าคู่แข่งตลาด
จะเอาคำเหล่านี้ไปสักบนเสาหิน
แล้วเอาไปทุ่มที่ฮิโรชิม่า

ผมเห็นนำมาคุยเรื่อง SKYACTIV เมื่อ4ปีที่แล้วว่ามีของดี  ป่านนี้ยังไม่เห็นของจริงเสียที หรือว่าแค่โม้ !!



Iwata Kana Σ4

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:15:22 »
อ่านแล้วสงสัย 2 3 6 BT-50pro จะใช้ Skyactiv แน่ๆ
(CX-5 มีอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึง)
ความมีระดับ มาพร้อมศักดิ์ศรีที่เหนือใคร
มีเป้าหมาย ที่อะไรก็ไม่อาจขวาง
มีอำนาจ ที่เลือกใช้ได้ตามใจ
มีชีวิต อย่างที่ใคร ก็ไม่อาจปฎิเสธ



hutzero

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:19:05 »
เห็น CX-5 ขึ้นอันดับหนึ่งในเรื่องความประหยัด  และความแรงก็เหนือกว่าคู่แข่งนิดๆด้วย  จากรีวิวเมืองนอก  คิดว่ามาไทยน่าจะขายดีพอสมควรเลย



sith(สิทธิ์)

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:25:12 »
อ่านแล้วสงสัย 2 3 6 BT-50pro จะใช้ Skyactiv แน่ๆ
(CX-5 มีอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึง)

เท่าที่เสพข่าวมา เห็นว่ามาสด้าทุกตัวจะเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้หมดทุกรุ่นเลยนะครับ (ผิดถูกขออภัย)
ก็หวังว่าจะเอามาลงทุกตัว แอบขอเพิ่มนิดนึง
อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานใส่มาให้เป็นมาตรฐานด้วยนะครับท่านมาสด้า 8)



adobe

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:32:26 »
SKYACTIV เมื่อไหรจะเอามาลงในรถที่ขายในไทยสะที เห็นเทคโนโลยีนี้มานานละ รอจนเหงือกแห้ง
Mazda3 เครื่องตัวใหม่ เมื่อไหรจะมา เครื่องตัวเก่าก็แชร์ใช้กับฟอร์ดสะยาว จนฟอร์ดโฟกัสเปลี่ยนเป็น GDi ฉีดตรงไปแล้ว
BT50 ก็แชร์เครื่องยนต์และเกียร์ใช้กับ Ranger แล้วจะพัฒนาต่อแบบไหนดี
เทอรโบคู่ จะได้เห็นในรถตลาดบ้้านๆ รึเปล่า. หรือลงแต่ MX5
เกียร์เอาข้อดี CVT&Dual cluch อ่านแล้วงงมาก จะมาแนวไหน งงครับ หรือแค่เพิ่ม 6speed.คลัตช์ล็อคอัพทุกเกียร์ งงดี

อ่านแล้วแนวคิดเค้าดีิ (แม้จะเหมือนบางราย)
รอแค่ เมื่อไหร่จะมาสะทีน้อ (ในไทย)

แล้วไฮบริด...

ปล. อาจจะมองแง่ลบไปบ้าง แต่ยังอยากให้มาจริงๆ






[J]e[w]

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:33:13 »
หึหึ รอติดตามผลงาน
Don't waste time grieving over past mistakes, learn from them and move on!



___LOFT

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:40:19 »
อยากเห็น BT-50 Pro SKYACTIV มากๆ ครับ น้ำหนักตัวลดลงมาเหลือกซัก  1,600-1,700 kg. โดยประมาณ คงจะทำให้อัตราเร่งและช่วงล่างดียิ่งขึ้นไปอีก ฟินเลยครับ . . . 




GreenG

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:43:32 »
เครื่องดีเซลมาสด้า มีวาล์วแปรผันด้วยหรือครับ

และรอบเครื่อง 5200 รอบเลยหรือครับ

มันเกือบจะเป็น เบนซินแล้วนะครับ



Public P

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:46:45 »
ผมคิดถึงโรตารี่ เทอร์โบคู่ :'(
:) เช่นกันครับ



J!MMY

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 20:53:32 »
คนที่ยังถามว่าเมื่อไหร่จะมาสักที แสดงว่ายังไม่เคยอ่านบทความ 2013-2016

ประกาศ

Mazda CX5 จะเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโงยี Skyactiv ทั้งคัน

และ จะมาเมืองไทย ทั้ง เบนซิน Skyactiv G
กับ Diesel Common rail Turbo Skyactiv D

เปิดตัวในไทยแน่นอน ตุลาคม. นี้

ราคา?  ดู CR V เอาไว้!!!!



BlueMan69

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 21:02:04 »
ผมว่า paper นี่มีมือก็เขียนได้ครับ. ต้องวัดจากการใช้งานจริง โดยเทียบกับคู่แข่งในตลาด

cx-5 น่าจะเป็น skyactiv ทั้งหมด. เป็นรถที่หลายคนตั้งความหวังไว้สูงมาก

ต้องรอดู



BG

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 21:09:19 »
ขอบคุณครับ ชอบอ่านอะไรอย่างงี้จริงๆ

ตัวเครื่องยนต์ที่ลด pumping loss นั้น หลักการเดียวกับ Atkinson Cycle เลยครับ ซึ่งนอกจากจะช่วยลด pumping loss แล้ว ยังจะทำให้ thermal efficiency เพิ่มขึ้นด้วย  ส่วนกำลังที่ลดลงก็คงถูกชดเชยด้วย turbo

อีกอย่างที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สำคัญมากและเป็นเรื่องไม่ง่ายก็คือ การลดแรงเสียดทานในชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ครับ ผมเคยคุยกับนักวิจัยของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ที่พยายามลอกเลียนแบบเครื่องยนต์รถไถแบรนด์ญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถทำทุกอย่างได้เหมือนกันเป๊ะ แต่เมื่อวัด efficiency ที่ได้กลับห่างไกลกับตัวจริงมาก ซึ่งคาดว่าเป็นเทคโนโลยีด้าน material และการ treatment ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าถึง



delete

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 21:13:36 »
เทอร์โบ 2 ตัว แค่จุดนี้ก็ล้ำหน้าญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว
ผมหวั่นใจ ราคาขายจะเอื้อมถึงไหม และการบำรุงรักษาในอนาคต จะเพิ่มค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน
ถ้าราคาไม่หนีซีอาวี เป็นผม ผมก็พร้อมจะหนีซีอาวี มาลองคบกับมันแน่นอน



Magic3

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 21:35:28 »
คนที่ยังถามว่าเมื่อไหร่จะมาสักที แสดงว่ายังไม่เคยอ่านบทความ 2013-2016

ประกาศ

Mazda CX5 จะเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโงยี Skyactiv ทั้งคัน

และ จะมาเมืองไทย ทั้ง เบนซิน Skyactiv G
กับ Diesel Common rail Turbo Skyactiv D

เปิดตัวในไทยแน่นอน ตุลาคม. นี้

ราคา?  ดู CR V เอาไว้!!!!

ขอบคุณครับ  ใกล้แล้ว



fhasociety

Re: // Press Kit : Mazda SKYACTIV Technology ภาคภาษาไทย (ฉบับ ลอกมาทั้งดุ้น!)
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2013, 21:54:20 »
คนที่ยังถามว่าเมื่อไหร่จะมาสักที แสดงว่ายังไม่เคยอ่านบทความ 2013-2016

ประกาศ

Mazda CX5 จะเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโงยี Skyactiv ทั้งคัน

และ จะมาเมืองไทย ทั้ง เบนซิน Skyactiv G
กับ Diesel Common rail Turbo Skyactiv D

เปิดตัวในไทยแน่นอน ตุลาคม. นี้

ราคา?  ดู CR V เอาไว้!!!!

แฟนแอบอยากได้เจ้า cx-5 มาก แกบอกว่าถ้ามาเมื่อไหร่จะเอาเจ้า FD ไปเทิร์นแล้วถอย cx-5 skyactiv-d ทันทีเลย
ตอนแรกก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอมาอ่านบทความนี้แล้ว เปลี่ยนความคิดเห็นสนับสนุนเลย
และถ้า skyactiv-d ราคาไม่เกิน 1.6 ล้านบาท งานนี้หนูจะอนุมัติให้แฟนไปถอยทันทีเลยอ่ะ ;D