ขับแล้วไม่อยากคืนรถ กับ VW PASSAT Estate 2.0 TDI Bluemotion ล่องเกาะอังกฤษ 4 วันเต็ม

[Mark_UK]

สวัสดีครับ รีวิวนี้เป็นรีวิวฉบับที่ 2 ของผมแล้ว หลังจากที่เคยได้รีวิว Astra และ i30 คราวที่แล้ว หาดูได้จาก http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,15174.msg226243.html#msg226243
คราวนี้ ผมได้มีโอกาสเช่ารถขับไปเที่ยวกับเพื่อนๆอีกเช่นเคย และได้ตั้งกระทู้ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,22564.msg345617.html#msg345617 เพื่อถามว่า รถคันไหนเหมาะกับคนไปเที่ยว 4 คน พร้อมสัมภาระ สุดท้ายแล้ว ผมก็ได้ตกลงปลงใจ กับเจ้า 6 Speed Manual VW PASSAT Estate 2.0 TDI Bluemotion และตกหลุมรักมันในท้ายที่สุดหลังจากจบทริป ผมได้ตกลงหลุมรักมันอย่างไร และเพราะอะไร มาหาคำตอบกันครับ

ปอลิง รีวิวนี้ถูกดองข้ามปีไว้เนื่องจากภาระการงานนิดหน่อยครับ เพื่อเป็นการรักษาสัจจะ ก็เลยนำมาลงให้ดูวันนี้ครับ

การรีวิวครั้งนี้ ผมขอเล่าอิงประสบการณ์การขับรถของผมเอง ซึ่งปกติอยู่ที่ไทย ผมจะใช้ดีแมกซ์และซิตี้ประจำ น้อยมากจะได้จับรถคนอื่นเค้า ส่วนอยู่ที่นี่อย่างที่ผมเล่ามาแล้วว่าเคยขับ Astra ไปเที่ยวสก๊อตแลนด์ 1 สัปดาห์ และ i30 1 วัน ดังนั้น ผมขอเปรียบเทียบกับรถพวกนี้แล้วกันนะครับ ส่วนตัวผมเอง ความรู้เรื่องรถเชิงเทคนิค น้อยมาก เพราะผมไม่ค่อยให้ความสนใจ ผมจะให้ความสนใจเฉพาะความรู้เชิงการใช้งานจริงมากกว่า เช่นระบบต่างๆของรถ ผมจำรายละเอียดไม่ได้หรอก และไม่รู้ระบบการทำงานเบื้องหลังของมัน ผมจะสนใจแค่ว่ามันทำงานคร่าวๆยังไง และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ยังไง ฉะนั้น ผมจะสามารถให้ข้อมูลในรีวิวนี้ได้เฉพาะในเชิงผู้ใช้งานจริงๆและผมได้ใช้จริงๆแล้วเท่านั้น ส่วนนอกเหนือจากนี้และข้อมูลเชิงเทคนิคของรถรุ่นนี้ ถ้าท่านใดอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมก็พอจะหาได้จากอินเตอร์เน็ตกันเอาเองได้นะครับ  

ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่รีวิวโดนดองไปเกือบปีด้วยเหตุที่ไม่ค่อยมีเวลานั่งเขียน ทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทางรวมตัวผมด้วยจำนวน 4 ชีวิต มีผู้หญิงตัวเล็ก-ปานกลาง 2 คน ผู้ชายตัวใหญ่ทั้งคู่ ผมสูง 186 หนัก 83 เราใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน ระยะทางทั้งทริปรวมๆแล้วเกิน 1000 ก.ม. เริ่มต้นจากเมืองลิเวอร์พูล ล่องขึ้นเหนือไป Lake District และลงใต้ไป Birmingham, Oxford, Bath, Cardiff สิ้นสุดที่ Snowdonia และเดินทางกลับลิเวอร์พูลในวันสุดท้าย

จากกระทู้ที่ผมเข้ามาถามว่าจะเช่ารถคันไหนไปเที่ยวดี สำหรับขนคนพร้อมสัมภาระ 4 ที่นั่ง ผมได้ตกลงใจจอง Vuaxhall Insignia ไป พอถึงวันไปรับรถ เขาก็พาผมไปเลือกดู มี Insignia ที่ยังไม่ได้ล้างและมี Estate อยู่สองคันคือ Peugeot 508 และ Passat 2.0 TDI blue motion ผมเห็นรถแล้ว ตัด Insignia ออกไปทันที เพราะสวยไม่เท่าสองคันหลัง ซึ่งลังเลอยู่นานมากระหว่าง Peugeot 508 และ Passat

แต่พอเขาเดินมาที่รถเพื่อจะให้ดูละเอียดๆ จากที่ดูการตกแต่งภายนอกแล้ว ผมชอบ Passat คันนี้อย่างแรง เพราะสวยมว๊ากกกกกก (ถึงภายในจะงั้นๆก็เถอะ) แถมยังเป็นเทคโนโลยี Blue motion ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ป้ายมันสวยดี คงจะมีดีอะไรซักอย่าง และบอกตามตรงพึ่งเคยได้ยินนี่ล่ะครับ เพราะไม่ได้เตรียมข้อมูลมาเลย นึกว่าจะได้ขับ Insignia  ซึ่งราคาเค่าเช่าแพงกว่า Insignia นิดเดียวเอง ผมเลยเลือกโดยไม่ลังเลเลย

พล่ามเยอะละ มาดูกันเลยดีกว่าว่ารถคันนี้มีดีอย่างไร

[Mark_UK]

รถคันนี้เป็นรถปลายปี 2011 เลขไมล์พึ่งจะถึง 10000 ไมล์ตอนอยู่กับผมนี่เอง(ภาพหน้าปัดข้างล่าง) แสดงว่ารถยังใหม่ๆอยู่เลย ยอมรับว่าเห็นแว๊บแรกที่จอดอยู่ก็ตกหลุมรักทันที Daylight สวยดี การตกแต่งและออพชันต่างๆ ผมว่าคงจะพอตัวอยู่และเยอะกว่าพวก standard พอสมควร ออพชัน ต่างๆที่มีมา ผมขอพูดเฉพาะที่ผมเห็นในรถและที่ได้ใช้จริงนะครับ ส่วนที่อื่นๆอาจจะมีอีกเยอะแยะที่ผมไม่ได้ใช้จริงหรือไม่รู้ว่ามี ผมขอ list ไว้ข้างล่างตามข้อมูลที่ได้ค้นมาแล้วกันนะครับ 

[Mark_UK]

รูปทรงของตัวรถนั้น ผมเห็นครั้งแรกตามท้องถนน ผมรู้สึกว่ามันไม่สวยเท่าตัวเก่าเลย เพราะมันออกแนวเหลี่ยมๆนิดๆ ไม่เหมือนตัวเก่าที่โค้งมนสวยงามในสายตาผม แต่พอเห็นบ่อยรู้สึกว่า ด้านหน้าสวยขึ้นๆ ส่วนด้านหลังยังไม่โดนอยู่ดี ผมไม่ชอบรูปทรงไฟท้ายมัน มันดูไม่ลงตัวยังไงไม่รู้

[Mark_UK]

.

[Mark_UK]

.

[Mark_UK]

.

[Mark_UK]

หน้าตากุญแจก็เป็นแบบที่เห็นนะครับ การเข้าออกตัวรถนั้น ผมก็กดล็อค-ปลดล็อคตามปกติเพราะเคยชินกับการใช้รีโมท เป็นที่น่าเสียดายว่าผมลืมลองดูว่าเจ้านี่มีมีระบบพวก Smart Entry หรือป่าว ส่วนการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้น ผมไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกเจ้าระบบนี้ว่าอะไร การใช้งานก็เสียบเจ้าแท่งนี่เข้าไปในช่องกุญแจแล้วกดลง 1 ครั้ง ไฟเครื่องยนต์และระบบต่างๆก็จะขึ้นมา พอกดลงอีกระดับก็จะเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะว่าไปก็ไม่ใช่การบิดกุญแจ แต่ก็ไม่ใช่ระบบ Keyless+Push start ซะทีเดียว จริงอยู่มันไม่มีกุญแจแต่ก็ไม่มีปุ่ม Push start แต่เป็นการ Push ตัวรีโมททั้งแท่งนี้เข้าไปในช่องนั่นแทนเพื่อติดเครื่องยนต์ ผมว่าก็สะดวกดีนะ แต่เวลายัดเจ้าแท่งนี่เข้าๆออกๆบ่อยๆ ชักจะเป็นรอยเหมือนกันแฮะ (อย่าคิดไปในทางติดเรทนะคับ)

[Mark_UK]

อีกด้าน

[Mark_UK]

ภายใน
เปิดประตูแว๊ปแรก ผมแอบผิดหวังหน่อยๆ เนื่องจากดูรวมๆแล้ว วัสดุผมว่าดูธรรมดาทั่วไปมากๆ แต่ก็ดูแน่นหนาแข็งแรงดี มีพลาสติกที่ไม่แข็งมากมายเหมือนรถญี่ปุ่นทั่วๆไป แต่...ก็ไม่ให้ความหรูหราอะไรเลย ซึ่งพอเปรียบเทียบกับรถยี่ห้อหรูคันอื่นๆที่ผมเคยเห็นเช่นพวก BMW 320d ที่นี่ รุ่นอาภัพออฟชั่นเนี่ย ภายในไม่ค่อยจะมีอะไรพิเศษเหมือนกัน มันช่างดูธรรมดามากๆ   

[Mark_UK]

การเข้า-ออกรถ สำหรับคนตัวสูงอย่างผมตอนเข้าไม่มีปัญหาครับ แต่ตอนออกรองเท้าผมไปขูดกับแผงประตูด้านล่างทุกทีไป ซึ่งทำให้เกิดรอยรองเท้าผมอย่างน่าเกลียดเต็มไปหมดสะสมตลอดทั้งทริป

พื้นที่เหนือศรีษะ ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเลย

[Mark_UK]

เบาะเป็นเบาะผ้าขอบด้านนอกสีดำ ด้านในเป็นสีเทา ปรับได้ นั่งสบายระดับหนึ่งไม่ได้ให้ความนุ่มและสบายมากมายแต่ก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาหนักหน่วงเวลาขับทางไกลนานๆ อาจมีเมื่อยหลังบ้างนิดหน่อยแต่ไม่เท่าดีแมกซ์ i30 และ Astra ที่ผมเคยขับแน่นอน ผมว่ามันพอๆกะซิตี้ตัวปัจจุบันที่บ้าน แต่....มันมีที่ดันหลังในเบาะ ปรับเข้า-ออก ไฟฟ้าซึ่งผมยังไม่ทันได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เลยเพราะมาเห็นฟังก์ชันนี้วันสุดท้ายที่จะคืนรถซะแล้ว

[Mark_UK]

เบาะหลัง เท่าที่ไปนั่งดูชั่วคราว ผมว่าทั่วๆไปสำหรับ รถคลาสนี้ ผมบอกอะไรได้ไม่มาก เพราะไม่ได้นั่งคันอื่นๆมากนัก เอาเป็นว่า ผู้โดยสารผู้หญิงตัวเล็กๆแต่สูงปานกลาง ไม่บ่นตลอดทางแสดงว่าใช้ได้อยู่ และยังมีแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วย

[Mark_UK]

ทัศนวิสัย ผมบอกอะไรได้ไม่มาก แต่สำหรับผมแล้วไม่มีปัญหาตลอดการเดินทางไม่ว่าจะเลี้ยว เข้าโค้ง หรือมองหลัง ยังไม่เกิดการบดบังใดๆให้รำคาญใจครับ
ภายในห้องโดยสาร ที่วางของ เยอะแยะไปหมด แผงประตูด้านข้างวางได้แม้กระทั่งขวดน้ำขนาดใหญ่และวางขวดขนาดเล็กซ้อนลงไปอีกได้สบาย อันนี้ชอบมากครับ เห็นประโยชน์ชัดเจนเวลาไปเที่ยวกันแบบนี้

[Mark_UK]

ตำแหน่งที่นั่งคนขับ ผมชอบนะ ตลอดทั้งทริปรู้สึกมันไม่มีปัญหาเท่าไร ผมสูง 186 ปรับพวงมาลัยออกมายาวสุด ก็จับถนัดดี แต่ขาผมแอบยาว เวลาเลื่อนเบาะมาหลังสุด ต้องยื่นแขนนิดนึง เบาะนั่งอยู่ต่ำดี เวลาวิ่งรู้สึกติดเรียบถนน ไม่โหวงเหวง

กระจกมองหลังปรับแสงอัติโนมัติ ที่พิเศษคือกระจกตรงที่บังแดด ปกติจะมีแผ่นพลาสติกปิดไว้ เวลาเราเปิดออกเพื่อใช้ประจก ไฟส่องตรงนั้นจะติดขึ้นมาเองอัตโนมัติ

เครื่องเสียง ผมให้ผ่านสำหรับหูธรรมดาอย่างผมซึ่งไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญอะไรมากมาย เอาเป็นว่าเมื่อเชื่อมกับบลูทูธของโทรศัพท์เปิดฟังเพลงไทย เสียงไม่อู้อี้ เบสไม่บู้บี้ ผมโอเคครับ ปอลิง ลืมเอาเพลงลง USB ไปลองฟังดู คุณภาพเสียงอาจจะดีขึ้นเพราะใช้เครื่องเล่นจากรถเล่นจากไฟล์โดยตรง

[Mark_UK]

ตัวนี้มี Navi ติดมาด้วย หน้าจอ Touch-screen แอบคล้าย I-drive ของ BMW เหมือนกันแต่ปุ่มหมุนและกดเลือกจะอยู่ตรงกลางด้านลางหน้าจอเลย ไม่ได้อยู่ตรงใกล้ๆเกียร์เหมือน I-drive ซึ่งเวลาใช้งานจริงก็ก่อความรำคาญได้ในระดับหนึ่งเวลารถวิ่งอยู่ แต่... ผมก็สามารถใช้ปุ่มที่พวงมาลัยเลือกเมนูแทนปุ่มนี้ได้ซึ่งกดเลือกได้เฉพาะบางเมนูเท่านั้น(หรืออาจจะใช้แทนกันได้ทั้งหมด ซึ่งผมไม่ค่อยมีเวลาไปศึกษาการใช้งานเท่าไรก็เลยต้องยังคงยื่นมือมาลูบๆคลำๆเจ้าปุ่มนี้อยู่เช่นเดิม) การใช้งานก็มีพังก์ชันหลายๆตัวอยู่ ที่ใช้บ่อยๆก็ Navi, Bluetooth เปิดเพลงไทยฟังจากโทรศัพท์ และ วิทยุ 

[Mark_UK]

.

[Mark_UK]

Built-in Navi system ตัวนี้ฉลาดพอสมควร มันแสดงผลในหน้าปัทม์ควบคู่ไปด้วย เช่น ลูกศรให้เตรียมตัวเลี้ยว จะเข้าวงเวียน ฯลฯ ทำให้เราไม่ต้องมองหน้าจอตรงกลาง รายงานตลอดว่าบนเส้นทางมีรถติดหรือเปล่า และรายงานทุกครั้งว่ากำลังจะต้องผ่าน Toll way ด้วย เหมือนบอกว่าเตรียมตังค์ไว้จ่ายนะ แต่ไม่เคยเตือนเลยว่าวิ่งเกินกำหนดความเร็ว ซึ่ง Tomtom (ที่ซื้อเอง) ที่ผมเคยใช้จะเตือนประจำ

หน้าปัทม์แสดงความเร็วเป็นไมล์/ชม.ที่หน้าปัด และ กม./ชม. เป็นตัวเลขดีจิตอล

[Mark_UK]

เครื่องยนต์และการขับขี่

เครื่องยนต์ตัวนี้เป็นดีเซลขนาด 2 ลิตร เท่าที่ผมศึกษาทางเน็ตมา ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นตัว 140 hp หรือ 170 hp แต่เท่าที่ผมรู้สึกผมวิเคราะห์ได้ว่า น่าจะเป็นตัว 140 hp เพราะรถมันแรงนะ แต่ไม่ได้พุ่งพรวดแรงเวอร์อะไรขนาดนั้น ผมว่าตัว 170 hp น่าจะแรงกว่านี้ อีกอย่างรถนี้เป็นรถที่ซื้อมาให้คนเช่า เขาไม่น่าจะจัดตัวแรงที่มีราคาสูงกว่ามาให้ แต่ได้ขนาดนี้ผมว่าก็ดีมากๆแล้วครับ ถ้าวิเคราะห์ผิดพลาดยังไง ขออภัย

เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ใช้ดีมาก เปลี่ยนเกียร์ได้ง่ายและคล่อง เกียร์ 6 รอบต่ำมาก วิ่ง 75 ไมล์หรือ 120 กม./ชม. รอบเครื่องแค่ 2000 เอง วิ่งทางไกลยาวๆอย่างเดียวคงจะประหยัดได้ดีเหมือนกัน เมื่อดูคร่าวๆจากการเติมน้ำมัน ผมรู้สึกว่าคันนี้กินน้ำมันจิ๊บๆมากเมื่อเทียบกับ Astra 1.6 คันเล็กที่เคยวิ่งไปรอบ Scotland คันนั้นเติมเอาๆ ค่าน้ำมันจะสูงกว่าค่าเช่ารถอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เก็บข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองจริงจัง ถ้าจะอิงก็พออิงได้จากข้อมูลที่บริษัทเค้าเคลมไว้ว่าทำได้ถึง 60-61 MPG หรือประมาณ 21.2 - 21.6 ก.ม./ล ผมว่ามันเป็นไปได้ ถ้าจะขับเอาตัวเลขกันจริงๆ ผมจำได้ว่าพอผมคำนวณแบบหยาบๆดู เอาแบบวิ่งทุกรูปแบบ ไฮเวย์ ในเมืองรถติด ถนนตามภูเขา มันทำได้ราวๆ 15 กม./ล. ผมว่าไม่เลวทีเดียว 

[Mark_UK]

อัตราเร่ง
ผมไม่มีเวลาจับ 0-100 กันเลย เพราะเที่ยวแบบเดินทางค่อนข้างเยอะต้องเซฟเวลาและต้องไปตามแผนนิดนึงเลยไม่มีเวลาจับ แต่เท่าที่ผมสัมผัสได้คือ รถมันพุ่งดีมากๆแต่ต้องรอรอบนิดนึงและต้องกดคันเร่งลึกพอสมควรกว่ารถจะพุ่ง ซึ่งคนที่ชินกับรถญี่ปุ่นอย่างผมก็รู้สึกว่ามันหนักมาก มันคงจะหนักเหมือนอย่างหลายๆอ่านที่ขับยุโรปกันและเล่ากันมา และในระหว่างเดินทาง เวลาจะเพิ่มความเร็วรถก็ตอบสนองได้ดีพอสมควรแต่ก็ไม่ได้พุ่งออกไปทันที มันจะค่อยๆเร็วขึ้นอย่างมีพลังมากกว่า

ช่วงล่างและพวงมาลัย
ปกติ ผมขับรถ ชิลๆ ค่อยๆไต่ทำความเร็ว เพราะชินกับ ดีแมกซ์ส่วนใหญ่และซิตี้บางครั้ง แต่มาลองคันนี้แล้ว กดเป็นกด ยิ่งตอนทำเวลาวิ่งมอเตอร์เวย์ระหว่างเมืองนี่กดเอาๆ ไล่ตามหลังพวก Audi, BMW, MB อยู่ตลอด (ไม่กล้าวิ่งออกหน้าเพราะไม่รู้ว่าเขตไหน มีกล้องไม่มีกล้อง ต้องคอยหาเจ้าถิ่นที่ขับเร็วออกหน้าก่อน แล้วตามเขาไป) วิ่งทางตรงๆเร็วๆนิ่งๆ ให้ความมั่นใจมาก รถนิ่งหนึบ และไปตรงของมันอย่างนั้นโดยที่เราไม่ต้องออกแรงเกรงมากเหมือน ดีแมกซ์ ซิตี้ หรือรถญี่ปุ่นอื่นๆที่ผมเคยขับ

เป็นรถคันแรกที่ผมขับแล้วไม่กลัวโค้ง ยิ่งเวลาขับในถนนชนบทที่ผ่านฟาร์ม หมู่บ้านเล็กๆ โค้งเยอะๆ ไต่เขา ผมซัดเข้าไปในโค้งเลย รถนิ่งและเกาะหนึบเป็นตุ๊กแกเลย จิกโค้งดีมากๆ พวงมาลัยก็สั่งได้ตามใจ หนักแน่นและหนืดดีมากโดยเฉพาะเวลาใช้ความเร็วสูง ระยะฟรีน้อยมากๆหน่วงมืออยู่ตลอดเวลา ผมชอบมากๆ ส่วนความคมผมจับความรู้สึกไม่ถูกเพราะไม่ค่อยมีตัวเปรียบเทียบ ผมว่ามันแอบคล้ายๆเจ้า Astra ที่เคยขับมา คือสั่งให้เลี้ยวได้ตามใจพอสมควร

ผมชอบมากเวลาเข้าวงเวียนยิ่งในอังกฤษมีวงเวียนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ผมจะเตือนผู้โดยสารผมว่าจะซัดแล้วนะ แล้วผมก็เหยียบคันเร่งอย่างแรงซัดเข้าไปในวงเวียนแล้วพุ่งออกมาแล้วกดต่อเข้าทางตรง ผู้โดยสารก็ชอบใจกันใหญ่ แต่ข้าวของกระจัดกระจายไหลรวมไปกองด้านเดียวเหมือนกัน อันนี้ขับเอาสนุกเฉยๆครับ

การเก็บเสียง ผมว่ายังไม่เงียบเท่าที่ควร โดยเฉพาะถ้าผ่านถนนผิวไม่เรียบเสียงยางบดถนนค่อนข้างดัง แต่เสียงเครื่องเงียบมากๆฟังจากข้างในแทบจะไม่รู้เลยว่าเป็นดีเซล

ด้านความปลอดภัย Airbags น่าจะเยอะ ผมไม่รู้มีกี่ตัว แต่เท่าที่ตามองเห็นมีม่านด้านข้างด้วย มี Traction control system ซึ่งผมคิดว่ามันก็น่าจะมาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัวซักระบบของ VW ซึ่งผมยังหาปุ่มปิดมันไม่เจอ มีแต่ปุ่มปิด TCS ส่วน ESP ผมไม่แน่ใจเพราะไม่มีปุ่มให้กดปิด และไม่ได้ค้นข้อมูลมา แต่ผมเชื่อว่ารุ่นนี้น่าจะมี

Parking assistant ยังไม่ได้ลองใช้ดู เลยไม่รู้ว่าใช้ดีเปล่า เสียดายเหมือนกันครับ แต่ผมก็คิดว่าที่จอดส่วนใหญ่มีแต่แคบๆและมันไม่จำเป็นสำหรับผม จอดเองง่ายและไวกว่าเยอะ

ออ มีจังหวะหนึ่งที่ผมต้องขอพูดถึง แต่ผมไม่แน่ใจว่าวิเคราะห์ถูกหรือเปล่าคือ ตอนผมวิ่งบนสะพานสูงๆข้ามทะเลที่ยื่นเข้ามาเพื่อจะไปค้างต่อที่ Cardiff ตอนนั้นก็เหยียบเต็มที่เพราะทำเวลา ออกจาก Bath ก็ค่ำๆแล้ว กว่าจะถึงที่หมายต้องไปหาที่จอดรถและค้นหาโรงแรมที่จองไว้อีก ตอนวิ่ง 130-150 ผมรู้สึกว่ามีแรงลมปะทะเข้าข้างตัวรถอย่างแรงจนทำให้หน้ารถส่าย ผมเลยผ่อนคันเร่งและขับช้าลงทันที เพราะจากที่เคยขับอย่างมั่นใจมาตลอด จังหวะนี้ก็ทำให้เสียวแว๊บทันทีได้เหมือนกัน ผมเลยมานึกย้อนดูตอนขับเร็วๆบางจังหวะบนมอเตอร์เวย์ก็มีอาการคล้ายๆกันเกิดขึ้นเหมือนแต่ไม่ชัดเจนมากเหมือนครั้งนี้ คือไม่รู้สึกว่ามีแรงลมมาปะทะแต่อยู่ดีๆก็เหมือนหน้ารถมันเขวไปดื้อๆแบบไม่มีสัญญาณเตือน จากนั้นผมเลยไปเช็คลมยางดู ก็เท่ากันทุกล้อและปกติตามคู่มือ แต่พอมาเจอจังหวะบนสะพาน ผมเลยต้องขับรถวังมากขึ้นทีเดียว ผมเลยได้แต่เก็บความสังสัยไว้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมพุ่งเป้าจำเลยไปที่ แรงลมบนสะพานเพราะจังหวะนั้น สะพานมันสูงและยาวมากกกก วิ่งข้ามทะเลกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอาจเป็นเพราะอย่างอื่นหรือเปล่า

[Mark_UK]

ข้อดี
ซึ่งประโยชน์ใช้สอยที่ใช้ได้จริงจากออพชันที่มากับรถด้วย
-   ต้องยกให้ที่หนึ่งเลยคือ ช่วงล่างและพวงมาลัย
-   เนื่องจากเป็นรถ estate ทำให้ขนของได้เยอะมากทีเดียว สำภาระของทั้งท่านหญิงท่านชาย 4 ตน สามารถไปบรรจุอยู่ในด้านท้ายของคันนี้ได้สบายๆ นี่รวมถึงสะเบียงต่างๆที่ตุนไว้จัดการระหว่างเดินทางในรถด้วย
-   Auto Hold (Hill hold control) ใช้ดีมากๆ มีประโยชน์มากเวลาขึ้น-ลง เนิน ยิ่งเมืองที่ผมไปอยู่บนภูเขากันซะเยอะใช้บ่อยมากๆ ความรู้สึกเหมือนเกียร์ออโต้เลย เหยียบคลัชท์ไว้ แล้วแค่ปล่อยคลัช รถจะออกตัวไปเองแล้วกดต่อเลย ไม่ต้องเหยียบคันเร่งช่วยออกตัวมันไหลให้เลย
-   Built-in Navi system ฉลาดมากและแสดงผลในหน้าปัด และรายงานตลอดว่าบนเส้นทางมีรถติดหรือเปล่า ต้องผ่าน Toll way ด้วย  
-   Idle stop ก็มีประโยชน์ดีนะ คือทำให้เงียบสนิทในรถ ได้ยินแต่เสียงคุยกันและเสียงเพลง แต่ผมว่ามันใช้ได้ดีเฉพาะเวลาที่รถติดนานๆในเมืองเท่านั้นแต่เวลาออกรถหลังจากที่รถสตาร์ทเองใหม่ๆก็แอบเครื่องดับบ่อยเหมือนกัน และพอออกนอกเมืองผมแอบปิดมันบ่อยๆเหมือนกันเพราะไม่จำเป็น
-   ที่ดันหลังในเบาะ ปรับเข้า-ออก ไฟฟ้า ก็ทำให้เมื่อยน้อยลงได้ครับเพราะถ้าไม่ตรงกับสรีสระเรา ก็ปรับเรื่อยๆได้ อันนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกับมันเท่าไร
-   เบรกมือ/ปุ่มจอดรถ (P) ไฟฟ้า เพียงเอานิ้วเขี่ยๆกระดกขึ้น-ลง อันนี้ผมชอบมาก ไม่ต้องกระชากให้เมื่อยแขน และพอใส่เกียร์ว่างและกดปุ่มจอด (P) รถจะดับเครื่องเอง

ข้อเสีย
-   พวงมาลัย ปรับมาใกล้ตัวสุดแล้ว ปรับเบาะเหยียดขาเต็มที่แล้ว ยังรู้สึกว่ามันไกลตัวไปหน่อยถึงแม้ว่ามือจะถึงพวงมาลัยพอดี แต่ผมก็ไม่ค่อยชอบท่าทางการขับรถที่ต้องเหยียดแขนแบบนี้ ผมชอบงอแขนนิดนึงจะได้ไม่เมื่อย หรือเพราะผมขายาวกว่าชาวบ้านรวมทั้งฝรั่งหลายๆคน (สูง 186 ซม.)
-   ทุกครั้งที่คนนั่งตำแหน่งอื่นต้องการเข้ามานั่งในรถ คนขับจะต้องกดปลดล็อคที่ปุ่มเล็กๆตรงใกล้ๆที่เปิดประตูฝั่งคนขับ ถ้ามองในแง่ความปลอดภัยผมคิดว่าดีนะ เพราะถ้ากดรีโมทปลดล็อครถแล้วประตูฝั่งคนขับเท่านั้นที่จะเปิดเข้าได้ แต่มองในแง่ความสะดวก บางทีมันก็ต้องยุ่งยากกับคนขับทุกที ผมก็ลืมทุกที และใช้ไปใช้มามันก็จำได้เอง

สรุป
โดยรวม ผมชอบการขับขี่ของมันมากโดยเฉพาะเวลาอยู่ในโค้งและถนนเส้นเล็กในชนบท ทว่าบนมอเตอร์เวย์ผมก็ชอบความรู้สึกพวงมาลัย รถน่ะนิ่ง แน่นและหนึบดี แต่ยังข้องใจกับความนิ่งของตัวรถในจังหวะนั้นอยู่

ของฝากจากรถคันนี้คือ ใบสั่งค่าปรับที่ส่งมาถึงบ้าน ใบแรกได้จาก Oxford เพราะวิ่งเข้าไปในบัสเลนเนื่องจากเชื่อเจ๊ Navi เจ้ากรรม เลยโดนไป 30 ปอนด์และค่าแอดมินจากบริษัทเช่ารถอีก 35 ปอนด์ ใบที่สองได้ในลิเวอร์พูลเองเพราะขับในเขตเมือง 36 m/hr ซึ่งเขากำหนด 30 m/h โดนไป 60 ปอนด์และค่าแอดมินอีก 35 และยังโดนตัดแต้มใบขับขี่อีก 3 แต้ม รวมทั้งสิ้นจ่ายไป 160 ปอนด์ (ราวๆ 7-8 พันบาท) หลายตังทีเดียว มันเกือบเท่าค่าเช่ารถเลยเถอะ

[Mark_UK]

ตามที่มีพี่ๆน้องๆถามมา ผมได้ถ่ายรูป ตูดและหน้า Insignia มาให้ดูกันด้วย
ครั้งหน้า เดี๋ยวอาจจะได้ลอง Insignia/Peugeot/Focus 1.6 Eco/2.0 TDCI, หรืออาจเป็น Rare item ตัวอื่นๆก็ได้ (ยังไม่เข็ดและไม่คิดจะเข็ดกับค่าปรับอันแสนโหด อิอิ) 

[Mark_UK]

ขอบคุณ Headlightmag สำหรับพื้นที่ในการรีวิว และขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ

[YF-19]

ขอบคุณการรีวิว และประสบการณ์ดีๆครับ

[470127]

อ่านแล้วสนุกดี ขอบคุณ จขกท

[Parinceo]

รีวิวดีมากครับ ขแบคุณที่เอาประสบการณ์มาแบ่งปันกัน

[applebees]

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

แนะนำครับ... ลงใต้ลอนดอนไปเลยครับ ขับรถเอา อย่าไปนั่งรถไฟ

Brighton Portsmouth Southampton Bournemouth  สวยหมดเลย ลงให้ไปถึง Land's End นะครับ ^^

ตัว Insignia ข้างนอกสวยจริงๆครับ มันดูใหญ่ดีแต่ไม่เคยเห็นภายใน,,, รู้แต่ว่าอยากให้เอาเข้ามาขายในไทยมากๆครับ

[armkooong]

รีวิวกระชับดีครับผม  ตอนผมไปอยู่เยอรมันHost Family ก็ใช้ตัวนี้เลย(รถบริษัท) แต่เป็นตัวล้อกระทะเครื่องดีเซล

ขอบอกว่าแรงและหนึบมากๆ เหยียบ190 บน Autobahn ยังนิ่งอยู่เลยครับ

[Tan Int]

ถ้าจำไม่ผิด Passat ตัวถังแวกอน VW เขาเรียก Passat Variant ใช่มั้ยครับ
เจ้าคันนี้ เห็นตัวจริงแถวๆเชียงราย ไปทีไรเห็นทุกที คันสีเงิน ล้อ 5 ก้าน เห็นทีไรเหลียวมองตลอด ต่อให้คลุมผ้าคลุมไว้ก็เถอะ 
คันนี้ ไม่ชอบอย่างเดียวคือภายในที่เหมือน Passat B6 โฉมที่แล้วเกือบจะเป๊ะ ไม่ทราบว่าทำไมไม่ทำให้ต่างกันหน่อย(ถึงจะพัฒนาต่อจากตัวถัง B6 ก็เถอะ)

ปล. Speed Limit เข้มงวดมาก!!

[Mark_UK]

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านขอรับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

แนะนำครับ... ลงใต้ลอนดอนไปเลยครับ ขับรถเอา อย่าไปนั่งรถไฟ

Brighton Portsmouth Southampton Bournemouth  สวยหมดเลย ลงให้ไปถึง Land's End นะครับ ^^

ตัว Insignia ข้างนอกสวยจริงๆครับ มันดูใหญ่ดีแต่ไม่เคยเห็นภายใน,,, รู้แต่ว่าอยากให้เอาเข้ามาขายในไทยมากๆครับ

ที่แนะนำมาน่าสนใจเหมือนก้ันคร้ับ ยังไม่ได้ไปแถวนั้นเลย เอาไว้ทริปหน้าครับ ครั้งถัดไปผมยังอยากไปย้ำความยิ่งใหญ่ของ Snowdonia ให้เต็มอิ่มกว่านี้ก่อน เพราะตอนไปถึงเวลาไม่พอเลย ต้องไปเที่ยวที่นั่นที่เดียวซัก 2 วันเอาให้ทั่วแคว้นไปเลย
Insignia ถ้ามีโอกาสก็อยากลองเหมือนกันครับ ได้แต่นั่งที่เพื่อนๆเค้าเช่าขับกัน

รีวิวกระชับดีครับผม  ตอนผมไปอยู่เยอรมันHost Family ก็ใช้ตัวนี้เลย(รถบริษัท) แต่เป็นตัวล้อกระทะเครื่องดีเซล

ขอบอกว่าแรงและหนึบมากๆ เหยียบ190 บน Autobahn ยังนิ่งอยู่เลยครับ

เสียดายโอกาส ตอนผมอยู่ฮอนแลนด์ไม่ได้ข้ามไปวิ่ง Autobahn เลยครับ ถ้าได้ลองคงจะฟินไม่น้อย

ถ้าจำไม่ผิด Passat ตัวถังแวกอน VW เขาเรียก Passat Variant ใช่มั้ยครับ
เจ้าคันนี้ เห็นตัวจริงแถวๆเชียงราย ไปทีไรเห็นทุกที คันสีเงิน ล้อ 5 ก้าน เห็นทีไรเหลียวมองตลอด ต่อให้คลุมผ้าคลุมไว้ก็เถอะ 
คันนี้ ไม่ชอบอย่างเดียวคือภายในที่เหมือน Passat B6 โฉมที่แล้วเกือบจะเป๊ะ ไม่ทราบว่าทำไมไม่ทำให้ต่างกันหน่อย(ถึงจะพัฒนาต่อจากตัวถัง B6 ก็เถอะ)

ปล. Speed Limit เข้มงวดมาก!!

ไม่แน่ใจครับ อิอิ น่าจะใช่ ภายในผมก็ไม่โดนเหมือนกันครับ แต่ผมว่าตัวออฟชั่นเยอะๆแพงๆอาจดูดีกว่านี้เป็นได้
ปล. ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดครับ โดนไปแต่ละทีมีเอ๋อ กระเป๋าแฟ๊บกันเลยทีเดียว

[Slipknot`]

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับผม