เราจะผิดในฐานประมาทร่วมได้ตลอด อยู่กับสถานการณ์ หากชนกัน
1 ชนกันไม่มีใครเจ็บหรือแค่ถลอกปลอกเปลิก ให้เขาชดใช้ ถ้ารถเราเสียหาย เขาผิดเต็มๆ
2 ชนกันแล้ว มีการบาดเจ็บ ที่ถือว่าสาหัส คุณจะผิดได้เพราะประมาททำให้คู่กรณีบาดเจ็บ สู้กันไป ทนายกินเรียบ
3ชนกันแล้วคู่กรณี ตาย ก็ ประมาททำให้คนอื่นตายอะครับ
ทั้งๆที่เลนเราชัดๆ ส่วนใหญ่คนจะคิดแบบนี้
ด้วยความเคารพครับ เนื่องจากผมมีอาชีพ (ทนาย) ตามที่คุณพาดพิงว่า "ทนายกินเรียบ" ใน 2. ซึ่งไม่ถูกต้องตามที่คุณกล่าวอ้างครับ เพราะหากผู้ต้องหา หรือ จำเลย ซึ่งไม่ผิด หรือ จะผิดจริง แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการเงินในการจ้างทนายให้ดูแลคดีให้ ก็สามารถขอทนายขอแรงได้(ทนายฟรี) หรือ ขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความในจังหวัดนั้นๆ ได้ (ทนายอาสา ) ซึ่งฟรีเช่นกัน
เราจะผิดในฐานประมาทร่วมได้ตลอด อยู่กับสถานการณ์ หากชนกัน
1 ชนกันไม่มีใครเจ็บหรือแค่ถลอกปลอกเปลิก ให้เขาชดใช้ ถ้ารถเราเสียหาย เขาผิดเต็มๆ
2 ชนกันแล้ว มีการบาดเจ็บ ที่ถือว่าสาหัส คุณจะผิดได้เพราะประมาททำให้คู่กรณีบาดเจ็บ สู้กันไป ทนายกินเรียบ
3ชนกันแล้วคู่กรณี ตาย ก็ ประมาททำให้คนอื่นตายอะครับ
ทั้งๆที่เลนเราชัดๆ ส่วนใหญ่คนจะคิดแบบนี้
ด้วยความเคารพครับ เนื่องจากผมมีอาชีพ (ทนาย) ตามที่คุณพาดพิงว่า "ทนายกินเรียบ" ใน 2. ซึ่งไม่ถูกต้องตามที่คุณกล่าวอ้างครับ เพราะหากผู้ต้องหา หรือ จำเลย ซึ่งไม่ผิด หรือ จะผิดจริง แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการเงินในการจ้างทนายให้ดูแลคดีให้ ก็สามารถขอทนายขอแรงได้(ทนายฟรี) หรือ ขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความในจังหวัดนั้นๆ ได้ (ทนายอาสา ) ซึ่งฟรีเช่นกัน
ด้วยความเคารพเช่นกัน จุดประสงค์ในทุกข้อรวมข้อ2 ที่ผมโพสต์คือ ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นต่างคนก็ต่างต้องการเรียกร้องว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก ต้องการเรียกร้องค่าชดเชย แม้จะรู้ดีว่าเราอาจมีส่วนผิดก็ตาม หรือรู้ดีว่า คู่กรณี ถูกก็ตาม การเป็นคู่กรณีกัน มันก็จบได้ ตั้งแต่ แค่สบตา พยักหน้าให้กัน ต่างคนต่างไปใ้ห้อภัยกันนะที่เกิดเหตุ หรือ หนักมาหน่อย ต่างฝ่ายต่างขอโทษ จบๆกันไป หรือหนักขึ้นมาหน่อย มีคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยพอใจทั้ง2ฝ่าย นอกโรงนอกศาล หนักมาหน่อย คุยกันที่โรงพัก หนักหน่อย ก็ฟ้องร้องกัน ในศาล ซึ่งตั้งแต่ข้อ2 ขึ้นไปเนี่ย เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ ตำรวจต้องส่งฟ้องเท่านั้น คู่กรณีที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีใครอยู่สุขแน่ ต่างฝ่ายต่างต้องเอาตัวรอดแม้จะรู้ว่าตัวเองผิดก็ขอผิดให้น้อยที่สุดหรือดีไม่ดีกลายเป็นไม่ผิดเลยก็ได้ ปฏิเสธไม่ได้ที่จะว่าจ้างทนายความที่คิดว่าจะช่วยเหลือในจุดนี้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องจ้างครับ จริงอยู่ทีมีทนายอาสาซึ่งแต่ละท่านเป็นผู้มีคุณวุฒิและเชี่ยวชาญ สำหรับคนที่ไม่มีเงินจะจ้างจริงๆ( แต่คนส่วนใหญ่เค้าก็จะยังจ้างทนายก่อนอยู่ดี และงานของทนายอาสามักงานหนักและล้นมืออยู่แล้ว )
คดีความ บางคดีซับซ้อน บางคดีไม่ซับซ้อน แต่ทุกคดีก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน และศาลท่านก็จะพิจารณาคดีตามคิว บางคนพอผ่านไปสักระยะ เริ่มคิดว่าเสียเวลาทำมาหากินละ ยอมๆไปดีกว่าก็เยอะ การขึ้นศาลแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่าย ฝ่ายถูกยังมีสิทธิ์ร้องขอให้ฝ่ายผิดจ่ายค่าต่างๆในการสู้คดีได้อีก บางคนโดนทั้งอาญา โดนทั้งแพ่ง ผ่านไปสักระยะ หากคดียืดเยื้อจะเริ่มถอดใจ หรือขอพบกันตครึ่งทาง (ไม่ว่าแพ้หรือชนะคดีก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับทนายครับ)
ส่วนที่คุณกล่าวว่าผมพูดไม่ถูกต้องนั้น ยอมรับและะขออภัย ผมขอถอนคำพูดว่าทนายกินเรียบ สำหรับ เหตุการณ์นี้ ว่าไม่ว่าคุณจะชนะหรือแพ้คดีหรือไกล่เกลี่ยกันได้ คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ทนายส่วนใหญ่แน่นอน ยกเว้นถ้าคุณใช้ทนายอาสาตั้งแต่ต้น และ หากชนะคดีก็จะได้ค่าชดเชยตามจริง( ราคาประเมิน) จากฝ่ายแพ้ +ค่า เช่ารถใช้ชั่วคราว (ถ้ามี) +การบังคับคดีอาญาคู่กรณีตามศาลสั่ง ส่วนถ้าคุณแพ้คดีก็กลับกัน
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าอย่างไร ในกรณีข้อ2ขึ้นไปจะต้องเสียค่าทนาย(หากไม่ได้ใช้บริการทนายอาสา) และเสียเวลาทำมาหากินเหมือนกัน
เนื่งจากทุกคนต่างมีการทำมาหากินแตกต่างกันไป ไม่ว่ารวยหรือจน ก็ต้องทำงาน หรือมีกิจกรรมทำทั้งนั้น
ผมในฐานะมีประสบการณ์มาบ้าง เคยทั้งถูกและผิด มีเจตนาแค่แสดงความคิดเห็นและชี้แนะแนวทางในบางจุดเผื่อจะเป็นประโยชน์ในการนำไปประกอบการพิจารณาของเจ้าของกระทู้เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาว่าใครทั้งสิ้น
สุดท้ายนี้ ถ้าทุกคนขับรถโดยไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎจราจร เคารพและให้อภัยซึ่งกันและกันสำหรับเพื่อนร่วมทาง อุบัติเหตุบนท้องถนนจะลดน้อยลง อยากเห็นถนนสีขาว ไม่อยากให้ในอนาคตถนนกลายเป็นสีแดง(เลือดสาดเต็มถนน(ไม่เกี่ยวการเมือง)) และขอให้เพื่อนๆทุกคนรวมทั้งผมปลอดภัยบนท้องถนนก็พอครับ