มาตามสัญญาครับ แต่คงไม่ต้องเฉลยแล้วครับเพราะหลายคนที่โพสต์ความเห็นในนี้มีรายละเอียดตามมาอีกเพียบ
เอาเป็นว่าผมเปลี่ยนจากการเฉลยเป็นคิดวิเคราะห์เพิ่มเติมแล้วกัน จะถูกจะผิดก็ขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ
การลดขนาดความจุของเครื่องยนต์ลดลงแต่ปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นผมเรียกว่าการ Downsize ก็แล้วกัน
เป็นสัญญานที่ทางฝั่งยุโรปให้มาก็มาชัดเจนกันปีหน้านี่แหละที่ FIA ลดความจุเครื่องยนต์ของรถที่เข้าแข่งฟอร์มูลล่าวันเหลือ 1.6 ลิตร
แต่ยังคงมีทั้ง KERS และ ERS เหมือนปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นไปอีกร้อยกว่าม้าจาก 600 เป็น 760 ม้าเมื่อใช้ ERS (energy recovery system)
ช่วย เอาล่ะฝั่งนี้เป็น Downsize และก็ชัดเจนว่าผู้ผลิตรายใดอยากสื่อออกไปว่าตัวเองสุดยอดทางด้านยนต์กรรมก็เข่ามาร่วมกัน
ดังจะเห็นว่าค่ายฮอนด้าพร้อมที่จะกลับมาปี 2015 ซึ่งผมว่าไม่ใช่ไม่พร้อม แต่ขอดูคู่แข่งก่อนหนึ่งปี
กับจัดการองค์ให้ได้ประโยชน์กลับการเข้ามาในครั้งนี้ซึ่งอันนี้เดี๋ยวกลับมาพูดกันถึงฮอนด้าอีกที
ส่วนอีกด้านหนึ่งที่พึ่งจบไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คือ เลอมังต์ 24 ชั่วโมง ผู้ชนะก็รู้กันแล้วว่าคือ Audi หน้าเก่าที่ใช้ R18 e-tron Quattro
ซึงเป็นเครื่องดีเซลไฮปริด 3.7L Turbo V6
แต่สายตาทุกคู่ที่จับตาดูกลับเป็นคันที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับสองที่ใช้รหัสโมเดลว่า TS030 Hybrid 3.4L V8
ของโตโยต้า
เห็นได้ชัดเจนว่าโตโยต้าประกาศศักดาเทคโนโลยีไฮบริดได้เต็มที่อีกครั้งถึงแม้ว่าจะเป็นที่สองแต่ก็คงคุยได้ว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งของเบนซินไฮบริดไม่ใช่ดีเซล
มองเห็นอะไรครับ ผมมองเห็นว่าเราจะไม่เห็นการ Downsize เครื่องยนต์ในโตโยต้า และเตรียมตัวไว้ว่าหากมีเซกเม้นต์ใดที่เพรี่ยงพร้ำก็จับยัดไฮบริดซะ
ประหยัด และแรงได้สมใจ ที่น่าจับตาเป็นปีหน้าครับ จรวดทางเรียบของแท้จากนิสสันที่ประกาศว่าจะใช้ ZEOD RC เข้าลงแข่งนี่เป็นไฟฟ้าแท้ๆ
ที่ลงในกรุ๊ป LMP1 กรุ๊ปเดียวกับ Audi และ Toyota นั่นแหละ
[/url]
นิสสันเอาจริงในรถพลังงานไฟฟ้า 100% ในตลาดอเมริกาเหนือ และญี่ปุ่นเพราะคุยว่าเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่อยู่ในนิสสัน Leaf
บ้านเราคงหมดโอกาสเพราะเท่าไม่มีสัญญานใดๆ ที่เปิดช่องให้รถที่รักโลกตัวจริงเข้ามาทำตลาด
แต่กับฮอนด้านี่น่าคิดเพราะถึงตอนนี้ก็ยังชูเทคโนโลยีไฮบริดเพื่อมาตอบโจทย์เรื่องความประหยัดอยู่ แต่อีก 2 - 3 ปีข้างหน้าไม่แน่
เราอาจเห็นการ Downsize ในยนต์กรรมของฮอนด้าที่ประหยัด และแรงเหมือนเดิม เพราะจะเริ่มส่งสัญญานกันตั้งแต่ปีนี้ และเริ่มเอาจริงปีหน้าใน Formula 1 น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
เอาล่ะครับผมมาสุดได้แค่นี้ ใครมีข้อมูลอื่นเพิ่มเติมก็แลกเปลี่ยนกันนะครับ