ผู้เขียน หัวข้อ: ธุรกิจที่ใช้รถทำงาน ระหว่าง จ่ายเป็นค่าน้ำมันค่าเสื่อมให้พนักงานกับซื้อรถบริษัท แบบไหนเ  (อ่าน 17878 ครั้ง)

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมอยากทราบครับ

ว่าระหว่าง การจ่ายเป็นค่าเสื่อมรถค่าน้ำมันตามกิโล โดยให้เป็นกิโลตามจริงนับออกจากบริษัท กับ การซื้อรถยนต์ไว้ใช้งาน อาจเป็นพวก Eco car(คิดที่ mirage 1.2 GLX 4.6 แสน) หรือพวก รถ CNG (คิดที่ City CNG S 6.59 แสน)

มีข้อดี ข้อเสีย ต่างกันอย่างไรครับ


ได้ยินว่าภาษีนิติบุคคลรถจะแพงกว่าปกติ แต่เอาไปหักค่าใช้จ่ายและ Vat ได้

ขอบคุณครับ ;)

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,355
    • อีเมล์
ถ้ารถเป็นของ บ. หักค่าเสื่อมราคาได้ (ไม่เกิน 1 ล้าน) ค่าใช้จ่ายต่างๆเกี่ยวกับรถ เอาไปลงไว้เป็นค่าใช้จ่ายได้ (ถ้าให้ดีควรจะเป็นรถกระบะ)

หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ

ออฟไลน์ sith(สิทธิ์)

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,411
  • นับ1ใหม่
    • อีเมล์
เท่าที่รู้จักส่วนมากเค้าจะเลือกแบบแรกนะครับ
แบบสองคือซื้อรถมาใช้งานเอง คนที่ผมรู้จักเค้าไม่ค่อยทำแบบนี้กัน
เพราะไม่ต้องมาเสียค่าบำรุงรักษาเอง เวลาอายุการใช้งานเยอะแล้วหรืออีกแบบนึง
ที่ผมรู้จักเค้าจะใช้วิธีซื้อรถใหม่มาใช้งานเองแต่รถคันนั้นจะมีอายุการใช้งานแค่ 4 ปี หรือ หมดระยะประกัน
บริษัทเค้าจะขายไปซื้อคันใหม่ทันทีครับ
แบบแรกที่กล่าวมาส่วนมากเป็นงานบริษัทติดต่อธุรกิจเซลแมน ใช้รถเก๋งอะไรพวกนี้
แบบสองที่กล่าวมาคือส่วนมากเป็นพวกบริษัทขนส่ง ขอผัก ขนปลา ใช้รถกระบะบรรทุกอะไรพวกนี้ครับ

ไม่รู้พอช่วยอะไรได้ไหม มาช่วยตอบครับ อิอิ  ;D

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,649
    • อีเมล์
ท่าน จขกท. หมายความว่า

บริษัทไม่ซื้อรถให้ พนง. ใช้ แต่ให้ พนง. ใช้รถของตนเอง แต่สามารถเบิกค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อม โดยคิดให้เป็น xx บาท/ กิโลเมตร อย่างนั้นใช่หรือไม่ครับ
ถ้าใช่เราก็ต้องคำนวนให้ดีครับว่า รถอาจจะวิ่งแค่ 10 กม./วัน แต่เสียเวลาทั้งวัน ความเสื่อม + สึกหรอ ก็ไม่เท่ากันกับรถที่วิ่งทางยาววันละ > 80 กม./วัน ในทางยาวที่รถไม่ติด

ค่ายาง + ค่าประกัน + ค่าซ่อม + บางคนเอาไปติดแก๊สหวังจะได้ส่วนต่างที่บริษัทจ่ายโดยคิดราคาจากค่าน้ำมันให้ ฯลฯ

จุดคุ้มอยู่ตรงไหน คำนวนให้ดีครับ

บริษัทที่ใหญ่หน่อย น่าจะเปลี่ยนไปใช้เช่าซื้อกันเยอะแล้ว เพราะหักค่าใช้จ่ายได้เต็ม ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรเลย รถพังมีเอาคันใหม่มาเปลี่ยน + บริการต่างๆ อีกมากมาย แต่ข้อดีคือกำหนดค่าใช้จ่ายได้เป๊ะ เวลาทำงบ มันจบง่ายกว่า

ที่ผมพอทราบก็มีเท่านี้ รอผู้รู้ท่านอื่นมาเสริมให้อีกแล้วกันครับ

ออฟไลน์ fhasociety

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 450
    • อีเมล์
ทุกวันนี้พี่ชายทำงานให้กับบริษัทประกันวินาศภัยแห่งหนึ่ง ตำแหน่งที่ปรึกษาบริษัท
ทางบริษัทจ่ายค่าน้ำมันรถให้เดือนเท่าไหร่จำไม่ได้ ค่าเสื่อมสภาพ ค่าซ่อมบำรุงตามจริง แต่เป็นรถของเราเอง
ตอนแรกบริษัทจะออก Teana ให้ แต่ต้องเอามาเติมน้ำมันเอง พี่ชายบอกไม่คุ้ม
สู่ยอมซื้อรถเองแล้วบริษัทดูแลให้ดีกว่า อีกอย่าง ไม่ต้องมานั่งกังวลดูแลของของคนอื่น ;D
ทุกวันนี้ ผม ทำงาน เก็บเงิน แต่ง..................รถ

เขตจำกัดความเร็ว 10 แก้วต่อชั่วโมง

ออฟไลน์ 7777777

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 600
    • อีเมล์
ถ้าพนักงานมีรถเลย แล้วตกลงกันได้เช่น วิ่งไปไหนก็กิโลละ5บาท

แบบนี้คุ้มกว่าครับ (อาจจะโดนโกงบ้างเรื่องระยะทางวิ่งจริงๆ แต่ถ้านิดหน่อยก็พอหยวนๆไปได้)

มีรถบ.เอง ภาษีประจำปีจ่ายแพงกว่า ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเบิกบริษัท + ลงบัญชีได้ (เป็นค่าใช้จ่ายบ.)

ซึ่งผมคิดว่า ถ้าวิ่งเยอะ บ.เล็ก วิธีที่ให้พนักงานมีรถแล้วเราจ่ายค่าน้ำมันคุ้มกว่าเยอะครับ

ของผมมีรถกระบะ(เอาไว้ให้พนักงานใช้เวลาส่งของ)ของบ.ไว้แค่คันเดียว เวลาปกติให้ใช้รถของพนักงานและจ่ายตามกิโลครับ

ออฟไลน์ joufo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
ถ้าจะซื้อรถให้พนักงาน
เช่าระยะยาวจะดีกว่าครับ
เพราะ ไม่ต้องเสียค่าซ่อมรถ ค่าประกัน ค่าภาษีประจำปี ฯลฯ เอง
ถ้ารถเสีย บริษัทรถเช่าก็จะเปลี่ยนรถให้เราใหม่

ค่าเช่า ก็เอาไปบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
จ่ายเป็นค่า เสื่อม ใช้เม็ดเงินน้อยกว่าครับ มีช่องโหว่ตรงพนักงานอาจจะโกงตัวเลขระยะทาง ในกรณีจ่ายเป็นระยะทางครับ

ซื้อรถให้ใช้ ลำบากต้องหาคนมาวิ่งดูแล พนักงานเอารถไปเข้าบริการเบิกโกงก็มี ใช้เม็ดเงินเยอะกว่า เหมาะกับการที่ประเมิณค่าใช้จ่ายรายปีแบบเหมา ไม่เหมาะกํบบริษัทที่ resource ต่ำ เพราะต้องใช้ทั้งคนดูแลรถ(ขับไปService) ตรวจสอบ เม็ดเงิน ค่าเสื่อม ข้อดีสุด ๆ คือ เจ้าของบริษัทใช้เอง เอาไปหักภาษีซะมากกว่า

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,355
    • อีเมล์
หรือไม่ก็ให้เป็นค่าเช่ารถพนักงานคนนั้นๆไป ภาษีรายได้ก็จับไปอยู่กับพนักงาน  ;D

ออฟไลน์ decptt

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,571
Leasing สามารถหักลดหย่อยได้ เดือนละ 36,000 บาท เหมาะสำหรับรถผู้บริหาร


การจ่ายค่าเสื่อม และค่าน้ำมันรถ เหมาะกับ บริษัท ที่ไม่ใหญ่มาก และปัญหาที่ตามมา คือ การใช้งานรถตัวเองจะถนอมกว่าครับ

ผมมีรถขนส่งบริษัท (ตอนเดียวหลังคาสูง) ต้องบ่นปากเปียกปากแฉะ เรื่องล้างรถ การเข้าศูนย์เช็คระยะทาง ผมต้องประมาณ และถามเองว่า กี่กิโล สั่งเด็กให้นัดวันไปเข้าศูนย์
พูดตรงๆ เบื่อครับ แต่คนงานหาที่ไว้ใจยาก ดังนั้น ก็ทนทำไปครับ อยากจะออกกฎ (เสียค่าปรับ/ให้โบนัส) แต่กลัวพนักงานรับไม่ได้
บริษัทผมก็เล็กๆ ไม่ได้มีคนมาสมัครมากมาย จึงต้องจำทนกันไป

ถ้าเป็นผม ระดับ เซลล์ ปฏิบัติการ ผมให้เป็น จ่ายค่าเสื่อมครับ ส่วนพวกผู้บริหารเช่นผม ก็คงหารถเป็นLeasing เพื่อมาลดหย่อนภาษี
ส่วนระดับผู้จัดการ ที่ไม่ได้ใช้รถ ก็ให้ค่าน้ำมันเดือนทางตามสมควร

ประมาณนี้ครับ

ออฟไลน์ toxoplasma

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 45
    • อีเมล์
รถตัวเอง+ติด lpg ส่วนต่างรับเยอะนะครับ (ประสบการณ์ตรง) ถ้าไม่ติดก็ต้องดูจุดคุ้มทุน

รถบริษัท ไม่มีส่วนต่างตรงนี้ แต่บางบริษัทใช้รถบริษัท แต่มีค่ารถแยกต่างหากให้อีก  ผมว่าอันนี้คุ้มสุด

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,823
ขึ้นอยู่กับนโยบายและงบการเงินรวมทั้งการวางแผนภาษีครับ
ถ้าให้เป็นค่าเสื่อมและเชื้อเพลิงตามระยะทางก็มีข้อดีที่ไม่ต้องรับภาระดูแลบำรุงรักษารวมถึงไม่ต้องห่วงว่าพนักงานจะเเอบเอาไปใช้ส่วนตัวนอกเหนือจากงานแต่ต้องระวังไม่ให้เป็นตัวเลขคงที่เพราะจะถูกประเมินว่าเป็นสวัสดิการทำให้เงินที่ได้ของพนักงานถูกนำมารวมเป็นรายได้บุคคลธรรมดาครับ
ถ้าเช่ามีข้อดีที่ไม่ต้องรับภาระดูแลบำรุงรักษาและสามารถนำค่าเช่ารวมVatลงค่าใช้จ่ายได้เต็มจำนวน
ถ้าLeasingสามารถลงค่าLeaseได้ไม่เกินเดือนละ3หมื่นปลายๆและเลือกรับซื้อรถคันนั้นในมูลค่าต่ำเมื่อครบสัญญาได้ Vatก็ลงค่าใช้จ่ายได้เช่นกันแต่ยังต้องบำรุงรักษาเอง
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ WTF

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
บริษัทผมให้โลละ9บาท ประมาณการเอาไม่ต้องมีใบเสร็จค่าน้ำมันด้วย ผมว่าเอารถติดแก๊สมาวิ่งนี่คุ้มมากเลยนะ วิ่งเยอะๆเผลอๆจะได้เยอะกว่าเงินเดือน

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ตอนนี้ลองดูแล้ว ว่าจะได้งานนี้ไหม ถ้าได้คงต้องเอารถตัวเองวิ่งไปก่อน แต่อีกหน่อย อาจจะซื้อในนามบริษัทครับ