User Review : Mercedes-Benz W124 E280 อายุ19ปีครับ

[lamplas]

สวัสดีครับ พอดีได้มีโอกาสสัมผัสกับรถคันนี้ ซึ่งก็เหมือนๆกับ W124 คันอื่น ที่มักจะเป็นมรดกตกทอดกันมา จากรุ่นสู่รุ่น จากรุ่นปู่ สู่ร่นพ่อรุ่นแม่ สู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป ซึ่งคันนี้ก็เช่นกันครับ ผมได้มันมาใช้ต่อจากคุณน้าของผม ซึ่งหากจะนับอายุตามปีแล้ว รถคันนี้ใกล้จะเข้าผับได้แล้วครับ เหลืออีกเพียงปีเดียว ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีก !?

ครับ อีกเพียง 1 ปีจะพ้นวัยทีนแล้ว ซึ่งรถรุ่นนี้หลายๆคันที่วิ่งอยู่ตามถนนอายุอานามปาไปเกิน 20 ปีแล้วทั้งนั้น ยังวิ่งกันขวักไขว่บนท้องถนนให้เห็นอยู่เนืองๆ บรึ้นๆ

ด้วยความที่ mercedes benz เป็นรถที่ไม่มีคำว่ามาตรฐาน ผมจึงไม่ทราบว่าคันนี้เป็น code อะไร (VIN WDB1240286B) คือโค้ดเนี่ยมัน B ภายนอก C (น้าผมคงไม่เอาไปแปลง เพราะจากนิสัยเป็นคนชอบรถแบบเดิมๆ แตนๆ) แต่ตัวรถปี 94 - -"

เอาเป็นว่า ข้างนอกมันเป็น C ละกันนะครับ

[lamplas]

เค้าว่ากันว่าสีนี้คือ nautical blue แปลๆไปก็ประมาณทะเล ชาวเลอะไรเทือกนี้ อย่างที่บอกไว้เมื่อกี๊ครับ รถคันนี้ข้างนอกเป็น code C  แน่ๆ จะแปลงไม่แปลงไม่รู้ครับ แฮ่ รับเค้ามาขับต่อ มีหน้าที่ขับก็ขับกันไป

ล้อเดิมๆ ทุกอย่างแบบเดิมๆครับ

[lamplas]

มาดูข้างท้ายกันมั่งครับ ไฟท้ายรมดำ ดูวัยรุ่นขึ้นกว่าพวก Eหลัง หรือรถ code B เดิม พร้อมกับฝากระโปรงท้ายขลิบโครเมียม ถ้าเป็นตัวเดิมจะเป็นแถบสีดำๆเดินยาวจากไฟท้ายข้างนึงไปอีกข้างนึง

[lamplas]

สิ่งนึงที่สังเกตได้หลังจากเปลี่ยนมาขับรถคันนี้ได้เพียงไม่กี่อาทิตย์คือ

"อาณุภาพแห่งดวงดาว"ครับ

อาณุภาพแห่งดวงดาวคืออะไร - นี่เลยครับ เคยสังเกตมั้ย ว่าตามโรงแรม ทำไมถึงมีรถบางคันจอดอยู่ตรงที่จอด หน้าโรงแรม หน้าโรงพยาบาล
รถพวกนี้จอดได้ยังไง? ยามครับ ยามเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด ว่ารถคันไหนจะได้จอด ตั้งแต่ขับคันนี้มา แม้จะวนขึ้นที่จอดรถ แต่ยามจะโบกให้จอดชั้นเตี้ยๆ ไม่มีรถปิดหน้าเสมอๆครับ ซึ่งมันก็มีข้าเสียอยู่อย่างนึงครับ - ผมไม่มีตังจะจ่ายทิปเค้า  แหม่ จะว่าไปราคารถเดี๋ยวนี้ขายกันแทบจะถูกกว่า Jazz มือสองแล้วนะครับ คนขับก็ต้องบ่จี๊บ้างสิครับน้า

ปล.รถบางยี่ห้อแม้จะแพงกว่าแต่ถ้ายามไม่รู้จักก็หมดสิทธ์นะเออ เคยมีคนเล่าให้ฟังวัน A8 โดนให้วนหาที่จอด แต่ Benz กะ BMW โบกเรียบ ~


นี่ครับ แหม่ ก็มันดูน่าเกรงขามซะขนาดนี้

[lamplas]

เปิดประตูแอ๊ดดดดด ประตูมันจะเด้งๆเองได้สามขั้นนะครับ เวลาเปิดต้องระวังกระแทกรถข้างๆ คือมันจะมีล็อคระยะของมัน สามระดับ แคบ กลางๆ กว้างๆ ซึ่งจากรูปจะเห็นว่ารุ่นนี้มีเบาะ memory ไฟฟ้าครับ!! หะ อะไรนะ รถอายุจะยี่สิบปีแล้ว แหม่ ออพชั่นมันสุดยอดจริงๆนะเออ ต่อไปเป็นตัวลอคประตูครับ เวลาลอครถ ไม่มีปุ่มกดใดๆ กดมันที่หัวลอคนั่นแหละครับ ประตูทุกคัน ฝาท้าย และฝาน้ำมันจะลอคเองอัตโนมัติ เวลาจะเปิดก็เพียงดึงมือเปิดประตู ประตูก็จะเปิดเอง

อ้าว สรุปว่ากันเด็กเปิดประตูเล่นไม่ได้เลยสิ - ถูกครับ ดังนั้น ถ้าจะมีลูก โปรดเอาลูกไว้ข้างหลัง แล้วมันจะมีปุ่มกันเด็กไว้ให้กดเพื่อไม่ให้ประตูข้างหลังเปิดลอคเองได้

ช่องใส่ของด้านข้าง กว้างขวาง ใส่ไอแพด นิตยสารนู่นนี่ สบายๆครับ มีแปะลายไม้วอลนัทมาให้ตึ๋งนึง

[lamplas]

อ้า เข้ามาข้างในกันบ้าง

ไอ้รถกาดาว(ตามที่ยายผมเรียก)เนี่ย มันมีกลิ่นเฉพาะตัวของมันครับ พอเปิดประตูมานั่งปุ๊ป กลิ่นจะมาปั๊บ ว่ากันว่าเป็นกลิ่นน้ำยาฟอกหนัง สูตรเฉพาะสำหรับรถยี่ห้อนี้ ซึ่งบางคนก็บอกว่า หอมจุง บางคนก็บ่นว่าเหม็นไปไหนเนี่ย แต่เอาน่า ยอมให้มันอยู่ด้วยมาตั้งเกือบ20ปีแล้ว ก็ให้มันอยู่ต่อไปแล้วกันนะ

คอนโซลหน้ารถรุ่นนี้เป็นคอนโซลหน้าที่ผมชอบมาก โปร่งโล่งสบาย แผงควบคุมต่างๆก็ใช้ง่าย มานั่งงมๆแป๊บเดียวหมุนเล่นกันสบายบรื๋อ (น่ากลัวมันจะพังเอา) ปุ่มต่างๆก็ออกแบบมาได้ดี จิ้มถนัดมือ แซมลายไม้ไว้พอดูดี

ด้านซ้ายเป็นกล่องเก็บของอันเดียวของรถคันนี้ ซึ่งเรียกกันว่า glove compartment คือเอาไว้ใส่ถุงมือครับ
ซึ่งการทำงานของมันก็สมชื่อครับ อันกระจึ๋งเดียว ใส่ถุงมือฟูๆซักสองคู่ก็เต็มแล้วครับ

แอร์ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งแอร์รถคันนี้มี 2 ระบบเท่านั้นครับ คือ 'เย็น'กับ'ปิด' - -" แหม่ นี่ขนาดหมุนวงๆปรับองศาไปจนแดงแล้วนะ ยังหนาวเลย ซึ่งแม้จะเห็นว่าแดงแล้ว แต่ไอ้วงๆเนี่ย ระดับองศาเซลเซียสที่สุดขอบแดงมันอยู่ที่ 26c ครับ แม่จ้าวววววววว

จากรูปจะเห็นวิทยุ Becker Grand Prix 2000 ของดั้งเดิมติดรถ เวลาถอดแบททีต้องไปควานหา code มาเปิด ไม่งั้นจะเปิดไม่ได้ เอาน่ะ รถมันเก่าแล้ว~

ข้างๆพวงมาลัยจะเห็นกุญแจ 1 ดอก ใช่ครับ คันนี้สตาร์ททางซ้ายมือ ขับแรกๆนี่ทิ่มขวาตลอด มึนนน

[lamplas]

อ้ะ ดูกันชัดๆอีกรอบ

กุญแจนี่ก็กุญแจดอกธรรมดา เหมือนกุญแจบ้านเลยครับ ทำกุญแจหายก็ไม่ต้องคิดมาก เอาไปปั๊มตามร้านกุญแจ! ไม่มีหรอกไอ้ระบบอิมโมบิไล๊เซ่ออะไรนั่น แต่ปั๊มแล้วเอาให้สตาร์ทติดแล้วกัน เพราะฟันกุญแจนี่ละเอียดมาก ทำไม่ได้มุมนี่บิดไม่ไปนะครับ


อ้อ แอร์เบนซ์จะมีความน่ารำคาญของมันอยู่ คือไอ้ปุ่มวงเวียน ซึ่งเป็นปุ่มปรับให้อากาศภายนอกเข้ามาได้ มันจะชอบดับเองครับ ประมาณ 30 นาทีต่อรอบเพื่อให้อากาศได้หมุนเวียน เปลี่ยนอากาศใหม่เข้ามาบ้าง ซึ่ง ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอตามตูดรถเมล์เนี่ย รถเมล์ตดมาทีรู้เลยว่ากินน้ำมันอะไรไป กลิ่นมาเต็มๆครับ

[lamplas]

เกียร์ขั้นบันได ตบขึ้นตบลง ตบซ้ายตบขวา ไม่พอ มีโหมด E & S ด้วยครับ แหมมม ยังกะรถสปอร์ต ปรับโหมดชิวๆ โหมดสปอร์ต ซึ่งจากที่โยกๆดูแล้ว มันไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไหร่ เกียร์ยังฉลาดในระดับเกียร์ออโต้ยี่สิบปีก่อนอยู่เหมือนเดิม ซัดน้ำมันโฮกๆเหมือนอูฐซดน้ำเหมือนเดิม
แม้เกียร์แบบนี้กลายเป็นของบ้านๆไปแล้วในสมัยนี้ อย่างไรก็ดี เกียร์นี้มีข้อควรระวังอย่างยิ่งยวดสำหรับคนขับเกียร์ธรรมดา - อย่าโยกเล่นครับ มันเปลี่ยนเกียร์ได้ดื้อๆแบบไม่มีลอคเลยนะครับ เดี๋ยวเกียร์จะพังเอา ถึงรถรุ่นนี้จะทนมือทนเท่ายังไง การใช้งานก็ควรจะทะนุถนอม ให้มันอยู่กับเราได้นานที่สุดโดยไม่ต้องเสียตังซ่อมมันนะครับ

เดี๋ยวนี้ยิ่งราคารถถูกลง เผลอๆหาซื้อคันใหม่ยังจะถูกกว่าค่าซ่อม ปะผุ โอเวอฮอล บลาๆ

แต่ผมว่าคนใช้รถรุ่นนี้ ส่วนนึงที่ไม่ขาย เพราะมันเป็นเหมือนสมุดบันทึกประวัติศาสตร์ คล้ายๆกับพงศาวดารของแต่ละบ้าน คิดดูสิครับ จะมีรถซักกี่คันที่จะส่งผ่านความรักความหวังดี จากรุ่นสู่รุ่นได้ขนาดนี้ (ที่จริงอาจจะมี แต่มันยังไม่มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอ แฮ่)

อันนี้เป็น Advertisement ชื่อ Faithful ซึ่งผมเชื่อว่า น่าจะอธิบายประโยคข้างต้นของผมได้อย่างดี



ถัดลงมาคือปุ่มควมคุมกระจกข้างทั้ง 4 บาน เวลาจะเปิดจ่ายตังต้องเอื้อมมากดทางซ้าย แล้วหันไปจ่ายทางขวา  งงครับ งง

ตรงกลางเป็นปุ่มปรับกระจกข้างไฟฟ้า จะปรับอันซ้ายก็บิดไปทางซ้าย แล้วโยกๆเหมือนจอยสะติ๊ก จะปรับขวาก็บิดขวาแล้วโยกๆ ข้างๆเป็นปุ่ม fade เสียง!!! เอ่อ พี่ครับ วิทยุก็อยู่ตรงหน้า เอื้อมมือไปอีก 5cm ก็ถึงวิทยุแล้วครับพี่ แหม่

แต่มันก็สะดวกดีนะครับ เวลามีโทรศัพท์มา fade เสียงไปข้างหลัง แล้วเปิดสปีคเกอคุย สบายๆ

รูปเด็กนั่นเห็นมั้ยครับ นั่นแหละครับตุ่มลอคกันเด็กดื้อ

[lamplas]

อันนี้ glove compartment ที่ว่าครับ

จะเห็นว่ามีหลุมตื้นๆ ตื้นมากๆๆๆๆๆ 2 หลุม
นั่นคือที่วางแก้วครับ แหม พี่ครับ ถ้าจะทำที่วางแก้วไว้แบบนี้ อย่าทำดีกว่าครับ ต่อให้เป็นไอ้เต้าหู้ทาคูมิก็เหอะ ผมว่า วางแก้วในนี้ไม่วายกลิ้งหลุนๆลงพื้นตั้งแต่ออกตัว

เอ้า มองเลยออกไปอีกนิดนึง จะพบกระจกข้างเจ้าปัญหา
เจ้าปัญหายังไงน่ะเหรอครับ ก็มันแคบ แคบมากกกก แคบสุดๆ คือรถรุ่นนี้มันมีความประหลาดในตัวเองครับ คือทำกระจกซ้ายมาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส สั้นๆ อ้วนๆ ส่วนด้านขวาเป็นแบบยาวๆ แต่มุมมองกระจกดันแคบกว่าด้านซ้าย และแคบกว่ารถธรรมดาครับ คือพอจะเข้าใจได้ว่า ไอ้ข้างซ้ายเนี่ย มันทำมาให้เวลาถอยจอดแปะๆ มองเห็นฟุตพาธได้ หรือมองเห็นเส้นเวลาเข้าซอง แต่ไอ้ด้านขวานี่ผมไม่เข้าใจ จะใส่กระจกมุมแคบมาทำไมครับ คือพอเป็นกระจกมุมแคบเนี่ย ใครไม่เคยเห็นอาจจะไม่ชิน คือจะรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในกระจกมันอันใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่พอมันใหญ่ขึ้นปุ๊บ มันก็กินเนื้อที่ข้างรถไปพอสมควร กล่าวคือ จะไม่สามารถมองเห็นวัตถุใดๆหากวัตถุนั้นเลยเข้ามาเทียบเคียงได้กับตูดรถคันนี้

สรุปว่า ถ้าใครขับอยู่ข้างๆรถรุ่นนี้ แล้วรถรุ่นนี้เปิดไฟเลี้ยว โปรดสังเกตหัวรถท่าน ว่าเลยตูดรถเค้าไปหรือยัง ถ้าเลยแล้ว โปรดบีบแตร 1 ทีเพื่อบอกว่า 'ชั้นอยู่ตรงนี้นะ อย่าเข้ามา' หรือไม่ก็ยอมเบรคให้เค้าเข้าไปเถอะครับ คือ มันไม่เห็นอะไรเลยจริงๆนะ จะไปเบียดกับเค้าก็เพราะไอ้ blind spot อันนี้แหละ ผมโดนด่ามาเยอะแล้วครับ เพราะเปลี่ยนเลนแล้วมันกระชั้นมาก (คือไม่เห็นรถทางขวาเลย) จะตีเข้าขวาทีต้องหันมอง

[lamplas]

ต่อไปเป็นระบบเปิดไฟครับ โคมไฟหน้า อะไรก็ไม่รู้ละ รู้แต่เปิดแล้วสีเหลืองๆ สามารถปรับความสูงไฟได้ครับ คือ ถ้าเลข 0 เนี่ยขับคนเดียว ไฟจะอยู่ตำแหน่งสูงสุด (คือปกติเวลาขับ) แต่เวลาบรรทุกของเต็มท้ายรถ ตูดจะยุบ แล้วหน้าจะยกสูง ก็ให้หมุนไปที่เลข 1,2,3 ตามแต่ความชอบใจ ไฟจะปรับต่ำลงมา ไม่ไปแยงตาใครเค้า

แหม่ ขับรถผู้ดี ไฟหน้ายังผู้ดีเลยนะครับ มีการคิดถึงว่าจะไปแยงตาคันข้างหน้าเค้าอีกแน่ะ

ต่อไปก็หมุนๆเปิดไฟ เหมือนรถยุโรปทั่วไป หมุนขวาแก๊กนึงไฟหรี่ อีกแก๊กไฟเต็มๆ ดึงออกมาตรงๆเป็นไฟตัดหมอก หมุนซ้ายเป็นไฟจอด (ไม่ค่อยได้ใช้ครับ กลัวแบตหมด)
อ้อ ไฟส่องหน้าปัด ไม่ใช่หน้าปัดเรืองแสงแบบปกตินะครับ แต่มันซิมเปิ้ลกว่านั้นเยอะ - เอาหลอดไฟมา 1 ดวง ส่องมันไปตรงที่หน้าปัดตรงๆเลยครับ แหม่ เล่นง่ายนะ ดูไปดูมาก็คลาสสิกดีนะเอ้อ

ต่ำลงมาเป็นเบรคมือ นึกถึงเบรคมือกระบะยุค '90 ที่เวลาดึงเบรคมือก็ดึงออกมา หมุนกึ๊ก แล้วยัดกลับเข้าไป อันนี้คล้ายๆกันครับ แต่.....


ความไฮโซของมันอยู่ที่ ไม่มีเบครมือครับ แต่นแต๊นนนน มีแต่เบรคเท้า เห็นดำๆทางซ้ายสุดที่ป้ายน้ำมันบังอยู่มั้ยครับ นั่นละครับ เบรคเท้า เหมือนในรถรุ่นใหม่ๆสมัยนี้ จะใช้ก็กระทืบมันลงไป จนรถหยุด แต่เวลาจะปลด ต้องดึงไอ้คันชักข้างขวาอันเนี้ยเพื่อปลด ซึ่งจะต่างจากรถรุ่นใหม่ๆ คือกระทืบซ้ำอีกทีก็ปลดได้



ถัดมา มองไปที่คอพวงมาลัย จะเห็นว่ามีลูกศรขาวๆ 1 อัน ไอ้นี่เอาไว้ปรับความยาวพวงมาลัยครับ .. ใช่ครับ พวงมาลัยปรับไฟฟ้า! โอ้ มันจะไฮโซไปไหน แต่ปรับได้แค่เข้าออกนะครับ ปรับขึ้นลงบ่ได้ ปรับเบาะขึ้นเอาแทนละกันนะจ๊ะ ซึ่งเมื่อมันปรับไฟฟ้าแล้ว เวลา memory เบาะนั่งมันก็จะ mem ไว้พร้อมกับเบาะเลยครับ จิ้งเลขปุ๊บ ตืดดดดด พวงมาลัยยืดออกตามสรีระที่ปรับไว้ 

[lamplas]

เบรค กะ คันเร่ง

หลายคนชอบบอกว่าคันเร่งหนัก ผมมีทริคคือ วางเท้าไปบนแป้นคันเร่งเต็มๆเท้า แล้วใช้ปลายเท้ากดเบาๆ บรึ้นนนน พุ่งครับ ทริคมันคือต้องกดเร่งตรงปลายบน
ส่วนเบรคก็ .. เบรคอะคับ เหยียบก็หยุด อาณุภาพ disc brake จานยักษ์ 4 จาน

เรื่องการขับขี้ เอ้ย ขับขี่ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนอยากทราบ

ก่อนหน้านี้ผมขับโตโยต้นโคโรล่า ธรรมดาๆ ออกตัวปรู๊ดปร๊าด ซอกแซกในเมืองได้เต็มที่ อารมณ์วัยรุ่นๆ

แต่พอมาขับรถคันนี้ผมรู้สึกว่า มันโตขึ้นครับ นอกจากจะคันใหญ่ขึ้น ออกตัวช้าลง(ไม่กล้ากดเต็มๆ รถมันพุ่ง) ผมรู้สึกว่าบุคลิกการขับมันไม่ทะโมนเหมือนเวลาขับรถ ญป มันเหมือนจะไปเรื่อยๆ นิ่งๆ ดุ่ยๆๆๆๆๆ ของมันไปอย่างงั้นอ่ะครับ พวงมาลัยหนัก(มาก) แต่คมกริบ เข้าโค้งได้แบบมันใจ ไม่มีหนีโค้ง(ผลจากขับล้อหลัง จะหนีโค้งก็เร่งขึ้นอีกหน่อย grip ก็มา)
นุ่ม.. กว่านิดหน่อย เรียกว่านุ่ม แต่ไม่นิ่มละกันครับ เวลาวิ่งขึ้นสะพานมันยืดตัวรับแล้วหดกลับทันทีแบบไม่ลอย (อาจจะเพราะตัวหนัก) แต่เวลาลงมา ไม่มีส่ายไปส่ายมา มันนิ่งอยู่อย่างงั้นแหละครับ แล้วก็ดุ่ยๆต่อ

จากที่ขับมารู้สึกว่า ตัวรถค่อนข้างเตี้ยครับ ทำหน้าครูดไปสองทีแล้ว ตอนลงทางชันๆครั้งนึง กับขึ้นที่จอด ctw อีกครั้งนึง สรุปว่า พื้นตรงไหนที่มีรอยรถครูดอยู่ เกร็งรอไว้เลย เต็มๆ!

รถคันนี้ตอนได้มาผมลืมเช็คลมยาง วิ่งไปๆ เอ๊ะทำไมมันหนืดๆ ไปลองเติมลม เอ่อะ 21 ทั้งสี่ล้อเลยครับ (เดิม recommend รถ 32/33) เติมน้ำมันกลับไปจากครึ่งถัง วิ่งไปได้ประมาณ 180 โล กับ 26L ประมาณ 6 กิโลลิตรครับ โอ่ย ซดไปไหน เวลาวิ่งนอกเมือง อยู่แถวๆ 90-100 นี่สังเกตว่าประหยัดน้ำมันกว่าเยอะครับ ที่ 120km/hr รอบอยู่ที่ประมาณ 2000 นิดๆเท่านั้นเอง แต่พอขับในเมืองรถติดๆนี่ น้ำมันลดฮวบๆๆๆๆ เลยทีเดียวครับ

สรุปว่า ถ้าอยากหา 280 มาใช้ โปรหาบ้านนอกเมือง แล้วย้ายที่ทำงานออกนอกเมืองด้วย จะเป็นพระคุณต่อรถและตัวท่านเอง

ส่วนเรี่ยวแรง ด้วยม้าอ้วนๆจากเยอรมัน 190 กว่าตัว + กับเกียร์ที่ฉลาดไม่เท่าไหร่ การออกตัวแล้วไต่ความเร็วเป็นไปแบบเนิบนาบ ยวบยาบ บางครั้งหากเร่งแซงต้องตบเกียร์ลงมาเป็นเกียร์สามบ้าง เพื่อให้เร่งทันชาวบ้าน แต่พอขึ้นถึง100km/hrเท่านั้น ม้าจะเริ่มตื่น - ไหลครับ ไหลยาว ไหลเรื่อยๆเลย ด้วยความที่รถเงียบ(เทียบกับรถเดิม) คุณจะรู้สึกตัวอีกทีที่เลขประมาณ 170+ ถ้าไม่หมั่นมองเกจ์วัด + ไม่สังเกตสิ่งรอบตัว ซึ่งปกติผมจะหมั่นมองเกจ์วัด พยายามไม่ให้เกิน 120 เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากถุงลมมีอยู่ใบเดียว คือสำหรับผม


ทิ้งประโยคคมๆจากคลิปไว้

"Nothing will make a driver more faithful to a car, than a car that's faithful to it's driver"

..... ขอพักไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ ..... ไว้มาคุยกันต่อวันหลัง (เรื่องจะเล่าหมดแล้ว แหะๆ)

[lamplas]

อ้อ เกือบลืม อุปกรณ์ประจำรถ กล่อง first aid ครับ

กล่องจะอยู่ตรงหลังเบาะหลังอันกลาง เปิดไปจะมีถุงนี้ใส่อยู่ ข้างในอันแน่นด้วย bandage, gauze 4x4, มีกรรไกรตัดไหมมาให้ 1 อัน มีแผ่นปิดแผ่นแปะแผล ซึ่งถึงตอนนี้น่าจะเสื่อมอายุไปแล้ว มี micropore(R) มาให้ด้วย นี่ถ้าเกิดมีใครเป็นอะไรข้างทาง เข้าไปช่วยทำแผลได้ทันทีเลยนะครับ

"เอ่อ... น้องครับ เจ็บตรงไหนครับ มาพี่ช่วยนะครับ" แหม่ หล่อซะไม่มีอะ

แต่!! มันไม่มียาฆ่าเชื้อใดๆใส่มาให้เลยครับ    แล้วจะทำแผลยังไงหล่ะครับพี่น้องง
แต่!!2 ถึงมันมียามาก็คงหมดอายุแล้วมั้ง ตั้งเกือบ 20 ปีแล้ว อุอุ

[Ishida]

ขอบคุณสำหรับ review มาก ๆ ครับ

สะดุดตาที่ตรงสวิชกระจกไฟฟ้าอ่าครับ มีแยกเป็นรูปกระจกซ้ายกับกระจกขวาด้วย !
สุดยอดจริง ๆ ครับหาไม่ได้แล้วใช่ไหมครับเนี่ย

[mongolias]

WDB แสดงว่าเป็นรถ Code B ครับผม

ผมชอบเจ้า W124 มากทีเดียว ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เพิ่มเติมนิด เผื่อจะ อยากปรับปรุงรถ หรือ หาความรู้เพิ่มเติม ลองเข้าไปที่ Benzowner.net ดูครับ เซียน W124 เพียบ

[arlao]

อ่าาา....ช่างเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะกับผมอะไรเช่นนี้
คือมีคุณอาจะขายรุ่นนี้ให้ ประมาณรถมรดก(แต่ไม่น่าจะยกให้ฟรี )
W124 E 280 น่าจะโฉมนี้เลยครับ เป็นรถจอดมากกว่าวิ่ง สภาพเก่าเก็บ คล้ายๆคันที่reviewเลยครับ
เจ้าคันนี้ผมเคยขับมาเมื่อเกือบ20ปีที่แล้ว จำได้ว่าเรี่ยวแรงดีมาก
จากเครื่อง6สูบเรียง2.8ลิตร ตอนนั้นไม่ต้องคิดเรื่องค่าน้ำมัน เพราะขับแป็บเดียว

ทีนี้พอคิดจะรับมา...คิดไปคิดมา ดีป่าวว้า...อยู่นี่ล่ะคับ
ปรึกษาเพื่อนที่ทำเต้นท์รถมือสอง มันก็ว่า ไม่ค่อยมีใครเล่น เพราะซดน้ำมัน

ที่คิดจะรับมาเพราะทราบประวัติรถว่า ใช้มือเดียว ไมล์ไม่น่าเยอะ และเจ้าของเดิมอายุมากแล้ว
ไม่ค่อยได้วิ่งไปไหน (น่าจะสยองค่าน้ำมันด้วยล่ะ) และกะจะมาไว้ใช้ที่ต่างจังหวัดครับ

อยากทราบเรื่องอัตราซดน้ำมันแบบละเอียดอีกครั้งครับ เพื่อพิจารณาว่า
จะเอามาวิ่งไปไหนดีบ้าง เช่น วิ่งสักสัปดาห์ละ1-2หน ไปตลาดไปวัด ที่เหลือจอด
-การดูแลรักษา มีอะไรต้องเอาใจหรือต้องระวังเป็นพิเศษบ้าง

ิเคยอ่านในreview น่าจะจากเวบนี้ ว่าควรเปลี่ยนบูทยางต่างๆยกเซ็ท
แล้วก็อยู่ต่ออีกยาวนาน

เอาเป็นว่าฝากรีวิวเยอะๆเลยครับ กำลังหาข้อมูลอยู่พอดี
ขอบคุณนะครับ


อ้อ...นึกออกเรื่องนึง เรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงครับ
- รุ่นนี้เติมGasohalได้หรือไม่ดีไม่ดีอย่างไรครับ

[lamplas]

WDB แสดงว่าเป็นรถ Code B ครับผม

ผมชอบเจ้า W124 มากทีเดียว ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เพิ่มเติมนิด เผื่อจะ อยากปรับปรุงรถ หรือ หาความรู้เพิ่มเติม ลองเข้าไปที่ Benzowner.net ดูครับ เซียน W124 เพียบ

เลขตัวถัง WDB1240xxxB < อันนี้ครับ ที่บอกว่า Code B
ถ้าโค้ด A จะเป็น  WDB1240xxxA
แต่ตัวรถผมดูเลขที่กระจกเป็นเลข 4 (ปี94) เลยคิดว่าน่าจะเป็น code B ตัวท้ายๆที่ทาง mb ไทยให้เอารถไปก่อนแล้วมาแปลงเป็น code c ฟรีตอนหลังน่ะครับ

แต่จะโค้ดอะไรก็ไม่ซีเรียสหรอกครับ  เพราะคงไม่ขายจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง รึซ่อมไม่ไหว เพราะงั้นรุ่นอะไรก็ไม่เป็นปัญหาเน้อออออ ~ เพราะถึงตอนนั้นราคาคงไม่หนีกันเท่าไหร่แล้วครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ เคยเข้าไปช่วงนึงแล้วลืมชื่อ เป็นบ้านที่อบอุ่นดีครับ แต่ไม่กล้าเข้าบ่อย กลัวโดนรมยา อิอิ

[lamplas]

ขอบคุณสำหรับ review มาก ๆ ครับ

สะดุดตาที่ตรงสวิชกระจกไฟฟ้าอ่าครับ มีแยกเป็นรูปกระจกซ้ายกับกระจกขวาด้วย !
สุดยอดจริง ๆ ครับหาไม่ได้แล้วใช่ไหมครับเนี่ย

อันนี้ไม่ทราบได้นะฮะ พอดีเคยขับอยู่ไม่กี่คัน แฮ่

แต่ปัญหามันอยู่ที่ กดลงเนี่ย ออโต้ลงจนสุดนะครับ แต่ดึงขึ้นเนี่ยมันไม่ออโต้อะสิ - -"

อ่าาา....ช่างเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะกับผมอะไรเช่นนี้
คือมีคุณอาจะขายรุ่นนี้ให้ ประมาณรถมรดก(แต่ไม่น่าจะยกให้ฟรี )
W124 E 280 น่าจะโฉมนี้เลยครับ เป็นรถจอดมากกว่าวิ่ง สภาพเก่าเก็บ คล้ายๆคันที่reviewเลยครับ
เจ้าคันนี้ผมเคยขับมาเมื่อเกือบ20ปีที่แล้ว จำได้ว่าเรี่ยวแรงดีมาก
จากเครื่อง6สูบเรียง2.8ลิตร ตอนนั้นไม่ต้องคิดเรื่องค่าน้ำมัน เพราะขับแป็บเดียว

ทีนี้พอคิดจะรับมา...คิดไปคิดมา ดีป่าวว้า...อยู่นี่ล่ะคับ
ปรึกษาเพื่อนที่ทำเต้นท์รถมือสอง มันก็ว่า ไม่ค่อยมีใครเล่น เพราะซดน้ำมัน

ที่คิดจะรับมาเพราะทราบประวัติรถว่า ใช้มือเดียว ไมล์ไม่น่าเยอะ และเจ้าของเดิมอายุมากแล้ว
ไม่ค่อยได้วิ่งไปไหน (น่าจะสยองค่าน้ำมันด้วยล่ะ) และกะจะมาไว้ใช้ที่ต่างจังหวัดครับ

อยากทราบเรื่องอัตราซดน้ำมันแบบละเอียดอีกครั้งครับ เพื่อพิจารณาว่า
จะเอามาวิ่งไปไหนดีบ้าง เช่น วิ่งสักสัปดาห์ละ1-2หน ไปตลาดไปวัด ที่เหลือจอด
-การดูแลรักษา มีอะไรต้องเอาใจหรือต้องระวังเป็นพิเศษบ้าง

ิเคยอ่านในreview น่าจะจากเวบนี้ ว่าควรเปลี่ยนบูทยางต่างๆยกเซ็ท
แล้วก็อยู่ต่ออีกยาวนาน

เอาเป็นว่าฝากรีวิวเยอะๆเลยครับ กำลังหาข้อมูลอยู่พอดี
ขอบคุณนะครับ


อ้อ...นึกออกเรื่องนึง เรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงครับ
- รุ่นนี้เติมGasohalได้หรือไม่ดีไม่ดีอย่างไรครับ

เติม โซฮอล95ผสมกับเบนซิน 3:1 บางทีก็เติมแต่โซฮอล

อัตรากินน้ำมันไม่เคยวัดจริงจังครับ เพิ่งได้รถมาอาทิตย์เดียว แต่บอกนิสัยการซดพอไหวครับ
เครื่อง 2800 i6 เกือบสองร้อยแรงม้า ตีนต้นเร่งสู่แคมรี่ไฮบริดไม่ได้ ยกเว้นรุ่นเกียร์ธรรมดาอาจพอฟัด?? (น่าจะฟัดเศษควัน) แต่ต้องเชนจ์เก่ง เลี้ยงคลัชเป็น แต่อย่ากระนั้นเลย คิดตะขับรถผู้ดี ต้องขับแบบผู้ดีๆครับ ไม่ต้องไปเร่งแข่งกะใคร วิ่งได้เนิบๆ เรื่อยๆ เอาเป็นว่า เกียร์โง่ครับ ไม่ค่อยคิกดาวน์ให้ ต้องตบเอาเอง แต่อย่าให้เกิน 100km/hr นะ มันไหลไม่รู้ตัวเลยครับ บรึ้นๆๆๆไปเรื่อยๆ

ข้อห้ามอย่างรุนแรงหากกังวลเรื่องน้ำมัน - ห้ามขับเข้าเมือง ห้ามไปสยาม ห้ามไปรัชโยธิน ห้ามพาเข้าห้างเช่นเซนทรัลที่รถติดๆ เนื่องจาก ... วันเสาร์ผมวิ่งไปสยาม แล้วไปแถวเกษตร ติดอยู่บนถนนทั้งหมด 2ชั่วโมงกว่า น้ำมันลดไป 1/4 ถัง กับ80กิโลเมตร (หายไปเกือบ600บาท โฮฮ)
เมื่อวานไปส่งเพื่อน ตอนดึกๆประมาณ40กิโลไปกลับ ขับเกินร้อยตลอด บางช่วงลืมดูมีถึง180 (ราชพฤกษ์&บรม) น้ำมันแทบไม่ลดเลยครับ

เรื่องเปลี่ยนนู่นนี่ พอดีคนขับคนก่อน คุณน้าผมทำไว้เกือบหมดแล้วครับ ท่านดูแลรักษารถดีมาก ที่เห็นในรูปว่าเงาๆก็คือเงาจริงครับ wax ล้วนๆ ล้อมันแผลบตลอด ค่าเสียหายคร่าวๆถ้าจะซื้อมาทำใหม่หมดน่าจะซื้อรถได้อีก1/3คัน+ (ประมาณ100กว่าๆใบเทา) ถ้าจะทำสีปะผุแบบเนี้ยบๆรอบคัน อาจเท่าซื้อรถอีกคันกันเลย ตามความเยิน แต่ อย่าคิดมากครับ รถมันดี คุ้มมมมม

เบนซ์ต้องวิ่งตลอด ต้องพามันไปออกกำลัง อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งคล้ายเลี้ยงหมาครับ ไม่งั้นจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจวายตาย สตาร์ทไม่ติดเอาดื้อๆนะ (จากที่เคยเห็น ปลาวาฬที่บ้านยาย ตายเพราะลืมพาไปเดินเล่นหลายอาทิตย์)


เกริ่นมาซะยาวยืด ขอถามกลับคำถามนึงครับ เดิมขับรถอะไร ไอ้ผมเนี่ย เดิมก็ขับรถเก่า 14-15กิโลลิตรนี่ไม่เคยรู้จักว่าเป็นไง ก็เลยไม่ตกใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเดิมขับไฮบริด 20โลลิตร สบายๆ ก็เหงื่อตกหน่อยนะครับ


ปล.ไปตามเว็บที่พี่ข้างบนแนะนำได้ครับ ก่อนจะเอามาขับผมก็หาข้อมูลจากเวปนี้แหละ มีปัญหาที่เจอบ่อยๆ แต่เวลาเข้าไป ลองหาก่อนนะครับ หลายๆคำถามมักโดนถามไปหลายรอบแล้ว
ปล.ระวังโดนรมยานะครับ

[Quadrifoglio Verde]

รถสวยจริงครับ ในมโนภาพผมมันเหมือนตอนผมอยู่ ม.ต้น ที่มันยังใหม่ๆเลย
เข้าใจเจ้าของคนเดิมเลย ว่าคงจะรักมาก

ปล.ไม่คิดจะขายต่อจริงๆเหรอครับ 

[YenChar]

รถสวยมากๆครับ
สวยจนไม่รู้จะสวยยังไงแล้ว ทั้งภายนอกภายใน
ดูแลดีมากๆๆๆๆๆ ครับ

[yod artstu]

โอย สวยจริงๆ สภาพดีมาก
เป็นรถอีกคันนึง ที่ set มาตรฐานการประกอบและวัสดุในใจผม
ว่า mercedes คันต่อๆไป คาดหวังว่าจะเห็นแบบ W124
และแล้วก็ไม่เจออีกเลยครับ

รถรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าลุง Merc คันนี้ ก็คงเป็น BMW E34
ที่สภาพภายในผิดกันลิบลับครับ BM ผมกำลังรื้อเปลี่ยนอะไหล่แบบแทบไม่เหลือของเดิม

แอบนึกไปว่า ถ้าทำ w124 คงจะไม่ต้องทำเยอะเท่า BM 

[rut191]

เคยได้ขยับรถรุ่นนี้ครั้งนึงครับเป็นรถลูกค้ามาติดต่องานที่ บริษัท นั่งมึนในรถเกือบ5นาทีตรงวิธีปลดเบรกมือครับต้องกลับไปถามเจ้าของอ๊ายอาย555

[lamplas]

ช่วงวันหยุดยาวก่อนมีโอกาสขับทางไกลไปพัทยามาครับ ไว้เดี๋ยวจะมารีวิวให้อ่านกันเพิ่ม




แวบมาแปะไว้ก่อนนะ :DD

[Slipknot`]

ขอบคุณครับ สวยคลาสสิก ตลอดกาลจริงๆ

[Teresa]

รถสวยมากๆเลยครับ  รถเจ้าของกระทู้ดูจาก vin code และมีออพชั่นปุ่น fader ลำโพง แสดงว่าเป็น โค๊ตบี ครับ

แต่ทางเบนซ์ธนบุรีน่าจะเรียกไปเฟสลิฟให้ฟรีครับ เพราะที่กระจกเป็นปี 94 (แปลว่าตัวท้ายๆของโค๊ตบี กำลังจะขึ้นโค๊ตซีเลย) 

อ้อ ขอแก้นิดนึง ในภาพเป็นลายไม้แบบ ซีปราโน่ นะครับ(ลายเส้นๆ) ไม่ใช่วอลนัท ถ้าวอลนัทจะเป็นลายวงๆ ซึ่งจะมากับรถประกอบนอกครับ

[bytebird]

คันของเจ้าของกระทู้น่าจะเป็น Code B ปีสุดท้ายก่อนจะเป็น C ครับ

บ้านผมเคยมี E280 W124 3คัน (พ่อผม 1 อา 1 ลุง 1) Code C หมด ไม่มีคันไหนมีลูกกลิ้งไว้ Fade เสียงลำโพงครับ
ส่วนสวิทซ์เลือกเกียร์ E / S นี่ถ้าจำไม่ผิดคู่มือรถบอกว่า S ไม่ใช่ Sport น่ะครับ แต่เป็น Economy / Standard ครับผม ทีแรกก็นึกว่า Sport เหมือนกัน
คันเร่งแข็งเพราะสปริงคันเร่งครับรุ่นนี้ทำมาแข็ง ตอนหลังผมให้อู่ที่รู้จักกันช่วยแก้ไขให้แข็งน้อยลงขับสบายเท้าขึ้นครับ แต่ต้องระวังในวันฝนตกหรือถนนลื่นเพราะถ้ากดคันเร่งแรงมีล้อฟรีน่ะครับ เหอะๆ
top speed ผมเคยทำได้ 220 km/hr ครับ 3 คันของที่บ้านผมนี่สั่งเพิ่มถุงลมนิรภัยข้างคนนั่งด้วยทำให้ไม่มีลิ้นชักเก็บของเลย เหลือแค่ฝาเลื่อนๆ ที่อยู่ระหว่างเบาะคู่หน้าเองครับ เป็นข้อเสียสุดๆ ของ W124 เลย ที่วางแก้วน้ำก็ไม่มี - -"

[Sinplug]

สภาพสวยมากครับ แสดงว่าดูแลมาดีตลอดที่ใช้งาน

[tjsajja]

ขอบคุณครับ สวยคลาสสิก ตลอดกาลจริงๆ

นอกเรื่อง มีใครเหมือนผมบ้าง เห็นแมวของท่านสมาชิกท่านนี้ แล้วตาจะเถลือกออกมาตามไปด้วย แหะๆ