ผู้เขียน หัวข้อ: ไปเที่ยว South Africa แล้วซื้อหนังสือ Top Gear ของ SA มา ลองมาดูราคากันครับ  (อ่าน 11439 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nyquist

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031

แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย


เทียบกับข้าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะครับ ข้าวเค้าผลิตไม่ได้

แต่รถยนต์เค้าผลิตได้เราก็ผลิตได้นะครับ รถส่วนใหญ่ก็ผลิตในประเทศทั้งนั้น

ผมว่าหลักๆเลยคือภาษีรถรวมถึงภาษีน้ำมันบ้านเรานี่แหละครับที่แพง แต่อย่างอื่นถูก

ออฟไลน์ Parinceo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,210

แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย


เทียบกับข้าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะครับ ข้าวเค้าผลิตไม่ได้

แต่รถยนต์เค้าผลิตได้เราก็ผลิตได้นะครับ รถส่วนใหญ่ก็ผลิตในประเทศทั้งนั้น

ผมว่าหลักๆเลยคือภาษีรถรวมถึงภาษีน้ำมันบ้านเรานี่แหละครับที่แพง แต่อย่างอื่นถูก

อ่ะครับ ผมแค่เปรียนเทียบให้เห็นชัดๆแค่นั้นแหละครับ

ภาษีน้ำมันแพงเพราะว่า ต้องเอาไปช่วยพลังงานทางเลือกอื่น ดีเซล E85 ฯลฯ
ส่วนภาษีรถที่แพงเพราะเราจ่ายรวดเดียวตอนออกรถเลย แต่ที่ต่างประเทศจ่ายเป็นปีแแพงแทน
ที่ผมไม่ชอบอย่างเดียวคือสเปก+ออพชั่นเรามักจะสู้เค้าไม่ได้ครับ

ออฟไลน์ Mark_UK

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 311
ดูไว้เป็นความรู้ รถอังกฤษ หรือเมกา ถูกเหมือนกันไม่เห็นแปลกครับ แต่ค่าตรองชีพหละ ค่ากินอยู่ ค่าอื่นๆ รวมถึงประกัน ลองบวกกลับเข้าไป ผมบอกเลย เมืองไทยถูกกว่าเยอะ หรืออย่างน้ำมัน เราก็อยู่กลางๆ เราไปเทียบกับประเทศที่ถูกกว่าก็ใจหายเป็นปกติครับ แต่หากเราไปเทียบกับประเทศที่แพงกว่า เราก็บอกว่า ก็ที่นั่นแพง หุหุ นานาจิตตัง  ลองดูสิงค์โปร์ก็ได้ กว่าคุณจะได้รถ 1 คัน ใช้เงินเท่าไหร่ ป้ายทะเบียนได้ยินว่าต้องเป็นมรดกแล้ว ไม่เพิ่มให้แล้ว หรือจะเอาใหม่น่าจะล้านกว่าๆ สำหรับทะเบียน มันมีอีกเยอะนอกจากราคารถอย่างเดียวครับ

ต้องมองให้ครบทุกมุมครับ
ที่อังกฤษ เมกา ค่าครองชีพอย่างอื่นสูงก็จริง แต่ต้องดูรายได้เขาด้วยนะครับ
เช่นอังกฤษ ค่าแรงขั้นต่ำ 6.19 ปอนด์/ชม. ผมก็แอบไปทำพาร์ทไทม์ประจำ คนทั่วไปทำงานแค่ 30 ชม./สัปดาห์ ก็อยู่ได้แล้วครับ
เมื่อเทียบรายได้กับค่าครองชีพและราคารถยนต์มันสมเหตุสมผล ทำงานสบายๆไม่ต้องดิ้นรนก็อยู่ได้สบาย มีเงินซื้อรถดีๆขับขี่สบายใจแล้วครับ

แต่เมื่อมองดูประเทศไทย ค่าแรงอันต่ำต้อยเตี้ยติดดินของเราเปรียบเทียบกับค่าครองชีพที่เราว่าถูกกว่าอังกฤษ ก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี ทำงานเดือนหนึ่ง ซื้ออะไรได้บ้าง?
ยิ่งถ้ามาเทียบกับราคารถของพี่ไทยที่แพงเว่อร์ๆ แรงงานขั้นต่ำอย่าหวังว่าจะหาซื้อรถมาขับกันได้ง่ายๆครับ ไม่ต้องรถยุโรปดีๆหรอก Eco Car ยังยากเลยคับ เหงื่อแทบกระเด็น

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,784
แพงเพราะเรายอมให้แพงครับ

ถ้าทุกคนไม่ซื้อก็ไม่แพงครับ

พอดีขายแพงแล้วคนยังแย่งกันซื้อ รอสี่ห้าเดือนเอาเงินเราไปก่อนก็เอา

บางรุ่นไม่เคยเห็นไม่เคยนั่งเห็นแค่ชื่อรุ่นก็จอง

แล้วจะขายถูกๆทำไม

อย่างเบนส์ไงครับถ้าลูกค้าไม่ซื้อไปออกเกรย์หมดสุดท้ายก็ต้องลดราคามาแข่ง



ในฐานะคนทำธุรกิจในวงการนี้และอื่นๆด้วยและลงทุนในหลายประเทศ
จะมาบอกว่าไอ้ความเชื่อว่าบ้านเราของถูกนั้นมันเก่าไปแล้ว

มองดูโครงสร้างแล้วจะพบว่าประเทศไทยมีต้นทุนในการประกอบธุรกิจสูงกว่าที่อื่น
ขณะที่ประสิทธิภาพต่ำกว่าด้วยครับ แถมนิติบุคคลไทยมีค่าใช้จ่ายทางภาษีสูงมากๆ
ทั้งหมดทั้งปวงผลมันก็ต้องกลับมาสะท้อนที่ราคาสินค้าครับจนตอนนี้ราคาสินค้าในประเทศไทยสูงมาก
ทั้งนี้มันเกิดจากโครงสร้างพื้นฐานของเราแย่และถูกบิดเบือนครีบ ทั้งเรื่องพลังงาน การขนส่ง ผังเมือง ราคาที่ดิน อัตราภาษี อีตราดอกเบี้ย สวัสดิการ
พวกนี้มองโดยรวมแล้วมันโดนบิดเบือนโครงสร้างครับ แต่ทันบิดเบี้ยวมานานจนไม่รู้จะแก้ยังไงและคนของเราก็เคยชินดิ้นรนกันอยู่ไปวันๆ

ทั้งนี้ไม่ใช่ที่อื่นจะดีไปเสียหมดมันก็มีข้อดีข้อเสีย ข้อดีเมืองไทยก็มีแต่มันดีกับใครคนกลุ่มไหนนั่นลองดูดีๆว่าทำไมคนบางกลุ่มรวยเอาๆ (ไม่ใช่แค่ในกลุ่มการเมืองเท่านั้นนะ)

ที่สำคัญสุดคือคนไทยเราเองไม่มีนิสัยปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวม เอาแต่ประโยชน์ส่วนตนเข้าว่า
เราเลยไม่มีการแข่งขันและกลไกลตลาดที่แข็งแรงพอ รวมถึงขนาดตลาดที่ไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
กลุ่มทุนอื่นๆมองแล้วไม่คุ้มที่ตะโดดมาเสี่ยงเพื่อส่วนแบ่งที่มูลค่าน้อย
มันเลยมีแต่เจ้าตลาดไม่กี่กลุ่ม กำหนดราคากันเองและกีดกันการแข่งขันได้ง่ายๆ

ขอให้มองว่าเป็นทุกวงการไม้ใช่แค่รถยนต์ครับ

นี่ยังไม่อยากกล่าวถึงสวัสดิการสังคมและระบบประกัน
ยิ่งบ่นยิ่งเหมือนคนแก่


ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ถ้าวัดที่ราคารถ ของไทยแพงกว่าอยู่แล้วครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
เป็นความรู้ดีครับ ในฐานะคนชอบรถยนต์ก็อิจฉาประเทศพัฒนาแล้วจริงๆที่ได้ใช้รถถูก

ที่ราคาต่างกันเพราะเรื่่องภาษีครับ บ้านเราไ่ม่เเก็บภาษีคนชั้นล่าง คนชั้นกลางเก็บไม่สูงมาก แต่เก็บคนรวยสูง แต่ก็เก็บภาษีน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วอยู่ดี

บ้านเมืองเราคิดว่าคนมีรถคือคนรวย เค้าจะรีดภาษีจากคนมีเงินไปพัฒนาประเทศครับ เช่นทำถนนหนทางเป็นต้น

ส่วนเรื่องน้ำมัน นี่มันแพงไปจริงๆ สำหรับความคิดผม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็แ้ล้วแต่ มันต้องยึดภาพรวมมากกว่าเสียงทางการเมืองเพื่อกลับมาครองอำนาจ (เป็นถูกรัฐบาล นั่นแหละครับเดี๋ยวนี้ื)



เห็นด้วยครับ เราไม่เก็บภาษีเลยจริงๆ

แม้แต่การทำงาน แรงงานนอกระบบก็ไม่เก็บภาษี ไม่หักประกันสังคม แต่มีสิทธิ 30 บ. ซึ่งผมว่ามันก็แฟร์ดีครับ

แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ต้องพยายามนำระบบราชการ กับ รัฐวิสาหกิจไปเข้า ประกันสังคมด้วย เป็นต้นครับ

คนชั้นล่าง เราก็เก็บในแบบ vat ไงครับ

ถ้าสมมติ เราเปลี่ยนการเก็บภาษีสรรพสามิตร จากเดิม เก็บครั้งแรกครั้งเดียว
สมมติว่า รถ 6 แสน เป็นภาษีซะ 150,000 ค่าตัวรถ 450,000
เปลี่ยนไปเก็บแบบ รายปี 5 ปี ปีละ 30,000
หรือสัก 8 ปี ปีละ 18,750
จะรับกันได้ไหม จ่ายภาษีเท่าเดิม แต่จ่ายเป็นรายปีแทน



ประเด็นนี้ผมก็รู้ VAT คือภาษีบริโภค ครับ แต่ผมมองแยกกันในแง่ภาษีเงินได้นะครับ

ส่วนเรื่องรถ ผมว่าแบบบ้านเรานี่แหละ ดีสุด ราคารถก็ไม่ตกมาก กำลังดี :D

ถ้าไปเก็บภาษีรายปี รถบ้านเราคงน้อยลงไปเยอะครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์

ภาษี สรรพสามิต TAX คำเดียวเลยครับที่ทำให้รถยนต์บ้านเราแพง

น่าเกลียดขนาดที่ว่า OEM ขายรถได้หนึ่งคัน ได้กำไร ยังไม่ถึงที่ รัฐบาลเก็บไปเลย 55555 เอาไปทำ ถนน ให้รถวิ่ง

ตัวอย่าง รถ B-Segment ขาย 600,000
มันมาจาก TAX 30 % , Vat 7 %

ราคา จริงจากผู้ผลิตตั้งคือ  431,345 x 1.3 x 1.07 = 600,000

อย่า โทษผู้ผลิตครับ มองไปที่ โครงสร้างภาษีบ้านเราเถอะ เรายอมเอง นี่ขนาดรถแพง ยัง ขับกันเต็มเมือง

คนมีรถ ไม่ใช่คนมีเงิน แต่ราคารถบ้านเรามันแพง ต้องมีเงินมากๆ จึงซื้อได้ 

เงินก็ไป ลง ธนสคารสถาบันการเงินหมด เพราะ ผ่อนได้ค้า
 

ออฟไลน์ Nyquist

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031

แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย


เทียบกับข้าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะครับ ข้าวเค้าผลิตไม่ได้

แต่รถยนต์เค้าผลิตได้เราก็ผลิตได้นะครับ รถส่วนใหญ่ก็ผลิตในประเทศทั้งนั้น

ผมว่าหลักๆเลยคือภาษีรถรวมถึงภาษีน้ำมันบ้านเรานี่แหละครับที่แพง แต่อย่างอื่นถูก

อ่ะครับ ผมแค่เปรียนเทียบให้เห็นชัดๆแค่นั้นแหละครับ

ภาษีน้ำมันแพงเพราะว่า ต้องเอาไปช่วยพลังงานทางเลือกอื่น ดีเซล E85 ฯลฯ
ส่วนภาษีรถที่แพงเพราะเราจ่ายรวดเดียวตอนออกรถเลย แต่ที่ต่างประเทศจ่ายเป็นปีแแพงแทน
ที่ผมไม่ชอบอย่างเดียวคือสเปก+ออพชั่นเรามักจะสู้เค้าไม่ได้ครับ

ดีเซลไม่ได้ชดเชยนะครับ
แต่น้ำมันที่เอาเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยคือ E20 และ E85 ครับ
ดีเซลที่ถูกเพราะเก็บภาษีและกองทุนน้อยที่สุด ราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมันแต่ละชนิดอยู่ที่ 21-25 บาทครับ

เห็นด้วยเรื่อง Option ครับ และการตั้งราคาที่แพงไปโดยเฉพาะรถรุโรป จะเห็นว่าช่วงใกล้ๆ เปลี่ยนโฉมลดที 4-5 แสน ซึ่งราคาที่ลดแล้วผมก็ไม่คิดว่าเค้าจะขาดทุนหรอกนะ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์

ใครบอก E85 กับ E20 ต้องชดเชยราคาครับ มันคือการบิดเบือนราคา โดยเอาค่า ชดเชยมาบิดเบือนต่างหาก
ข้างล่างคือราคาออกจากโรงกลั่นครับ ไม่มี ตัวเลข ชดเชน หลวกลวงใดๆ มาแจม
หากขายน้ำมันยุติธรรมกันทั้งประเทศ ราคา ทุกชนิดจะเท่าเทียมกัน
แต่ทำไมดีเซล ยังขายได้แค่ไม่เกิน 30 บาท ทั้งที่ ราคาหน้าโรงกลั่นไม่ต่างจากเบนซินเลย
E85 ใช้เอทานอล ต้องถูกยกเว้นภาษี สรรพสามิตด้วย และราคาจะต้องถูกที่สุดครับ
GASOHOL95 E10   26.1924
GASOHOL91   25.9746
GASOHOL95 E20   26.3077
GASOHOL95 E85   26.2026
H-DIESEL                   25.1535
ทุกวันนี้เบนซินรับภาระอยู่ครับ แต่กลับถูกอ้างว่าต้องชดเชย E20 ชดเชยยังไงครับ ราคาขายต่างกลับ หน้าโรงกลั่น 10 กว่าบาท ตัวเลขหลอกๆ ทั้งนั้นครับ
หากดูตามนี้ ที่ขายกว่าต้นทุนก็มีแค่ E85 ซึ่งจำนวนมันน้อยมาก
 

ออฟไลน์ seamonkey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 521
เห็นทุกท่านพูดถึงกันแต่รถแพง แต่ที่ผมยกมาเพราะอยากให้ดูว่ารถพวก Eco-car, B-seg, C-seg ราคาพอกับบ้านเราเลยครับ แสดงว่ารถ Eco-car, B-seg และ C-seg ทางบริษัทรถได้กำไรต่อคันไม่สูงมากนักและภาษีเราก็ใกล้เคียงกับต่างประเทศ
ในทางกลับกัน BMW, Benz, Porscheดันมีราคาต่างกันมาก ผมไม่ทราบว่าที่ต่างกันเพราะภาษีหรือกำไรที่ตั้งไว้ต่อคัน

สุดท้ายคุยกับน้องชายสรุปว่า "ซื้อ Eco-car, B-seg, C-seg ใช้ แม่งคุ้มสุดแล้วครับ เพราะผมมีเงินแค่นี้ HAHAHAHAHAHAHAHA"

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
เห็นทุกท่านพูดถึงกันแต่รถแพง แต่ที่ผมยกมาเพราะอยากให้ดูว่ารถพวก Eco-car, B-seg, C-seg ราคาพอกับบ้านเราเลยครับ แสดงว่ารถ Eco-car, B-seg และ C-seg ทางบริษัทรถได้กำไรต่อคันไม่สูงมากนักและภาษีเราก็ใกล้เคียงกับต่างประเทศ
ในทางกลับกัน BMW, Benz, Porscheดันมีราคาต่างกันมาก ผมไม่ทราบว่าที่ต่างกันเพราะภาษีหรือกำไรที่ตั้งไว้ต่อคัน
สุดท้ายคุยกับน้องชายสรุปว่า "ซื้อ Eco-car, B-seg, C-seg ใช้ แม่งคุ้มสุดแล้วครับ เพราะผมมีเงินแค่นี้ HAHAHAHAHAHAHAHA"
เพราะ ECO car ได้สิทธิพิเศษ ได้อัตรภาษีถูกกว่า รถประเภทอื่นครับ
ECO Car บ้านเรา กำหนดภาษีสรรพสามิตไว้คือ 17 %
รถเก๋งทั่ว ไป 30 % ครับ ต่างกันเยอะเลยละ
แต่รถกะบะCABบ้านเราถูกครับ โดนแค่ 20 %
กะบะดัดแปลง PPV ก็ 20 %
สี่ประตู ถูกสุดครับ โดนแค่ 12 % งงมะ ดังนั้นหากดูตามนี้ ราคารถที่ใกล้กับราคาจริงแถมซื้อได้คุ้มที่สุดคือ กะบะสี่ประตู
ใช้รถแพงไป ไม่คุ้มครับ ราคารถบ้านเรามันบ้าบอ เพราะ ภาครัฐครับ OEM ไม่เกี่ยวเรามัวแต่มาด่าผู้ผลิต จริงๆ ไม่ใช่เลย