///// กระทู้ BRIO กับปัดน้ำฝนหลัง ขอรบกวนให้เพลาลงนิดนึงครับ /////

PAN

วิศวกรที่เขาบอกว่าที่ปัดหลังไม่จำเป็นไม่มีก็ได้คงเงิบ55555



J!MMY

กำลังฮา คุณ Wayฯ

เล่นเอาเจ้าริงโกะ เหวอไปเลย

5555555555555555555555555

คนเค้ารู้หมดแร้วเพ่ แหม สาวแบบนี้ หื่น แบบนี้ เอ็งคนเดียวขัวร์ป้าด!



BG

ไหนๆแล้วถามในนี้เลย ผมไม่เคยจับรถแฮชแบคเลยสงสัยว่ากระจกตั้งฉากกับพื้นโลกน้ำฝนมันไม่ลงง่ายกว่ากระจกรถซีดานเหรอครับ ผมขับซีวิคไม่เห็นจะมีบ้างเลยเวลาฝนตกมันก็มองไม่เห็นเหมือนกันนี่

จินตนาการเวลารถวิ่งเร็ว รถพุ่งไปชนกับอากาศ อากาศก็จะพยายามแหวกออกให้รถผ่านไปได้ใช้มั้ยครับ
เหตุนี้ทำให้บริเวณหน้ารถมีความดันอากาศสูงกว่าปกติ

แต่ในขณะเดียวกัน บริเวณท้ายรถจะเกิดปรากฏการณ์ตรงกันข้าม คืออากาศที่ถูกแหวกออกไป มันพยายามจะกลับมาบรรจบกัน แต่ไม่ทัน ทำให้เกิดบริเวณที่ไม่มีอากาศ หรือความดันอากาศต่ำกว่าปกติ เมื่อไม่มีอากาศ ก็ทำให้ลมบริเวณรอบๆ ท้ายรถ พยายามไหลกลับมาเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว ละอองฝุ่นและน้ำที่ลอยอยู่ ก็ไหลย้อนกลับมาติดท้ายรถด้วยเหตุนี้แหละครับ

และยิ่งท้ายตัดมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดช่องว่างมากขึ้นเท่านั้น (ภาษเทคนิคเรียกว่า เกิด flow separation เร็ว) ลองดูภาพนี้ครับ sedan กับ hatchback



นอกจากนี้ ความต่างของความดันอากาศระหว่างด้านหน้า (สูง) กับด้านหลังรถ (ต่ำ) ยังทำให้เกิดแรงต้านขึ้นด้วย ยิ่งต่างกันมากก็ยิ่งต้านมาก จะว่าไปแล้วมันเป็น factor ที่สำคัญลำดับต้นๆ ที่มีผลกับค่า cd ก็เลยว่าได้ และเป็นเหตุผลว่าทำไม รถ Sedan จึงมักประหยัดน้ำมันกว่ารถ hatchback ในการทดสอบ รวมถึงทำ top speed ได้สูงกว่า

และยังเป็นเหตุผลว่าทำไมรถประหยัดน้ำมัน ต้องทำตูดประหลาดๆ  ยื่นๆ ยาวๆ ลาดๆ  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2013, 09:08:41 โดย BG »



superden

คราวนี้ยอดขายจะแซงมาร์ช?



perato.exa

กำลังฮา คุณ Wayฯ

เล่นเอาเจ้าริงโกะ เหวอไปเลย

5555555555555555555555555

คนเค้ารู้หมดแร้วเพ่ แหม สาวแบบนี้ หื่น แบบนี้ เอ็งคนเดียวขัวร์ป้าด!