นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล หรือ อีโคคาร์ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังศึกษาเพื่อที่จะเปิดเป็นระยะ (เฟส) ที่ 2 ภายใน 1 เดือนนี้ ว่า ขณะนี้ค่ายรถยนต์ต่างๆกำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาล ในเบื้องต้นคาดว่ารถยนต์ที่เหมาะสมจะทำอีโคคาร์ 2 จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี ซึ่งต่ำกว่าอีโคคาร์เฟสแรก ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,200 ซีซี
ทั้งนี้ จะทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร (กม.) และจะสอดรับกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 14% ดังนั้นภาพรวมราคาของรถรุ่นนี้หากออกมาใหม่ ราคาเฉลี่ยจะคล้ายกับรถยนต์คันแรก คือประมาณคันละ 4-4.5 แสนบาท
สำหรับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ในหลักการแล้ว ส.อ.ท.มองว่าถือเป็นนโยบายที่ดี แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ ให้เวลากับผู้ผลิต 5 รายเดิม ที่ได้เข้ามาลงทุนผลิตรถอีโคคาร์อยู่แล้วก่อน 8 ปี หรืออีโคคาร์ 2 ควรเกิดในปี 2561 เนื่องจากการลงทุนระยะแรกได้กำหนดให้มีการผลิตอีโคคาร์ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป แต่ละรายต้องมีการผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนคันต่อปี
ค่ายรถ 5 ราย ที่ลงทุนผลิคอีโคคาร์ในเฟสแรก ได้มีการเปิดขายรายแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งก็เท่ากับเพิ่งเริ่มไป 3 ปีเอง และโตโยต้าจะเปิดในสิ้นปี 2556 นี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปิดปีที่ 5 การผลิตก็จะต้องเป็นหลักแสนคันต่อปี แต่ละรายจะต้องลงทุนสูง ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมควรจะให้เวลากับค่ายรถก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเป็นธรรมต่อนักลงทุนนายศุภรัตน์กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า ค่ายรถยนต์ 5 ค่าย ได้แก่ โตโยต้า ,ฮอนด้า ,นิสสัน ,มิตซูบิชิ และซูซูกิ ซึ่งได้รับส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ในเฟสแรกไปแล้วนั้น ไม่เห็นด้วยที่จะประกาศส่งเสริมใหม่ในปี 2556 นี้ และสามารถขยายการลงทุนได้ทันทีปี 2557 เพราะเกรงว่าเงื่อนไขที่จะออกมาจะทำให้เกิดการเสียเปรียบ โดยเฉพาะค่ายโตโยต้าที่เปิดตัวอีโคคาร์ช้ากว่าค่ายรถยนต์อื่นๆ ขณะอีโคคาร์ 2 จะเอื้อให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ เช่น ฟอร์ด และมาสด้า เป็นต้น เข้ามาลงทุนในตลาดรถเล็กได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 สิงหาคม 2556 นี้ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส.อ.ท. จะเข้าพบนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เพื่อสอบถามถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุน ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะต้องการให้ทางบีโอไอดูแลผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยมากขึ้น
โดยขณะนี้มีผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอด้วย ทำให้อนาคตผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยจะอยู่อย่างลำบาก ดังนั้นการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ จึงควรจะพิจารณาเฉพาะกับชิ้นส่วนที่ไม่มีคนไทยผลิตเท่านั้น ขณะเดียวกันจะสอบถามถึงนโยบายอีโคคาร์ 2 ด้วย ซึ่งควรจะให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการไทยที่เป็นเอสเอ็มอีให้มากขึ้น
http://www.naewna.com/business/62909