ขอความรู้เรื่องใช้รถเทอร์โบหน่อยครับ

[ken_p]

คือมีรถติดเทอร์โบใช้อยู่สองคันครับแต่พูดตามตรงว่าไม่มีความรู้เรื่องเทอร์โบเลย จนได้มาดูคลิปของคุณเชงได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ที่สุดของแจ้ครับ เป็นไปได้อยากได้ความรู้เพิ่มจากนี้ครับ ผมมีคำถามคาใจอยู่หลายข้อคือ 1. คำว่าบูสต์นั้นที่บอกว่า 0.5 บาร์ หมายความว่าอะไรครับ แล้วหากอยากขับให้ประหยัดหลายท่ายบอกว่าอย่าให้บูสต์ จะดูอย่างไรว่าไม่บูสต์ (ผมมีมาตรวัดบูสต์ครับ) หรือดูอย่างไรว่าเทอร์โบทำงานแล้วหรือยัง 2. เห็นท่านที่แต่งรถแรงบอกว่าไปขยับบูสต์มันหมายความว่าอะไรหรือครับ แล้วเครื่องมันจะพังไหมครับ 3. แล้วที่เห็นว่าถ้าเทอร์โบบูสต์เกินลิมิตแล้วมันจะพัง (ควันไหล) มันคืออะไรหรือครับ แล้วผมต้องระวังอย่างไรครับ 3. แล้วรถผมมีเทอร์โบทามเมอร์ด้วยควรตั้งให้เป็นออโต้หรือตั้งเวลาตายตัวเช่น 1 นาทีหรือ 3 นาทีดีครับ และอื่นๆ ที่ผมคิดไม่ออกถ้าท่านใดมีความรู้ช่วยกรุณาแนะนำก็จะดีอย่างยิ่งครับ ใช้โดยไม่มีความรู้ก็กลัวมันพังครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

[popdemonic]

1.absolute pressure=atmospheric pressure(1บาร์)+boost pressure. 1บาร์=14,6ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
บูสต์0.5บาร์ หมายถึงเทอร์โบมันทำงานจะปั่นกี่หมื่นกี่แสนรอบก็ช่างเพื่อสร้างแรงดันในระบบไอดีตามแรงดันที่กำหนด
2.ขยับบูสต์ก็คือการไปเพิ่มแรงดันcharged pressureเข้าไปครับ หรือภาษาชาวบ้านก็คืออัดอากาศ ประจุอากาศเข้าไปมากขึ้น
 โดยหลักการมันทำให้รถมีกำลังมากขึ้น แต่ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดอีกหลายอย่างครับ รถบางคันทำได้ง่ายๆ
รถบางคันไม่สามารถแค่ไปยุ่งกับระบบฮาร์ดแวร์ได้อย่างเดียว ซอฟแวร์จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนควบคู่ไปด้วยรถรุ่นใหม่
ฮาร์ดแวร์มักถูกควบคุมสั่งการโดยซอฟแวร์ เพราะฉะนั้นการไปปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์อย่างเดียวอาตไม่เกิดประโยชน์หรือ
เกิดโทษได้ครับ ยกตัวอย่างง่ายๆเวสเกต คือตัวควบคุมแรงดันหรือการทำงานของเทอร์โบ รถรุ่นใหม่ๆไม่ได้ใช้แค่
ค่าความแข็งของpreload springในเวสเกตในการควบคุมเพียงอย่างเดียว สมัยโบราณเราไปเพิ่มแรงดันโดยปรับ
ให้Preload spring แข็งขึ้นทำให้ไอเสียผ่านเข้าไปปั่นเทอร์ไบน์มากขึ้น เทอร์โบก็ปั่นเร็วขึ้น สร้างแรงดันได้สูงขึ้น แต่ปัจจุบัน
รถยนต์จะมีโซลินอยด์ไฟฟ้ามาควบคุม การทำงานโดยอาศัยการวัดแรงดันว่าถึงเป้าที่ต้องการแล้วหรือยังจากนั้นจะส่ง
แรงดันเข้าไปใต้ห้องเวสเกตให้ไปช่วยยกตัวของวาล์วซึ่งมีpreload springกดไว้อยู่ เพราะฉะนั้นต่อให้เราไปปรับสปริง
ให้แข็งยังไง ตัวโซลินอยด์ก็จะพยายามส่งแรงดันเข้าไปยกตัววาล์วให้จนได้ ให้มันสามารถควบคุมแรงดันตามที่ecuกำหนด
เว้นเสียแต่เราไปเพิ่มความแข็งของสปริงมาปจนเกินกว่าที่โซลินอยด์จะทำงานสู้ไว้ ecuก็จะdetectแล้วปรับเข้าsafe mode
เพื่อป้องกันแรงดันสูงเกินทำความเสียหายให้ชิ้นส่วนอื่นๆ อันนี้คือภาพรวมการทำงานคร่าวๆ
3.พังไม่พัง อยู่ที่เท้าบูสต์เท่าเดิมพังคาเท้าก็มีให้เห็น บูสต์หนักไม่พังก็มีไม่น้อย วิธีการถนอมเทอร์โบในคลิป
  พี่แพนบอกไว้แล้วครับ ที่พอจะยืดได้ก็น้ำมันเครื่องหมั่นเปลี่ยน หมั่นถ่าย กรองอากาศหมั่นเป่า ฝุ่นเพียงเล็กเท่าธุลี
หากหลุดเข้ทไปแค่เม็ดเดียวสามารถทำเทอร์โบทั้งลูกพังได้ แค่ใบแหว่งนิดเดียว สร้างความเสียหายได้มหาศาล
เพราะเทอร์โบหมุนเร็วหลายหมื่นจนถึงแสนรอบ ถ้าใบไม่บาลานซ์แค่นิดเดียวสามารถทำลายชุดกันรุน(thrust bearing)
ในระยะไม่นานครับ ข้างในมันเป็นบู้ชเกือกม้า และซีลกันน้ำมันหัวท้าย หากเสีย หรือตายควันจะไหล พวกนี้ทำงาน
แบบDynamic sealed ตัวแกนยิ่งหมุน ตัวซีลยิ่งซีลของเหลว(น้ำมันเครื่อง)ดีขึ้น  ไทม์เมอร์มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร
เหมือนคนบ้านอยู่ติดรถไฟฟ้า จะมีรถเก๋งไว้ขับก็ได้ ไม่มีก็ขึ้นรถไฟฟ้าเอาสะดวกดี เพียงแค่เบาๆหน่อยก่อนดับเครื่อง
ตามคลิปพี่แพนบอกครับ พิมพ์ผ่านI5นะครับคำผิด ก็ข้ามไปแล้วกันนิ้วโป้งผมจิ้มลำบาก

[golf32]

ตอบตามความรู้งูๆปลาๆของผมนะครับ

ข้อ 1 โดยปรกติเครื่องยนต์รถจะทำงานโดยนับจังหวะเป็น 4 จังหวะครับคือ ดูด อัด ระเบิด คาย การมีเทอร์โบเข้าไปเสริมจังหวะดูดจะกลายเป็นแรงดันของเทอร์โบ ที่อัดอากาศเข้าไปช่วยในจังหวะดูดครับ ทีนี้ที่ว่าบูสต์ 0.5 บาร์คือแรงดันที่ไหลเข้าไปทางด้ายไอดีครับ

หน่วยโดยทั่วไปจะนับเป็น ปอนด์กับ บาร์ ครับ 1 บาร์จะเท่ากับ 14.7 ปอนด์มั๊งครับถ้าผมจำไม่ผิดเพราะฉะนั้นบูสต์ 0.5 บาร์คือแรงดันประมาณ 7-8 ปอนด์ครับ

ทีนี้มาถึงเรื่องที่ว่าจะขับให้ประหยัดอย่าให้บูสต์ ถ้าที่รถมีเกจ์วัดบูสต์อยู่ง่ายๆครับพยายามอย่าให้เข็มวิ่งเกินเลข 0 ครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกจ์วัดบูสต์ก้มีของทั้งเครื่องเบนซิลและดีเซลโดยส่วนใหญ่ของเครื่องดีเซลจะเริ่มนับตั้งแต่ 0 แต่ของเครื่องเบนซิลจะมีรายละเอียดในส่วนของค่า แวคคั่ม มาด้วยครับเลยจะเริ่มจากตัวเลขติดลบ

ข้อ 2 การขยับบูสต์คือ เพิ่มแรงดันของเทอร์โบให้สูงขึ้นครับเช่นจาก 0.5 เป็น 1.0 บาร์ รถก็จะมีความแรงมากขึ้นครับ

ส่วนที่ว่าจะพังไหมอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเพิ่มบูสต์มากขึ้นแค่ไหนครับ เพราะถ้าเป็นไส้ในเดิมๆ บูสต์ปรกติพังยากครับเพราะเค้าคำนวนมาแล้วว่ารองรับการใช้งานได้นานถ้าไม่เพิ่มบูสต์จะมากเกินไป

ส่วนเทอร์โบที่มาจากโรงงานขนาดจะพอดีกับแรงบูสต์ที่มาจากโรงงานครับ

ยกตัวอย่างครับผมเคยใช้ Golf GTI ตัว MK4 เทอร์โบเดิมๆ kkk k03 ตัวเล็กมากครับบูสต์สูงสุดได้ประมาณ 12 ปอนด์เคยคิดว่าจะปรับจูนให้แรงขึ้นแต่พอหาข้อมูลมากขึ้นก็พบว่า software ใหม่จะบูสต์สูงขึ้นจาก 0.5 เป็น 1.0-1.5 บาร์ ผมเลยไม่อยากเสี่ยงครับเพราะมันจะไม่จบแค่นั้น เทอร์โบก็จะพังเร็วขึ้นถ้าอัดหนักๆบ่อยๆ คลัชท์ก็อาจจะลื่นตามมา

ข้อ 4 ถ้าคุณไม่อัดมาหนักๆแล้วจอดรถดับเครื่องเลย timer ก็ไม่จำเป็นครับ ง่ายๆที่สุดคือหลังจากอัดมาหนักๆขับแล้วบูสต์ต่อเนื่องมาระยะหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นขับช้าๆก่อนที่จะจอดครับ โดยปรกติคนส่วนใหญ่คงไม่ค่อยมีใครอัดรถเข้าบ้านหรอกครับก็ขับเรื่อยๆช้าก่อนถึงบ้านทั้งนั้นแต่ถ้ารู้สึกว่าไม่พอคุณก็ติดเครื่องไว้สัก 1-2 นาทีโอ้เอ้หยิบของแล้วค่อยดับเครื่องก็ได้ครับ แล้วก็อีกอย่างตอนสตาร์ตก็สำคัญพอกันครับ คือสตาร์ตทิ้งไว้สักหน่อยสัก 30 วินาทีแล้วค่อยขับรถออกครับเพื่อที่น้ำมันเครื่องจะได้เข้าไปหล่อลื่นแกนเทอร์โบ

สูตรผมคือ สตาร์ตเครื่องโอ้เอ้สัก 1-2 นาทีแล้วค่อยออกรถ ขับเรื่อยๆอย่าเพิ่งกดคันเร่งมิดหรือใช้รอบสูงจน เข็มความร้อนขึ้นมาถึงอุณหภูมิครับ ยิ่งถ้าอากาศเย็นๆก็สัก 10 นาทีแล้วก็กดคันเร่งตามสบายเลยครับ

ปล ทั้งหมดคือที่ผมรู้อาจถูกหรือผิด ถ้าผู้รู้คิดว่าผิดรบกวนแก้ให้ผมด้วยครับยินดีรับความรู้เพิ่มครับ

[ken_p]

ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกมากมาย จะได้รู้เสียทีว่าของที่เราใช้อยู่มันเป็นอย่างไรจะได้ใช้ถูกวิธีครับ

[rocky55555]

ที่เค้าบอกกันว่ารถที่มีเทอร์โบห้ามดับเครื่องทันที
คือมันต้องอัดหนักๆจริงๆครับเช่นอัดในสนามลาก redline ตลอดแล้วจอดดับเครื่องเลยรับรองกลับบ้านเก่าแน่
แต่ถ้าขับทั่วๆไปแทบไม่จำเป็นรถเดิมๆไม่ได้ไปแต่งแรงผมว่ามันทนมากเลยนะ  ถ้าชิ้นส่วนไม่ได้ผิดปกติจากโรงงานขับพังคาเท้านี่เก่งมาก