ผู้เขียน หัวข้อ: เห็นสเปคเทียน่าแล้ว สงสัยว่า คัมรี่ที่ผ่านมาจะฟันกำไรไปเท่าไหร่  (อ่าน 5584 ครั้ง)

ออฟไลน์ ottojud

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 217
    • อีเมล์
เพราะดูจากสเปคแล้วราคาแล้ว ถือว่า คัมรี่ ให้น้อยมากถึงมากที่สุด ที่ผ่านๆมาฟันกำไรไปพุงกางเลยมั้งครับ โตโยต้า ไทยแลนด์

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ต้นทุนจริงๆมันน้อยนิดครับ(ไม่นับค่าวิจัย หรือ ความต้องการกำไร)

มันมีให้เห็นหลายเคส เช่นford focus ทั้งขายน้อย และoptionเต็ม ราคาไม่แพงแบบคู่แข่งด้วย  ทำไมอยู่ได้

หรือเคส mazda3 ตัวเก่าที่นำเข้ามา ก็ไม่ได้ขายแพงกว่าตัวที่ผลิตที่ไทยเลย สะท้อนว่าต้นทุนไม่ได้มีผลกับราคาขายโดยตรงเลย

ผมว่ารถยนต์ในไทยเริ่มมีอะไรที่ดีมากขึ้น ราคาเริ่มนิ่งตัวและอ๊อฟชั่นเริ่มมากขึ้น  ไม่แน่ใจว่า aec จะเกี่ยวกับส่วนนี้ด้วยรึเปล่า



ออฟไลน์ boneshiro

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 460
  • M Power Addicted
    • อีเมล์
โรงงานผลิตเกือบทุกประเภท ถ้ากำไรไม่เป็น 100-200% ขึ้น ทำไปก้อไม่คุ้มครับ ไปเป็น distributor ดีกว่า ฉะนั้นโรงงานผลิตรถยนต์กำไรเยอะอยู่แล้ว ลองคิดดูว่าราคารถยนต์ที่ญี่ปุ่นมันถูกขนาดไหน เค้ายังกำไรกันได้ แล้วราคารถประกอบในประเทศอย่างเราราคาเป็นยังไง  เพียงแต่ว่า Camry น่าจะกำไรเยอะกว่า Teana ครับ
M power Thailand
M5 e60 V10

ออฟไลน์ Nyquist

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031
ผมว่าพวก BMW Benz น่าจะฟันกำไรต่อคันเน้นๆ

ดูราคาเทียบกับต่างประเทศ หรือผู้นำเข้าอิสระแล้วยิ่งตอนลดราคา ลดที 3-4 แสน

นี่ขนาดประกอบในประเทศนะครับ


ออฟไลน์ lifeonmap

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 101
กำไรคงเยอะอยู่นะครับ แต่พี่โตขึ้นชื่อเรื่องกั๊ก option อยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 25, 2013, 12:32:36 โดย lifeonmap »

ออฟไลน์ fishfinger

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 868
กำไรเยอะจริงแต่ค่าโฆษณาก็เยอะครับ toyota

เช่นvios ทั้ง ทีวี วิทยุ แต่เห็นในท้องถนนไม่เยอะเลยนะ

ออฟไลน์ ghia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 346
  • the power of bear
    • อีเมล์
อยู่ที่ว่าจะมองกำไรในมุมไหนครับ

แต่เอาจริงๆแล้วรถคันนึงเทียบกับราคาที่ขายปลีกแล้วกำไรไม่เยอะหรอกครับ

อาจจะเห็นว่ารถระดับเดียวกันให้ออพชั่นเยอะกว่า แต่ขายราคาถูกกว่า ออชั่นที่เพิ่มมาคิดเป็นต้นทุนจริงๆแล้วมันเพิ่มไม่เท่าไหร่หรอกครับ

ระบบพื้นฐานทั้งหมดมันมีเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วแค่ติดเซ็นเซอร์เพิ่มบางตัว กับปุ่มกดสำหรับสั่งงานอีกนิดหน่อย

ส่วนซอฟท์แวร์เค้ามีเป็นยูนิตเตรียมไว้อยู่แล้ว อยากได้อะไรก็เอามาต่อเพิ่ม อาจจะมีค่าลิขสิทธิ์อีกนิดหน่อย

ราคาท่ีตั้งไว้ส่วนหนึงเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการทำส่วนลด การทำโปรโมชั่น


กำไรที่ได้จากตัวรถส่วนหนึ่งจะต้องเอาไปใช้ในเรื่องอื่นเพิ่มเติมด้วยครับ

การพัฒนาเครือข่ายศูนย์บริการ (เราจ่ายเงินเพื่อให้เรามีบริการที่ดีขึ้น ทั่วถึงขึ้น และเอาใจเรามากขึ้น)

การโฆษณา (เราต้องจ่ายเงินเพื่อให้เค้าทำให้เราอยากซื้อ)

CSR (เราจ่ายเงินเพื่อทำให้เรารู้สึกดีว่าซ์้อของจากคนที่เหมือนจะช่วยเหลือสังคม)


ส่วนเรื่องพวกโบนัสพนักงานอะไรนี่อยู๋ที่ความสามารถของแต่ละส่วนงานครับว่าสามารถเพิ่มproductivityของตัวเองได้ขนาดไหน

???????????? ??????????? ????????????????? ????????????????????? ??????????????????? ???????????????? ?????????????????????? ???????????????????? ???????????????? ???????????????? ????????????????? ??????????????????

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
อยู่ที่ว่าจะมองกำไรในมุมไหนครับ

แต่เอาจริงๆแล้วรถคันนึงเทียบกับราคาที่ขายปลีกแล้วกำไรไม่เยอะหรอกครับ

อาจจะเห็นว่ารถระดับเดียวกันให้ออพชั่นเยอะกว่า แต่ขายราคาถูกกว่า ออชั่นที่เพิ่มมาคิดเป็นต้นทุนจริงๆแล้วมันเพิ่มไม่เท่าไหร่หรอกครับ

ระบบพื้นฐานทั้งหมดมันมีเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วแค่ติดเซ็นเซอร์เพิ่มบางตัว กับปุ่มกดสำหรับสั่งงานอีกนิดหน่อย

ส่วนซอฟท์แวร์เค้ามีเป็นยูนิตเตรียมไว้อยู่แล้ว อยากได้อะไรก็เอามาต่อเพิ่ม อาจจะมีค่าลิขสิทธิ์อีกนิดหน่อย

ราคาท่ีตั้งไว้ส่วนหนึงเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการทำส่วนลด การทำโปรโมชั่น


กำไรที่ได้จากตัวรถส่วนหนึ่งจะต้องเอาไปใช้ในเรื่องอื่นเพิ่มเติมด้วยครับ

การพัฒนาเครือข่ายศูนย์บริการ (เราจ่ายเงินเพื่อให้เรามีบริการที่ดีขึ้น ทั่วถึงขึ้น และเอาใจเรามากขึ้น)

การโฆษณา (เราต้องจ่ายเงินเพื่อให้เค้าทำให้เราอยากซื้อ)

CSR (เราจ่ายเงินเพื่อทำให้เรารู้สึกดีว่าซ์้อของจากคนที่เหมือนจะช่วยเหลือสังคม)


ส่วนเรื่องพวกโบนัสพนักงานอะไรนี่อยู๋ที่ความสามารถของแต่ละส่วนงานครับว่าสามารถเพิ่มproductivityของตัวเองได้ขนาดไหน


อันนี้เห็นด้วยครับ
ในความรู้สึก Toyota และ Honda ดูทำอะไรให้สังคมมากกว่า Nissan นะครับ Nissan ออกแนวไปเที่ยว เสียตังมากกว่า
แต่มันก็เอากำไรเกินควรมานานแล้วครับ

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
ค่าพัฒนาศูนย์บริการ เจ้าของศูนย์ออกเองนี่ครับ
คุยกับเจ้าของศูนย์จันทบุรี เค้าบอกออกเองครับ
แต่ต้องทำตามแบบของ TMT
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ Amj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 480
อยู่ที่ว่าจะมองกำไรในมุมไหนครับ

แต่เอาจริงๆแล้วรถคันนึงเทียบกับราคาที่ขายปลีกแล้วกำไรไม่เยอะหรอกครับ

อาจจะเห็นว่ารถระดับเดียวกันให้ออพชั่นเยอะกว่า แต่ขายราคาถูกกว่า ออชั่นที่เพิ่มมาคิดเป็นต้นทุนจริงๆแล้วมันเพิ่มไม่เท่าไหร่หรอกครับ

ระบบพื้นฐานทั้งหมดมันมีเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วแค่ติดเซ็นเซอร์เพิ่มบางตัว กับปุ่มกดสำหรับสั่งงานอีกนิดหน่อย

ส่วนซอฟท์แวร์เค้ามีเป็นยูนิตเตรียมไว้อยู่แล้ว อยากได้อะไรก็เอามาต่อเพิ่ม อาจจะมีค่าลิขสิทธิ์อีกนิดหน่อย

ราคาท่ีตั้งไว้ส่วนหนึงเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการทำส่วนลด การทำโปรโมชั่น


กำไรที่ได้จากตัวรถส่วนหนึ่งจะต้องเอาไปใช้ในเรื่องอื่นเพิ่มเติมด้วยครับ

การพัฒนาเครือข่ายศูนย์บริการ (เราจ่ายเงินเพื่อให้เรามีบริการที่ดีขึ้น ทั่วถึงขึ้น และเอาใจเรามากขึ้น)

การโฆษณา (เราต้องจ่ายเงินเพื่อให้เค้าทำให้เราอยากซื้อ)

CSR (เราจ่ายเงินเพื่อทำให้เรารู้สึกดีว่าซ์้อของจากคนที่เหมือนจะช่วยเหลือสังคม)


ส่วนเรื่องพวกโบนัสพนักงานอะไรนี่อยู๋ที่ความสามารถของแต่ละส่วนงานครับว่าสามารถเพิ่มproductivityของตัวเองได้ขนาดไหน



ผมเห็นด้วยนะ แต่ไม่ทั้งหมด

อยากให้ดูรถค่าย isuzu ดูออฟชั่นความปลอดภัยที่ให้มาของดีแม็กเทียบวิโก้ก็ิกินขาดละ
แล้วถ้าตัว Mu-X ออกมาออฟก็กินฟอร์อีก (หน้าตาไม่นับ)

แต่ isuzu เขาก็มีเงินพัฒนาศูนย์บริการหลังการขายได้ดีไม่แพ้กันนะครับ

ออฟไลน์ Lertvarit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
คงฟันไปมากกว่าค่ายรองพอควร. เครื่อง เกียร์ ( 2.0 ) เดิมๆ ไม่ต้องมีค่าพัฒนา ออฟชั่นจุกจิกที่น้อยกว่ามาก

แต่ในเมื่อมันขายได้ แล้วจะเสียเงินค่าพัฒนาไปทำไม คนไทยก็ยังซื้อกันตรึมๆ :-\

แต่ผมว่าก็ยังไม่ฟันหัวแบะแบบค่ายยุโรป ตอนผมออก 520d sport  ได้ส่วนลด+ของแถมร่วม6แสนบาท

ลดขนาดนี้ยังกำไร แสดงว่าต่อคันคงได้ร่วมล้านบาทเลยทีเดียว
FD 1.8 + ACV40 Hybrid + E90 LCI 320d sport 
And My new stuff  E60 LCI 520D sport

ออฟไลน์ Nlight

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 764
  • พิมพ์ผิดประจำ
ถ้าเอารถเพียวๆน่ะใช่ แต่ประกอบด้วยค่าการตลาด การบริการ การบริหาร อื่นๆ.......... มันอาจไม่มากอย่างที่คิดหรอกครับ

ผมจำไม่ผิดปีที่ GM ก่อนหน้าปีนึงที่จะโดน Toyota ล้มแชมป์ยอดขายทั่วโลก ปีนั้น Toyota เป็นแชมป์กำไลนะครับ คือขายได้น้อยกว่าแต่กำไลมากกว่า

แต่ว่าปัจจุบันกำไลของโตมัน ค่อยๆน้อยลงเพราะ คู่แข่งมากค่าการตลาดที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ ChaiBC

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 75
ผมมองว่าต้นทุนรถไม่สูงนะของโตต้า เพราะ ส่วนใหญ่ เครื่องเดิม เกียร์เดิมใช้ยันลูกบวช(อาจจะดีจริง)

ส่วนที่มองว่าเอามาทำ CSR อันนั้นมันน่าจะเอามารวมเป็นต้นทุนหลักนะครับ..  เพราะมันคือการคืนกำไรให้สังคม

ไม่ใช่ลดต้นทุนเพราะต้องทำ CSR อันนี้ผมว่ามันไม่ใช่แระ....

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
ถ้าเอาราคาตอนเปิดตัวเลย ไม่มีลด ไม่มีแถม น่าจะซัก 50:50

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,709
    • อีเมล์

เคยได้ยินมาว่าต้นทุนของ D-seg อยู่ที่หลักแสนต่อคัน น่าจะ 6-7 แสน นี่เครื่องเดิมเกียร์เดิม ออปชันตัดแหลก คงจะสัก 6 แสน
แล้วราคาอยู่ที่ล้านสาม คิดว่าจะได้เท่าไหร่ละครับ

1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ Highway Star

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
อยู่ที่ว่าจะมองกำไรในมุมไหนครับ

แต่เอาจริงๆแล้วรถคันนึงเทียบกับราคาที่ขายปลีกแล้วกำไรไม่เยอะหรอกครับ

อาจจะเห็นว่ารถระดับเดียวกันให้ออพชั่นเยอะกว่า แต่ขายราคาถูกกว่า ออชั่นที่เพิ่มมาคิดเป็นต้นทุนจริงๆแล้วมันเพิ่มไม่เท่าไหร่หรอกครับ

ระบบพื้นฐานทั้งหมดมันมีเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วแค่ติดเซ็นเซอร์เพิ่มบางตัว กับปุ่มกดสำหรับสั่งงานอีกนิดหน่อย

ส่วนซอฟท์แวร์เค้ามีเป็นยูนิตเตรียมไว้อยู่แล้ว อยากได้อะไรก็เอามาต่อเพิ่ม อาจจะมีค่าลิขสิทธิ์อีกนิดหน่อย

ราคาท่ีตั้งไว้ส่วนหนึงเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการทำส่วนลด การทำโปรโมชั่น


กำไรที่ได้จากตัวรถส่วนหนึ่งจะต้องเอาไปใช้ในเรื่องอื่นเพิ่มเติมด้วยครับ

การพัฒนาเครือข่ายศูนย์บริการ (เราจ่ายเงินเพื่อให้เรามีบริการที่ดีขึ้น ทั่วถึงขึ้น และเอาใจเรามากขึ้น)

การโฆษณา (เราต้องจ่ายเงินเพื่อให้เค้าทำให้เราอยากซื้อ)

CSR (เราจ่ายเงินเพื่อทำให้เรารู้สึกดีว่าซ์้อของจากคนที่เหมือนจะช่วยเหลือสังคม)


ส่วนเรื่องพวกโบนัสพนักงานอะไรนี่อยู๋ที่ความสามารถของแต่ละส่วนงานครับว่าสามารถเพิ่มproductivityของตัวเองได้ขนาดไหน


หลายแสนแหละครับ ไม่งั้นจะลดเป็นแสนได้หรือใครจะยอมขายขาดทุน ส่วนพวกค่าโฆษณานู่นี่หรือความสะดวกสบายเมื่อไปใช้บริการก็เงินเรานั่นแหละครับ
ส่วนcsrถามว่าดีมั้ยก็ดีนะคืนกำไรให้สังคม แต่อันที่จริงก็เงินเราอีกนั่นแหละ แต่ที่เค้าต้องทำเพราะมันเอาไปหักภาษีได้บวกกับได้หน้าอีกด้วย

ออฟไลน์ mick

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,547
กำไรเละครับ ดูจากโบนัสพนักงานโตโยต้าได้
สงสัยจะใช้ Lean production มา Lean options และ Lean customer satisfaction จนไม่เหลือะไร


ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
กำไรเละครับ ดูจากโบนัสพนักงานโตโยต้าได้
สงสัยจะใช้ Lean production มา Lean options และ Lean customer satisfaction จนไม่เหลือะไร



ถูกใจครับ ลีนออฟชั่น 555+

ออฟไลน์ AMG GT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,961
กินว่าน่าจะกินจนอิ่มแล้วแหละ  แตถ้าผมเป็นผู้บริหาร Toyota  ผมจะใส่ option มาแบบจัดเต็มตั้งแต่ทีแรก เพราะว่า แแบรนด์ก็ดี  อะไรก็ดี    คือถ้าใส่มาตั้งแต่ตอนแรกลูกค้าก็ไม่หายครับ