"บีเอ็ม-โฟล์ค"ชำเลืองอีโคคาร์เฟส2 "BOI"เรียกผู้ประกอบการเฟสแรกเคลียร์ปมลงทุน
"บีโอไอ" เผยค่ายรถยนต์รายใหม่สนใจร่วมอีโคคาร์ 2 เพียบ ทั้งฟอร์ด, มาสด้า, จีเอ็ม, ออโต้อัลลายแอนซ์, ทาทา, โฟล์ค แย้มฝั่งรถหรู บีเอ็มฯ, วอลโว่ ก็สน ด้าน 5 ค่ายแรกระบุเงื่อนไขยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนการผลิตที่ 4 แสนคัน และภาษี 14%
นายอุดม วิวัฒนไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ "บีโอไอ" เปิดเผย ภายหลังจากเชิญบรรดาค่ายรถยนต์ที่มีความสนใจเข้าร่วมอีโคคาร์โครงการ 2 ว่า มีผู้สนใจเข้าร่วมหารือกว่า 10 ราย ได้แก่ 5 ค่ายเดิม คือ นิสสัน, โตโยต้า, ฮอนด้า, มิตซูบิชิ และซูซูกิและรายใหม่ อาทิ มาสด้า, ฟอร์ด, ออโต้อัลลายแอนซ์, เชฟโรเลต, ทาทา และเอ็มจี นอกจากนี้ยังมีค่ายรถที่แสดงความสนใจ แต่ไม่ได้เข้าร่วมหารือในครั้งนี้คือ บีเอ็มดับเบิลยู, โฟล์ค และวอลโว่
สำหรับรายละเอียดของการหารือครั้งนี้เป็นการทำความเข้าใจร่วมกันถึงรายละเอียดของผู้ประกอบการรายเดิมและผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับและความสนใจจากค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เป็นอย่างดี
"เท่าที่หารือกับค่ายรถวันนี้ทุกคนพอใจ โดยเฉพาะค่ายรถรายเดิม เพียงแค่ปรับเปลี่ยนสเป็กให้ได้ตามเงื่อนไขก็สามารถขยายการผลิตเพื่อร่วมโครงการ 2 ได้ และเราก็ไม่ได้กำหนดเรื่องเงินลงทุน แต่ผู้เข้าร่วมโครงการใหม่ต่างหากที่จะต้องมีการลงทุนเพิ่มถึง 6,500 ล้านบาท"
แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใดตัดสินใจลงทุนบ้าง เนื่องจากค่ายรถยนต์แต่ละค่ายจะต้องนำข้อมูล และรายละเอียดต่าง ๆ ไปศึกษาวิเคราะห์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ รวมทั้งความคุ้มค่าของการลงทุน ซึ่งภายในวันที่ 31 มีนาคม 2557 จะมีความชัดเจนอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ประเด็นที่เป็นคำถามหลัก ๆ คือ กลุ่ม 5 ค่ายผู้ผลิตเดิม ถึงเงื่อนไขและรายละเอียดของการเข้าร่วมโครงการ 2 ว่า เงื่อนไขการผลิตที่ 400,000 คัน หากผู้ผลิตโครงการ 1 จะเข้าร่วมโครงการ 2 นั้น สามารถทำอีโคคาร์ของทั้ง 2 รุ่น มานับรวมกันให้ได้ จำนวน 400,000 คัน แล้วจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีที่ 14% เลยหรือไม่เพราะเมื่อผลิตรถคันที่ 400,001 จึงจะได้รับสิทธิ์ทันที หรือหากผู้ผลิตรายแรกสามารถผลิตอีโคคาร์ 2 ได้ก่อนเวลาที่กำหนด จะสามารถรับสิทธิประโยชน์ได้หรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจน
เช่นเดียวกับเงื่อนไขการลงทุนในส่วนของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ระบุว่า อีโคคาร์รุ่นที่ 2 จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 6 ปี แต่หากผู้ผลิตรายใดมีการลงทุนหรือใช้จ่ายเพื่อพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ภายใน 5 ปี จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 1 ปี รวมเป็น 7 ปี
และหากมีการลงทุนหรือใช้จ่ายเพื่อพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท ภายใน 5 ปี จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 2 ปี รวมเป็น 8 ปี นอกจากนี้
ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรเช่นเดียวกับอีโคคาร์รุ่นที่ 1 เงื่อนไขและรายละเอียดตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจนใด ๆ ออกมา และเป็นคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากบีโอไอ
ด้านนางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า ปัญหาที่ค่ายรถยังกังวลคือจำนวนการผลิตที่ 400,000 คัน โดยเฉพาะ 5 ค่ายแรกที่อาจจะมีการวางแผนการผลิต หรือระยะเวลาในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไว้ต่างกัน ซึ่งตรงนี้คงจะต้องรอดูความชัดเจนจากบีโอไออีกครั้ง
ขณะที่นายประเสริฐ เจนจิตติกุล รองประธาน บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (SAIC Motor-CP Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า เอ็มจีเองก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ 2 ของรัฐบาลไทย และมีรถยนต์และเทคโนโลยีจากประเทศอังกฤษที่เข้าข่ายและสามารถพัฒนาให้เข้ากับประเทศไทยได้ทันที แต่ขณะนี้บริษัทขอศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 31 มีนาคม 2557 น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนอย่างแน่นอน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1383207872