บ่อยครั้ง ที่ตัวเลขจากโรงงาน มันคลาดเคลื่อนจากความจริง
บางคัน เข็มไมล์อ่อน ตัวเลขทำได้ดีกว่านั้น
และหลายครั้งเหมือนกัน ที่รถบางคัน ตัวเลขทำไม่ด้เท่ากับที่ผู้ผลิตเคลมไว้
หนักกว่านั้น บางคัน ห่างไกลมาก เช่นผู้ผลิตบอกว่า ได้ 200 ถ้วนๆ
แต่ขับจริง กดให้ตาย ได้แค่ 180
มันคือการจับโกหกอีกรูปแบบหนึ่ง
การทำตัวเลขความเร็วสูงสุดนั้น
ทันทีที่เราตัดสินใจทำ นั่นคือ รถคันนั้น ต้องพร้อมมากๆ ผมถึงจะยอมทำครับ
เราดูกันพอสมควร
เส้นทางที่ใช้ มันไม่ได้มีแค่เส้นเดียว ขึ้นอยู่กับ เวลา จังหวะต่างๆ
ต้องโล่งจริงๆ เท่านั้น ทันทีที่เห็นรถข้างหน้า แต่ไกล หรือไก่โห่
ผมยกคันเร่งออกทันที ไม่ฝืนต่อ เพราะไอ้ที่พลาดๆกันหนะ
คือ ความรู้สึกในตอนขับ มันมีกิเลสมายุเราว่า "อีกนิดนึงน่า อีกนิดนึงน่า"
ไอ้อีกนิดนึงน่า นี่ละครับ พาคนไปตายมาเยอะแล้ว เพราะมันคือความ "ประมาท"
เมื่อไหร่ ที่มีความรู้สึกที่ว่าเกิดขึ้น ผมถอนเท้าจากคันเร่ง ไปแตะเบรกทันที
ไม่ต้องรอ
การไต่ความเร็วจนถึงท็อปสปีด นั้น ไต่ขึ้นไปเสร็จ ถ้าเข็มนิ่ง ใน 5 วินาที
จำตัวเลข หรือบันทกภาพได้ ผมถอนเท้าแล้วเบรกทันทีเช่นกัน
ถือว่า ภาระกิจจบแล้ว ไต่ไปถึงแค่นั้นพอ
รถบางคัน เช่น ActiveHybrid 3 ผมชอบมาก เพราะ การไต่ความเร็วขึ้นไปจนสุด
เกิดขึ้นในเวลารวดเร็วมาก ผมไม่ต้องอยู่กับความเร็วสูงๆแบบนั้นนานๆ
อยู่เพียงไม่เกิน 1-2 นาที ด้วยซ้ำ ก็ถอนเท้า และเบรกแล้ว กลับมาวิ่งอยู่
แถวๆ 80 - 100 นัึง
มีหลายครั้งที่ ผมตัดสินใจยกเลิก ไม่ทำตัวเลขความเร็วสูงสุด....
ด้วยเหตุหผลที่ว่า รถไม่พร้อม หรือสภาพอากาศรอบข้างไม่พร้อม
ถ้าฝนตก ผมไม่ทำ หรือแม้แต่ยางไม่พร้อม
และมีหลายครั้ง ที่ผมต้องยกเลิกเอง เพราะ ตัวผมเองนี่แหละที่ไม่พร้อม
สิ่งที่อยู่ในคลิป นั่นคือ การทำให้คุณดู หลังจากเราทดลองเรื่องทั้งหมด
ตามหัวข้อต่างๆมาหมดแล้ว การถ่ายคลิป คือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำ
นั่นคือ เราต้องเรียนรู้ และอยู่กับรถมาพอสมควรแล้ว ถึงจะถ่ายทำคลิป
เว้นแต่บางกรณี ที่อาจจะยังไม่ได้จับเวลาอัตราเร่ง แต่หลักๆ ก็มีแค่นั้น
หลังๆมานี้ รถอะไรก็ตาม ที่ความเร็วสูงสุด เกิน 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผมไม่ทำท็อปสปีด แล้วนะครับ อันนี้ ก็เป็นอีก นโยบายหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ผม คงพอจะแชร์ให้ได้อ่านกันได้
ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
แต่...ผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นเด็กวัยรุ่นวัยคะนอง เอารถรุ่นเดียวกัน
ทำความเร็วสูงแบบนี้ ด้วยความอยากรู้ แล้วพลาด.....
ผมถึงได้เขียนบอกไปว่า
ขอ ทำให้ดูเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย และจะได้ไม่ต้องไปลองทำเองที่ไหนกันอีก
ผิดกฎหมาย ก็ยอมรับครับ ว่าผิด ถ้าเจ้าหน้าที่เจอ ก็เรียกมาละกัน ยินดีจ่ายค่าปรับให้
แต่ในเมื่อ ประเทศนี้ ไม่มีสนามทดสอบความเร็วสูง ที่ปลอดภัยพอให้ผม
ขับวนเล่นในนั้นได้ยาวต่อเนื่อง เหมือนสนาม Nardo ที่อิตาลี
สนาม Higashi-Fuji ของ Toyota หรือ สนาม Tochigi ของ Honda
ก็ต้องทำใจละครับ
อย่าไปคาดหวังกับพื้นผิวสนามบิน ไม่มีใครเขาเปิดให้คุณใช้ฟรีกันหรอก
ขอบคุณ คุณ Jimmy ครับ ที่อุตส่าห์เข้ามาตอบชี้แจงให้ฟัง
ถ้าว่าตามจริงแล้ว แกไม่ต้องตอบหรือเสียเวลามาอธิบายผมเลยก็ได้นะครับ
ดูเหมือนดุ แต่ผมว่าแกแอบใจดีนะเนี่ย
เชื่อว่ามันเป็นส่วนที่ทีมงานน่าจะคิดกันมาดีแล้้ว
ผมไม่ได้ไปอยู่ในฟิลด์ทดสอบจริงๆของเค้า มันคงมีรายละเอียดมากกว่าที่เห็นในคลิปอีกเยอะ
ผมไม่รู้หรือเข้าใจเท่าทีมงานของ HLM แน่นอน
ที่ผมอดห่วงไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาชีพที่ผมทำเหมือนทำงานอยู่ในสุสานทุกวัน
ได้เห็น burden ที่เกิดขึ้นจาก accident มากมายนับไม่ถ้วน
ไม่ใช่แค่เสียชีวิตอย่างเดียว ร่างกายขยับไม่ได้ ขับถ่ายไม่ได้ตลอดชีวิต เป็นต้น
ก็เลยพาลคิดเอาเอง ไปว่าถ้าอะไรที่มันสามารถลดความเสี่ยงลงไปได้บ้างก็น่าจะดีกว่า
ถ้ามันไม่ได้จำเป็นมากนัก
ให้เกียรติการตัดสินใจของคุณ Jimmy และทีมงานเสมอครับ
ผมหน่ะ ชอบอยู่แล้วถ้ามี top speed ให้ดูในรีวิว
ถ่ายคลิปให้ดูด้วยยิ่งอยากดู
ถ้าเอาความมันส์ส่วนตัวผมจริงๆ มันต้องอัด top speed บนทางด่วนนี่แหละ
จัดในสนามหรือรันเวย์ มันไม่ได้อารมณ์เท่า
ขอให้ทีมงานทุกคนแคล้วคลาดปลอดภัย ครับผม