ไฟเดย์ไลท์ Daytime Running Light
ป็นไฟที่มักจะเรียกกันสั้น ๆ ซึ่งชื่อเต็มจริง ๆ คือ Daytime Running Light หรือจะเขียนย่อ ๆ คือ DRL ไฟ DRL นั้นเป็นไฟที่เริ่มมีความนิยมใช้กันมากขึ้น อาจจะเพราะความสวยงาม แต่จริง ๆ แล้ววัตถุประสงค์ของไฟ DRL นั้น ถ้าแปลกันตามตัวคือ ไฟที่เปิดใช้งานในเวลากลางวัน ซึ่งไฟลักษณะดังกล่าวนั้น จะช่วยแจ้ง หรือเตือนให้รถคันอื่น ๆ จะเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้นจากไฟ DRL โดยไฟ DRL นั้นจะต้องมีความความสว่างมากเพียงพอที่จะทำให้รถคันอื่น ๆ เห็นและต้องเปิดตลอดเวลาในช่วงเวลากลางวัน แต่เดิมนั้นไฟ DRL จะเป็นไฟอะไรก็ได้ ที่จะช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้น แต่ต้องไม่สร้างความรำคาญ หรือรบกวนสายตาของรถคันอื่น ๆ จึงนิยมใช้เป็นไฟสีเหลือง(อัมพัน) แต่ด้วยความสวยงามและความคุ้มค่าทั้งเรื่องความสว่างและกินพลังงานจึงนิยมใช้เป็นไฟ LED ที่กินไฟน้อยแต่ให้ความสว่างได้สูง ในต่างประเทศทางฝั่งยุโรปนั้น ได้ออกเป็นกฎหมายให้รถทุกคันติดตั้งไฟ DRL เพื่อช่วยในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น เช่นเดี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ให้เปิดไฟตลอดทั่งกลางวัน และกลางคืนเช่นกัน
เอกสารข่าวที่เผยแพร่โดย DG Enterprise and Industry เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2551 แจ้งว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้ตัดสินใจให้รถยนต์ใหม่ทุกประเภทใน EU จะต้องติดตั้งระบบไฟ Daytime Running Lights (DRL) ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป อ้างอิงจาก
http://news.thaieurope.net/content/view/3041/224/ สำหรับรถยนต์ที่ออกแบบมาให้มีระบบไฟ DRL แล้วนั้น รถยนต์จะมีไฟที่มีสวิทช์เปิดอัตโนมัติ เมื่อเครื่องยนต์ถูกสตาร์ท โดยในช่วงกลางคืน ผู้ขับจะต้องเปิดสวิทช์ไฟขับด้วยมือ และระบบ DRL จะปิดเองโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการรบกวน ผู้ขับรถคันอื่น ๆ เพราะไฟ DRL จะเป็นไฟที่มีความสว่างสูงจึงทำให้แยงตาคันอื่นได้ หากใช้ในเวลากลางคืนหรือ ในที่ร่ม
ดังนั้นไฟ DRL ที่ดี จึงควรเป็นไฟที่มีความสว่างสูงกับแสงแดดเวลากลางวันได้ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็น (ไฟ DRL) จากรถของเรา ไฟตอนเปิดใช้งานกลางวัน จะอยู่ที่ 2w ในเวลากลางคืน (หรี่) 0.5w และควรจะสาดขนาดกับพื้นถนน โดยไฟ DRL นั้นจะให้ความสว่างในการมองเห็นไม่มากนั้น เฉพาะด้านหน้ารถประมาณ 1 เมตร
ประโยชน์หลัก ๆ ของการใช้ไฟ DRL คือ สามารถเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นแก่รถคันอื่น และช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดภาพลวงตา และภาพสะท้อน (Highway Mirage) แม้แต่การวิ่งใต้เงาร่มไม้ หรือลอดใต้อุโมงค์ DRL ก็จะช่วยให้รถยนต์ที่วิ่งสวนมาสามารถมองเห็นกันได้ในระยะไกล
จากข้อมูลข้างต้นจะทำให้เห็นภาพคราว ๆ ว่ารถที่ออกแบบมาพร้อมระบบ DRL จะไม่มีสวิทช์เปิด-ปิด เพราะทุกอย่างจะทำงานอย่างอัตโนมัติทั้งหมด แต่หากเป็นรถที่ไม่ได้ออกแบบมาให้มี DRL จึงจำเป็นจะต้องให้ไฟ DRL ทำงานตามการใช้งานของ DRL จริง ๆ คือ ติดเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ และดับหรือหรีลงเมื่อเวลากลางคืน หรือในที่ร่ม โดยทำให้สัมพันธ์กับการเปิดใช้ไฟหน้า (ควรให้ผู้ติดตั้งเดินสายไฟให้ถูกต้องตามการใช้งาน) และควรใช้งานไฟ DRL ให้ถูกต้อง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.theaa.com/motoring_advice/safety/daytime-running-lights.html