ผู้เขียน หัวข้อ: ---ส่วนใหญ่ผ่อนรถกันเป็นกี่เปอร์เซนต์ของรายได้ครับ---  (อ่าน 12939 ครั้ง)

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,936
.
.
.
ผมเป็นคนนึงที่ใช้รถทีนึงเกือบ 10 ปีค่อยเปลี่ยน เพราะไม่ชอบผ่อนอะไร
แต่เห็นบางคน เปลี่ยนรถแทบจะทุกๆ 2-3 ปี เลยอยากรู้ว่า เค้าทำได้ไง
และค่าผ่อนรถคิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ของรายได้ครับ

ผมคิดว่าที่เห็นเค้าเปลี่ยนกันบ่อยๆอาจจะเพราะ ค่าผ่อนสำหรับเค้า
มันเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับรายได้ เลยสงสัยครับ

ps. ของผมประมาณ 15% ของรายได้ครับ มากกว่านี้เสียดายเงิน  ;D

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,586
    • อีเมล์
สำหรับผม 20% ครับ 3-4 ปี ก็เปลี่ยน
เคยใช่แต่รถเก่าซ่อมทีเสียทั้งเงินทั้งเวลาครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11,966
มากสุดที่ FN ให้ได้คือ 50% ครับ และเท่าที่เจอมา จะใกล้ๆทั้งนั้นเลยซะด้วย แต่ถ้าอยู่ในระดับไม่เกินหนึ่งส่วนห้าอย่างที่ข้างบนว่ามา ก็ดีกับตัวคุณเองครับ

Sofast

  • บุคคลทั่วไป
ความสุขของแต่ละบุคคลย่อมต่างกันครับ
โดยส่วนตัวถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนรวมถึงตัวเองด้วยทั้งในระยะสั้นและยาว
อยากได้อยากเปลี่ยนตอนไหนก็จัดเลยครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นจะคำนึงถึงรายรับรายจ่ายด้วยครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,447
  • Long live M/T
คันทีด้าผมผ่อนยอดต่อเดือนคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ ณ เวลาที่ออกรถ (2008) ครับ
จนถึงวันนี้รายได้ผมต่อเดือนสูงขึ้นมากแล้ว แต่ผมยังไม่มีอารมณ์จะมานั่งผ่อนรถเดือนละสามหมื่นครับ ให้ตายก็ไม่เอา
ทุกครั้งที่คิดหารถใหม่ ผมพยายามมองหาวิธีผ่อนต่อเดือนไม่ให้เกิน 12,000 ครับ เกินกว่านั้นคือบ๊ายบาย ระยะเวลาผ่อนคือ 48-60 เดือนเท่านั้นไม่มากน้อยกว่านี้

ดังนั้นลืมพวกรถราคาล้านกว่าบาทไปได้เลยสำหรับผม ถ้าจะซื้อจริงก็คง C-Segment เท่านั้น ..
ที่จริงหากเล่นใช้เงินแบบไม่คิด ผ่อนรถแบบครึ่งนึงของรายได้เลย ผมลองคิดเล่นๆดูแล้ว สามารถออก 116i MSport ได้สบาย
แต่มันไม่ไหวจริงๆครับ อิสรภาพในการทำอย่างอื่นหายหมด เที่ยวเมืองนอกเปิดหูตาก็ลืมไปได้เลย เงินเก็บระยะยาวก็ไม่มี
มีความสุขกับรถแต่อย่างอื่นในชีวิตทุกข์หมด ผมว่าไม่คุ้ม
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าเป็นผม คงใช้รถเก่าสัก 10-12 ปีแล้วขายทิ้งครับ

เก็บตัง ซื้อสดรุ่นที่ถูกที่สุด (ไม่ควรเกิน 5 แสน) ไม่ต้องผ่อนให้เป็นภาระตัวเองครับ

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,452
    • อีเมล์
คันปัจจุบันของผมผ่อนประมาณ 40-45% ของรายได้ครับ

หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมผ่อนรถแล้ว
เหลือเงินเก็บประมาณ 15% ครับ

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,287
    • อีเมล์
ผมก็เป็นคนนึงที่เปลี่ยนรถบ่อยมาก .. แค่ 10 ปี จัดไป 4 คันแล้ว
- คันแรก civic ตาโต  60% ของรายได้ครับ เป็นนักศึกษา ปี 4 พ่อยกให้ผ่อน  หาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เกือบตาย ..
- ต่อมา mazda3 คับ ขาย civic มาดาวน์ เนื่องจาก เครื่องพัง ผ่อน 14% ของรายได้ครับ
- 4 ปีผ่านไป .. จัด hyundai coupe มือสอง มา สดคับ ไม่ได้ผ่อน
- ผ่านไปเกือบสองปี mazda3 พัง (อีกละ) จัดดาวไปผ่อน accord ก็ราว ๆ 12% ของรายได้ครับ

ไม่นับรถที่ผ่อนให้แม่ 1 คัน พ่อ 2 คัน ..  สรุปตังมีเท่าไหร่เอาไปผ่อนรถหมด .. -_- จนตลอดกาลลล 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2014, 19:56:57 โดย XyteBlaster »

ออฟไลน์ Tuned by Pex

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 658
  • เสือดำ หมีขาว
    • Tuned by Pex
ของผมกะไว้ว่าในทุก ๆ คันที่จะผ่อนในอนาคต จะต้องไม่เกิน 20% ของรายได้ ณ ขณะนั้นครับ
85 Mercedes Benz 230 E W123
91 Honda Civic EG 4 Door
03 BMW 323i E46
04 Honda Jazz GD 1.5 VTEC
10 Honda Accord G8 2.4 EL Navi
13 Toyota Vios 1.5 E Auto
13 Honda Civic FB 1.8 E
14 Honda Odyssey Absolute RC1
17 BMW 420d Coupe M Sport F32

ออฟไลน์ PoLiTE!!

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 90
  • I wasn't me!!
ตามหลักการ(รึป่าว??) ไม่ควรผ่อนภาระเกิน 30% ของรายได้ครับ (หมายถึง ทุกอย่างแล้วนะครับ)
แต่ล่าสุดไปจบกับ Teana 2.0 XL ยอดผ่อนเกือบ 50% ของรายได้หลักเลย T T

ออฟไลน์ TheGTO

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 129
สำหรับผมไม่ควรเกิน 15 % ของรายได้หลังหักเงินออมครับ  ;D
เพราะต้องเผื่อค่า น้ำมัน ค่าบำรุงรักษาอีก เยอะไปหมด
รถ = ลด ครับ  :P

ปล.เงินออม 20 % ของรายได้ครับ

ออฟไลน์ YZA

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 665
8%..... .ไม่ได้เงินเดือนเยอะนะครับ แต่ดาวน์เยอะ
 แล้วได้สิทธิพนักงานดอก 0 % 5 ปี
ทุกวันนี้เพิ่งซื้อรถครั้งเดียวเองครับ

ออฟไลน์ Nioka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,032
50% ของเงินเก็บครับ

เช่นถ้าผมออมเงินเดือนละ 30,000 ผมจะผ่อนรถเดือนละ 15,000 บวกลบได้นิดหน่อย อาจจะตึงๆได้ไม่เกิน 20,000

ถ้ายังไม่มีเงินเก็บไม่ออกรถครับ

ออฟไลน์ arya

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 525
บางเดือนก็เกิน 100% ครับ แต่บางเดือน ก้อ 0.00001% ครับ  ;)

ออฟไลน์ trumpetx

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 663
    • อีเมล์
การผ่อนคือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งครับ เหมือนกับการจำกัดวงเงินในแต่ล่ะเดือน

คนที่ 1 รายได้ 20,000 ผ่อนรถ 9,000 ครบ 5ปี คนที่ 1 มีรถ

คนที่ 2 รายได้ 20,000 ไม่ผ่อนอะไรเลย บอกจะเก็บไว้ในธนาคาร ผ่านไป 5 ปี พออยากได้อะไรก็เอาเงินเก็บมาใช้ๆ ครบ 5 ปี คนที่ 2 ยังไม่มีรถ

แต่สำหรับคนที่เก็บเงินเป็น มักจะให้เงินทำงานของมันเอง เช่น ซื้อหุ้น ซื้อประกัน เป็นการออมแบบใช้ไม่ได้ แบบนี้ดีครับ

ส่วนผม ก็จ่ายให้แม่เดือนล่ะ 10% ของเงินเดือนผม ที่เหลือแม่จ่าย -*-

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมขอแสดงความเห็นนะครับ ถ้าผ่อนกันชนิด 40% up

ถึงไม่มีภาระ แต่ผมว่ามันตึกไปครับ

ควรปรับลดลงมา ถึงจะได้รถที่ชอบจริง แต่ผ่อนแบบนี้ เหนื่อยแทบครับ

ตอนนี้ ผมว่า รถมือสอง ราคาถูกๆ ก็น่าสนใจนะครับ เห็นราคาแล้ว อยากได้เลยครับ ประหยัดตัวไปได้เยอะมาก ;D

เช่น แทนที่จะได้ Eco car 4 แสน

ผมว่าเอาตัวไปถอย วีออส มือสอง ตัวแรก สัก 1 แสนแล้วไปติดแก๊ซ work มากเหลือเงินเก็บด้วย

ถ้ารถใช้สัก 5 ปีและมีอันเปนไป เช่น พัง อย่างน้อยๆ ขายเป็นเศษเหล็กก็คุ้มครับ

ออฟไลน์ Mark_UK

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 310
ขอแชร์ความเห็นนะครับ
สำหรับผม จะดูเงินเก็บเป็นหลักครับ
ตอนนี้ผมได้ทุนเรียนโค้งสุดท้ายจะจบละ (ตรี-เอก รวดเดียว แต่คนละทุน เรียนๆๆๆๆมาจะสิบปีละ) มีเงินเก็บหอมรอมริบจากงานพิเศษ เที่ยวบ้างเก็บบ้าง ก้อนใหญ่พอสมควรครับ ก้อนนี้ถึงตอนผมจบไปรับตำแหน่งคงซื้อ premium compact สบายๆ แต่ผมจะไม่เอาเงินเก็บผมกว่า 10 ปี มาลงกับรถคันเดียวแน่นอน เพราะมันคงหมดไปในไม่ช้าแน่ๆ ไหนจะค่าน้ำมัน บำรุ่งรักษา และ ณ ตอนนั้นเงินเดือนตามประสาคนทำงานให้รัฐก็คงไม่ได้มากมายแต่ด้วยวุฒิก็คงจะสตาร์ทสูงกว่าปกติพอสมควรครับ
ฉะนั้น รถที่ผมมองไว้ต้องเริ่มจากยุโรปมือสอง ซื้อสด เท่านั้น เพื่อทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงในขั้นแรกโดยใช้ทุนไม่เยอะ และเอาเงินที่เหลือไปลงทุนต่อยอด จนกว่างานประจำและงานธุรกิจเสริมผมจะมั่นคงก่อนเท่านั้น ผมถึงจะเริ่มมองรถคันต่อไป
ป.ล. ที่บ้านมีรถที่ผมพร้อมเอามาใช้ได้เลยอยู่แล้วด้วย คงเอามาทำธุรกิจคู่กันไปด้วย เอามาใช้แทนกรณีต้องนอนอู่บ่อยๆด้วย

ถ้าทุกอย่างในชีวิตโอเคราบรื่น คล่องตัว ผมคงยังจะมองหามือสอง ซื้อสดมาใช้อยู่ดีครับ เพราะผมรู้สึกว่า รถทุกวันนี้ มูลค่ามันลดลงเกินคุณค่าในระยะเวลาที่สั้นมากๆ คอยเก็บมือสองอายุพอใช้มาใช้ มันรู้สึกคุ้มค่าเงินมากกว่า และผมคิดว่าผมดูแลและให้เวลากับมันได้

ยกเว้นว่า ชีวิตผมจะประสบความสำเร็จเกินคาด มีอิสระภาพทางการเงิน ถึงตอนนั้น จะผ่อนเท่าไร ก็คงไม่ต้องคิดมากล่ะคับ

ออฟไลน์ Oah

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 83
ผมว่ามันขึ้นกับช่วงชีวิตด้วยนะครับ คนจบมาทำงานไม่นาน หรือทำงานในสายงานที่รายได้ไม่เยอะ ถ้าบอกว่าให้จำกัดการผ่อนรถที่ไม่เกิน 15% ของรายได้ บางคนกว่าจะได้ผ่อนรถคงทำงานมาเป็นสิบๆปี และด้วยระบบขนส่งมวลชนของเราทุกวันนี้ การมีรถมันคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างหนึ่ง ดังนั้นบางคนคงต้องกัดฟันผ่อนรถคันแรก แต่พอมีทางเลือก ส่วนใหญ่คงเน้นที่จะผ่อนน้อยลงเมื่อคิดเป็น % ของรายได้

รถคันแรกที่ผมซื้อ ผ่อนประมาณเกือบๆ 30% ของรายได้ต่อเดือน
คันที่สอง 20 %
ตอนนี้คิดจะซื้อคันใหม่ 15% ยังคิดแล้วคิดอีก  :D

ปล. ซื้อรถทุก 5 ปีครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 20,771
  • *** HLM.COM ***
20-30 ครับ ไม่มากกว่านี้

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,492
มันอยู่ที่วัย...เป็นตัวกำหนด...อายุน้อย สนุกสนาน ก็ไปอีกแบบ  พออายุเยอะก็เปลี่ยนไป

ผมเมื่อก่อนผ่อนในระดับสามสิบเปอร์เซ็นต์

ตอนหลังเก็บเงินกองไว้เท่าราคารถที่ต้องการก่อน  แต่ก็ซื้อผ่อนเหมือนเดิม ดอกเบี้ยมันถูกมาก  เลยต้องผ่อน....

ออฟไลน์ ichok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 777
    • อีเมล์
  20%ครับ ของผม ไม่เกินนี้ จะว่าไปมันก็ไม่สูญเปล่าซะทีเดียวนะครับ ราคามันลดลง แต่ก็ยังราคาดีอยู่หากเราขายต่อเร็ว5ปีขายเพื่อดาว์นคันใหม่มาใช้ เหมือนเราเช่ารถขับไปเรื่อยๆ มีกำลังเช่าแค่ไหนก็แค่นั้น ของผมคิดว่ายังไงก็จะไม่ผ่อนรถเกินหมื่นหรือไม่เกินหมื่นห้าถ้ากิเลสจริงๆ เพราะผมผ่อนบ้านเดี่ยว60ตร.ว แค่  สองหมื่น ไม่อยากให้ค่าผ่อนรถมันแพงกว่าค่าบ้านครับ

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,350
    • อีเมล์
20 % ครับ สมัยซัก 20 ปีที่แล้ว เคยซื้อ Civic ตาโต เงินเดือน 28000 ผ่อน 14000 ครับ ครึ่งนึง ของเงินเดือน เป็น 4 ปีที่ ลำบากมาครับ ขยับตัวไม่ได้เลย เข็ดครับ :'(

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,433
ผมเป็นคนที่คลั่งรถมากๆ(โดยเฉพาะรถเก๋ง)

ตอนนี้ผ่อนอยู่10%ของรายได้ครับ แม้จะอยากได้หลายๆรุ่นแต่ก็ต้องข่มใจไว้ เพราะแค่10%ก็ยังเสียดายค่าเสื่อม

วัฒนธรรมของครอบครัวผมไม่นิยมซื้อรถเกิน5หรือ10%

ทุกคนก็คงเหมือนๆกันแหละครับ อยากได้รุ่นนั้นรุ่นนี้ อยู่ที่ใจของใครมากกว่าว่าจะตัดสินยังไง

เพราะถ้ารอให้เป็นอิสระทางการเงินไม่รู้ว่าจะแก่ตายก่อนไหมหรือจะไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งชาติ ก็คงแก่ไปพร้อมๆกับห่างจากสิ่งที่เรารักไป แบบเรียกอายุกลับมาไม่ได้แล้ว

วันนี้เรามาสู้เพื่อสิ่งที่เรารักเป็นเพื่อนกันครับ เร่งหาเงินผ่อนรถ ที่เรารักที่สุด

ออฟไลน์ tTtTt

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
    • อีเมล์
ถ้าซื้องเงินตัวเอง ผ่อน 1ส่วน3 ของรายได้ตามพี่ commander ดูเหมาะสมมากครับ
แต่ ที่เห็นบางบ้านเขาเปลี่ยนรถบ่อยๆ เขาอาจไม่ได้ใช้เงินส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ tui

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 132
    • อีเมล์
คันทีด้าผมผ่อนยอดต่อเดือนคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ ณ เวลาที่ออกรถ (2008) ครับ
จนถึงวันนี้รายได้ผมต่อเดือนสูงขึ้นมากแล้ว แต่ผมยังไม่มีอารมณ์จะมานั่งผ่อนรถเดือนละสามหมื่นครับ ให้ตายก็ไม่เอา
ทุกครั้งที่คิดหารถใหม่ ผมพยายามมองหาวิธีผ่อนต่อเดือนไม่ให้เกิน 12,000 ครับ เกินกว่านั้นคือบ๊ายบาย ระยะเวลาผ่อนคือ 48-60 เดือนเท่านั้นไม่มากน้อยกว่านี้

ดังนั้นลืมพวกรถราคาล้านกว่าบาทไปได้เลยสำหรับผม ถ้าจะซื้อจริงก็คง C-Segment เท่านั้น ..
ที่จริงหากเล่นใช้เงินแบบไม่คิด ผ่อนรถแบบครึ่งนึงของรายได้เลย ผมลองคิดเล่นๆดูแล้ว สามารถออก 116i MSport ได้สบาย
แต่มันไม่ไหวจริงๆครับ อิสรภาพในการทำอย่างอื่นหายหมด เที่ยวเมืองนอกเปิดหูตาก็ลืมไปได้เลย เงินเก็บระยะยาวก็ไม่มี
มีความสุขกับรถแต่อย่างอื่นในชีวิตทุกข์หมด ผมว่าไม่คุ้ม

เห็นด้วย..อย่างยิ่ง
เงินเดือนผมสามารถผ่อนรถยุโรปราคา4-5ล้านได้สบายๆ  แต่ผมขอเอาเงินไปทำอย่าอื่นดีกว่า555

ออฟไลน์ Gottinho

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 285
ของผม 7% ของรายได้ รู้สึกสบายตัว มีเงินเหลือเก็บและกินเที่ยวครับ อิ อิ

ส่วนตัวคิดว่าจะเปลี่ยนคันใหม่เมื่อรถอายุครบ 8 ปี ครับ

ออฟไลน์ poona

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 218
  • ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
    • บาร์โค้ดสโตร์
ของผม 50% ของรายได้ กับรถที่ชอบและเหมาะกับการใช้งาน
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้    https://www.facebook.com/barcoderetailstores

ออฟไลน์ Nisika

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 107
ผมผ่อนรถ 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ณ ปัจจุบัน แต่วันที่ออกก็มีเงินพอซื้อได้แล้วไม่เป็นหนี้ และซื้อที่ดินปลูกบ้านและทำเศรษฐกิจพอเพียงไว้แล้วก่อนที่จะมีรถ เพราะก่อนหน้านั้นผมสร้างบ้านให้ครอบครัว และวางระบบเกษตรให้ที่บ้านเลี้ยงชีพ ชีวิตผมเลยสบายๆ ไม่บีบรัดเกิดอะไรขึ้นกับการงานในเมืองผมก็กลับไปค้าขาย ทำเกษตรผสมผสาน ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพราะที่บ้านผมใช้เงินไม่ถึงเดือนละ 4 พัน แต่ในเมืองมากกว่านั้น 3-4 เท่า ไม่นับค่ารถที่ผ่อน โชคดีที่ มีอยู่ มีกิน มีที่นอน หลับเต็มอิ่ม ไม่เดือดร้อนครับ    ชีวิตผม "หาเงินเหลือ ไม่ได้หาเงินหลาย" การไม่มีหนี้เป็นสุขในโลกครับผม  :D

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,283
  • My Way or The Highway
แล้วแต่ความสุขแต่ละคนครับ บางคนชอบรถใหม่ๆมีความสุข ถึงเวลาเปลี่ยนอยู่นั่นแหละ แต่บ้านผมจะใช้6-8ปี ไม่ผ่อน

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,601
ตอบ จขกท.ผมโรคจิต เลือกเก็บเงินจนครบแล้วซื้อสดครับเสียดายดอกเบี้ย
ได้ช้าหน่อย หล่อช้าหน่อย แต่ไม่เคยเสียดอกเบี้ยให้ค่ายไหนเลยครับ

------------------------------------------

ขออนุญาติแตกประเด็นคำถามเพิ่มนะครับ

ระหว่าง ผ่อน + ดอกเบี้ย 5-6 ปี เปลี่ยนรถ

กับ ซื้อสด 5-6 ปี เปลี่ยนรถ

แบบไหนเจ็บตัวมากกว่ากันครับ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0