ผู้เขียน หัวข้อ: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ  (อ่าน 8192 ครั้ง)

ออฟไลน์ oak_s

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 01:22:50 »
พี่ๆเคยเจอพวกแก๊งเบียดรถมั้ยครับ พวกอยู่ๆขับมา 2-3 คัน ประกบหลัง ข้าง ดิฟไฟใส่ แกล้งให้เราตกใจแล้วไปเฉียวชนพวกมันเอง แล้วก็เรียกเงินค่าซ่อมอะครับ

อยากสอบถามพี่ๆมีวิธีป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้อย่างไรครับ ถ้าหาสติ๊กเกอร์/ตราตำรวจมาติดพอจะกันได้บ้างมั้ย แบบว่ามันอาจจะไม่กล้าเล่นกับรถติดสติ๊กเกอร์/ตราตำรวจ

แล้วก็เรื่องสติ๊กเกอร์/ตราตำรวจนี่ผมสอบถามกับพ่อเพื่อนที่เป็นตำรวจยศพันโทแล้ว เค้าบอกว่าคนทั่วไปติดได้นะครับ ไม่ผิดกฏหมาย ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยครับ

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 02:10:59 »
ตราหน่วยงานราชการ ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตาม   ถ้าจะมาใช้ ต้องขอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ
ติดได้ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเจอด่านตำรวจ ตรวจเคี้ยวๆ บางด่าน ท่านอาจเจอซักจาก ตำรวจด่านได้
เพราะเดี๋ยวนี้ พวกโจร หรือพวกทำผิดกฎหมาย ก็ชอบติดตราพวกนี้เหมือนกัน
ฟอร์จูนเนอร์ผม ติดตราหน่วยงานกระทวง (ขอสงวนนาม)และตราตำรวจท่องเที่ยว ทั้งหน้าและหลังรถ
พร้อมทั้งมีไซเรน เสียง และไฟ ไซเรนหน้ากระจก   ที่ติดไม่ใช่เพราะอะไรครับ เพราะเวลาอาผู้ชายเป็นญาติสนิท มีตำแหน่ง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
เวลาอาท่านมา  รถคันนี้ ก็เป็นหนึ่งในรถรับส่ง หรือรถติดตาม     

มีครั้งนึงผมเจอตำรวจตรวจ วันนั้น    วันนั้นขับรถทำธุระปกติ กำลังจะกลับบ้าน เวลาสักประมาณ 4 ทุ่ม ไม่ได้ไฟไซเรนหน้ากระจกออก
พี่ตำรวจ ถาม ไฟเซนเรนมาจากไหน จากนั้นมีตำรวจอีกคนเดินทางตรวจรอบคัน   ผมก็ยื่นใบขับขี่ แล้วบอกว่า  ไซเรนนี้เอาไว้ติดตาม และเปิดในขบวน รมต.
ตำรวจจึงถามต่อจะไปไหน  ผมบอกจะกลับบ้านที่อีกอำเภอ     หลังจากตำรวจอีกคนตรวจรถผมเสร็จ  เขาก็มาบอกคนที่คุยกับผม  ให้ปล่อยรถผมไป
ตำรวจคนนันจึงคืนใบขับขี่  ปล่อยผมไปตามปกติ

จริงๆ   การติดไฟไซเรน และแตร์เสียงไซเรน  หากไม่ใช่  ตำรวจ  โรงพยาบาล ต้องทำเรื่องขออนุญาตครับ
มีการกำหนดสีว่า   สีแดง สำหรับ  ตำรวจเท่านั้น ส่วน สีแดง น้ำเงิน สำหรับ รถพยาบาลหรือกู้ภัย
แต่เดี๋ยวนี้  รถ อบต  เทศบาล บางคันก็สีแดง  บางคันก็สีเหลือง บางคันก็สีน้ำเงิน แดง   ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เคยถาม จนท ทำงานที่ อบต หรือ เทศบาล   เขาบอกสัญญาไฟฉุกเฉินพวกนี้  ไม่ได้ขออนุญาตเลย  ติดตั้งเอง
เพราะคนที่  กรมขนส่งทางบก เขาบอกมาว่า ถ้าจะขอใบอนุญาตพวกนี้  มันขอยากมาก      เขาบอกน่าจะหยวนๆกันได้
ส่วนพวกรถกู้ภัย โน่น นี่ทั้งหลายแหล่  เคยได้ยินมาว่า มีใบอนุญาต ครึ่งๆ เลยครับ

กลับมาเข้าเรื่องสติกเกอร์ผมว่า  มันช่วยได้เยอะนะครับ เจอพวก รถบ้าพลัง ชอบจี้ตูด  ไม่รู้จะรีบไปไหน
เขาเห็นสติกเกอร์ท้ายรถ เหมือนๆ จะไม่ค่อยอยากจะมายุ่งเท่าไหร่   
ถ้าท่านอยากติดตราตำรวจ แนะนำหาตรากระทรวงมาติดด้วยนะครับ ส่วนตราตำรวจก็เอาตราพวกตำรวจท่องเที่ยว ก็ได้
น่าจะทำให้พวกแก๊งมิจฉาชีพ ชั่งใจก่อน ก่อนลงมือ....

อ่อ  ผมอ่านเจอกระทู้นึงในเวป ต้องห้าม ในห้อง รัชดา ก็มีกระทู้เตือนภัย เรื่องแก๊งค์วีออสเบียดประกบ ทางลงใต้นะ เขาเจอแถวอำเภอทุ่งสง
เขาบอก พวกนี้ มีตราอัยการ  ติดหน้ารถซะด้วย  ชื่อ กระทู้ว่า "เมื่อผมโดน"แก๊งวีออสคู่"เล่นงาน...จนต้องยอมเสียเงิน" 

ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,724
  • Blue. Just BLUE.
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 03:59:12 »
ถ้าไม่อยากมีปัญหาเรื่องตรา ผมแนะนำให้เอาตราของนมอัดเม็ดยี่ห้อหนึ่งมาแปะครับ เนียนใช้ได้เลยล่ะ XD
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ EvilArt

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 107
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 07:06:35 »
รถในขบวนถ้ามีรถนำไม่จำเป็นต้องใช้ไฟวับวาบนี่ครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 08:32:19 »
ผมว่าถ้าเผื่อมีปัญหาก็ติดกล้องไว้เป็นหลักฐาน
ถ้าปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ เรียกประกันครับ และโทรศัพท์หาคุณพ่อ รบกวนให้เพื่อนคุณพ่อมาเคลียให้ครับ

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 08:41:35 »
รถในขบวนถ้ามีรถนำไม่จำเป็นต้องใช้ไฟวับวาบนี่ครับ

นานๆทีใช้อะครับ 5 ครั้งเปิด 1 ครั้งได้
คนขับรถ รมต กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่  กับตำรวจ แหละ  เขาหามาให้อะครับ
เพราะบางทีรถผม พวกผู้ใหญ่เขาก็จะมีขึ้นคันนี้เลยก็มี

ที่เห็นจะมีไฟวับวาบติดกระจก  เยอะสุด เนี่ยเลย  WW Caravele ถ้าเป็นรถตามขบวนพวกนักการเมือง รถนักการเมืองนั่ง  ผมเห็นติดและเปิดเกือบทุกคัน

ก็ไม่รู้ทำไม เหมือนกันนะครับ  ผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 18, 2014, 09:14:46 โดย reyeshenry »

ออฟไลน์ despinaauto lci

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 418
  • MONEY
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 12:08:37 »
    ผมคิดว่าเอามาติดกันมิจฉาชีพครับ. พี่เพื่อนอยู่ทางใต้แถวกระบี่หรือนคร โดนขับตามแล้วยิง ชิงทรัพย์ไป เจ้าตัวไม่ตายแต่เปนอัมพาต

  อย่างน้อยกันไว้ก่อนก็ดี
Last id: despinaauto
2003-ACCORD 3.0 gen 7(2008 sold)
2006-CIVIC FD 1.8(2012 sold)
2008-ACCORD 2.4 gen 8(2013 sold)
2012-E250 CGI
2013-520i F10
2013-E200 coupe sport facelift
2014-528i F10 lci M Sport
2014-320d F30 upgrade m performance power

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 21:06:50 »
เอามาติดก็ดูเหมือนกับรถโจรพอๆกันนั่นล่ะครับ


เพราะเดี๋ยวนี้ พวกโจร หรือพวกทำผิดกฎหมาย ก็ชอบติดตราพวกนี้เหมือนกัน


ออฟไลน์ rut191

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 23:28:53 »
ขับรถลงใต้กลางคืนอันตรายคับ เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าอามันไปยิงไฟสูงใส่18ล้อนี้แหละ โดนตบลงข้างทางยังกับในคลิปที่ดังๆเมื่อก่อนเลยครับ ยังโชคดีที่รอดมาได้

ออฟไลน์ chatier

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2014, 23:53:35 »
ตราหน่วยงานราชการ ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตาม   ถ้าจะมาใช้ ต้องขอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ
ติดได้ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเจอด่านตำรวจ ตรวจเคี้ยวๆ บางด่าน ท่านอาจเจอซักจาก ตำรวจด่านได้
เพราะเดี๋ยวนี้ พวกโจร หรือพวกทำผิดกฎหมาย ก็ชอบติดตราพวกนี้เหมือนกัน
ฟอร์จูนเนอร์ผม ติดตราหน่วยงานกระทวง (ขอสงวนนาม)และตราตำรวจท่องเที่ยว ทั้งหน้าและหลังรถ
พร้อมทั้งมีไซเรน เสียง และไฟ ไซเรนหน้ากระจก   ที่ติดไม่ใช่เพราะอะไรครับ เพราะเวลาอาผู้ชายเป็นญาติสนิท มีตำแหน่ง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
เวลาอาท่านมา  รถคันนี้ ก็เป็นหนึ่งในรถรับส่ง หรือรถติดตาม     

มีครั้งนึงผมเจอตำรวจตรวจ วันนั้น    วันนั้นขับรถทำธุระปกติ กำลังจะกลับบ้าน เวลาสักประมาณ 4 ทุ่ม ไม่ได้ไฟไซเรนหน้ากระจกออก
พี่ตำรวจ ถาม ไฟเซนเรนมาจากไหน จากนั้นมีตำรวจอีกคนเดินทางตรวจรอบคัน   ผมก็ยื่นใบขับขี่ แล้วบอกว่า  ไซเรนนี้เอาไว้ติดตาม และเปิดในขบวน รมต.
ตำรวจจึงถามต่อจะไปไหน  ผมบอกจะกลับบ้านที่อีกอำเภอ     หลังจากตำรวจอีกคนตรวจรถผมเสร็จ  เขาก็มาบอกคนที่คุยกับผม  ให้ปล่อยรถผมไป
ตำรวจคนนันจึงคืนใบขับขี่  ปล่อยผมไปตามปกติ

จริงๆ   การติดไฟไซเรน และแตร์เสียงไซเรน  หากไม่ใช่  ตำรวจ  โรงพยาบาล ต้องทำเรื่องขออนุญาตครับ
มีการกำหนดสีว่า   สีแดง สำหรับ  ตำรวจเท่านั้น ส่วน สีแดง น้ำเงิน สำหรับ รถพยาบาลหรือกู้ภัย
แต่เดี๋ยวนี้  รถ อบต  เทศบาล บางคันก็สีแดง  บางคันก็สีเหลือง บางคันก็สีน้ำเงิน แดง   ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เคยถาม จนท ทำงานที่ อบต หรือ เทศบาล   เขาบอกสัญญาไฟฉุกเฉินพวกนี้  ไม่ได้ขออนุญาตเลย  ติดตั้งเอง
เพราะคนที่  กรมขนส่งทางบก เขาบอกมาว่า ถ้าจะขอใบอนุญาตพวกนี้  มันขอยากมาก      เขาบอกน่าจะหยวนๆกันได้
ส่วนพวกรถกู้ภัย โน่น นี่ทั้งหลายแหล่  เคยได้ยินมาว่า มีใบอนุญาต ครึ่งๆ เลยครับ

กลับมาเข้าเรื่องสติกเกอร์ผมว่า  มันช่วยได้เยอะนะครับ เจอพวก รถบ้าพลัง ชอบจี้ตูด  ไม่รู้จะรีบไปไหน
เขาเห็นสติกเกอร์ท้ายรถ เหมือนๆ จะไม่ค่อยอยากจะมายุ่งเท่าไหร่   
ถ้าท่านอยากติดตราตำรวจ แนะนำหาตรากระทรวงมาติดด้วยนะครับ ส่วนตราตำรวจก็เอาตราพวกตำรวจท่องเที่ยว ก็ได้
น่าจะทำให้พวกแก๊งมิจฉาชีพ ชั่งใจก่อน ก่อนลงมือ....

อ่อ  ผมอ่านเจอกระทู้นึงในเวป ต้องห้าม ในห้อง รัชดา ก็มีกระทู้เตือนภัย เรื่องแก๊งค์วีออสเบียดประกบ ทางลงใต้นะ เขาเจอแถวอำเภอทุ่งสง
เขาบอก พวกนี้ มีตราอัยการ  ติดหน้ารถซะด้วย  ชื่อ กระทู้ว่า "เมื่อผมโดน"แก๊งวีออสคู่"เล่นงาน...จนต้องยอมเสียเงิน" 


ผมอยากทราบพอดีเลยครับ ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ
ว่ารถพวกนักการเมืองหรือผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรานี่ กฏหมายเรามีกำหนดเรื่อง
เอื้อประโยชน์หรืออำนวยความสะดวกบนท้องถนนเอาไว้อย่างไรบ้างครับ
ถ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือ ขบวนคนสำคัญจากต่างประเทศ อันนี้เราคนธรรมดา
สามัญทั่วไปยังพอเข้าใจถึงความจำเป็นได้อยู่ครับ
แต่ถ้าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นี่ได้รับอภิสิทธิ์ได้แค่ไหนครับ

โดยเฉพาะพวกนักการเมืองเช่น สส ทั่วไปเนี่ย มีสิทธิ์แค่ไหนครับ
เพราะว่าหลายครั้งเลยที่ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่มีรถทั้งเก๋ง หรือมอเตอร์ไซต์
ของทำตำรวจมากวดไล่ เพื่อให้รถตู้คันดำ ๆ คันเดียวได้ไปก่อนในการจราจรอันแสน
คับคั่งของกรุงเทพ บางครั้งทั้งปาด ทั้งแทรก ผิดกฏจราจรอย่างโทนโท่
เห็นแล้วมันจี๊ด...น่ะครับ

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 10:33:56 »
ตราหน่วยงานราชการ ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตาม   ถ้าจะมาใช้ ต้องขอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ
ติดได้ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเจอด่านตำรวจ ตรวจเคี้ยวๆ บางด่าน ท่านอาจเจอซักจาก ตำรวจด่านได้
เพราะเดี๋ยวนี้ พวกโจร หรือพวกทำผิดกฎหมาย ก็ชอบติดตราพวกนี้เหมือนกัน
ฟอร์จูนเนอร์ผม ติดตราหน่วยงานกระทวง (ขอสงวนนาม)และตราตำรวจท่องเที่ยว ทั้งหน้าและหลังรถ
พร้อมทั้งมีไซเรน เสียง และไฟ ไซเรนหน้ากระจก   ที่ติดไม่ใช่เพราะอะไรครับ เพราะเวลาอาผู้ชายเป็นญาติสนิท มีตำแหน่ง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
เวลาอาท่านมา  รถคันนี้ ก็เป็นหนึ่งในรถรับส่ง หรือรถติดตาม     

มีครั้งนึงผมเจอตำรวจตรวจ วันนั้น    วันนั้นขับรถทำธุระปกติ กำลังจะกลับบ้าน เวลาสักประมาณ 4 ทุ่ม ไม่ได้ไฟไซเรนหน้ากระจกออก
พี่ตำรวจ ถาม ไฟเซนเรนมาจากไหน จากนั้นมีตำรวจอีกคนเดินทางตรวจรอบคัน   ผมก็ยื่นใบขับขี่ แล้วบอกว่า  ไซเรนนี้เอาไว้ติดตาม และเปิดในขบวน รมต.
ตำรวจจึงถามต่อจะไปไหน  ผมบอกจะกลับบ้านที่อีกอำเภอ     หลังจากตำรวจอีกคนตรวจรถผมเสร็จ  เขาก็มาบอกคนที่คุยกับผม  ให้ปล่อยรถผมไป
ตำรวจคนนันจึงคืนใบขับขี่  ปล่อยผมไปตามปกติ

จริงๆ   การติดไฟไซเรน และแตร์เสียงไซเรน  หากไม่ใช่  ตำรวจ  โรงพยาบาล ต้องทำเรื่องขออนุญาตครับ
มีการกำหนดสีว่า   สีแดง สำหรับ  ตำรวจเท่านั้น ส่วน สีแดง น้ำเงิน สำหรับ รถพยาบาลหรือกู้ภัย
แต่เดี๋ยวนี้  รถ อบต  เทศบาล บางคันก็สีแดง  บางคันก็สีเหลือง บางคันก็สีน้ำเงิน แดง   ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เคยถาม จนท ทำงานที่ อบต หรือ เทศบาล   เขาบอกสัญญาไฟฉุกเฉินพวกนี้  ไม่ได้ขออนุญาตเลย  ติดตั้งเอง
เพราะคนที่  กรมขนส่งทางบก เขาบอกมาว่า ถ้าจะขอใบอนุญาตพวกนี้  มันขอยากมาก      เขาบอกน่าจะหยวนๆกันได้
ส่วนพวกรถกู้ภัย โน่น นี่ทั้งหลายแหล่  เคยได้ยินมาว่า มีใบอนุญาต ครึ่งๆ เลยครับ

กลับมาเข้าเรื่องสติกเกอร์ผมว่า  มันช่วยได้เยอะนะครับ เจอพวก รถบ้าพลัง ชอบจี้ตูด  ไม่รู้จะรีบไปไหน
เขาเห็นสติกเกอร์ท้ายรถ เหมือนๆ จะไม่ค่อยอยากจะมายุ่งเท่าไหร่   
ถ้าท่านอยากติดตราตำรวจ แนะนำหาตรากระทรวงมาติดด้วยนะครับ ส่วนตราตำรวจก็เอาตราพวกตำรวจท่องเที่ยว ก็ได้
น่าจะทำให้พวกแก๊งมิจฉาชีพ ชั่งใจก่อน ก่อนลงมือ....

อ่อ  ผมอ่านเจอกระทู้นึงในเวป ต้องห้าม ในห้อง รัชดา ก็มีกระทู้เตือนภัย เรื่องแก๊งค์วีออสเบียดประกบ ทางลงใต้นะ เขาเจอแถวอำเภอทุ่งสง
เขาบอก พวกนี้ มีตราอัยการ  ติดหน้ารถซะด้วย  ชื่อ กระทู้ว่า "เมื่อผมโดน"แก๊งวีออสคู่"เล่นงาน...จนต้องยอมเสียเงิน" 


ผมอยากทราบพอดีเลยครับ ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ
ว่ารถพวกนักการเมืองหรือผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรานี่ กฏหมายเรามีกำหนดเรื่อง
เอื้อประโยชน์หรืออำนวยความสะดวกบนท้องถนนเอาไว้อย่างไรบ้างครับ
ถ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือ ขบวนคนสำคัญจากต่างประเทศ อันนี้เราคนธรรมดา
สามัญทั่วไปยังพอเข้าใจถึงความจำเป็นได้อยู่ครับ
แต่ถ้าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นี่ได้รับอภิสิทธิ์ได้แค่ไหนครับ

โดยเฉพาะพวกนักการเมืองเช่น สส ทั่วไปเนี่ย มีสิทธิ์แค่ไหนครับ
เพราะว่าหลายครั้งเลยที่ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่มีรถทั้งเก๋ง หรือมอเตอร์ไซต์
ของทำตำรวจมากวดไล่ เพื่อให้รถตู้คันดำ ๆ คันเดียวได้ไปก่อนในการจราจรอันแสน
คับคั่งของกรุงเทพ บางครั้งทั้งปาด ทั้งแทรก ผิดกฏจราจรอย่างโทนโท่
เห็นแล้วมันจี๊ด...น่ะครับ

มันเป็นธรรมเนียมแล้วนะครับ อย่าว่าแต่นักการเมืองเลยครับท่าน 
รถตำรวจ นำขบวน พวกจตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจร 
เดี๋ยวนี้เขารับจ๊อบอำนวยความสะดวกให้กับ นักธุรกิจ  ขบวนผ้าป่า  ขบวนม๊อบ  ด้วย

มีเงิน  ก็ซื้ออำนาจ และรู้จักนักการเมือง ตำรวจยศโต  เรื่องให้ตำรวจนำขวนเนี่ย จิ๊บๆครับ

หลักเกณฑ์ครับ

หลักเกณฑ์การขอรถนำขบวน

'วันที่ 30 เม.ย.พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ตำรวจทางหลวง กล่าวถึงหลักเกณฑ์การขอรถนำขบวนว่า ตามหลักเกณฑ์การขอรถนำขบวนของบุคคลสำคัญ หรือนักการเมือง หรือการใช้รถนำขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทยนั้น จะแบ่งเป็นแบบประจำปกติ โดยเป็นภารกิจปกติที่ต้องจัดรถนำขบวนโดยมิต้องร้องขอ สำหรับบุคคลสำคัญอย่างประธานองคมนตรีรัฐบุรุษ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา หรือผู้นำฝ่ายค้านในสภา ผู้แทนราษฎร ส่วนแบบขอเป็นครั้งคราวนั้น อย่างผู้แทนพระองค์พระราชอาคันตุกะ ประมุขของรัฐต่างประเทศ ผู้นำรัฐบาลต่างประเทศ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ องคมนตรี ขบวนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สุด สำหรับบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญของส่วนราชการต่างๆ ที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทางราชการ และเกรงว่าจะไม่ทันเวลา เช่น ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ผู้ว่าราชการจังหวัด
พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวต่อว่า นอกจากการขอรถนำขบวนจะแบ่งเป็นในเขตพื้นที่ กทม.และนอกพื้นที่ กทม.ที่จะต้องให้ ผบก.ตำรวจทางหลวง หรือผู้ได้รับมอบหมายจาก ผบก.ตำรวจทางหลวง มีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้ใช้รถตำรวจทางหลวงนำขบวนเป็นครั้งๆ ไป นอกจากนี้ในกรณีที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงขอรถนำขบวนนั้น จะอนุญาตแล้วแต่กรณีไป ซึ่งในกรณีของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อาจจะเกรงถึงเรื่องความปลอดภัย จึงอาจจะมีการร้องขอรถนำขบวนเข้ามา ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน สำหรับการที่บุคคลทั่วไปร้องขอรถนำขบวนมา ก็จะพิจารณาเป็นกรณีไปเช่นกัน แต่จะต้องดำเนินการขอล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนเดินทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามหนังสือสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร.0205/ว 189 ลงวันที่ 2 ต.ค.2544 ให้ถือปฏิบัติเรื่องหลักเกณฑ์การใช้รถตำรวจนำขบวนของบุคคลสำคัญ หรือนักการเมือง หรือการใช้รถนาขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทย ภายในพื้นที่ กทม.และนอกพื้นที่ กทม.ที่ให้ ผบก.ทางหลวง หรือผู้ได้รับมอบหมายจาก ผบก.ตำรวจทางหลวง มีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้ใช้รถตำรวจทางหลวงนำขบวนเป็นครั้งๆ ไป ตามความจำเป็นแห่งโอกาสสาหรับบุคคล ดังนี้
1.การใช้รถตำรวจทางหลวงนาขบวนเป็นประจาโดยปกติ ใช้สาหรับบุคคลในกรณีนี้ (เป็นภารกิจปกติที่ต้องจัดรถนาขบวนโดยมิต้องร้องขอ)ดังนี้ ประธานองคมนตรีรัฐบุรุษ , นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา (ประธานสภาผู้แทนราษฎร) รองประธานรัฐสภา (ประธานวุฒิสภา) ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุด , สมเด็จพระสังฆราช , รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ผู้แทนราษฎร และประธานกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และมีอำนาจหน้าที่ติดตามการปฏิบัติราชการในท้องที่ต่างๆ , ผู้เคยดารงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
2.การใช้รถตำรวจทางหลวงนำขบวนที่จะต้องอนุญาตให้ใช้เป็นครั้งๆ ไป ตามความจำเป็นแห่งโอกาสสาหรับบุคคล(เป็นกรณีจะต้องร้องขอ หรือสั่งการ และต้องอนุญาตตามระเบียบ) ดังนี้ ผู้แทนพระองค์พระราชอาคันตุกะ ประมุขของรัฐต่างประเทศ ผู้นารัฐบาลต่างประเทศ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ,องคมนตรี , ผู้นำทางศาสนาอื่น สมเด็จพระราชาคณะ , ขบวนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดของบุคคลในตำแหน่งหน้าที่สำคัญของส่วนราชการต่างๆ ที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทางราชการ และเกรงว่าจะไม่ทันเวลา เช่น ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้อานวยการสานักงบประมาณ เป็นต้น , ขบวนซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ตำรวจนำขบวนเพื่อความปลอดภัยของขบวน หรือความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนตามความจำเป็นแก่กรณี เช่น รถนักเรียน ขบวนรถซึ่งเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือพิธีการขบวนที่มีรถหลายคัน เป็นต้น หรือเป็นกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนของบุคคลผู้มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในทางราชการเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทางราชการ
3.หลักเกณฑ์การขอใช้รถตำรวจทางหลวงนำขบวน ที่จะต้องพิจารณาอนุญาต ซึ่งมีความจำเป็นต้องการขอใช้รถตำรวจทางหลวงนำขบวนตามวัตถุประสงค์ (เป็นกรณีที่บุคคลทั่วไปขอ ซึ่งจะต้องพิจารณาอนุญาตตามหลักเกณฑ์) ดังนี้ เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง หรือเส้นทางเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง , จำนวนรถในขบวน เช่น รถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 8 คัน รถยนต์เก๋ง จำนวน 10 คัน รถยนต์เก๋งและรถยนต์โดยสารไม่ประจำทางรวมกัน 10 คันขึ้นไป , ต้องมีรถวิทยุตรวจการณ์เพียงพอ และไม่กระทบภารกิจหลัก หรือการถวายความปลอดภัย รวมทั้งให้คำนึงถึงปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ประจำประกอบด้วย , หรือตามที่ ผบก.ทล.เห็นควร ทั้งข้อจำกัดในการขอรถนำขบวนในกรณีนี้ ต้องดำเนินการขอล่วงหน้าไม่น้อยกว่า7 วันก่อนวันเดินทาง

https://www.facebook.com/rawangpai/posts/340735935991180



อีกข่าว

ตร.ทางหลวงสำรวจ"รถนำขบวน"ทั่วประเทศช่วง 3 เดือน พบเกือบ 2,000 เที่ยวถูกนักการเมือง-หน่วยราชการ-สื่อ-พระสงฆ์-เจ้าภาพงานศพ แห่ขอใช้นำเพียบ เหตุอยากเท่-น่าเชื่อถือ เป็นเหตุให้ชาวบ้านด่ายับเมื่อมาถึงที่เกิดอุบัติเหตุล่าช้า

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ได้จัดสำรวจจำนวนรถยนต์ที่ถูกขอไปนำขบวนในเส้นทางต่างๆ ของประเทศ ในช่วงเดือน 3 เดือน คือ กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน พบว่ามีจำนวนรถยนต์สายตรวจของตำรวจทางหลวงถูกขอไปนำขบวนรวมทั้งสิ้น 1,795 ขบวน ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก หลังจากถูกร้องเรียนว่า ระหว่างเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์บนถนนหลวง ตำรวจทางหลวงจะมาถึงที่เกิดเหตุล่าช้า ทั้งๆ ที่สาเหตุหลักที่ตำรวจทางหลวงมาล่าช้านั้น มาจากจำนวนรถยนต์สายตรวจในเส้นทางต่างๆ ถูกขอไปใช้วิ่งนำขบวนต่างๆ บางครั้งรถยนต์สายตรวจจากเขตอื่นต้องไปปฏิบัติหน้าที่แทน ทำให้ไปถึงจุดเกิดเหตุล่าช้ากว่ากำหนดที่ควรจะเป็น

ข่าวแจงว่า การสำรวจครั้งนี้ได้สำรวจรถนำขบวนบนเส้นทางต่างๆ รวมทั้งสิ้น 5 ถนนสายหลัก ที่มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯสู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ประกอบด้วย 1.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. หรือสถานีตำรวจทางหลวงประตูน้ำพระอินทร์ เส้นทางสายพหลโยธิน พบว่าตำรวจทางหลวงนำขบวนทั้งสิ้น 805 ขบวน 2.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. หรือสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม เส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันตก มีจำนวน 528 ขบวน 3.ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล. หรือสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกง สำรวจเส้นทางบางนา-ตราด มีจำนวน 79 ขบวน 4.ส.ทล.พิเศษ 7 เส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี มีจำนวน 348 ขบวน และ 5.ส.ทล.พิเศษ 9 เส้นทางมอเตอร์เวย์บางพลี-บางปะอิน มีจำนวน 35 ขบวน

ข่าวแจ้งอีกว่า จากการสำรวจยังพบว่าหน่วยงานที่ขอให้รถสายตรวจตำรวจทางหลวงนำขบวนเป็นประจำ ประกอบด้วย นักการเมือง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนรัฐบาลต่างๆ มหาวิทยาลัย นักกีฬา ทหาร อัยการ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ รวมทั้งสื่อมวลชน ที่สำคัญตำรวจทางหลวงยังถูกขอไปใช้นำขบวนเคลื่อนย้ายหรือแห่ศพด้วย การที่รถสายตรวจของตำรวจทางหลวงถูกขอไปนำขบวนจำนวนมากนั้น ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ประสบปัญหา เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของตำรวจทางหลวงคือการให้บริการประชาชน แต่ทุกวันนี้บริการผู้ใช้ถนนได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธการนำขบวนเพราะหน่วยงานราชการเป็นผู้ประสานงานมา นอกจากนี้ ยังทำให้รถตำรวจทางหลวงไปถึงที่เกิดอุบัติเหตุล่าช้า ส่งผลต่อเนื่องคือทำให้ผู้ใช้ถนนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เกิดปัญหาอาชญกรรม รวมทั้งการจราจรติดขัด ทั้งๆ ที่แนวทางปฏิบัตินั้น รถตำรวจทางหลวง 1 คันจะครอบคลุมเขตการตรวจบนถนนหลวงประมาณ 50 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15-20 นาที แต่ปัจจุบันไปถึงช้ากว่ากำหนด เพราะรถสายตรวจถูกดึงไปนำขบวน และทำให้ภาพพจน์องค์กรเสียหาย

จริงๆ แล้วหน่วยงานส่วนใหญ่ที่ขอรถนำขบวนก็เพราะว่ากลัวเกิดอุบัติเหตุ แต่ความเป็นจริงแล้วหากผู้ขับรถใช้ความระมัดระวังรับผิดชอบตัวเอง และใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดก็ปลอดภัยอยู่แล้ว การมีรถนำเสียอีกที่บางครั้งเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุ เพราะการขับรถจี้ติดกันเป็นขบวนด้วยความเร็วสูงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าการขับขี่แบบอิสระ" รายงานข่าวระบุ

ข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะนี้ตำรวจทางหลวงกำลังอยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไขในการขอรถนำขบวน เบื้องต้นจะพิจารณาจากจำนวนรถ เช่น หากเป็นรถบัสจะต้องมีตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป เป็นต้น เพราะที่ผ่านมามีรถเพียงคันหรือสองคันก็ขอรถนำขบวนแล้ว เนื่องจากหน่วยงานบางแห่งอยากมีหน้ามีตาเวลาไปตรวจงานต่างจังหวัด เพื่อให้ดูเท่และน่าเชื่อถือ

ตร.ทางหลวงสำรวจ"รถนำขบวน"ทั่วประเทศช่วง 3 เดือน พบเกือบ 2,000 เที่ยวถูกนักการเมือง-หน่วยราชการ-สื่อ-พระสงฆ์-เจ้าภาพงานศพ แห่ขอใช้นำเพียบ เหตุอยากเท่-น่าเชื่อถือ เป็นเหตุให้ชาวบ้านด่ายับเมื่อมาถึงที่เกิดอุบัติเหตุล่าช้า

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ได้จัดสำรวจจำนวนรถยนต์ที่ถูกขอไปนำขบวนในเส้นทางต่างๆ ของประเทศ ในช่วงเดือน 3 เดือน คือ กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน พบว่ามีจำนวนรถยนต์สายตรวจของตำรวจทางหลวงถูกขอไปนำขบวนรวมทั้งสิ้น 1,795 ขบวน ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก หลังจากถูกร้องเรียนว่า ระหว่างเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์บนถนนหลวง ตำรวจทางหลวงจะมาถึงที่เกิดเหตุล่าช้า ทั้งๆ ที่สาเหตุหลักที่ตำรวจทางหลวงมาล่าช้านั้น มาจากจำนวนรถยนต์สายตรวจในเส้นทางต่างๆ ถูกขอไปใช้วิ่งนำขบวนต่างๆ บางครั้งรถยนต์สายตรวจจากเขตอื่นต้องไปปฏิบัติหน้าที่แทน ทำให้ไปถึงจุดเกิดเหตุล่าช้ากว่ากำหนดที่ควรจะเป็น

ข่าวแจงว่า การสำรวจครั้งนี้ได้สำรวจรถนำขบวนบนเส้นทางต่างๆ รวมทั้งสิ้น 5 ถนนสายหลัก ที่มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯสู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ประกอบด้วย 1.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. หรือสถานีตำรวจทางหลวงประตูน้ำพระอินทร์ เส้นทางสายพหลโยธิน พบว่าตำรวจทางหลวงนำขบวนทั้งสิ้น 805 ขบวน 2.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. หรือสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม เส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันตก มีจำนวน 528 ขบวน 3.ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล. หรือสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกง สำรวจเส้นทางบางนา-ตราด มีจำนวน 79 ขบวน 4.ส.ทล.พิเศษ 7 เส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี มีจำนวน 348 ขบวน และ 5.ส.ทล.พิเศษ 9 เส้นทางมอเตอร์เวย์บางพลี-บางปะอิน มีจำนวน 35 ขบวน

ข่าวแจ้งอีกว่า จากการสำรวจยังพบว่าหน่วยงานที่ขอให้รถสายตรวจตำรวจทางหลวงนำขบวนเป็นประจำ ประกอบด้วย นักการเมือง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนรัฐบาลต่างๆ มหาวิทยาลัย นักกีฬา ทหาร อัยการ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ รวมทั้งสื่อมวลชน ที่สำคัญตำรวจทางหลวงยังถูกขอไปใช้นำขบวนเคลื่อนย้ายหรือแห่ศพด้วย การที่รถสายตรวจของตำรวจทางหลวงถูกขอไปนำขบวนจำนวนมากนั้น ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ประสบปัญหา เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของตำรวจทางหลวงคือการให้บริการประชาชน แต่ทุกวันนี้บริการผู้ใช้ถนนได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธการนำขบวนเพราะหน่วยงานราชการเป็นผู้ประสานงานมา นอกจากนี้ ยังทำให้รถตำรวจทางหลวงไปถึงที่เกิดอุบัติเหตุล่าช้า ส่งผลต่อเนื่องคือทำให้ผู้ใช้ถนนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เกิดปัญหาอาชญกรรม รวมทั้งการจราจรติดขัด ทั้งๆ ที่แนวทางปฏิบัตินั้น รถตำรวจทางหลวง 1 คันจะครอบคลุมเขตการตรวจบนถนนหลวงประมาณ 50 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15-20 นาที แต่ปัจจุบันไปถึงช้ากว่ากำหนด เพราะรถสายตรวจถูกดึงไปนำขบวน และทำให้ภาพพจน์องค์กรเสียหาย

จริงๆ แล้วหน่วยงานส่วนใหญ่ที่ขอรถนำขบวนก็เพราะว่ากลัวเกิดอุบัติเหตุ แต่ความเป็นจริงแล้วหากผู้ขับรถใช้ความระมัดระวังรับผิดชอบตัวเอง และใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดก็ปลอดภัยอยู่แล้ว การมีรถนำเสียอีกที่บางครั้งเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุ เพราะการขับรถจี้ติดกันเป็นขบวนด้วยความเร็วสูงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าการขับขี่แบบอิสระ" รายงานข่าวระบุ

ข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะนี้ตำรวจทางหลวงกำลังอยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไขในการขอรถนำขบวน เบื้องต้นจะพิจารณาจากจำนวนรถ เช่น หากเป็นรถบัสจะต้องมีตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป เป็นต้น เพราะที่ผ่านมามีรถเพียงคันหรือสองคันก็ขอรถนำขบวนแล้ว เนื่องจากหน่วยงานบางแห่งอยากมีหน้ามีตาเวลาไปตรวจงานต่างจังหวัด เพื่อให้ดูเท่และน่าเชื่อถือ


ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 10:37:29 »
แต่พึงเสมอไว้ว่า

"หลักเกณฑ์ ใช้ไม่ได้กับประเทศไทยเสมอไป"

ออฟไลน์ WTF

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 12:02:14 »
เห็นบอกจะติดกันโจร แล้ววิ่งอยู่ภาคใต้ด้วย ตามข่าวพวกโจรมันชอบฆ่าตำรวจนี่ครับ แทนที่จะโดนโจนกระจอกไถเงิน จะกลายเป็นโดนกดระเบิดแสวงเครื่องเอารึเปล่าครับ คิดดีๆนะครับ  :-\

ออฟไลน์ chatier

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 22:55:04 »
ขอบคุณมากครับที่นำข้อมูลมาแชร์

บางเส้นทางผมเคยเห็นเป็นประจำทุกเช้า เหมือนนำขบวนไปส่งลูก
ไปโรงเรียนทุกเช้ายังไงไม่รู้
ประชาชนตาดำ ๆ ที่จ่ายภาษีอย่างเราก็ต้องก้มหน้าก้มตา เซ็ง กันต่อไป


ออฟไลน์ oak_s

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
Re: แก๊งเบียดรถกับสติ๊กเกอร์ตำรวจ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 23:50:52 »
เห็นบอกจะติดกันโจร แล้ววิ่งอยู่ภาคใต้ด้วย ตามข่าวพวกโจรมันชอบฆ่าตำรวจนี่ครับ แทนที่จะโดนโจนกระจอกไถเงิน จะกลายเป็นโดนกดระเบิดแสวงเครื่องเอารึเปล่าครับ คิดดีๆนะครับ  :-\


55555555 ผมลืมคิดเรื่องโจรใต้ไปเลยครับ สรุปว่าสติ๊กเกอร์ก็ยังไม่ใช่ทางป้องกันมิจฉาชีพที่ดี แล้วควรจะทำอย่างไรดีครับ?