เป็นเรื่องของดีไซน์เสียส่วนมาก เพราะถ้าว่ากันเรื่องสมรรถณะในรถที่มี 4 สูบหากจะทำสองท่อ ก็ไม่ได้ส่วนเพิ่มในเรื่องสมรรถณะมาก และโดยความจริงอาจจะมีข้อเสียด้วย
สมมติว่าใช้รถ 1.6 ลิตร 4 สูบ หากเดินเฮดเดอร์ 4-2-1 แล้วทำท่อ ก็ใช้ท่อเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 1.6-1.7นิ้วก็เหลือพอแล้ว ใหญ่กว่านั้นแรงตก (ไม่นับพวก1.6รอบจัดเกิน 7,000กับรถเทอร์โบนะ)
ถ้าจะเดินแยกสองท่อ มีได้สามอย่างคือ
1. เดินท่อเดี่ยวมาตลอด ถึงกลายคันหรือปลายคันค่อยแยกเป็นสองท่อ แบบนี้ ไม่ได้เรื่อง performance แถมอาจจะลดเพราะทางแยกของไอเสียตรงกลางมันทำให้ flow ไอเสียมีสปีดที่ลดลงตอนปลาย
2. ใช้หม้อพักปลายเดี่ยว แล้วแยกปลายออกสองอัน ก็ต้องใช้หม้อพักทรงพิเศษ กินเนื้อที่ยางอะไหล่ แล้วอะไรสำคัญกับคนทั่วไปมากกว่ากันระหว่างยางอะไหล่กับการมีท่อออกสองข้าง ถ้าดันยางอะไหล่ขึ้นบน ที่เก็บของก็น้อยลง น้อยบริษัทคงอยากจะทำ ยกเว้นว่าเป็นรถสปอร์ต
3. เดินแยกกันตั้งแต่เฮดเดอร์มา ก็คำนวณไม่ยาก เดินท่อแต่ละข้าง รถ1.6 ท่อแต่ละข้างก็รับภาระไอเสีย 800 ซี.ซี. ถามว่าจะใช้ท่อขนาดไหนมาทำ เล็กมาก เดินตามร้านท่อสมัยนี้ไม่มีใครทำ diameterเล็กๆขายเพราะรถที่ใช้ก็มีแต่มิร่า
ดังนั้นถ้าใช้ท่อเดียวแล้วให้ประสิทธิภาพดีกว่า ต้นทุนถูกกว่า ซ่อมง่ายกว่า ทำไมต้องทำสองท่อในรถตลาด? แบบนี้ล่ะครับ
พวกรถ Boxer หรือ V6 นี่นิยมทำกันเพราะช่วยให้ออกแบบเฮดเดอร์ได้โดยไม่ซับซ้อนมาก ใช้เฮดเดอร์เหล็กหล่อก็ได้ ในขณะที่ถ้าจะรวบท่อเดียว ก็จะมีเฮดเดอร์ที่ซับซ้อน (เช่น Impreza STi JDM ที่ท่อจะขดม้วนไม่เหมือนกัน และต้องยาวเท่ากัน)