ผู้เขียน หัวข้อ: มาตรฐานของการการทดสอบรถยนต์  (อ่าน 2135 ครั้ง)

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
มาตรฐานของการการทดสอบรถยนต์
« เมื่อ: มิถุนายน 05, 2014, 19:03:22 »
พอดีอ่านกระทู้เก่าๆ มีคนให้ความเห็นเชิงลบต่อผู้ที่ไม่ได้เลือกรถที่การขับขี่
จึงอยากให้ทาง ผู้บริหารเว็บ กำหนดคุณลักษณะของรถยนต์ จะได้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือก

ผมก็ไม่ทราบว่ามันควรจะมีอะไรบ้าง แต่น่าจะออกมาเป็น 5-6 หัวข้อใหญ่ๆ เป็นสเกล 1-10

เช่น คุณลักษณะของร้านอาหาร เพราะบางคนไม่ได้ไปทานเพราะรสชาด แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่นๆเช่น ได้เยอะ ร้านสวย คนเสริฟ์น่ารัก ฯลฯ

ถ้าให้ผมคิดคงเป็น
1.การขับขี่
2.ราคา
3.ขนาด
4.ความสะดวกสบาย
5.ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง + ค่าบำรุงรักษา

ประมาณนี้ครับ ไม่ทราบว่าท่านอื่นคิดเห็นอย่างไรครับ

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
Re: มาตรฐานของการการทดสอบรถยนต์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2014, 20:45:17 »
เค้ารีวิวไว้ให้เป็นข้อมูลเฉยๆ
ส่วนคนอ่านจะคิดยังไง ตัดสินใจยังไง มันคิดออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้หรอกครับ
เลือกรถ มันก็เหมือนเสื้อผ้า คนละคนกัน ใส่เสื้อตัวเดียวกัน อาจจะหล่อแตกต่างกันก็ได้ครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
Re: มาตรฐานของการการทดสอบรถยนต์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2014, 22:31:18 »
ค่าใช้จ่ายในทางเดินทาง
ทางเว็บก็ ลองคำนวณอัตราสิ้นเปลืองให้ทราบแล้วครับ

ส่วนค่าบำรุงรักษา
ผมคิดว่า ทางเว็บ ก็คงตอบเชิงลึกไม่ได้เช่นกัน
ผู้ใช้จริง ยังตอบลำบากเลยครับ บางคนนั่นเสีย บางคนนั่นพัง อุปกรณ์แต่ล่ะชิ้นก็ราคาต่างกันครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: มาตรฐานของการการทดสอบรถยนต์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2014, 12:30:43 »
1. การออกแบบภายนอก
2. การออกแบบภายใน
3. ความสบายภายในห้องโดยสาร (พื้นที่, การออกแบบเบาะ, การเก็บเสียง และสิ่งที่ส่งผลต่อความสุนทรีย์ในการโดยสารเพื่อความสบาย)
4. วัสดุที่ใช้ และอุปกรณ์ที่รถมีมาให้ (คุณภาพหนัง คุณภาพพลาสติก วิธีการเข้ารูป ประกอบ อุปกรณ์ต่างๆ เครื่องเสียง infotainment และระบบอำนวยความสะดวก)
5. ความปลอดภัย (ลักษณะการวางโครงสร้างความเสี่ยงต่ำ/สูง, ประสิทธิภาพของการเบรกชะลอความเร็ว, อุปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย, ลักษณะการปรับตั้งรถที่ก่อให้เกิดความปลอดภัยหรือความอันตราย)
6. อัตราเร่ง (การออกตัว, การแซง, การตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ขับ)
7. ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
8. ความนุ่มนวลของช่วงล่างในการขับขี่ใช้งาน
9. ความมั่นใจในยามขับขี่แบบโหดร้ายทารุณ
10. ความคุ้มค่าในภาพรวม /สิ่งที่ได้เทียบกับสิ่งที่ต้องจ่าย

10 ข้อนี้ไม่ได้เพิ่งคิด แต่ใช้เป็นเกณฑ์คัด BestDrive ตั้งแต่ครั้งแรกจนครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ..ผมไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ความคิดนี้ แถมยังจะสนับสนุนให้ลองเอาไปทำเป็นกระดาน Excel สำหรับให้คะแนนในแต่ละหัวข้อด้วยซ้ำไปสำหรับคนที่คิดจะซื้อรถ ถ้าอยากจะให้น้ำหนักแต่ละเรื่องต่างกันก็แค่ใส่ค่าของน้ำหนักแล้วเอาคะแนนไปคูณเหมือนกับวิธีคิดCreditหน่วยกิตทำเกรดเฉลี่ยก็ได้ครับ
สำหรับพวกเรา headlightmag ก็ให้คะแนนตามนั้น แต่คนอ่านมีสิทธิ์ที่จะรู้อุปนิสัยส่วนตัวของผู้ทดลองขับ เพราะบางด้านเราอาจจะไม่ได้เพ่งเล็งมาก แต่บางด้าน จะซีเรียสกับมันมาก อย่างผมนี่ไม่ค่อยอะไรมากกับเรื่องอัตราสิ้นเปลืองครับ น้ำมันลิตรละ100ถ้าต้องจ่ายผมก็จ่ายได้ ผมจึงไม่ละเอียดมากในเรื่องนี้ แต่เรื่องอัตราเร่งนั้นผมให้ความสำคัญ ในขณะที่จิมมี่จะให้ความสำคัญแบบบาลานซ์กันไปทุกๆเรื่อง แต่จะเป็นโรคประสาทมากกับการตอบสนองคันเร่งของรถ อย่าง Sonic ที่มันด่าเรื่องเกียร์ ผมขับแล้วกลับรู้สึกว่าเล่นได้ ทำความเข้าใจได้ และเรื่องเสียงรบกวน จิมมี่จะค่อนข้างรับได้ถ้ารถคันนั้นทำทุกอย่างได้ดี แต่เสียงรบกวนดัง..แบบนี้มันจะยอมๆรับได้

เวลาหาข้อมูล อย่าเชื่อพวกผมไปหมด เพราะคนเราให้ความใส่ใจกับบางเรื่องไม่เท่ากัน บางครั้งถ้าท่านดูในคลิปจะเห็นว่าผมกับจิมมี่ยังพูดถึงรถคันเดียวกันด้วยฟีลลิ่งที่ต่างกันด้วยซ้ำไป
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
Re: มาตรฐานของการการทดสอบรถยนต์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2014, 11:35:04 »
ผมเคยทำลงExcel รถแต่ละคันมีความโดดเด่นต่างกันเรียงตามลำดับการให้น้ำหนักก่อนจะซื้อรถสักคันคือ


1.ราคา - งบประมาณรุ่นรถที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับเรา

2.หรูหรา ภาพลักษ์ แบรนด์ - ในงบที่ใกล้เคียง Banz และ BM โดนเลือกก่อนรถทั่วไป

3.แรงม้า อัตราเร่งทุกย่าน - ไม่มีรถ 200 แรงม้าคันไหนราคาถูก

4.ขนาดรถ ความใหญ่ - คงไม่ต้องอธิบาย ทั้งมวลสารความปลอดภัยและประโยชน์ใช้สอย ภาพลักษ์อีกต่างหาก

5.ความสดและส่วนลด - บางรุ่นบางครั้งมีมูลค่าเกิน100,000

6.E85 - ภาษีรัฐบาลช่วยให้ราคารถไม่แพงแถมยังราคาน้ำมันถูกที่สุด (ลิตรละ24บาท)

7.ช่วงล่างและความสนุกในการขับ - สำคัญมากแต่กับหลายคนไม่สนใจ

8.ความสบายในห้องโดยสาร นุ่ม เงียบ - ยกตัวอย่างดีที่สุดตอนนี้คือ Teana เงียบเทียบชั้นS-Class

ข้ออื่นที่ไม่นำมาคิดให้ความสำคัญน้อยลงมาเพราะใกล้เคียงกัน เช่น ความประหยัดน้ำมัน(ประมาณ13-17โล/ลิตร) หรือระบบความปลอดภัยที่เดี๋ยวนี้มักจะให้ถุงลมและVSC ต่อไปคงจะมีทุกคัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2014, 11:46:35 โดย Activehybrid »