ผู้เขียน หัวข้อ: ++ เพราะอะไรแบรนด์รถยนต์อังกฤษถึงได้ตกไปอยู่ในมือต่างชาติหมดเลยครับ ++  (อ่าน 8556 ครั้ง)

ออฟไลน์ Severus Snape

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
MG, Rover, Jaguar, Bentley, Mini, Rolls-Royce, Aston-Martin,Lotus  มานั่งนับดูแล้วแบรนด์เยอะพอ ๆ กับเยอรมันกับญี่ปุ่นเลย แต่ไม่สามารถรักษาไว้ได้เลย ถูกขายทอดตลาดไปหมด
ทั้ง ๆ ที่เคยอ่านเจอมาว่าช่วง 50s 60s กว่า 60% ของยอดขายรถในอังกฤษเป็นของแบรนด์อังกฤษทั้งหมดเลย แอบเสียดายแทนคนอังกฤษ ไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกอะไรกันบ้างหรือเปล่า

ออฟไลน์ Tonaka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,706
คำตอบสั้นๆ คือเจ๊ง ครับ
阿蘇山

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
คนอังกฤษสมัยนั้นไม่ค่อยเก่งด้านบริหารมั้ง
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
มีคนเคยเขียนวิเคราะห์ไว้ครับ

ลอง search ดูนะครับ :D

ตอบสั้นๆ คือ ไม่ทนครับ พังง่าย

ออฟไลน์ 5thAvenue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,434
  • Hi!!!!
    • อีเมล์

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 913
1. บริหารจัดการไม่เก่งเท่าเยอรมัน
2. พังง่าย เสียง่าย เน้นหรูมากกว่าทนทาน
3. ราคาสูงกว่า

อีกอย่างคือ แบรนด์หลายๆอันของอังกฤษ เป็นแบรนด์เน้นความหรูหรา (Jaguar,Rolls,Bentley,AM) หรือแม้แต่ Land Rover ซึ่งตลาดค่อนข้างแคบ ขายได้กำไรเยอะก็จริงแต่ว่าไม่มากนัก ก็เลยต้องขายให้บริษัทอื่นช่วยเป็นทุนให้

Mass อย่าง Rover/MG ดีไซน์+คุณภาพการประกอบ ก็ไม่ได้ดีกว่าฝั่งเยอรมันเท่าไหร่ ความทนทานก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยดี (นึกเล่นๆว่า Toyota มี Defect เยอะกว่า Ford จะเป็น
ยังไง)

ออฟไลน์ cherubian

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
ผมไม่แน่ใจว่าได้ยินมาจากไหน
อาจจะพิธีกร Top Gear หรือพี่แพน
แต่ไม่แน่ใจนะครับ

เขาบอกว่าคนอังกฤษยึดติดอยู่กับความสำเร็จในอดีต
ถ้า VW เป็นของอังกฤษ
ทุกวันนี้ Beetle ก็จะยังเป็น Beetle ในแบบที่มันเคยเป็นตอนแรก

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
The Brits have long moved to financial sector since 1970s. During Maggie T's administration, almost all real sectors were neglected. 

Stroke8

  • บุคคลทั่วไป
The Brits have long moved to financial sector since 1970s. During Maggie T's administration, almost all real sectors were neglected.  

ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าผมเข้าใจคุณผิดหรือเปล่า

แต่ไอ้การที่รัฐบาลเข้าควบคุมการทำงานของบริษัท ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การถูกปล่อยปะละเลย ทอดทิ้ง "Neglected" ไปนะครับ แต่กลับการเป็นว่า บริษัทรถพวกนี้จะถูกปกป้อง ทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด จากพวกรัฐบาลเหล่านี้เอง ด้วยเหตุผลทางด้านการเมืองหรืออะไรก็ตามเถอะ ตัวอย่างหลักๆก็คงจะเป็นรถ Mini ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนหลายๆคนนี่เอง รถที่ไม่เคยถูกอัพเดท ไม่เคยถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม ไมเนอร์เชนจ์นิดๆหน่อยๆ ทำเครื่องให้ผ่านกฎหมายมลพิษในบ้านเมืองตัวเองได้เป็นพอ ก็ลากขายกันได้ยาวนานกว่าสี่สิบปี แล้วถึงแม้จะขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ขายออกมาจนน่าจะคุ้มทุน Tooling แล้วก็อะไรๆแล้ว แต่ British Leyland จริงๆกลับไม่เคยทำกำไรกับไอ้รถ Mini นี่ได้เลย ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ชอบ Mini ด้วยเหตุผลนี่เองครับ เงินภาษีชาวอังกฤษต้องเสียไปกับมันก็มีมากอยู่พอตัว แถมบริษัทเอกชนเอง ก็อาจจะพบเจอปัญหาการช่วยเหลือจากรัฐบาลในแนวทางการเปลี่ยนกฎหมายแต่ละข้อให้ทำงานได้ลำบากขึ้นอีกต่างหาก

เคยมีคนกล่าวไว้ครับ (ใครรู้ผมนับถือนะ) ว่า Jaguar XJS เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยไอเดียและวิธีการที่เทียบได้กับ Cottage pie ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แล้ว British Leyland ก็เลือกใช้เนื้อสุนัขมาทำ

ผมว่าไอ้คำกล่าวนี้มันบอกได้เกี่ยวกับหลายๆสิ่งของอุตสาหกรรมรถยนต์อังกฤษครับ แต่ผมบอกได้เลยว่า ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง ที่ทำให้มันล่มจม

แล้วไอ้ธุรกิจที่รัฐบาลมาบริหารนี่ ก็ไม่ได้จะแย่ การันตีว่าล่มจมไปหมดนะครับ แค่"เกือบ"ทั้งหมด

ส่วนถ้าจะถามว่ารถอังกฤษ เน้นหรูไหม ผมก็คงต้องตอบเหมือนเดิมว่า ไม่ครับ รถอังกฤษมักจะราคาถูกกว่า หรืออย่างน้อยก็จะเท่าๆกับ รถจากชนชาติอื่นๆ ในทุกเซกเมนท์เลยทีเดียว (นั่นก็จนกระทั่งถึงยุคของรถญี่ปุ่น ที่นอกจากจะ "ถูกกว่า" แต่ก็ยังทนทาน เชื่อถือได้อีกต่างหาก ถ้าไม่นับเรื่องตัวถังที่สนิมกินได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่รถอังกฤษในยุคเดียวกันก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปเสียเท่าไหร่) แล้วก็อย่าลืมครับ ว่ารถอังกฤษในยุคนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับรถฝรั่งเศส หรือรถอิตาเลี่ยน ก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียเท่าไหร่ รถเยอรมันเมื่อก่อน ก็ทนกว่าจริงๆครับ แต่ถ้าเกิดเลือกได้ ผมคงจะเลือก Jaguar หรือ Alfa Romeo ยุค 60 แทนที่จะเป็น BMW หรือ Mercedes-Benz จากยุคเดียวกัน (ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยเหตุผลหลายๆด้าน ผมเลือกไม่ได้)

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
บริษัทอนุรักษ์นิยมเกินไป ผลิตมาตอบสนองคนอังกฤษแต่ไม่ตอบสนองโลก กำไรจะเอามาจากไหน
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,051
The Brits have long moved to financial sector since 1970s. During Maggie T's administration, almost all real sectors were neglected.  

ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าผมเข้าใจคุณผิดหรือเปล่า

แต่ไอ้การที่รัฐบาลเข้าควบคุมการทำงานของบริษัท ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การถูกปล่อยปะละเลย ทอดทิ้ง "Neglected" ไปนะครับ แต่กลับการเป็นว่า บริษัทรถพวกนี้จะถูกปกป้อง ทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด จากพวกรัฐบาลเหล่านี้เอง ด้วยเหตุผลทางด้านการเมืองหรืออะไรก็ตามเถอะ ตัวอย่างหลักๆก็คงจะเป็นรถ Mini ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนหลายๆคนนี่เอง รถที่ไม่เคยถูกอัพเดท ไม่เคยถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม ไมเนอร์เชนจ์นิดๆหน่อยๆ ทำเครื่องให้ผ่านกฎหมายมลพิษในบ้านเมืองตัวเองได้เป็นพอ ก็ลากขายกันได้ยาวนานกว่าสี่สิบปี แล้วถึงแม้จะขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ขายออกมาจนน่าจะคุ้มทุน Tooling แล้วก็อะไรๆแล้ว แต่ British Leyland จริงๆกลับไม่เคยทำกำไรกับไอ้รถ Mini นี่ได้เลย ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ชอบ Mini ด้วยเหตุผลนี่เองครับ เงินภาษีชาวอังกฤษต้องเสียไปกับมันก็มีมากอยู่พอตัว แถมบริษัทเอกชนเอง ก็อาจจะพบเจอปัญหาการช่วยเหลือจากรัฐบาลในแนวทางการเปลี่ยนกฎหมายแต่ละข้อให้ทำงานได้ลำบากขึ้นอีกต่างหาก

เคยมีคนกล่าวไว้ครับ (ใครรู้ผมนับถือนะ) ว่า Jaguar XJS เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยไอเดียและวิธีการที่เทียบได้กับ Cottage pie ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แล้ว British Leyland ก็เลือกใช้เนื้อสุนัขมาทำ

ผมว่าไอ้คำกล่าวนี้มันบอกได้เกี่ยวกับหลายๆสิ่งของอุตสาหกรรมรถยนต์อังกฤษครับ แต่ผมบอกได้เลยว่า ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง ที่ทำให้มันล่มจม

แล้วไอ้ธุรกิจที่รัฐบาลมาบริหารนี่ ก็ไม่ได้จะแย่ การันตีว่าล่มจมไปหมดนะครับ แค่"เกือบ"ทั้งหมด

ส่วนถ้าจะถามว่ารถอังกฤษ เน้นหรูไหม ผมก็คงต้องตอบเหมือนเดิมว่า ไม่ครับ รถอังกฤษมักจะราคาถูกกว่า หรืออย่างน้อยก็จะเท่าๆกับ รถจากชนชาติอื่นๆ ในทุกเซกเมนท์เลยทีเดียว (นั่นก็จนกระทั่งถึงยุคของรถญี่ปุ่น ที่นอกจากจะ "ถูกกว่า" แต่ก็ยังทนทาน เชื่อถือได้อีกต่างหาก ถ้าไม่นับเรื่องตัวถังที่สนิมกินได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่รถอังกฤษในยุคเดียวกันก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปเสียเท่าไหร่) แล้วก็อย่าลืมครับ ว่ารถอังกฤษในยุคนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับรถฝรั่งเศส หรือรถอิตาเลี่ยน ก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียเท่าไหร่ รถเยอรมันเมื่อก่อน ก็ทนกว่าจริงๆครับ แต่ถ้าเกิดเลือกได้ ผมคงจะเลือก Jaguar หรือ Alfa Romeo ยุค 60 แทนที่จะเป็น BMW หรือ Mercedes-Benz จากยุคเดียวกัน (ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยเหตุผลหลายๆด้าน ผมเลือกไม่ได้)


ผมชอบอ่านความเห็นของคุณ Stroke8 เสมอ
ข้อมูลแน่น ความรู้เพียบ  ;D


ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport

ที่ผ่านมาผมมีคำถามว่าระหว่าง evoque กับ q5 ผมควรเลือกอะไรดี เนื่องจากดูreviewของtop gearที่ทำreview evoqueที่vegus. ตอนนั้นใจคิดว่ายังไงมันน่าจะดีกว่าq5
แต่พอถามช่างซ่อมรถเค้าตอบไม่ลังเลว่าเลือกq5ดีกว่า เหตุผลคือถ้าไปไหนไกลๆเกิดอะไรเสีย ช่างaudiถึงจะเคยทำรุ่นเก่าก่อนก็ยังพอทำให้วิ่งกลับมาได้แต่ถ้าevoque เรียกรถสไลด์ทางเดียว เลยถามเพื่อนอีกคนเป็นต่างชาติที่อยู่ในวงการรถ ตอบไม่ลังเลเหมือนกันว่าq5 เหตุเพราะเพิ่งขับevoqueก่อนมาไทยไม่กี่วัน อากาศเอเชียขับไปชิ้นส่วนภายในดังกรอบแกรบ เลยรู้สึกว่าไม่เหมาะกับการใช้งาน
ตอนนี้ผมเลยมองq5อย่างเดียว พอเจอคำถามของ  จขกท เลยคิดว่าที่ว่ารถที่คนอังกฤษออกแบบเค้าอาจไม่คิดถึงworldwideมากนักเลยทำให้ผลที่ออกมาส่วนตัวคิดว่า "สวยแต่รูป" ครับ

ออฟไลน์ sayhinet

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
    • อีเมล์
ถ้าเป็นผมนะ ขอให้เป็นเจ้าตลาดรถกะบะ กับรถเก๋งขนาดเล็ก ในเมืองไทยก็พอใจละ โรงงานตั้งในไทย ขายในไทยถูกกว่าเจ้าอื่น อาจมีขายไปประเทศเพื่อนบ้านบ้าง ฮาฮา

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
ผมก็ชอบความเห็นของพี่ Stroke8 เช่นกันครับ หลายๆ เม้นก่อนหน้า ได้ความรู้เพียบเลย โดยเฉพาะรถฝั่งอังกฤษ :)

ถ้าจะว่ากันจริงๆ ไม่เฉพาะแต่บริษัทรถยนต์ที่โดนซื้อหรือควบรวมกิจการครับ ธนาคาร บริษัทเอกชนหลายๆ แห่ง ก็โดนต่างชาติเทคไปเยอะทีเดียวครับ ไม่ก็คนชาติอื่นไปนั่งแท่นผู้บริหารระดับสูงแทนที่จะเป็นคนอังกฤษเอง (ไม่นับสก๊อต เวลส์ นะครับ ผมหมายถึงชนชาติอื่นจริงๆ แบบอินเดีย เยอรมัน อเมริกัน จีน ฯลฯ) ไหนจะสโมสรฟุตบอลใหญ่ๆ อย่างแมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี แมนซิตี้ นิวคาสเซิ่ล เจ้าของหรือประธานก็ตกอยู่ในมือชาติอื่นหมดแล้ว ไม่นับสโมสรเล็กๆ นะครับ ตรึมเลยล่ะ

คำถามคือ ทำไมอังกฤษถึงโดนต่างชาติยึดสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร คำตอบที่พอเป็นไปได้ คือคนอังกฤษเป็นคนประเภทอนุรักษ์นิยม อีโก้จัด หัวสูง ยกชาติตัวเองว่าแน่ที่สุดในปฐพี ชาตินิยมจัด (แนวๆ คลั่งชาติ) แล้วก็เด็ดสุดคือ "บริหารงานไม่เป็น" เก่งแต่สร้างหนี้ แต่สร้างรายรับให้สมดุลกับรายจ่ายไม่ได้ ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆ มันโคตรยากครับ  สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ต่างชาติสามารถเข้ามาจัดการเขมือบกิจการได้สบายๆ

ผมไม่เชี่ยวด้านการบริหารรถยนต์อังกฤษซักเท่าไหร่ ขออธิบายด้วยเรื่องฟุตบอลแทนแล้วกัน เริ่มจากเทียบสิ่งที่ดีที่สุดก่อนนะครับ ทีมฟุตบอลสโมสรในเยอรมันนี (เปรียบได้กับบริษัทรถเยอรมัน) เน้นสร้างนักเตะจากชาติตัวเองเป็นหลักมายาวนาน ใครเป็นแฟนอินทรีเหล็กคงทราบดี ว่าทีมชาติจะไม่ขาดแคลนนักเตะฝีเท้าดี ที่ถูกป้อนโดยตรงจากสโมสรในประเทศ การซื้อขายนักเตะระหว่างสโมสรก็จะเน้นชนชาติตัวเองเป็นหลัก ยกเว้นตำแหน่งสำคัญขาดแคลนจนกระทบ performance ของทีม ถึงจะยอมเจียดเงินไปคว้าดาวดังจากลีกอื่น หรือเป็นชาติอื่นครับ

การจัดการของสโมสรเกือบทั้งหมดในเยอรมันนี พวกบาเยิร์น ดอร์ทมุนด์ ชาลเก้ ทำนองนี้ จะเน้นความสมดุลของงบบัญชี งบประมาณรวมของสโมสร พูดง่ายๆ คือไม่ใช้จ่ายมือเติบเกินตัว มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย อาจจะทุ่มไปที่การสร้างรากฐานระยะยาว เช่นการเน้นดันเยาวชนเป็นหลัก ปรับปรุงมาตรฐานสนามซ้อม ทีมแพทย์ จ้างโค้ชฝีมือดีมาคุมทีมชุดต่างๆ ทีมชุดใหญ่ก็ใช้โค้ชชาติตัวเองนั่นแหละเก่งๆ เพียบ ยุคนี้ต้องยกให้เยอร์เก้น คลอปป์ ประมาณนี้

ค่าตั๋วที่สมเหตุสมผล การดึงกองเชียร์ให้เต็มทุกสนาม ที่เยอรมันนีคืออันดับหนึ่งของโลกในด้านนี้ครับ การจัดการเป็นเลิศ ผมเองเป็นแฟนกัลโช่ กับพรีเมียร์ ยังโคตรทึ่งกับจำนวนผู้ชมในสนามที่เต็มแทบทุกนัด เชียร์กันสนั่นหวั่นไหว แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี มีวินัยของชาติ คล้ายๆญี่ปุ่นนั่นแหละ (เอ ต้องญี่ปุ่นคล้ายเยอรมันซินะ) มันส่งผลถึงบริษัทชั้นนำของเยอรมัน ที่แทบไม่เพลี้ยงพล้ำให้ชาติใดมาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแทนตัวเองครับ เพราะหลักการบริหารหลักๆ แทบจะพิมพ์เดียวกันเลย แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทุจริต คอร์รัปชั่นนะครับ เพราะก็จะเรื่องทำนองนี้แพลมผุดมาเนืองๆ เพียงแต่มีน้อยเท่านั้นเอง ล่าสุดก็อูลี่ เออร์เนส ประธานสโมสรบาเยิร์น โดนข้อหาหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยอมรับ

ชาติที่วิบัติจริงๆ ไม่ใช่อังกฤษ (แต่ก็เกือบ เห็นได้จากทีมชาติ) แต่คืออิตาลีนั่นเอง สโมสรฟุตบอลในกัลโช่ ล้มละลายไม่เป็นท่า เพราะเน้นนำเข้าซุปตาร์นานาชาติไม่อั้น ไม่รู้แต่ละสโมสรไปตายอดตายอยากที่ไหนดูดสตาร์แม่งทุกรอบการซื้อขาย จนเปรียบเสมือนกัลโช่ ซีเรอา ยุค 90 เป็นฮอลลีวู้ดแห่งวงการฟุตบอลครับ เรื่องราวความเน่ามันมาโผล่ช่วงกลางๆ ยุค 2000 ที่ปาร์ม่า เจอความอัปรีย์ของสโมสรใหญ่ของประเทศเล่นงาน (หนึ่งในนั้นก็มีอดีตนายกอิตาลี ที่เป็นเจ้าของทีมที่คุณน่าจะรู้ว่าทีมอะไร เผอิญผมเป็นแฟนเดนตายทีมนั้นด้วย) เล่นงานจนบริษัทปาร์ม่าลัต (เจ้าของปาร์ม่าแฮม) ผู้ถือหุ้นใหญ่สโมสร
เจ๊งบ้งเลยล่ะครับ แต่บาปกรรมก็ตามติด จนเกิดคดีกัลโช่ โปลี หรือการล้มบอลที่ฉ่าวที่สุดในวงการฟุตบอลของโลกก็ว่าได้ครับ

ส่วนอังกฤษขอเป็นอันถัดไปครับ rep อันนี้ชักยาวเกิน เดี๋ยวตาลายกัน

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
กลับมาที่อังกฤษ ตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ ลีค ในฤดูกาล 1992/93 มาแทนที่ฟุตบอล ดิวิชั่น 1 เดิม ที่ซบเซาสุดจะทานทนหลังเหตุการณ์ Heysel Stadium ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ยูเวนตุส ในรอบชิงยูโรเปี้ยน คัพ (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) เป็นต้นเหตุของวิกฤตทีมชาติอังกฤษ นั่นเอง

แรกเริ่มเดิมที การเปิดศักราชพรีเมียร์ ลีค ทำท่าจะไปได้สวย แต่มันก็มีเค้าลางบอกเหตุบางอย่างว่า ทีมชาติ อังกฤษจะพบกับความยากลำบากในการเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 นับตั้งแต่ปี 1966 จนบัดนี้ ก็ยังห่างไกลแชมป์เหลือเกิน เค้าลางที่ว่าก็คือการนำเข้านักเตะต่างชาติครับ

ผมเองไม่แน่ใจว่าทีมไหนเป็นคนเริ่มเทรนด์นี้ แต่เชลซี (ผมก็เป็นแฟนทีมนี้) รวมทั้งอาร์เซน่อล ได้เริ่มนำเข้าผู้จัดการทีมต่างชาติมาก่อนเลย มาแทนเกล็น ฮอดเดิ้ล ซึ่งจะไปคุมทีมชาติอังกฤษช่วงปี 1996 คนนั้นคือรุท กุลลิทชาวดัชท์ อดีตสามทหารเสือ ประจำเอซี มิลานยุครุ่งเรือง และอาร์แซน เวนเกอร์อดีตกุนซือโมนาโกมาคุมอาร์เซน่อลครับ

หลังจากกุลลิทเข้ามา ก็เริ่มดึงนักเตะจากกัลโช่ที่เริ่มเข้าช่วงโรยแต่เก๋า เช่นโซล่า วิอัลลี่ ดิมัตเตโอ กุส โปเยต์ เป็นต้น ซึ่งสเปอร์ส และ อาร์เซน่อลก็เริ่มนำเข้านักเตะต่างชาติเช่นกัน นิวคาสเซิ่ลก็เอากับเข้าด้วย ทีนี้เลยซื้อกันชิบหายวายป่วงกันเลยทีเดียว จนพรีเมียร์ ลีค ตีตื้นด้านความนิยมในโลกฟุตบอลครับ โดยหารู้ไม่ว่า ทีมชาติมันจะบรรลัยก็คราวนี้

แมนยูประสบความสำเร็จมาตลอดยุค 90 จนมาได้แชมป์ ucl ปี 1998/99 แบบโคตรปาฏิหารย์เหนือบาเยิร์น มิวนิค (อังกฤษเหนือเยอรมันแล้วเหรอ?) จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ แมนยูชุดนั้นใช้แกนหลักเป็นนักเตะอังกฤษและสหราชอาณาจักรเกือบทั้งทีม มีระบบเยาวชนที่ดี และไม่ยอมแพ้ สู้จนวินาทีสุดท้าย เป็นคีย์สำคัญในชัยชนะครั้งนั้น

เออ ผมลืมพูดถึงอย่างนึงคือคนอังกฤษขาดวินัยครับ พวกเค้าเป็นชนชาติที่ยังมีความเป็นศิลปินในตัว คล้ายๆ ประเทศสารขันฑ์ วงการเพลง หนัง ศิลปะของอังกฤษถึงไม่เป็นสองรองใครไงครับ แต่มันคงไม่ดีถ้ามีคนแบบนี้จำนวนมากในเรื่องธุรกิจที่เน้นความมั่นคง ยั่งยืน จริงมั๊ย?

แมนยูภายใต้เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงคอนเซปต์เดิม คือเน้นปั้นดาวรุ่ง ไม่เน้นซุปตาร์ เห็นมั๊ยครับ มันคล้ายๆ ของเยอรมันนี่หน่า แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมแมนยูถึงต้องเปลี่ยนเจ้าของไปอยู่ในมือตระกูลเกลเซอร์ล่ะ

ก็เพราะความลุแก่อำนาจของ John Magnier และ J.P. McManus สองนักธุรกิจชาวไอริช (ไอร์แลนด์ผมจัดว่าเป็นชนชาติที่เกี่ยวเนื่องกับสหราชอาณาจักรครับ ถึงจะไม่โดยตรงเท่าไอร์แลนด์เหนือ แต่ก็มีความเกี่ยวเนื่องอยู่ดี) จะขับไล่ ลดทอนอำนาจเซอร์อเล็กซ์ จนเป็นเหตุให้มัลคอร์ม เกลเซอร์ นักธุรกิจชาวอเมริกันถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แต่เพียงผู้เดียวครับ และแมนยูก็ครองความยิ่งใหญ่มาจนหมดยุคเซอร์กันเลยทีเดียว แม้แฟนผีจะขนานนามตระกูลนี้ว่าปลิง 55

หลายท่านคงจำลีดส์ได้ช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 เมื่อก่อนเคยได้ชื่อว่าทีมพลังหนุ่มเฟี้ยวซ่าส์ สู้ไม่ถอย เกรียงไกรไปทั่วยุโรปเลยเชียวล่ะ แต่มาแพ้ภัยตัวเองที่บอร์ดบริหารนำทีมโดย Peter Ridsdale ที่ทะเยอทะยานเกินเหตุ ซื้อนักเตะเป็นว่าเล่น ถึงขนาดกู้มาซื้ออ่ะคุณ แล้วความซวยมาเยือน คือลีดส์ดันไปจบอันดับ 5 อดไปยุโรปถ้วยใหญ่ ก็ม่องสิครับ ทีนี้เลยต้องมานั่งขายนักเตะกินแล้วกินเล่า จนในที่สุดทีมก็ตกชั้น ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น จนบัดนี้ยังเลื่อนชั้นขึ้นมาไม่ได้

เชลซี ไม่พูดไม่ได้ 55 ในฐานะที่รวมนักเตะต่างชาติไว้ในทีมมากที่สุดในอังกฤษตลอดกาล แม้แต่อาร์เซน่อลว่าเยอะแล้วยังยอม ท่านอดีตประธานเคน เบทส์ คอยกว้านซื้อนักเตะสูงวัย ฝีเท้าค่อนข้างดีมาร่วมทีมอยู่เสมอ ซื้อจนทีมเป็นหนี้ แถมยังทะเยอทะยานจะสร้างโรงแรม ศูนย์ธุรกิจ บันเทิง ครบวงจรแบบที่เรอัล มาดริดทำ แต่นั่นประธานเค้าอภิมหารวย วิสัยทัศน์ไกล สโมสรก็ดังระดับตำนาน แบบนี้มันก็หนี้ท่วมเละเทะไง

เดชะบุญที่เชลซีจบอันดับ 4 โดยการเอาชนะลิเวอร์พูลนัดสุดท้าย แล้วได้ไปยุโรปถ้วยใหญ่ ทำให้สโมสรไม่ล้มละลาย มิเช่นนั้นก็คงจะตกชั้นตามลีดส์ไปในปี 2003/04 นั่นแหละ

การเทคโอเวอร์เชลซีของอภิมหาเศรษฐีรัสเซีย โรมัน อบราโมวิช ทำให้แกทุ่มดึงนักเตะสารพัดชาติ (คือเดิมแม่งก็สารพัดแล้ว) ด้วยทุนไม่อั้น เหมือนเครื่องผลิตแบงค์ จวบจนทุกวันนี้ นักเตะแกนหลักที่โรยรา ก็ถูกแทนที่ด้วยนักเตะที่ทุ่มซื้ออีกแล้ว (คือมึงจะไม่กะปั้นเลย ปั้นแล้วส่งออกไปให้เยอรมัน สเปนใช้สบาย เออดี เหมือนบริษัทรถอังกฤษเปี๊ยบ) แล้วไอระบบที่ว่าเนี่ย ส่งผลให้แทบทุกทีมในพรีเมียร์ ต้องซื้อนักเตะครับ เพราะไม่งั้นจะตามไม่ทัน

ที่มาของหายนะของทีมชาติ คือตรงนี้ครับ นักเตะอังกฤษฝีเท้าดีแจ้งเกิดไม่ได้ หรือมีก็เป็นแค่ตัวดาดๆ ทั่วไป เพราะไม่มีโอกาสพัฒนาฝีเท้านั่นเอง จะโทษใครไม่ได้จริงๆ ต้องโทษคนอังกฤษด้วยกันเองที่ปล่อยให้ต่างชาติชุกมือเปิบตีกินแบบนี้ ผมว่าพวกคุณก็ต้องรองบ่อนต่างชาติไปเรื่อยๆ ล่ะครับ ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนอะไรซะบ้าง

วงอังกฤษดังๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ยืดครับ อีโก้จัด ตีกันตายโหง แยกทางให้เห็นเรื่อยๆ

ลองมาวิเคราะห์ในสิ่งที่ผมนำเสนอ กับวงการรถยนต์อังกฤษ แล้วท่านจะเห็นความเหมือนในความแตกต่างครับ :)

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,051
.
.
.
ลืมแสดงความคิดเห็นเลย มัวแต่อ่านความเห็นท่านอื่นๆเพลิน

ส่วนตัวผมคิดว่ามีหลายปัจจัยครับแต่หลักๆเลยก็คือทำรถสู้คนอื่นเค้าไม่ได้
แถมยังบริหารไม่เป็น และอีกข้อที่ผมว่ามีส่วนมากๆคือ คนอังกฤษ
ที่ดูเหมือนจะชาตินิยม แต่ถ้าใครเคยไปอยู่ดูจริงๆจะรู้ว่าไม่เลยครับ
พวกเค้าค่อนข้าง open เลย  คือขายอะไรที่ดูเป็นอังกฤษให้ต่างชาตินี่
สบายมาก ทั้งบริษัทรถ ทั้งสโมสรฟุตบอล ขอแค่ให้ขายไปแล้วดีขึ้นก็พอ
พวกเค้าไม่มีปัญหาเลย

แต่ถึงจะเห็นว่าคนประเทศเค้าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้
แต่มีอยู่ข้อนึงที่อังกฤษเจ๋งมากๆครับ
คือ พวกเค้าไม่เคยแพ้สงครามไม่ว่าที่ไหนมากว่า 2,000 ปีแล้ว
เป็นประเทศเดียวในโลกเลยที่ทำได้แบบนี้   ;D


ออฟไลน์ Mark_UK

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 311
ผมจบตรีที่ฮอนแลนด์ อยู่ที่นั่นมา 5 ปี  ไปเที่ยวเยอรมันบ่อยๆ
ตอนนี้มาต่ออังกฤษ อยู่ได้ 3 ปีกว่า
ขอบอกว่า เห็นด้วยกับท่านอื่นๆคับ คนอังกฤษอีโก้สูงมากกกก
อนุรักษ์นิยมจริงคับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าประวัติศาสตร์เขารุ่งเรืองจริงๆ
เหมือนตอนนี้ยังกินบุญเก่ากันอยุ่
หัวหมอ พูดอะไร ทำอะไร จะชอบทำตัวเก่งไว้ก่อน
ชอบดูถูกคนอื่นทั้งคนอังกฤษด้วยกันด้วย
เวลาพูดคุยกันนี่ ปากว่า ตาขยิบ ปากชมแต่ใจด่าก็เยอะมากๆ
ไม่จริงใจและตรงๆเหมือนคนฮอนแลนด์
ระเบียบ วินัย ผมให้แพ้พวกยุโรปกระจุยคับ โดยเฉพาะ ฮอนแลนด์ เยอรมัน

ที่สำคัญเดี๋ยวนี้เชื้อชาติอังกฤษถูกปนกับชาติอื่นๆเต็มไปหมด โดยเฉพาะอินเดีย ปากี คนดำ บลาๆๆ

ออฟไลน์ balliblue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
ผมชอบความเห็นในนี้ครับ ทำให้รู้สังคมและวัฒนธรรมของแต่ละชาติ

ผมว่าอังกฤษก็เหมือนคนไทยแหละ คือ ประวัติศาสตร์มันสอนเราว่าเราอยู่เหนือ เราเป็นผู้นำ อังกฤษเชื่อว่า ข้าเป็นหนึ่งในโลกและยุโรป
ไทยเราคิดว่า เราเจ๋งสุดในเอเซียอาคเนย์  ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว ตอนนี้เราต้องหัดมาพัฒนาตัวเองให้มากๆเพื่อให้อยู่เหนือต่อไป

เหมือนคำกล่าวว่า การเป็นที่หนึ่งว่ายากแล้วแต่การรักษาที่หนึ่งไว้ยากกว่า  

แต่ผมว่าเรื่องนี้มันก็เป็นวัฎจักรนะ อย่างสมัยก่อนยุโรป ถือว่าเจริญที่สุด พอหลังสงครามเปลี่ยนมือจากอังกฤษเป็นอเมริกา พอยุคนี้ อเมริกาเน่า ก็กลายเป็น จีน ญี่ปุ่น แทน





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2014, 13:26:25 โดย balliblue »

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 961
ผมมองว่าอังกฤษนิสัยเหมือนเมืองไทยคือผลิตอะไรได้แล้วก็จะเชยชมกับสิ่งนั้นจนไม่พัฒนาต่อ
เช่น บ่องไฟพญานาค ถ้ามีการคิดและพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ผมว่าประเทศไทยสามารถผลิต
จรวดได้เองนานแล้ว
กลับเข้าเรื่อง จะสังเกตุได้ว่ารถยนต์ฝั่งอังกฤษแทบทุกแบรนด์เลย การออกแบบดีไซน์จะวนไปวนมา
ไม่ไหน หลายคนอาจมองว่ามัน classic แต่อีกหลายๆ คนมองว่ามันสวยสู้คู่แข่งไม่ได้
ตัวอย่างเช่น Mini, Land Rover, Aston martin, Bentley, RR, Jaguar พวกนนี้ก่อนโดนเทค
การออกแบบมันไม่ไปไหนเลย มันไม่ก้าวกระโดดแบบฝรั่งเยอรมัน ยิ่ง Aston Martin นี่ยิ่งหนัก
ผลิตรถมาได้ไงรถ v12 6.0 510 ม้า! มันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนหัดมากๆ ในขณะทีีทั้งโลก
เครื่อง v12 ม้าเขาจะเกิน 700 ตัวกันหมดแล้ว!

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
อ่านกระทู้นี้แล้วได้สาระมากครับ

ส่วนรถอังกฤษผมเองก็ยังไม่เคยนั่งอย่างจริงจัง ถ้าไม่นับลอนดอนแค็ปที่เคยนั่งจากสนามบินกลับบ้าน ซึ่งรถมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดตลอดเวลา

ส่วนในเกม gran turismo ผมพบว่ารถอังกฤษมักจะขุนไม่ค่อยขึ้นครับ กลายเป็นว่า ยุโรปตัวแรง กับ ญี่ปุ่นตัวจี๊ด กลับขุนได้มันกว่าเยอะ

ส่วนพรีเมียร์ลีค แมนยูผมว่าคงจะคาดหวังอะไรไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ๆ ขอให้แฟนผีอดทนอย่างน้อยพี่ม้วยก็ไปแล้ว แต่การที่เชลซีและแมนซิตี้จ่ายหนักแบบนี้ก็ห่วงเหมือนกันครับว่าเด็กอังกฤษแท้ๆจะปั้นขึ้นไหม

ออฟไลน์ Larry

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 562
ผมมองว่าอังกฤษนิสัยเหมือนเมืองไทยคือผลิตอะไรได้แล้วก็จะเชยชมกับสิ่งนั้นจนไม่พัฒนาต่อ
เช่น บ่องไฟพญานาค ถ้ามีการคิดและพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ผมว่าประเทศไทยสามารถผลิต
จรวดได้เองนานแล้ว
กลับเข้าเรื่อง จะสังเกตุได้ว่ารถยนต์ฝั่งอังกฤษแทบทุกแบรนด์เลย การออกแบบดีไซน์จะวนไปวนมา
ไม่ไหน หลายคนอาจมองว่ามัน classic แต่อีกหลายๆ คนมองว่ามันสวยสู้คู่แข่งไม่ได้
ตัวอย่างเช่น Mini, Land Rover, Aston martin, Bentley, RR, Jaguar พวกนนี้ก่อนโดนเทค
การออกแบบมันไม่ไปไหนเลย มันไม่ก้าวกระโดดแบบฝรั่งเยอรมัน ยิ่ง Aston Martin นี่ยิ่งหนัก
ผลิตรถมาได้ไงรถ v12 6.0 510 ม้า! มันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนหัดมากๆ ในขณะทีีทั้งโลก
เครื่อง v12 ม้าเขาจะเกิน 700 ตัวกันหมดแล้ว!
คือถ้าเป็นบั้งไฟพญานาคนิิ๊ มันเกิดตามธรรมชาติครับ ถ้าเป็นบั้งไฟไม่มีพญานาคต่อท้ายนิ๊ คนเป็นผู้ผลิตขึ้นมาครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะหมายถึงบั้งไฟธรรมดาเสียมากกว่าบั้งไฟพญานาคนะ

ออฟไลน์ 5thAvenue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,434
  • Hi!!!!
    • อีเมล์
ตอนนี้เรามี 3 ประเด็นหลักๆ นะครับ
1. รถยนต์อังกฤษ
2. ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
3. บั้งไฟ+พญานาค  ;D ;D ;D

Stroke8

  • บุคคลทั่วไป
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในอังกฤษครับ ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่อุตสาหกรรมทั้งหมดไปเลยเป็นไง

"อนุรักษ์นิยม" อย่าลืมนะครับ ว่ามีสิ่งประดิษฐ์จำนวนมากมายแค่ไหนที่เป็นผลงานของคนอังกฤษ Frank Whittle ประดิษฐ์เครื่องยนต์เจ็ต หลายๆคนนับว่า Alan Turing เป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ ชาวอังกฤษเป็นชนชาติที่ มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างสิ่งใหม่ๆอยู่มากมายนะครับ อย่างตัวอย่างเดิมที่ผมด่าไว้ในโพสก่อนหน้านี่เอง ไอ้เจ้ารถ Mini มันคือรถขับเคลื่อนล้อหน้าเครื่องวางขวางคันแรกที่มีการออกจำหน่ายเป็นจำนวนมากนะครับ ชาวอังกฤษเป็นคนที่มีหัวคิดสร้างสรรค์ด้านวิศวกรรมอยู่มาก เหตุผลก็มีครับ ถ้าคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์น่าจะรู้ดี ก็พวกเขานำชาติอื่นๆไปอยู่นานนี่นา แต่ว่าแค่นั้นไม่เพียงพอหรอกครับ พวกเขามี Talent มีพรสวรรค์ในด้านนี้กันอยู่ก่อนแล้ว

รถ Rover P6 และคู่แข่งจากครอบครัวเดียวกันของมัน Triumph 2000 เป็นตัวอย่างที่ดีครับ รถทั้งสองคันเป็นรถที่ขนาดไม่ใหญ่ซักเท่าไหร่ แต่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและของเล่นที่เรียกได้ว่าล้ำสมัย พอจะนึกภาพออกไหมครับ? มันคือ BMW E90 ในยุค 60 ต้นๆ เชียวนะครับ Jaguar ใช้ช่วงล่างหลังอิสระในยุคที่ Ferrari ยังใช้คานแข็งกันอยู่ แถมราคาก็ตั้งออกมาเอื้ออาทรอีกต่างหาก ถ้าเกิดพวกเขาจะอนุรักษ์นิยม พวกเขาก็มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้นครับ พวกเขาประดิษฐ์หลายๆสิ่งที่เรียกกันว่าล้ำสมัยเอง

ผมเชื่อครับ ว่าถ้าชาวอังกฤษ มีการบริหารจัดการที่ดี เงินทุนมีเพียงพอ มีการบริหารและจัดการดีเพียงพอ เรารู้ครับ ว่าโรงงานรถในอังกฤษสามารถผลิตรถที่คุณภาพดีออกมาได้ ในราคาที่ถูกพอ รถที่พวกเขาผลิตออกมานั้นก็น่าจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมครับ ดูจาก Rover 75/MG ZT ก็ได้ มันเป็นรถอังกฤษคันสุดท้ายครับ ที่ต่อสู้กับรถเยอรมันหรือญี่ปุ่นได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ส่วนชาวไทย มี Talent คืออะไร ใครตอบได้บ้างครับ?

การเกษตรไงครับ ไม่ใช่งานอุตสาหกรรมแบบพวกชาวอังกฤษเลย แต่ผมก็ยอมรับนะครับ ว่าสองชาติข้ามโลก มันก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่นิดๆ... ถึงแม้จะไม่เยอะขนาดนั้นก็ตาม

ผมก็รู้จักชาวอังกฤษอยู่หลายคนครับ ทั้งจากอดีตกาลนานมาก่อน และที่รู้จักอยู่ในปัจจุบัน แต่ผมไม่สามารถ Comment อะไรเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของพวกเขาได้ เพราะว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะ นานาชาติ และให้ความเท่าเทียมกันกับทุกชาติครับ และเนื่องจากใครจะด่าล้อประเทศไทยเป็นยังไง ผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยถือ ผมก็จะไม่ไปวิจารณ์ลักษณะนิสัยของชาติอื่นๆเช่นกัน (ยกเว้นบางชาติ ที่ผมจะขอละไว้เพื่อที่คนอื่นจะไม่มองผมว่าเป็นคนปากว่าตาขยิบ) ไอ้เรื่อง Stereotype อะไรนี่ ผมก็มองว่ามันมีส่วนจริง แต่ก็ไม่ได้จริงไปทั้งหมดนะครับ ผมขอยุ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียวนะครับ

ส่วนบั้งไฟ ชาติไทยไม่ได้ล้ำ ไม่ได้มีความชำนาญไปกว่าชาติอื่นเท่าไหร่หรอกนะครับ ดินปืนมันมีมาตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนแล้ว อย่าลืมข้อเท็จจริงนี่ด้วย คุณอาจจะมองดูว่า จรวด ทำง่าย มีเชื้อเพลิง มีการจุดระเบิด แต่มันมีอะไรมากกว่าบั้งไฟมากนะครับ แล้วก็ใช่ว่าคนไทยจะเป็นคนประดิษฐ์บั้งไฟกันเอง ผมไม่ได้ชำนาญประวัติศาสตร์ชาติไทยนะครับ แต่ความคลุมเครือมันก็...

ออฟไลน์ อีกนิดก็แรง

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 961
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในอังกฤษครับ ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่อุตสาหกรรมทั้งหมดไปเลยเป็นไง

"อนุรักษ์นิยม" อย่าลืมนะครับ ว่ามีสิ่งประดิษฐ์จำนวนมากมายแค่ไหนที่เป็นผลงานของคนอังกฤษ Frank Whittle ประดิษฐ์เครื่องยนต์เจ็ต หลายๆคนนับว่า Alan Turing เป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ ชาวอังกฤษเป็นชนชาติที่ มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างสิ่งใหม่ๆอยู่มากมายนะครับ อย่างตัวอย่างเดิมที่ผมด่าไว้ในโพสก่อนหน้านี่เอง ไอ้เจ้ารถ Mini มันคือรถขับเคลื่อนล้อหน้าเครื่องวางขวางคันแรกที่มีการออกจำหน่ายเป็นจำนวนมากนะครับ ชาวอังกฤษเป็นคนที่มีหัวคิดสร้างสรรค์ด้านวิศวกรรมอยู่มาก เหตุผลก็มีครับ ถ้าคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์น่าจะรู้ดี ก็พวกเขานำชาติอื่นๆไปอยู่นานนี่นา แต่ว่าแค่นั้นไม่เพียงพอหรอกครับ พวกเขามี Talent มีพรสวรรค์ในด้านนี้กันอยู่ก่อนแล้ว

รถ Rover P6 และคู่แข่งจากครอบครัวเดียวกันของมัน Triumph 2000 เป็นตัวอย่างที่ดีครับ รถทั้งสองคันเป็นรถที่ขนาดไม่ใหญ่ซักเท่าไหร่ แต่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและของเล่นที่เรียกได้ว่าล้ำสมัย พอจะนึกภาพออกไหมครับ? มันคือ BMW E90 ในยุค 60 ต้นๆ เชียวนะครับ Jaguar ใช้ช่วงล่างหลังอิสระในยุคที่ Ferrari ยังใช้คานแข็งกันอยู่ แถมราคาก็ตั้งออกมาเอื้ออาทรอีกต่างหาก ถ้าเกิดพวกเขาจะอนุรักษ์นิยม พวกเขาก็มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้นครับ พวกเขาประดิษฐ์หลายๆสิ่งที่เรียกกันว่าล้ำสมัยเอง

ผมเชื่อครับ ว่าถ้าชาวอังกฤษ มีการบริหารจัดการที่ดี เงินทุนมีเพียงพอ มีการบริหารและจัดการดีเพียงพอ เรารู้ครับ ว่าโรงงานรถในอังกฤษสามารถผลิตรถที่คุณภาพดีออกมาได้ ในราคาที่ถูกพอ รถที่พวกเขาผลิตออกมานั้นก็น่าจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมครับ ดูจาก Rover 75/MG ZT ก็ได้ มันเป็นรถอังกฤษคันสุดท้ายครับ ที่ต่อสู้กับรถเยอรมันหรือญี่ปุ่นได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ส่วนชาวไทย มี Talent คืออะไร ใครตอบได้บ้างครับ?

การเกษตรไงครับ ไม่ใช่งานอุตสาหกรรมแบบพวกชาวอังกฤษเลย แต่ผมก็ยอมรับนะครับ ว่าสองชาติข้ามโลก มันก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่นิดๆ... ถึงแม้จะไม่เยอะขนาดนั้นก็ตาม

ผมก็รู้จักชาวอังกฤษอยู่หลายคนครับ ทั้งจากอดีตกาลนานมาก่อน และที่รู้จักอยู่ในปัจจุบัน แต่ผมไม่สามารถ Comment อะไรเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของพวกเขาได้ เพราะว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะ นานาชาติ และให้ความเท่าเทียมกันกับทุกชาติครับ และเนื่องจากใครจะด่าล้อประเทศไทยเป็นยังไง ผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยถือ ผมก็จะไม่ไปวิจารณ์ลักษณะนิสัยของชาติอื่นๆเช่นกัน (ยกเว้นบางชาติ ที่ผมจะขอละไว้เพื่อที่คนอื่นจะไม่มองผมว่าเป็นคนปากว่าตาขยิบ) ไอ้เรื่อง Stereotype อะไรนี่ ผมก็มองว่ามันมีส่วนจริง แต่ก็ไม่ได้จริงไปทั้งหมดนะครับ ผมขอยุ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียวนะครับ

ส่วนบั้งไฟ ชาติไทยไม่ได้ล้ำ ไม่ได้มีความชำนาญไปกว่าชาติอื่นเท่าไหร่หรอกนะครับ ดินปืนมันมีมาตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนแล้ว อย่าลืมข้อเท็จจริงนี่ด้วย คุณอาจจะมองดูว่า จรวด ทำง่าย มีเชื้อเพลิง มีการจุดระเบิด แต่มันมีอะไรมากกว่าบั้งไฟมากนะครับ แล้วก็ใช่ว่าคนไทยจะเป็นคนประดิษฐ์บั้งไฟกันเอง ผมไม่ได้ชำนาญประวัติศาสตร์ชาติไทยนะครับ แต่ความคลุมเครือมันก็...

ที่ผมจะสื่อไม่ได้เกี่ยวกับความล้ำหรืออะไรนะครับ หมายถึงการต่อยอดออกไป เพราะมุมมองผมคือการ
ที่คิดสิ่งนั้นๆ ขึ้นมาได้แล้วจบ ไม่พัฒนาต่อ สิ่งๆ นั้นย่อมเสื่อมสลายและล้าสมัยไปเรื่อยๆ จนหมดความนิยมไป
 ;D

Stroke8

  • บุคคลทั่วไป
ก็เข้าใจถูกอยู่แล้วครับ บั้งไฟมันไม่ได้ล้ำอะไรหรอก แล้วมันก็จะไม่มีวันล้ำไปมากกว่านั้นด้วย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ล้าสมัยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อย่างที่ผมบอกครับ คนไทยและคนอังกฤษมีส่วนที่คล้ายๆกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น

ยกเว้นว่าคุณจะพูดในทางอุปมา เปรียบเปรยเฉยๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็จะกลายเป็นอีกเรื่อง ผมก็ขออภัยนะครับ ;D

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
ตอนนี้เรามี 3 ประเด็นหลักๆ นะครับ
1. รถยนต์อังกฤษ
2. ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
3. บั้งไฟ+พญานาค  ;D ;D ;D

5555 ต้องขออภัยที่ลากเข้าเรื่องบอลมากไปหน่อยครับ ;D พอดีผมไม่สันทัดด้านอุตสาหกรรมรถยนต์อังกฤษซักเท่าไหร่ เลยไม่อยากดำน้ำ มั่วข้อมูล แต่เห็นความคล้ายคลึงในขนมธรรมเนียมการบริหารจัดการขององค์กรต่างๆ กับสโมสรฟุตบอล ที่พอเข้าสู่ยุคทุนนิยมเต็มตัว อังกฤษค่อนข้างเป๋กว่าพรรคพวกในยูโรโซนด้วยกัน เหมือนตกเป็นเมืองขึ้นในโลกทุนนิยมยังไงยังงั้น (สงสัยจะเป็นบาปกรรมที่ไปล่าอาณานิคมชาวบ้านเค้าไว้เยอะ :P) พวกสเปน อิตาลี ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ ยังไม่สบักสะบอมเท่านี้เลย

เอาจริงๆ ผมว่าคนอังกฤษ โดยรวมมีพรสวรรค์ ความคิดสร้างสรรค์เป็นเยี่ยมเลยนะ รถจากอังกฤษมันมีเสน่ห์ดึงดูดบอกไม่ถูก มันสวย คลาสสิค อมตะ เหนือกาลเวลาจริงๆ ถึงจะเข้าสู่ยุคต่างชาติครองเมือง รถอังกฤษก็ยังมีเอกลักษณ์อยู่ดี พวกแจกกัวร์ แอสตัน มาร์ติน เบนท์ลีย์ ถ้ามีโอกาสก็อยากจับจองเป็นเจ้าของซักครั้งในชีวิต

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ผมมองว่าอังกฤษนิสัยเหมือนเมืองไทยคือผลิตอะไรได้แล้วก็จะเชยชมกับสิ่งนั้นจนไม่พัฒนาต่อ
เช่น บ่องไฟพญานาค ถ้ามีการคิดและพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ผมว่าประเทศไทยสามารถผลิต
จรวดได้เองนานแล้ว
กลับเข้าเรื่อง จะสังเกตุได้ว่ารถยนต์ฝั่งอังกฤษแทบทุกแบรนด์เลย การออกแบบดีไซน์จะวนไปวนมา
ไม่ไหน หลายคนอาจมองว่ามัน classic แต่อีกหลายๆ คนมองว่ามันสวยสู้คู่แข่งไม่ได้
ตัวอย่างเช่น Mini, Land Rover, Aston martin, Bentley, RR, Jaguar พวกนนี้ก่อนโดนเทค
การออกแบบมันไม่ไปไหนเลย มันไม่ก้าวกระโดดแบบฝรั่งเยอรมัน ยิ่ง Aston Martin นี่ยิ่งหนัก
ผลิตรถมาได้ไงรถ v12 6.0 510 ม้า! มันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนหัดมากๆ ในขณะทีีทั้งโลก
เครื่อง v12 ม้าเขาจะเกิน 700 ตัวกันหมดแล้ว!
ผมว่าการที่เปลี่ยนแนวดีไซแบบชัดเจนจนเกินไปมันทำให้เสียลูกค้าเก่าไปเยอะมาก ลองดูยอดขายjaguarในไทย แต่ก่อนปีนึงขายได้เป็นร้อยคัน
เดี๋ยวนี้แทบจะนับคันได้เลย ส่วนใหญ่ลูกค้าเก่าจะบอกว่ามันสูญเสียจุดเด่นของตัวมันเองไปแล้ว
แต่พอไปมองดูmini แม้จะเปลี่ยนเจ้าของแต่ยังคงคอนเซปเดิม รูปร่างไม่ต่างจากเดิมมาก บวกกับการสร้าวภาพลักษณ์ในไทย ยอดขายก็เลยยังไม่แย่ตามjaguarไป
ทีนี้ลองมาดูฝั่งเยอรมันอย่าง benz และbmwถึงจะมีดีไซใหม่ๆ แต่การออกแบบยังเน้นจุดเด่นของตัวรถเหมือนเดิมเลยทำให้รักษาลูกเค้าเก่าไว้ได้
ยอดขายก็เลยเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ออฟไลน์ Spirit_P

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 70
ความเป็นศิลปินผู้ดีครับ จะทำอะไรทีก็ต้องเริศไปซะทุกอย่าง...คงไม่ถนัดนักที่จะสร้างรถแบบเน้นปริมาณมากๆ เยอะด้วยฟังชั่น หรือลดต้นทุนต่อหน่วย เพื่อไปแข่งกันขายในตลาด ให้ได้กำไรมากที่สุดเหมือนในยุคปัจจุบัน....ผู้ดีเหล่านี้คงตามไม่ทันแน่ๆ จึงต้องไส้แห้งกันไป ผมชอบผู้ดีอังกฤษก็ตรงที่ใช้ emotion มากกว่า function ในการสร้างนี่แหละครับ และทำได้ดี มีเสน่ห์ด้วย