สอบถาม เรื่อง ปริมาตรกระบอกสูบ แรงม้า แรงบิด กำลังอัด กับการกินน้ำมัน

[waitdrive]

ขอความรู้ครับ เรื่อง ปริมาตรกระบอกสูบใหญ่-เล็ก แรงม้าสูงสุดมาก-น้อย แรงบิดสูงสุดมาก-น้อย กำลังอัด:1 มาก-น้อย และอัตราเร่งดี-ไม่ดี สัมพันธ์กับอัตราการกินน้ำมันอย่างไร มีผลกับเวลารถติด ต้องเบรคแล้วออกตัวบ่อยๆ อย่างไร แบบไหนดีกว่า ระหว่างใหญ่-เล็ก มาก-น้อย ดี-ไม่ดี

[HME]

เอาที่ผมพอจะรู้เท่าหางอึ่งได้มั้ยครับ (กรณีเบนซิน, ผมไมชอบดีเซล, ชัดนะ)

1.แรงม้ากับแรงบิดสัมพันธ์กันโดยตรง (แรงม้าคำนวณโดยใช้แรงบิดกับรอบเครื่อง)
ดังนั้นเครื่องไหนแรงบิดเยอะ ก็มีแนวโน้มจะมีแรงม้าเยอะ
เดี๋ยวนี้คนชอบพูดว่าแรงบิดสำคัญ ใช่มันสำคัญมาก แต่มันไม่ใช่ทุกอย่าง
พอถึงจุดหนึ่งการมีแรงบิดมากๆก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็น
(กรณีรถ F1 จะเห็นว่าแรงบิดมีแค่จุดหนึ่ง แต่แรงม้ายังพุ่งไปเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะรอบเครื่อง และน้ำหนักตัว และความยาวช่วงตรงของสนาม)

2.การเกิดแรงบิดเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำลังอัด กำลังอัดเกี่ยวข้องโดยตรงกับปริมาตรห้องเผาไหม้
ยิ่งมีการบีบอัดมากในช่วง การเผาไหม้สูยิ่งมีกำลังอัดสูง
แต่เราไม่สามารถเพิ่มได้มากดั่งใจ เพราะข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีวัสดุ ยิ่งอัดมากยิ่งร้อนมาก ยิ่งสูญเสียมาก และเกิด NOx มากด้วย วิธีแก้ก็เพิ่มปริมาณความจุกระบอกสูบ หรือไม่ก็เพิ่มจำนวนห้องเผาไหม้ แล้วแต่ผู้ผลิตว่าจะเลือกแบบไหน
ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งสองแบบ(แต่อันนี้ผมไม่ค่อยรู้)

3.อัตราเร่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับแรงบิด และน้ำหนักของรถ
ถ้าอยากให้รถเร่งได้ดี ก็ต้องมีแรงบิดสูง และน้ำหนักน้อย
ถ้ารถเบามากก็ไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดมากๆ ถ้ารถน้ำหนักมาก(รถบรรทุก)ก็ต้องเพิ่มแรงบิดมากๆ

4.เวลารถติด เราเร่งๆ เบรคๆ นั่นหมายถึงเราต้องการแรงบิด ดังนั้นรถที่มีแรงบิดเหมาะสมก็จะทำให้คล่องตัวกว่าในการเร่งความเร็ว
เช่น เรากำลังอยู่ในกระแสรถติด รถคันหน้าเร่งไปแล้ว คันหลังก็จี้มา เราต้องเร่งความเร็ว ถ้ารถเราแรงบิดน้อย เราก็ต้องกดคันเร่งลึก เพื่อเรียกแรงบิด เพื่อเอาไปปั่นล้อ ถ้ารถเราแรงบิดมาก เรากดแค่นิดเดียวก็ไปแล้ว แต่ถ้าน้อยเราก็ต้องกดลึก
และยิ่งเรากดคันเร่งลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งเปลืองน้ำมันมาก

ถ้าพิจารณาแค่เครื่องสันดาปภายในไร้ตัวช่วยอย่างมอเตอร์ไฟฟ้า
รถคันที่เครื่องเล้กและเบาที่สุด มีแนวโน้มจะได้เปรียบที่สุด ในกรณีรถติดหนัก
เพราะ
 - ไม่ได้ใช้กำลังสูงสุด รถติดหนักมาก แปปๆก้ต้องเบรค ต้องเร่ง
 - ในช่วงเดินเบา (ไม่ได้กดคันเร่ง) มีปริมาตรกระบอกสูบน้อย เผาไหม้น้อยกว่า ประหยัดกว่า
 - ไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดมากมาย แค่แตะเบาๆก็พอใช้งาน จึงไม่ต้องการเครื่องแรงๆ

ประมาณนี้ฮะ

[Thor.1]

 
ขัอมูลแจ่มครับคุณHME...... 

เพิ่มเติมอีกอย่างครับ ความเหมาะสมลงตัวระหว่างกำลัง/น้ำหนัก/อัตราทดของรถคันนั้นๆ
ก็เป็นตัวที่ทำให้เร่งดี แต่ไม่กินน้ำมันได้ด้วยครับ

 ที่เจอมากับตัวคือ รถคันก่อนผมสตราด้า4ประตูโฟรวีล วางเครื่องอยู่3ตัว(ลองไปเรื่อย เพราะทำเอง)
 ครั้งแรก 2เจไม่โบ มา1เจโบ สุดท้าย1uz  ล้อ/เฟืองท้ายเดิมไม่ได้เปลี่ยน

 เอาแค่เทียบกันระหว่าง 2เจไม่โบ3พันcc กับ1uz V8 4พันcc ยืนยันว่าสมบูรณ์และวิ่งดีทั้งคู่
 แต่เครื่อง4พันcc แรงกว่าเยอะ แต่ดันประหยัดกว่าทั้งแก๊สและน้ำมัน
 แค่แตะๆก็พุ่งโดยที่เกียร์แทบไม่ชิฟท์ไป/มา ขับปกตินี่รอบจะต่ำมากๆอยู่ตลอดเวลา
ขับรถติดๆในกทม.แค่ปล่อยเบรคมันก็ตามๆคันหน้าโดยไม่ทิ้งระยะแบบไม่ต้องเติมคันเร่ง
รวมๆคือไปได้แบบไม่ต้องเค้น มันเลยทำให้ประหยัดได้จนผมเองยังงง
 

[Amaranthe]

ขอบคุณทั้ง 2 ท่านมากครับ ได้ความรู้มากเลย

[ivalice]

แรงบิดที่ดีที่สุดจะมาจากรอบเครื่องที่เป็น 0 และกินไปยาวๆเลย เช่น Tesla Model S ที่เป็นเพียวไฟฟ้า
หรือถ้ารองลงมาก็จะเป็นรถที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ อย่าง BMW i8 หรือ Porsche 918 ซุปเปอร์คาร์ทั้งหลาย
รถบ้านๆ อย่าง Camry Hybrid หรือ BMW i3 ก็จะออกตัวดีมาก เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าแรง

อย่างคลิปนี้ BMW i3 ออกตัวได้ดีกว่า BMW M3 ทั้งๆที่แรงม้าน้อยกว่ากันเกือบ 3 เท่า ... เพราะแรงบิดมาตั้งแต่ 0 รอบ นั่นเอง

[waitdrive]

ขอบตุณครับ คุณ HME Thor.1 ivalice ทำให้คนไม่มีความรู้ทางช่างมากนักได้เข้าใจ ตอนแรกคิดว่าจะเขียนคำถามอย่างไรให้คนตอบเข้าใจความต้องการของเรา แต่ก็ยังได้คำตอบที่ต้องการ ถ้าจะใช้รถเล็กหน่อยก็ประหยัดน้ำมันกว่ารถใหญ่เวลารถติดทุกวัน แต่ถ้าจะใช้รถใหญ่หน่อยก็ต้องพิจารณาหลายๆ อย่างประกอบกันรวมถึงการ review ทดลองขับของผู้รู้ด้วย เพราะดู spec ของรถ 2 ยี่ห้อ (ขนาด 2000 cc.ทั้งคู่) ยี่ห้อหนึง แรงบิดต่ำกว่า แต่แรงม้าสูงกว่า และกำลังอัดต่ำกว่า (ระหว่าง 12:1 กับ 14:1) แต่ผล preview กลับประหยัดน้ำมันกว่า อัตราเร่งดีกว่า ขอบคุณครับ