ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ  (อ่าน 9547 ครั้ง)

ออฟไลน์ bbtiger

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 13
สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 02:06:47 »
สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ  พอดีอยากเอารถไปเคลือบแก้ว มีหลายที่มาก ใครมีที่ไหนแนะนำบ้างครับผม

บางที่ แบบ สองปีหรือ 5 ปี ควรเลือกแบบไหนดีครับ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 02:33:24 »
หลักการ การเคลือบกระจก เคลือบแก้ว เคลือบ ฯลฯ
มีหลักอยู่ว่า วัสดุใดๆก็ตาม ผิวหน้าไม่เรียบ สารต่างๆเหล่านั้นจะไปอุดรอยที่มันไม่เรียบให้เรียนลื่น
เหมือนผิวใบบัว ทำให้น้ำหรือสิ่งสกปรกลื่นหลุดออกได้ง่ายขึ้น

การเสื่อมสภาพของวัสดุเคลือบเหล่านั้นก็แตกต่างไป
เมื่อเสื่อมแล้ว ก็ไม่ต่างจากผิวเดิมของวัสดุนั้นๆคือ ไม่เรียบ คุณสมบัติจึงหมดไป

การต่อต้านความเสื่อมของสารที่เอามาเคลือบ สิ่งแรกคือความแข็งค่าเป็น H เลขยิ่งสูงยิ่งแข็ง
ที่หลายๆที่คุยว่าแข็ง เท่านั้น เท่านี้ H

การเลือกคงต้องดูที่ราคาที่ใช้ / กับระยะการรับประกัน+คุณสมบัติของสารเคลือบ
บอกประกันหลายๆปี แต่เวลาเครมจริงๆจะวัดจากอะไรครับ? คุยให้เคลียร์จะได้ไม่เสียใจทีหลัง

ออฟไลน์ ๒ มาตรฐาน..อิอิ

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 188
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 08:00:09 »
มารอฟังครับ กำลังสนใจอยู่เหมือนกัน

ออฟไลน์ empirereal

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • อีเมล์
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 12:21:26 »
ราคาประมาณเท่าไรอะ

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 12:36:24 »
ถามต่อเลยนะครับ เอาในแง่การใช้งาน ความเงางาม ความคงทน
เคลือบแก้วกับติดฟิล์มใสรอบคัน อันไหนคุ้มกว่า
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ redtopup

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 167
    • อีเมล์
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 12:41:35 »
เคลือบแก้วเป็นงานบริการมากกกว่า เพราะจะพ่วงด้วย มาเคลือบได้อีกกี่เดือน ล้างดูดฝุ่น ขัดสีรถได้กี่ครั้ง สมมุติบ้านคุณอยู่ ชานเมือง แล้วไปเข้าร้านเคลือบใน กลางเมือง จะมีเวลาไป ขัดสีดูดฝุ่นฟรีรึครับ
ลำพังเคลือบ ไม่กี่เดือนก็หลุดแล้ว แต่ก่อนผมเห็น มีไฟส่องตอนทำด้วยตอนที่โฆษณา ไอ้เราก็นึกว่าเป็นการพ่นแลคเกอร์เกรดพิเศษผสมด้วยแก้วละเอียดมั้ง แล้ว อบ ที่ไหนได้ น้ำยา 2 ขวดมาผสมกันแล้ว การทำมันก็เหมือนกับเราเคลือบสีรถ สรุปมันก็คือเคลือบสีรถนั่นเอง แต่ใช้น้ำยา 2 ขวดมาผสมกัน ทำเองที่บ้านก็ได้ ราคา แค่พันกว่าบาทเอง ใช้ได้ตั้ง 2 ครั้ง
ผมว่าจะจ่ายหมื่นกว่าบาทรึถึงสามหมื่นกว่าแล้วแต่ขนาดของรถ สู้เข้าอู่ดีๆ พ่นแลคเกอร์เกรดดีๆ ดีกว่าเห็นๆ ใสกว่าทนกว่า   มีมิติมากกกว่า
ชื่อมันก็บอกแล้วว่าเคลือบ มันก็คือเคลือบ แป๊บเดียวก็หลุดแล้ว  แรกๆมันก็เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่กี่เดือน มันก็เหมือนเดิม
ลงแว๊กยังลื่นกว่าอีก

ถ้าเจอที่ราคาแพงๆ กับรถขนาดกลางๆ ก็ 2 หมื่นขึ้น ผมจะจ่ายเงินขนาดนี้ ผมเอา รถไปพ่นแลค์เกอร์ชั้นเคลียร์โค๊ตดีๆไปเลยดีกว่า ใสกว่ากันเยอะ สีรถจะใสขึ้นอยู่กับแลค์เกอร์ที่เคลือบ แลคเกอร์ดีๆ จะใส แลคเกอร์ใส เมื่อไหร่ แสง ทะลุได้ดีโดยมองไม่เห็น สีของแลอคเกอร์
ลองเอาน้ำประปาใส่แก้ว กับเอาน้ำกรองที่สะอาดใส่แก้ว น้ำกรองที่สะอาดจะใสมากๆ แลคเกอร์เกรดดีๆมันก็เป็นอย่างนั้น
แลคเกอร์ที่ดีๆจะแข็ง และจะไม่เหลืองเมื่อถูกแดดเผา อย่างรถสีขาวที่หมองเหลืองนั้นไม่ใช่เพราะสีมันหมองแต่เป็นที่แลคเกอร์หน้าผิวของมันหมอง พอลงยาขัดเคลือบมันก็ขัดชั้นของแลคเกอร์ที่เหลืองออกไป สีรถก็ขาวไม่อมเหลือง เหมือนเดิม
เคลือบแก้ว แค่ชื่อ มันตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อทางการค้า มันไม่ได้จะแก้วอะไรเลย มันมันแค่แป๊บเดียเองไม่กี่เดือนเอง ที่มัน  ยังมันอยู่ได้ ฝุ่นกรด คราบน้ำมันยังไงก็เกาะติด พอเกาะปั๊บมันก็ดึงไอ้ที่เคลือค่อยๆหลุดไป จากกการล้างรถทุกครั้ง
หลายคนบอกว่า ถ้าไม่มีเวลา ล้างรถเคลือบแล้วดี  ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่คราบโคลนจะไม่เกาะ  เกาะล้านเปอร์เซนต์ แน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายต้องล้างรถอยู่ดี
จุดประสงค์หลักของคนที่เคลือบคือต้องการเงาทั้งนั้น เรื่องเงานั้นเงาจริง แต่ แค่ช่วงสั้นๆเองไม่กี่เดือน ถ้าจะเอา เงาตลอดชีพ ต้องพ่นแลคเกอร์เกรด ดีๆเท่านั้น ถึงจะเงาตลอดชีพได้ บวกกับ ขัดเคลือบเป็นประจำ รถก็จะไม่มีขนแมวได้แอ้มเลย แต่แลคเกอร์ที่ดีๆนั้นแข็งเป๊กเลย เอาเหรียญขูดยังไม่เข้าเลย ใสยังกับแก้วจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2014, 13:02:14 โดย redtopup »

ออฟไลน์ PengZZ

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 267
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 12:43:11 »
เคลือบแก้วเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาเคลือบสีครับ ส่วนตัวว่าเคลือบสีบ่อยๆเงากว่า

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,634
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 15:12:37 »
เคลือบแก้วเป็นงานบริการมากกกว่า เพราะจะพ่วงด้วย มาเคลือบได้อีกกี่เดือน ล้างดูดฝุ่น ขัดสีรถได้กี่ครั้ง สมมุติบ้านคุณอยู่ ชานเมือง แล้วไปเข้าร้านเคลือบใน กลางเมือง จะมีเวลาไป ขัดสีดูดฝุ่นฟรีรึครับ
ลำพังเคลือบ ไม่กี่เดือนก็หลุดแล้ว แต่ก่อนผมเห็น มีไฟส่องตอนทำด้วยตอนที่โฆษณา ไอ้เราก็นึกว่าเป็นการพ่นแลคเกอร์เกรดพิเศษผสมด้วยแก้วละเอียดมั้ง แล้ว อบ ที่ไหนได้ น้ำยา 2 ขวดมาผสมกันแล้ว การทำมันก็เหมือนกับเราเคลือบสีรถ สรุปมันก็คือเคลือบสีรถนั่นเอง แต่ใช้น้ำยา 2 ขวดมาผสมกัน ทำเองที่บ้านก็ได้ ราคา แค่พันกว่าบาทเอง ใช้ได้ตั้ง 2 ครั้ง
ผมว่าจะจ่ายหมื่นกว่าบาทรึถึงสามหมื่นกว่าแล้วแต่ขนาดของรถ สู้เข้าอู่ดีๆ พ่นแลคเกอร์เกรดดีๆ ดีกว่าเห็นๆ ใสกว่าทนกว่า   มีมิติมากกกว่า
ชื่อมันก็บอกแล้วว่าเคลือบ มันก็คือเคลือบ แป๊บเดียวก็หลุดแล้ว  แรกๆมันก็เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่กี่เดือน มันก็เหมือนเดิม
ลงแว๊กยังลื่นกว่าอีก

ถ้าเจอที่ราคาแพงๆ กับรถขนาดกลางๆ ก็ 2 หมื่นขึ้น ผมจะจ่ายเงินขนาดนี้ ผมเอา รถไปพ่นแลค์เกอร์ชั้นเคลียร์โค๊ตดีๆไปเลยดีกว่า ใสกว่ากันเยอะ สีรถจะใสขึ้นอยู่กับแลค์เกอร์ที่เคลือบ แลคเกอร์ดีๆ จะใส แลคเกอร์ใส เมื่อไหร่ แสง ทะลุได้ดีโดยมองไม่เห็น สีของแลอคเกอร์
ลองเอาน้ำประปาใส่แก้ว กับเอาน้ำกรองที่สะอาดใส่แก้ว น้ำกรองที่สะอาดจะใสมากๆ แลคเกอร์เกรดดีๆมันก็เป็นอย่างนั้น
แลคเกอร์ที่ดีๆจะแข็ง และจะไม่เหลืองเมื่อถูกแดดเผา อย่างรถสีขาวที่หมองเหลืองนั้นไม่ใช่เพราะสีมันหมองแต่เป็นที่แลคเกอร์หน้าผิวของมันหมอง พอลงยาขัดเคลือบมันก็ขัดชั้นของแลคเกอร์ที่เหลืองออกไป สีรถก็ขาวไม่อมเหลือง เหมือนเดิม
เคลือบแก้ว แค่ชื่อ มันตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อทางการค้า มันไม่ได้จะแก้วอะไรเลย มันมันแค่แป๊บเดียเองไม่กี่เดือนเอง ที่มัน  ยังมันอยู่ได้ ฝุ่นกรด คราบน้ำมันยังไงก็เกาะติด พอเกาะปั๊บมันก็ดึงไอ้ที่เคลือค่อยๆหลุดไป จากกการล้างรถทุกครั้ง
หลายคนบอกว่า ถ้าไม่มีเวลา ล้างรถเคลือบแล้วดี  ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่คราบโคลนจะไม่เกาะ  เกาะล้านเปอร์เซนต์ แน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายต้องล้างรถอยู่ดี
จุดประสงค์หลักของคนที่เคลือบคือต้องการเงาทั้งนั้น เรื่องเงานั้นเงาจริง แต่ แค่ช่วงสั้นๆเองไม่กี่เดือน ถ้าจะเอา เงาตลอดชีพ ต้องพ่นแลคเกอร์เกรด ดีๆเท่านั้น ถึงจะเงาตลอดชีพได้ บวกกับ ขัดเคลือบเป็นประจำ รถก็จะไม่มีขนแมวได้แอ้มเลย แต่แลคเกอร์ที่ดีๆนั้นแข็งเป๊กเลย เอาเหรียญขูดยังไม่เข้าเลย ใสยังกับแก้วจริงๆ

เห็นด้วยมากๆครับ

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 18:09:07 »
เคลือบแก้วเป็นงานบริการมากกกว่า เพราะจะพ่วงด้วย มาเคลือบได้อีกกี่เดือน ล้างดูดฝุ่น ขัดสีรถได้กี่ครั้ง สมมุติบ้านคุณอยู่ ชานเมือง แล้วไปเข้าร้านเคลือบใน กลางเมือง จะมีเวลาไป ขัดสีดูดฝุ่นฟรีรึครับ
ลำพังเคลือบ ไม่กี่เดือนก็หลุดแล้ว แต่ก่อนผมเห็น มีไฟส่องตอนทำด้วยตอนที่โฆษณา ไอ้เราก็นึกว่าเป็นการพ่นแลคเกอร์เกรดพิเศษผสมด้วยแก้วละเอียดมั้ง แล้ว อบ ที่ไหนได้ น้ำยา 2 ขวดมาผสมกันแล้ว การทำมันก็เหมือนกับเราเคลือบสีรถ สรุปมันก็คือเคลือบสีรถนั่นเอง แต่ใช้น้ำยา 2 ขวดมาผสมกัน ทำเองที่บ้านก็ได้ ราคา แค่พันกว่าบาทเอง ใช้ได้ตั้ง 2 ครั้ง
ผมว่าจะจ่ายหมื่นกว่าบาทรึถึงสามหมื่นกว่าแล้วแต่ขนาดของรถ สู้เข้าอู่ดีๆ พ่นแลคเกอร์เกรดดีๆ ดีกว่าเห็นๆ ใสกว่าทนกว่า   มีมิติมากกกว่า
ชื่อมันก็บอกแล้วว่าเคลือบ มันก็คือเคลือบ แป๊บเดียวก็หลุดแล้ว  แรกๆมันก็เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่กี่เดือน มันก็เหมือนเดิม
ลงแว๊กยังลื่นกว่าอีก

ถ้าเจอที่ราคาแพงๆ กับรถขนาดกลางๆ ก็ 2 หมื่นขึ้น ผมจะจ่ายเงินขนาดนี้ ผมเอา รถไปพ่นแลค์เกอร์ชั้นเคลียร์โค๊ตดีๆไปเลยดีกว่า ใสกว่ากันเยอะ สีรถจะใสขึ้นอยู่กับแลค์เกอร์ที่เคลือบ แลคเกอร์ดีๆ จะใส แลคเกอร์ใส เมื่อไหร่ แสง ทะลุได้ดีโดยมองไม่เห็น สีของแลอคเกอร์
ลองเอาน้ำประปาใส่แก้ว กับเอาน้ำกรองที่สะอาดใส่แก้ว น้ำกรองที่สะอาดจะใสมากๆ แลคเกอร์เกรดดีๆมันก็เป็นอย่างนั้น
แลคเกอร์ที่ดีๆจะแข็ง และจะไม่เหลืองเมื่อถูกแดดเผา อย่างรถสีขาวที่หมองเหลืองนั้นไม่ใช่เพราะสีมันหมองแต่เป็นที่แลคเกอร์หน้าผิวของมันหมอง พอลงยาขัดเคลือบมันก็ขัดชั้นของแลคเกอร์ที่เหลืองออกไป สีรถก็ขาวไม่อมเหลือง เหมือนเดิม
เคลือบแก้ว แค่ชื่อ มันตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อทางการค้า มันไม่ได้จะแก้วอะไรเลย มันมันแค่แป๊บเดียเองไม่กี่เดือนเอง ที่มัน  ยังมันอยู่ได้ ฝุ่นกรด คราบน้ำมันยังไงก็เกาะติด พอเกาะปั๊บมันก็ดึงไอ้ที่เคลือค่อยๆหลุดไป จากกการล้างรถทุกครั้ง
หลายคนบอกว่า ถ้าไม่มีเวลา ล้างรถเคลือบแล้วดี  ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่คราบโคลนจะไม่เกาะ  เกาะล้านเปอร์เซนต์ แน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายต้องล้างรถอยู่ดี
จุดประสงค์หลักของคนที่เคลือบคือต้องการเงาทั้งนั้น เรื่องเงานั้นเงาจริง แต่ แค่ช่วงสั้นๆเองไม่กี่เดือน ถ้าจะเอา เงาตลอดชีพ ต้องพ่นแลคเกอร์เกรด ดีๆเท่านั้น ถึงจะเงาตลอดชีพได้ บวกกับ ขัดเคลือบเป็นประจำ รถก็จะไม่มีขนแมวได้แอ้มเลย แต่แลคเกอร์ที่ดีๆนั้นแข็งเป๊กเลย เอาเหรียญขูดยังไม่เข้าเลย ใสยังกับแก้วจริงๆ
+1000000 ครับ  ก็แค่การตลาด แก้วจะไปติดอยู่บนสีรถซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์ได้อย่างไร?

ของพวกนี้มันขึ้นกับการขัดเตรียมผิว ยิ่งผิวเรียบ ยิ่งเงา หลังล้างรถ ลงดินน้ำมัน ผมเอายาน้ำยาขัดรถ (Polish) กับ Rotary Buffer และฟองน้ำดีๆ ขัดไล่จากหยาบ ไปละเอียดสุด  ไม่ต้องลงสารเคลือบใดๆก็เงาสุดๆแล้ว หลอกชาวบ้านได้เลยว่าลงแว้กซ์กระปุกละห้าพัน จะลงแว็กซ์ก็เพียงเพื่อป้องกันผิวแล้คเกอร์ที่เราขัดจนเงาแว้บแล้วไม่ให้โดนทำร้ายจากมลภาวะ แต่แว้กซ์ไม่ได้ช่วยให้ผิวสีเงาเพิ่มมากเท่าไรนัก จริงอยู่มันอาจจะช่วยให้สีรถดูฉ่ำและลึกขึ้น แต่การเตรียมผิวที่ดีมากๆจะให้ความเงาที่ชัดเจนกว่า ผมมองแว็กซ์หรือสารเคลือบขั้นสุดท้าย (LSP) เป็นเพียงตัวป้องกันผลงานขอเราให้เงา ทน นาน ซะมากกว่า

ปล.  แต่ผมไม่รู้จริงๆครับว่าสมัยนี้มีคนเอารถใหม่ๆไปพ่นเคลียร์แล้คเกอร์ทับอีกชั้นนึง??  เค้าทำกันด้วยเหรอครับ??? :o :o
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2014, 18:18:33 โดย Spec C Wannabe »

ออฟไลน์ redtopup

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 167
    • อีเมล์
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2014, 19:15:49 »
เคลือบแก้วเป็นงานบริการมากกกว่า เพราะจะพ่วงด้วย มาเคลือบได้อีกกี่เดือน ล้างดูดฝุ่น ขัดสีรถได้กี่ครั้ง สมมุติบ้านคุณอยู่ ชานเมือง แล้วไปเข้าร้านเคลือบใน กลางเมือง จะมีเวลาไป ขัดสีดูดฝุ่นฟรีรึครับ
ลำพังเคลือบ ไม่กี่เดือนก็หลุดแล้ว แต่ก่อนผมเห็น มีไฟส่องตอนทำด้วยตอนที่โฆษณา ไอ้เราก็นึกว่าเป็นการพ่นแลคเกอร์เกรดพิเศษผสมด้วยแก้วละเอียดมั้ง แล้ว อบ ที่ไหนได้ น้ำยา 2 ขวดมาผสมกันแล้ว การทำมันก็เหมือนกับเราเคลือบสีรถ สรุปมันก็คือเคลือบสีรถนั่นเอง แต่ใช้น้ำยา 2 ขวดมาผสมกัน ทำเองที่บ้านก็ได้ ราคา แค่พันกว่าบาทเอง ใช้ได้ตั้ง 2 ครั้ง
ผมว่าจะจ่ายหมื่นกว่าบาทรึถึงสามหมื่นกว่าแล้วแต่ขนาดของรถ สู้เข้าอู่ดีๆ พ่นแลคเกอร์เกรดดีๆ ดีกว่าเห็นๆ ใสกว่าทนกว่า   มีมิติมากกกว่า
ชื่อมันก็บอกแล้วว่าเคลือบ มันก็คือเคลือบ แป๊บเดียวก็หลุดแล้ว  แรกๆมันก็เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่กี่เดือน มันก็เหมือนเดิม
ลงแว๊กยังลื่นกว่าอีก

ถ้าเจอที่ราคาแพงๆ กับรถขนาดกลางๆ ก็ 2 หมื่นขึ้น ผมจะจ่ายเงินขนาดนี้ ผมเอา รถไปพ่นแลค์เกอร์ชั้นเคลียร์โค๊ตดีๆไปเลยดีกว่า ใสกว่ากันเยอะ สีรถจะใสขึ้นอยู่กับแลค์เกอร์ที่เคลือบ แลคเกอร์ดีๆ จะใส แลคเกอร์ใส เมื่อไหร่ แสง ทะลุได้ดีโดยมองไม่เห็น สีของแลอคเกอร์
ลองเอาน้ำประปาใส่แก้ว กับเอาน้ำกรองที่สะอาดใส่แก้ว น้ำกรองที่สะอาดจะใสมากๆ แลคเกอร์เกรดดีๆมันก็เป็นอย่างนั้น
แลคเกอร์ที่ดีๆจะแข็ง และจะไม่เหลืองเมื่อถูกแดดเผา อย่างรถสีขาวที่หมองเหลืองนั้นไม่ใช่เพราะสีมันหมองแต่เป็นที่แลคเกอร์หน้าผิวของมันหมอง พอลงยาขัดเคลือบมันก็ขัดชั้นของแลคเกอร์ที่เหลืองออกไป สีรถก็ขาวไม่อมเหลือง เหมือนเดิม
เคลือบแก้ว แค่ชื่อ มันตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อทางการค้า มันไม่ได้จะแก้วอะไรเลย มันมันแค่แป๊บเดียเองไม่กี่เดือนเอง ที่มัน  ยังมันอยู่ได้ ฝุ่นกรด คราบน้ำมันยังไงก็เกาะติด พอเกาะปั๊บมันก็ดึงไอ้ที่เคลือค่อยๆหลุดไป จากกการล้างรถทุกครั้ง
หลายคนบอกว่า ถ้าไม่มีเวลา ล้างรถเคลือบแล้วดี  ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่คราบโคลนจะไม่เกาะ  เกาะล้านเปอร์เซนต์ แน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายต้องล้างรถอยู่ดี
จุดประสงค์หลักของคนที่เคลือบคือต้องการเงาทั้งนั้น เรื่องเงานั้นเงาจริง แต่ แค่ช่วงสั้นๆเองไม่กี่เดือน ถ้าจะเอา เงาตลอดชีพ ต้องพ่นแลคเกอร์เกรด ดีๆเท่านั้น ถึงจะเงาตลอดชีพได้ บวกกับ ขัดเคลือบเป็นประจำ รถก็จะไม่มีขนแมวได้แอ้มเลย แต่แลคเกอร์ที่ดีๆนั้นแข็งเป๊กเลย เอาเหรียญขูดยังไม่เข้าเลย ใสยังกับแก้วจริงๆ
+1000000 ครับ  ก็แค่การตลาด แก้วจะไปติดอยู่บนสีรถซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์ได้อย่างไร?

ของพวกนี้มันขึ้นกับการขัดเตรียมผิว ยิ่งผิวเรียบ ยิ่งเงา หลังล้างรถ ลงดินน้ำมัน ผมเอายาน้ำยาขัดรถ (Polish) กับ Rotary Buffer และฟองน้ำดีๆ ขัดไล่จากหยาบ ไปละเอียดสุด  ไม่ต้องลงสารเคลือบใดๆก็เงาสุดๆแล้ว หลอกชาวบ้านได้เลยว่าลงแว้กซ์กระปุกละห้าพัน จะลงแว็กซ์ก็เพียงเพื่อป้องกันผิวแล้คเกอร์ที่เราขัดจนเงาแว้บแล้วไม่ให้โดนทำร้ายจากมลภาวะ แต่แว้กซ์ไม่ได้ช่วยให้ผิวสีเงาเพิ่มมากเท่าไรนัก จริงอยู่มันอาจจะช่วยให้สีรถดูฉ่ำและลึกขึ้น แต่การเตรียมผิวที่ดีมากๆจะให้ความเงาที่ชัดเจนกว่า ผมมองแว็กซ์หรือสารเคลือบขั้นสุดท้าย (LSP) เป็นเพียงตัวป้องกันผลงานขอเราให้เงา ทน นาน ซะมากกว่า

ปล.  แต่ผมไม่รู้จริงๆครับว่าสมัยนี้มีคนเอารถใหม่ๆไปพ่นเคลียร์แล้คเกอร์ทับอีกชั้นนึง??  เค้าทำกันด้วยเหรอครับ??? :o :o

ผมเคยเอาไปทำครับ แต่ซื้อรถมือสองมา  ทีแรกชนแก้มมา เพื่อนผมเป็นอู่สีตีราคาให้ประกัน แล้วทำเรื่องเบิกทีหลัง แต่ก่อน แก้ม หน้า ประกันรับอู่ได้อยู่ที่ 1800-3000 บาท
ผม ให้อู่เพื่อนทำให้ ตีประกันไป 3500 มันไม่ยอม ตีเครมได้ 3200 บาท ทำก่อนแล้วค่อยไปทำเรื่องเบิกวางบิลเองเงินกับมันทีหลัง
 ตอนนั้นค่าแลคเกอร์อย่างเดียวล่อไป สองพันต้นๆ แล้วแหละครับ แต่ใช้ไม่หมด  ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ดีกว่านกแก้วอีกด้วย พ่นแก้มและทำสีใหม่ออกมา ดันเงากว่า สีเดิมรถอีก กลายเป็นของใหม่เงาวับเลย มองดูเหมือนสีเพี้ยน แต่ สีไม่เพี้ยน ที่มองดูว่าเพี้ยนเพราะแลคเกอร์ที่เคลือบ รถเป็นสีดำผสมสีง่ายเพี้ยนยาก สีติดรถก็ค่อนข้างดีอยู่แล้วเพราะรถยุโรป
ผมเลย สาดสีมันทั้งคันเลยดีกว่า แลคเกอร์ดีๆจะเป็นแห้งช้าครับ ทุกวันนี้ รถพ่นออกมาจากโรงงานเป็นแบบกึ่งแห้งช้าทั้งนั้น พวกอู่สีก็ใช้กึ่งทั้งนั้น แลคเกอร์ดีๆ ก็ต้องจับกับสีดีๆด้วย ไม่งั้นเวลาพ่นแลคเกอร์ๆจะย่นและดึงสี แลคเกอร์แห้งช้า แค่พ่นมันก็เยิ้มใสแล้วไม่ออกขุ่นๆ พอ เข้าห้องอบ พอมันแห้ง สีรถเนี่ย เห็นลึกเลยครับ สีรถมีมิติ มากขึ้น และแลคเกอร์จะแข็งปั๊กเลย แข็งพอๆกับ พวกแลค์เกอร์ทาไม้ปาเก้เลยทีเดียว แต่ใสกว่ามาก แล้วพ่นเสร๊จไม่ต้องขัดยาเลยเพราะมัน มันแว๊บมากๆ ไม่ต้องมานั่งขัดยาด้วย
ที่ยืนยันเพราะว่าทำมากับรถตัวเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2014, 19:22:35 โดย redtopup »

ออฟไลน์ accord

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
  • CLS 250d AMG :)
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2014, 01:52:55 »
เป็นผม ล้างเคลือบสี 2 อาทิตย์ - 1 เดือน / ครั้ง คุ้มกว่า

ออฟไลน์ ceberos

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 779
    • อีเมล์
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2014, 02:07:20 »
แลคเกอร์ดีๆก็เคยเห็นมาครับแต่จำยี่ห้อไม่ได้ รู้ว่ามันมีของดีอีกสารพัดที่คนไม่เคยคิดถึงกัน

เช่น กันสนิมเรือเดินสมุทร พ่นทีติดทนยันขายรถ แต่คนพ่นก็อาจจะมีอาการกับปอดได้ --"

ออฟไลน์ wsonpee

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 385
    • อีเมล์
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2014, 15:13:36 »
รถผมสีขาว ทำที่เซนทรัล ร้านโปลิเคม เคลือบสี ครั้งละ สามพัน เคุ้าให้ทำทุก สามเดือน

ออฟไลน์ bbtiger

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 13
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2014, 20:48:44 »
เคลือบแก้วเป็นงานบริการมากกกว่า เพราะจะพ่วงด้วย มาเคลือบได้อีกกี่เดือน ล้างดูดฝุ่น ขัดสีรถได้กี่ครั้ง สมมุติบ้านคุณอยู่ ชานเมือง แล้วไปเข้าร้านเคลือบใน กลางเมือง จะมีเวลาไป ขัดสีดูดฝุ่นฟรีรึครับ
ลำพังเคลือบ ไม่กี่เดือนก็หลุดแล้ว แต่ก่อนผมเห็น มีไฟส่องตอนทำด้วยตอนที่โฆษณา ไอ้เราก็นึกว่าเป็นการพ่นแลคเกอร์เกรดพิเศษผสมด้วยแก้วละเอียดมั้ง แล้ว อบ ที่ไหนได้ น้ำยา 2 ขวดมาผสมกันแล้ว การทำมันก็เหมือนกับเราเคลือบสีรถ สรุปมันก็คือเคลือบสีรถนั่นเอง แต่ใช้น้ำยา 2 ขวดมาผสมกัน ทำเองที่บ้านก็ได้ ราคา แค่พันกว่าบาทเอง ใช้ได้ตั้ง 2 ครั้ง
ผมว่าจะจ่ายหมื่นกว่าบาทรึถึงสามหมื่นกว่าแล้วแต่ขนาดของรถ สู้เข้าอู่ดีๆ พ่นแลคเกอร์เกรดดีๆ ดีกว่าเห็นๆ ใสกว่าทนกว่า   มีมิติมากกกว่า
ชื่อมันก็บอกแล้วว่าเคลือบ มันก็คือเคลือบ แป๊บเดียวก็หลุดแล้ว  แรกๆมันก็เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่กี่เดือน มันก็เหมือนเดิม
ลงแว๊กยังลื่นกว่าอีก

ถ้าเจอที่ราคาแพงๆ กับรถขนาดกลางๆ ก็ 2 หมื่นขึ้น ผมจะจ่ายเงินขนาดนี้ ผมเอา รถไปพ่นแลค์เกอร์ชั้นเคลียร์โค๊ตดีๆไปเลยดีกว่า ใสกว่ากันเยอะ สีรถจะใสขึ้นอยู่กับแลค์เกอร์ที่เคลือบ แลคเกอร์ดีๆ จะใส แลคเกอร์ใส เมื่อไหร่ แสง ทะลุได้ดีโดยมองไม่เห็น สีของแลอคเกอร์
ลองเอาน้ำประปาใส่แก้ว กับเอาน้ำกรองที่สะอาดใส่แก้ว น้ำกรองที่สะอาดจะใสมากๆ แลคเกอร์เกรดดีๆมันก็เป็นอย่างนั้น
แลคเกอร์ที่ดีๆจะแข็ง และจะไม่เหลืองเมื่อถูกแดดเผา อย่างรถสีขาวที่หมองเหลืองนั้นไม่ใช่เพราะสีมันหมองแต่เป็นที่แลคเกอร์หน้าผิวของมันหมอง พอลงยาขัดเคลือบมันก็ขัดชั้นของแลคเกอร์ที่เหลืองออกไป สีรถก็ขาวไม่อมเหลือง เหมือนเดิม
เคลือบแก้ว แค่ชื่อ มันตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อทางการค้า มันไม่ได้จะแก้วอะไรเลย มันมันแค่แป๊บเดียเองไม่กี่เดือนเอง ที่มัน  ยังมันอยู่ได้ ฝุ่นกรด คราบน้ำมันยังไงก็เกาะติด พอเกาะปั๊บมันก็ดึงไอ้ที่เคลือค่อยๆหลุดไป จากกการล้างรถทุกครั้ง
หลายคนบอกว่า ถ้าไม่มีเวลา ล้างรถเคลือบแล้วดี  ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับที่คราบโคลนจะไม่เกาะ  เกาะล้านเปอร์เซนต์ แน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายต้องล้างรถอยู่ดี
จุดประสงค์หลักของคนที่เคลือบคือต้องการเงาทั้งนั้น เรื่องเงานั้นเงาจริง แต่ แค่ช่วงสั้นๆเองไม่กี่เดือน ถ้าจะเอา เงาตลอดชีพ ต้องพ่นแลคเกอร์เกรด ดีๆเท่านั้น ถึงจะเงาตลอดชีพได้ บวกกับ ขัดเคลือบเป็นประจำ รถก็จะไม่มีขนแมวได้แอ้มเลย แต่แลคเกอร์ที่ดีๆนั้นแข็งเป๊กเลย เอาเหรียญขูดยังไม่เข้าเลย ใสยังกับแก้วจริงๆ
+1000000 ครับ  ก็แค่การตลาด แก้วจะไปติดอยู่บนสีรถซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์ได้อย่างไร?

ของพวกนี้มันขึ้นกับการขัดเตรียมผิว ยิ่งผิวเรียบ ยิ่งเงา หลังล้างรถ ลงดินน้ำมัน ผมเอายาน้ำยาขัดรถ (Polish) กับ Rotary Buffer และฟองน้ำดีๆ ขัดไล่จากหยาบ ไปละเอียดสุด  ไม่ต้องลงสารเคลือบใดๆก็เงาสุดๆแล้ว หลอกชาวบ้านได้เลยว่าลงแว้กซ์กระปุกละห้าพัน จะลงแว็กซ์ก็เพียงเพื่อป้องกันผิวแล้คเกอร์ที่เราขัดจนเงาแว้บแล้วไม่ให้โดนทำร้ายจากมลภาวะ แต่แว้กซ์ไม่ได้ช่วยให้ผิวสีเงาเพิ่มมากเท่าไรนัก จริงอยู่มันอาจจะช่วยให้สีรถดูฉ่ำและลึกขึ้น แต่การเตรียมผิวที่ดีมากๆจะให้ความเงาที่ชัดเจนกว่า ผมมองแว็กซ์หรือสารเคลือบขั้นสุดท้าย (LSP) เป็นเพียงตัวป้องกันผลงานขอเราให้เงา ทน นาน ซะมากกว่า

ปล.  แต่ผมไม่รู้จริงๆครับว่าสมัยนี้มีคนเอารถใหม่ๆไปพ่นเคลียร์แล้คเกอร์ทับอีกชั้นนึง??  เค้าทำกันด้วยเหรอครับ??? :o :o

ผมเคยเอาไปทำครับ แต่ซื้อรถมือสองมา  ทีแรกชนแก้มมา เพื่อนผมเป็นอู่สีตีราคาให้ประกัน แล้วทำเรื่องเบิกทีหลัง แต่ก่อน แก้ม หน้า ประกันรับอู่ได้อยู่ที่ 1800-3000 บาท
ผม ให้อู่เพื่อนทำให้ ตีประกันไป 3500 มันไม่ยอม ตีเครมได้ 3200 บาท ทำก่อนแล้วค่อยไปทำเรื่องเบิกวางบิลเองเงินกับมันทีหลัง
 ตอนนั้นค่าแลคเกอร์อย่างเดียวล่อไป สองพันต้นๆ แล้วแหละครับ แต่ใช้ไม่หมด  ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ดีกว่านกแก้วอีกด้วย พ่นแก้มและทำสีใหม่ออกมา ดันเงากว่า สีเดิมรถอีก กลายเป็นของใหม่เงาวับเลย มองดูเหมือนสีเพี้ยน แต่ สีไม่เพี้ยน ที่มองดูว่าเพี้ยนเพราะแลคเกอร์ที่เคลือบ รถเป็นสีดำผสมสีง่ายเพี้ยนยาก สีติดรถก็ค่อนข้างดีอยู่แล้วเพราะรถยุโรป
ผมเลย สาดสีมันทั้งคันเลยดีกว่า แลคเกอร์ดีๆจะเป็นแห้งช้าครับ ทุกวันนี้ รถพ่นออกมาจากโรงงานเป็นแบบกึ่งแห้งช้าทั้งนั้น พวกอู่สีก็ใช้กึ่งทั้งนั้น แลคเกอร์ดีๆ ก็ต้องจับกับสีดีๆด้วย ไม่งั้นเวลาพ่นแลคเกอร์ๆจะย่นและดึงสี แลคเกอร์แห้งช้า แค่พ่นมันก็เยิ้มใสแล้วไม่ออกขุ่นๆ พอ เข้าห้องอบ พอมันแห้ง สีรถเนี่ย เห็นลึกเลยครับ สีรถมีมิติ มากขึ้น และแลคเกอร์จะแข็งปั๊กเลย แข็งพอๆกับ พวกแลค์เกอร์ทาไม้ปาเก้เลยทีเดียว แต่ใสกว่ามาก แล้วพ่นเสร๊จไม่ต้องขัดยาเลยเพราะมัน มันแว๊บมากๆ ไม่ต้องมานั่งขัดยาด้วย
ที่ยืนยันเพราะว่าทำมากับรถตัวเอง



ไปทำที่ไหนมีร้านแนะนำมั้ยครับ  ชื่อแลคเกอร์ยี่ห้ออะไรครับ

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ออฟไลน์ AMARONE

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
    • อีเมล์
Re: สอบถามเกี่ยวกับการเคลือบแก้วครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2014, 21:10:54 »
ถ้าอยากเงา แล้วขยัน ซื้ออุปกรณ์มาทำเองครับ

ค่าเคลือบแก้วดีๆ ซื้อเครื่องฉีดน้ำแรงดัน เครื่องขัด DA น้ำยาอุปกรณ์ครบชุดใช้ได้เป็นปี

สำหรับผมการเคลือบคือขั้นตอนสุดท้าย การเตรียมผิวที่ดีสำคัญกว่าเยอะครับ
ดินน้ำมัน ขัดละเอียด cleaner แล้วตามด้วยwaxดีๆ เปลี่ยนฟองน้ำที่เหมาะสม ทำเดือนละครั้ง ทีเหลือลงแค่wax แค่นี้ก็เงามากแล้วครับ รถที่ดูแลผิวดีๆ จะล้างง่าย ฉีดน้ำแรงดันสูง สิ่งสกปรกหลุดหมดครับ

เคลือบแก้วดีไหม ตอบว่าดี คุ้มไหมต้องอยู่ที่เราคาดหวังครับ ถ้าอยากเงาสุดๆเลือกทำเองครับ อุปกรณ์ดีๆ น้ำยาดีๆ แรงดีๆ สนุกครับ ออกกำลังไปในตัว และได้ดูด้วยว่ารถไปโดนอะไรมาบ้าง

ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม ถ้าตัดสินใจเลือกร้านได้แล้ว ลองคุยเงื่อนไขรับประกันดีๆครับ ถ้าไปชนมาต้องเสียตังค์ทำใหม่เท่าไหร่ ขอให้ได้รถเงาสมใจนะครับ
Don't play hard to get, play hard to forget.