1. น้ำมันที่ใช้ ออกเทน เท่าไหร่ ; เบนซิน95 เบนซิน97 แก๊สโซฮอลล์95 ดีเซล คุณภาพน้ำมัน
2. อุณหภูมิที่ทดสอบ ; อากาศเย็น อากาศร้อน อากาศปกติ
3. น้ำหนักผู้ทดสอบ ; นั่งกี่คน อ้วน-ผอม น้ำหนักบรรทุกต่างกัน
4. สภาพถนน ; คอนกรีต ลาดยาง ส่งผลต่อการเกาะถนนช่วงออกตัว และอุณหภูมิสะสม
5. สภาพยาง ; ยางใช้มานานแค่ไหน ส่งผลต่อการเกาะถนนช่วงออกตัว รวมถึงขนาดล้อ
6. การจูนเครื่องยนต์ ; รถที่ขายในแต่ละประเทศ อาจจะมีการจูนอัพ แรงม้า แรงบิดที่ต่างกัน
7. กระแสลม ; ลมแรง ต้านลม หรือตามลม
8. วิธีการออกตัว ; เหยียบเบรกแล้วปล่อยค่อยกระทืบคันเร่ง หรือ เลี้ยงรอบไว้แล้วกระทืบคันเร่ง
หลักๆก็น่าจะประมาณนี้นะครับที่เป็นปัจจัยทำให้เวลาที่ออกมาต่างกัน
ตามนี้ครับ
แต่หลักๆ จะอยู่ที่
อุณหภูมิ เพราะในเมืองนอกส่วนใหญ่ มันต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส
ของไทย ก็ชัดเจนครับ ดูรีวิว Yaris เป็นตัวอย่างที่ดี
พอเทสต์ในหน้าหนาว อุณหภูมิอยู่แถวๆ 22 องศา โอ้โห ทำได้ 12 วินาทีนิดๆ
แต่พอเทสต์รถคันเดียวกัน ช่วงมีนาคม จับเวลาเล่นๆ กลับได้ 13 วินาทีหน่อยๆ
มาตรฐานของ การทดสอบรถยนต์ โดยผู้ผลิต ส่วนใญ่ มักใช้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เป็นค่ากลาง ครับ
แต่ในความจริง สนามทดสอบส่วนใหญ่ อยู่ในพื้นที่ปิด อยู่ในป่าเขา อากาศจะเย็น ดังนั้น ตัวเลขก็จะดีขึ้น
แถมบริษัทรถ ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิง หรือน้ำมันเครื่อง หลากหลายประเภท ตั้งแต่ ห่วยสุด ไปจนถึง Lab Grade
ขณะที่้บ้านเรา คุณภาพน้ำมัน ก็อย่างที่เห็นกัน
พื้นถนนนี่ก็ต่าง ยางมะตอย ราดมาใหม่ๆ แรงเสียดทานจะสูง ค่อนข้างฝืด
ตัวเลขก็จะดร็อปลง เรื่องนี้เจอกับตัวเองเมื่อคืนนี้ ถ้าจับเวลา Jazz บนพื้นผิวปกติ
80 - 120 กม./ชม. จะได้ 8.1 วินาที เผลอๆ ได้ 7.95 มาด้วยถึง 3 ครั้ง
แต่พอเจอ พื้นผิวยางมะตอยราดใหม่ๆ แถมมีกระแสลมปะทะด้านข้าง แรงกว่าปกตินิดเดียว
ตัวเลขพุ่งไปเป็น 8.8 วินาทีเลยทีเดียว!
น้ำหนักตัวก็มีส่วน คนส่วนใหญ่ เขาจะเทสต์ โดยใช้คนเดียว
แต่ผม ต้อง 2 คน นี่ก็มีส่วน
นี่ละครับ ปัจจัยที่ทำให้ความเพี่ยนแตกตางกันเยอะขนาดนี้