User's Review >> Mitsubishi Pajero Sport 3.2 GT (First Model)

[Stp]

ผมติดตามผลงานคุณ J!MMY มาตั้งแต่ 2 เว็บก่อนหน้านี้แล้ว พอดีเป็นคนที่สนใจด้านเทคโนโลยีและความทันสมัย ในเรื่องรถยนต์ก็มีอะไรดีๆ สวยๆ น่าสนใจอยู่บ้างก็เลยชอบอ่านบททดสอบต่างๆ อ่านของคนอื่นมาก็มากแล้ว เลยขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์นี้ด้วยตนนะครับ

ความหลังก่อนจะมาเป็นเจ้า Pajero Sport คันนี้ เริ่มมาจากสามห่วงคันเก่าที่ได้รับมรดกจากคุณพ่อมีอายุเข้าปีที่ 10 ประกอบกับเริ่มเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จึงปรึกษากับที่บ้านว่าอยากซื้อรถคันใหม่ และกำหนดคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจนว่าขอเป็นแนว SUV เนื่องจากเบื่อน้ำท่วมและสภาพถนนเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าจะถามถึงตัวผม ผมขอแนะนำให้ทุกท่านจินตนาการว่าผมคือ ร่างโคลนนิ่งของคุณ Commander Cheng (ขออภัยที่เอ่ยชื่อตรงๆ  ) แบบนั้นเลย แถมอายุผมก็มากกว่าแค่ 2-3 ปีเท่านั้น (ผมทราบอายุจากการอ่านบททดสอบของคุณ J!MMY นั่นแหละ  ) แต่ผมยังทำตัวเลข...ไม่เก่งเท่าคุณ Commander Cheng ก็เท่านั้นเอง (ยังไงก็ใกล้เคียงหละ) ดังนั้นจึงต้องเป็นรถที่มีความกว้างขวางสักนิด นั่งสบายสักหน่อย

[Stp]

ก่อนจะมาลงเอยกับ Pajero Sport ผมได้อ่านผลการทดสอบของคุณ J!MMY เก็บข้อมูล 1 ปีเต็ม ตั้งใจแล้วว่าจะซื้อเงินสดโดยกำหนดงบไว้ไม่เกิน 1.5 ล้าน ตั้งแต่ Hyundai SantaFe, Captiva, CR-V พอจะสรุปคร่าวๆ ในเรื่องการตัดสินใจได้ดังนี้

-Hyundai SantaFe คันนี้เป็น Candidate เบอร์ 1 อ่านผลการทดสอบแล้วถูกใจมาก เพราะผมไม่สนปากคนอื่นอยู่แล้ว ขอรถที่วัดกันด้วยคุณภาพล้วนๆ สุดท้าย Hyundai เขาไม่อยากได้เงินผมก็เลยไม่ประกอบในไทย แถมในความรู้สึกที่มองภาพรวมว่าฝ่ายการตลาดไม่น่าจะมีน้ำยา Candidate เบอร์ 1 ก็โดนตัดทิ้งเป็นเบอร์ 1 เช่นกัน

-Chevrolet Captiva มองภาพรวมชอบมาก แต่ด้วยราคาบวกกับปัญหาที่พบในคลับ ทำให้ตัดสินใจทิ้งได้ไม่ยาก ผมรู้สึกว่าราคาแพงเกินไปเมื่อเทียบกับปัญหาที่เกิดขึ้น ราคาขนาดนี้คุณภาพการผลิตควรจะทำได้ดีกว่านี้ ตัดทิ้งเช่นกัน

- Toyota Fortuner คันนี้ไม่ว่าจะเป็นโฉมเก่า โฉมใหม่ มองเป็นตัวเลือกอันดับสุดท้ายโลด ราคาแพง เบาะแถวสามพับแล้วยกไปห้อยแกะกะแบบนั้นคิดได้ยังไง

- Honda CR-V ภาพรวมผ่านมาตลอด คุณสมบัติกับราคาน่าสนใจมากหลังจากตัด SantaFe ออกไป แต่เข้าไปอ่านในคลับ พบว่า Honda มีระบบ Black List ลูกค้าด้วย ช่วงที่ผมเข้าไปอ่านมีสมาชิก 2-3 ท่านโดน Honda จัด Black List ทั้งที่รถมีปัญหา ด้วยความที่คิดว่าถ้าซื้อรถเองแล้วเจอปัญหาไม่รู้จบ ผมคงทุบมันกลางถนนแน่ๆ ก็เลยตัดออก

- Mitsubishi Pajero Sport ไม่เคยอยู่ในหัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีขาย หลังจากตัด SantaFe ออกไปก็เริ่มมองหาตัวเลือกอื่น สุดท้ายด้วยราคาและคุณภาพของรถจึงมาลงเอยที่ตัวเลือกนี้แบบง่ายๆ เลย

[Stp]

หน้าตาของ Pajero Sport ที่ยกแบบมาจาก Triton รถกระบะที่ผมไม่เคยคิดจะมองเพราะหน้าตาประหลาดที่สุด แต่พอปรับๆ แต่งๆ มาเป็น Pajero Sport เอ่อ…พอดูดีขึ้นเยอะแฮะ ความอเนกประสงค์ภายในบวกกับระบบที่เลือกได้ทั้งขับ 2 และขับ 4 เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ด้วยราคาที่เปิดตัวมา 1.24 ล้านซึ่งอยู่ในงบประมาณที่กำหนดไว้

รุ่นที่ผมเลือกคือ 3.2 GT สีเทา-ดำ จริงไม่ได้อยากได้ขับ 4 หรอกเพราะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ตอนนั้นรุ่นที่มีราวหลังคาจะมีเฉพาะ 3.2 ด้วยความรู้สึกหลังคาโล้นๆ แปลกๆ เมื่อไม่มีราวหลังคา ก็เลยลงล็อคกับรุ่น 3.2 GT ไปซะงั้น ครั้งแรกสุดตั้งใจกำหนดขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,500 CC ด้วยซ้ำไป สุดท้ายล่อซะ 3,200 CC

[Stp]

ไฟหน้าของ Pajero Sport ออกแบบได้เข้ากับยุคดี คือเปลี่ยนไปใช้โคม Projector แล้ว พร้อมกันนี้ได้ให้ทางศูนย์กดไฟหน้าให้ต่ำลงเพื่อลดแสงรบกวนรถเล็กด้วย เพราะครั้งแรกที่เปิดไฟหน้ารู้สึกได้ถึงแสงไฟที่ไม่ค่อยส่องลงพื้น

[Stp]

ภายในที่ดูเหมือนจะธรรมดา ไม่มีลายไม้ ไม่มีลายเคฟลา แต่ด้วยเส้นโครเมียมกลับทำให้ไม่ดูจืดเกินไป มองแบบสบายๆ ออกแนวกำลังดี สีสันไม่ฉูดฉาดรบกวนสายตาขณะขับรถได้ดี

แอร์อัตโนมัติที่ไม่มีจอบอกอุณหภูมิเท่ๆ เหมือนยี่ห้ออื่น แต่ผมกลับรู้สึกถึงประโยชน์ของปุ่ม 3 ปุ่มนี้ที่ช่วยให้สะดวกเมื่อปรับเลือกขณะขับรถโดยไม่ต้องก้มลงมาดูมาก แค่คลำก็รู้แล้วว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไร เรื่องความเย็นที่เลิกกังวลได้เลย ถึงไม่มีครบทั้ง 3 แถวแต่ก็เย็นเพียงพอ รุ่น GT แอร์จะปรับอุ่นได้อัตโนมัติ ผมเพิ่งรู้คุณค่าของแอร์อัตโนมัติก็คราวนี้นี่แหละ

[Stp]

สำหรับปุ่มเปิดการทำงานของแอร์แถว 3 จะอยู่ใต้เครื่องเสียงฝั่งซ้ายของที่จุดบุหรี่ (รุ่นใหม่ตรงด้านขวาจะมีสวิตช์ปิดเซนเซอร์ถอยหลัง) สวิตช์แอร์ด้านหลังปรับความเร็วพัดลมได้ตามต้องการ ปกติผมจะปรับช่องแอร์แถว 3 ให้ขึ้นเพดานไปช่วยแถว 2 ให้เย็นเร็วขึ้น

[Stp]

ปุ่มข้างประตูคนขับมีปุ่มมาให้แบบพอดีๆ คือมีแค่ปุ่มเลื่อนกระจกทั้ง 4 บานและปุ่มล็อค/ปลดล็อคกระจก ส่วนเซ็นทรัลล็อคนั้นใช้กดล็อคจากทางฝั่งคนขับ แล้วประตูทุกบานจะล็อคเอง

ที่นั่งแถว 2 กว้างขวางกว่าที่คิด ก่อนหน้านี้เคยลองกับ Fortuner พอผมปรับเบาะคนขับแล้วด้านหลังค่อนข้างแคบ นับว่า Pajero Sport ออกแบบเรื่องนี้มาได้ดีเกินคาด

[Stp]

แม้ที่เก็บของด้านข้างคนขับจะออกแบบมาได้ค่อนข้างดี คือมีช่องเก็บของมากใช้ได้ แต่เอาเข้าจริงด้านคนขับไม่มีช่องให้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้เลย ตรงขวามือที่น่าจะทำกล่องเก็บของเล็กๆ ก็เป็นแค่ช่องแผงฟิวส์เท่านั้น กลายเป็นว่าช่องเก็บของที่มีฝาปิดซึ่งใกล้ตัวคนขับมากที่สุดใช้ได้แค่ตรงใต้เครื่องเสียงเท่านั้น

[Stp]

ส่วนแถวสามและด้านหลังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผมเลือก Pajero Sport ได้ไม่ยากเลย การออกแบบวิธีพับเบาะที่สะดวกและง่าย ตัวเบาะจะพับราบลงเป็นพื้นเดียวกัน เรื่องนี้เป็นจุดเด่นที่ Mitsu ทำมาได้ดีมาก ด้านท้ายยังมีกล่องเก็บของขนาดเล็กพร้อมฝาปิด แต่ภายในไม่น่ากั้นมาเป็นช่องๆ เลย จึงทำให้ความอเนกประสงค์ลดลง

[Stp]

หน้าปัทม์ออกมาแบบได้ดี เข็มวัดความเร็วรอบและวัดความเร็วรถวางตำแหน่งวงใหญ่ 2 วง ด้านขวามีเข็มวัดระดับความร้อนและระดับน้ำมัน มองทีเดียวก็รู้เลย ไม่ต้องแยกมองซ้าย/ขวา ตรงกลางมีจอมองระยะทางและตำแหน่งเกียร์ แต่ไม่มีตัวบอกการกินน้ำมัน ขาดอย่างไม่น่าจะขาดไปได้เลยจริงๆ

ไฟหน้าปัทม์จะติดก็ต่อเมื่อเปิดไฟหน้า เวลาขับรถในลานจอดรถจะมองได้ลำบาก ยิ่งจอกลางบอกตำแหน่งเกียร์ไม่ต้องพูดถึงเลย ดำมืดมองไม่เห็นอะไรเลย

[Stp]

เครื่องเสียงในรุ่น GT ให้ของดีอย่าง Alpine แต่ดันมาพร้อมกับจอห่วยๆ Made in No Name แบบ Wide Screen ขนาด 7 นิ้ว การใช้งาน Alpine ยากหรือยากที่สุด เมนูและปุ่มสร้างความงงได้เป็นอย่างดีเหมือนอย่างคุณ J!MMY ได้บอกไว้จริงๆ แต่ข้อดีคือคุณภาพเสียงที่ได้ไม่เลวนัก ถ้าใครอยากประหยัดผมว่าเปลี่ยนแค่ลำโพงก็น่าจะเพียงพอ

จอภาพ 7 นิ้ว No Name ยังดีว่าต่อกับกล้องถอยหลังได้ ก็เลยเริ่มรู้สึกว่ายังไงก็ดีกว่าที่มันไม่มีมาให้หละกัน เอาไว้มองตอนถอยหลังได้เป็นอย่างดี เพราะรถใหญ่ๆ สูงๆ ไม่ควรประมาทอยู่แล้ว

[Stp]

ระบบเกียร์ที่เยี่ยมยอดของ Pajero Sport สามารถเลือกได้ว่าจะขับ 2 (2H) หรือขับ 4 (4H) รวมไปถึงโหมดการขับขี่แบบสมบุกสมบันเป็นพิเศษอย่าง 4HL และ 4LL ที่มีมาครบ ตัวเกียร์มีลูกเล่นเลือกโยกเกียร์ + - ได้ตามใจชอบ แต่ก็ยังไม่ถือว่าควบคุมได้เอง 100% เพราะเวลารอบเครื่องต่ำหรือสูงเกินไปเกียร์ก็จะเปลี่ยนให้เองอยู่ดี

[Stp]

ยางติดรถ Pajero Sport ที่ให้มาเป็น Bridgestone Dualer 840 H/T ขนาด 265/70 R16 แม็กของผมยังเป็น 16" ถ้าเป็นโฉมปัจจุบันจะได้แม็ก 17" ลายสวยกว่า แบบเดียวกับตัวส่งออก ไม่รู้ Mitsu จะกั๊กไว้ทำไม

ช่วงล่างออกแบบได้ดีสมคำล่ำลือ แต่แน่นอนว่ารถสูงขนาดนี้เรื่องโคลงเวลาเข้าโค้งแรงๆ ก็ยังรู้สึกได้ชัดเจน สุดท้ายก็พบความจริงว่าทำไม Fortuner จึงออกแบบขับ 4 ตลอดเวลา เพราะเมื่อเข้าโค้งที่โหมดขับ 4 ของ Pajero Sport จะนิ่งมาก นิ่งแบบสบายๆ ไม่น่ากลัวเท่าขับ 2 เลย

ส่วนระบบเบรกเป็นอะไรที่มือใหม่อาจต้องสร้างความคุ้นเคยนิดนึง คือแตะเบาๆ เหมือนจะไม่หยุด แต่กดลงไปลึกหน่อยก็หยุดหัวทิ่มเลย หากเกิดฉุกเฉินก็กระทืบเบรกลงไปเลยรับรองหยุดทันทีแบบมั่นใจได้

[Stp]

ระบบ ETACS ของ Mitsu แม้จะดูเหมือนเทคโนโลยีที่ยี่ห้ออื่นก็มีเหมือนกัน แต่ผมก็ชอบนะ เช่น เสียงเตือนปิดประตูไม่สนิทเมื่อรถวิ่ง กดเปิด/ปิดกระจกได้ 30 วินาทีหลังดับเครื่อง ดับไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องและเปิดประตู ปัดน้ำฝนตามความเร็วของรถ เป็นต้น

นอกจากคุณสมบัติเริ่มต้นของ ETACS แล้ว ยังสามารถไปปรับแต่งที่ศูนย์ได้อีก เช่น โยกก้านไฟเลี้ยวเบาๆ ไฟเลี้ยวจะกระพริบ 3 ครั้ง จดรถเข้าเกียร์ P ปลดล็อคประตูอัตโนมัติ

[Stp]

Pajero Sport คันนี้ใช้งานมาได้ 1 ปีแล้ว ระยะทางที่วิ่งไปทำงานไม่ไกลมากจึงยังไม่ถึง 10,000 กม. ผมไม่เคยจับเวลาอะไรทั้งนั้นนะครับ แต่การออกตัวค่อนข้างจะเอื่อยๆ แบบรู้สึกได้ แต่พอเกิน 40 km/h ไปแล้วคราวนี้หละเครื่อง 3.2 จะเริ่มแผลงฤทธิ์ทันที ยิ่งเทียบความรู้สึกที่เคยใช้สามห่วงมาก่อนนั้นผมไม่เรียกว่าอืดแล้วหละ กำลังดีด้วยซ้ำไปกับรถที่หนัก 2.1 ตันเช่นนี้

อาการที่พบขณะขึ้นเนินที่จอดรถหรือเนินสูงๆ เมื่อใช้เกียร์ D คือเกียร์จะเปลี่ยนจาก 1-> 2 แล้วลด 2 -> 1 จนรถกระตุกแบบรู้สึกได้ชัดเจน ก็เลยใช้ผลักเกียร์ 1 ขึ้นเนินได้นิ่งๆ กว่า น่าแปลกว่าการกระตุกนี้ไม่เกิดขึ้นเลยในโหมดขับ 4

[Stp]

การกินน้ำมันน่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้หลายคนอยากทราบ ว่าเครื่อง 3.2 จะกินโหดขนาดไหน จากการทดลองวัดอัตราการกินน้ำมันด้วยตนเองซึ่งปกติจะเหยียบเป็นเรื่อยๆ ตามรอบเครื่องและเกียร์ ใช้ความเร็ว 100-110 km/h วิ่งนอกเมืองรถติดน้อย (ส่วนใหญ่เจอแต่พวกช้าแช่ขวา)

หากเติมดีเซลบางจาก B2 จะได้ราว 10 km/l แต่ถ้าเป็น B5 จะลดเหลือราว 9.7km/l ทั้งสองค่าวัดที่โหมดขับ 2 นะครับ ในกรณีที่มีใช้ขับ 4 บ้าง 2-3 วัน ดีเซล B5 จะได้ราว 9.5 km/l ถือว่าไม่เลวทีเดียวกับเครื่องขนาดใหญ่เช่นนี้ (เห็นเครื่องดีเซลของยุโรปแล้วอยากจับยัดมาใช้ซะจริง อะไรจะประเสริฐขนาดนั้น)

[Stp]

หลังจากออกรถมาได้ 1 ปีที่มีตกแต่งเพิ่มเติมเองไปบ้างก็คือเปลี่ยนไฟในห้องโดยสารเป็น LED และเติมคิ้วกันกระแทกที่ประตูโดยใช้ของ New Altis โฉมใหม่นั่นแหละ

[Stp]

สุดท้ายคงเป็นปัญหาที่พบก็มีบ้าง ดังนี้
1. เฟืองท้ายหอนที่ความเร็วประมาณ 80-100 km/h
2. ผู้ใช้หลายท่านในคลับพบปัญหาโช๊ค แต่ผมยังไม่เจอปัญหานี้

นอกนั้นเป็นปัญหาที่ผมยังมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเป็นเรื่องที่ยังยอมรับได้มากกว่า คงจบการนำเสนอเพียงเท่านี้แหละครับสำหรับ Pajero Sport คันนี้ ถ้าใครต้องการข้อมูลผู้ใช้จริงขอเชิญที่คลับ Pajero Sport Society http://www.pajerosportsociety.com ดีกว่า

อันนี้เป็นวิดีโอที่สมาชิกชื่อ lekplaymaker มาโพสให้ชม ดูแล้วก็รู้สึกดีนะ
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=XRt6m4shVck[/youtube]

สำหรับ Pajero Sport 3.2 GT รุ่นปัจจุบันจะได้แม็ก 17" เซนเซอร์ถอยหลังของโรงงาน และครูสคอนโทรลที่พวงมาลัย ในราคาที่เพิ่มขึ้นเกือบๆ 3 หมื่นเท่านั้น

[korkongzz]

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

แต่อยากให้มีรูปที่ถ่ายนอกสถานที่บ้างอะ  ถ่ายในบ้านอย่างเดียว อาจดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร

ความคิดของผมนะ คนอื่นผมไม่แน่ใจ เหอะๆๆ

[Monstruo]

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
ผมก็อยากให้ Santa Fe มาประกอบในประเทศเหมือนกันถึงจะไม่มีตังค์ซื้อก็เถอะ
รอลุ้น Hyundai Tucson แทนละกัน!

[akejuven]

ขอบคุณครับ ตามมาอ่านที่บ้านก็ใช้เหมือนกันครับ เวลาเดินทางไกลนี้สะดวกทีเดียว(ตั้งแต่ออกมาเพิ่งไปภูเก็ตที่เดียวเอง) อิอิ

[traveller]

ตรงไปตรงมา ดีมากเลยครับ คุณ stp
โดยเฉพาะช่วงออกตัว เครื่อง 3.2 เกียร์ออโต้ อืด ผิดคาด ผมชอบ เกียร์ธรรมดาใน ไทรตัน 3.2 มากกว่าครับ
การทรงตัว ในช่วง ขับ2 ก็ เป็นเช่นที่คุณ stp เขียนมาจริงๆ
คิดถึง Hundai Santafe เนอะ

ผมมีขอสังเกตุนิดครับ ว่า คนร่างใหญ่ ใจกว้าง ให้ความเห็น ตรงไปตรงมา หลายคนแล้วนะ

[exodus]

ขอบคุณครับ สำหรับรีวิวดีๆ

[Sarutino]

แหม น่าจะมีฉาก Action ซะหน่อยนะครับ

ไฟหน้า ผมว่าถึงไม่ปรับมันก็ไม่ค่อยแยงตาเท่าไหร่ ทั้งที่ตำแหน่งก็พอๆ กับ Fortuner

[Stp]

แหม น่าจะมีฉาก Action ซะหน่อยนะครับ

ไม่อยากเสี่ยงเกินไปครับ แฮะ แฮะ

[kemjc]

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้มิตซู และก็หลงรักมิตซูอยู่ บ้านผมก็ใช้มิตซูอยู่ 2 คัน อัลติมาตัวท๊อป 1 คัน triton ตัวท๊อป อีก 1 คัน แต่ว่าคันต่อไปผมอาจจะไม่ใช่มิตซูแล้ว เพราะความรู้สึกผมเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อวานนี้(20/1/10) เอาไทรทันไปเข้าศูนย์เพราะครบ 130,000 km ก่อนเข้ากับหลังเข้าหน้าคนละสีเลย ยอมรับว่าการบริการของศูนย์ค่อนข้างดี แต่ทำไมเปลี่ยนสายพานราวลิ้นถึงแพงขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายที่แจ้งมาคือ 2x,xxxบาท หากได้ส่วนลดก็จะลดได้ 10% ผมเองก็ไม่ได้คาดว่ามันจะขึ้นถึงเลข 2 เลย

จากความคิดที่ว่าเสียคชจ.ประมาณ1,500บาท/5,000กม.ก็จะกลายเป็น สองพันกว่าๆ ผมชักไม่มั่นใจว่าผมเดินมาถูกทางหรือเปล่าที่มาหลงรักมิตซู ผมควรจะทนหรือควรจะทิ้งมันดี แต่ความรู้สึกผมในตอนนั้นคือมั้นอึ้งไปหมดครับ

[Dr.Shank]

ขอบคุณมากครับ

 

[Disk™]

ขอบคุณ สำหรับ Review ครับ

[PREM]

รีวิวดีครับ ตบมือให้

ผมเคยไปลองรุ่น 3.2 GT กับพ่อตอนเปิดตัวใหม่ๆ
ผมชอบการออกแบบภายในที่สุดแล้ว แต่เสียงเครื่องยังดังไปหน่อย และสมรรถนะไม่ได้แรงอย่างที่คาดไว้อ่ะครับ
แต่ยังไงโดยรวมผมชอบมากกว่า Fortuner นะ

[KnoT]

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ ครับ