ผู้เขียน หัวข้อ: รถ D-segment กับ รถยุโรป  (อ่าน 8638 ครั้ง)

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,712
  • การเดินทางครั้งใหม่
รถ D-segment กับ รถยุโรป
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 12:59:25 »
  ถ้าไม่นับ Brand image และ option เอาเรื่องช่วงล่างและการขับขี่อย่างเดียว ยังสู้รถยุโรปอย่าง 528i,525D, E250,E300 รึ volvo, etc ไม่ได้เลยเหรอครับ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ KyOcHiR0

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 195
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 13:07:06 »
สู้ไม่ได้คับ ตอบแบบมั่นใจมาก ;D
HeLLo!!

ออฟไลน์ tdorn

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 18
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 13:14:48 »
ยังต่างกันพอสมควรครับ จากที่ได้ทดลองมา

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,677
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 13:25:46 »
ที่ความเร็วต่ำสู้ได้ครับ
เกินร้อยขึ้นไป ห่างกันหลายก้าว ครับ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,611
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 13:53:57 »
ราคามันต่างกันเยอะครับ จะเอาอะไรมาสู้  :)

ออฟไลน์ pakorn_george

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 42
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 14:01:07 »
คุณภาพ("โดยรวมนะไม่ใช่ด้านใดด้านนึง")ตามราคาครับ

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 14:04:49 »
สู้ไม่ได้ครับ เพราะเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันสู้ได้แต่แรก ไม่งั้นราคาขาย และค่า Maintainance คงไม่ได้แบบที่เป็นอยู่
ถ้าอยากได้รถขับดีเหมือน F10 นอกจากราคาขายแพงแล้ว ยังมีช่วงล่างที่ซับซ้อนกว่า ชิ้นส่วนเยอะกว่า อะไหล่ราคาแพงกว่า

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 786
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 14:19:25 »
 ผมใช้เทียน่าL33 เทียบกับ E90 320 การขับขี่ ช่วงล่าง  320 เหนือกว่าแบบรู้สึกได้โดยคนขับเอง แต่ถ้าถามแม่กับภรรยาเห็นตรงกันคือชอบนั่งเทียน่ามากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 915
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 14:46:22 »
ไม่ได้เพราะเรื่องค่า Research กับ Engineering ไม่ได้มีมากและ Margin แต่ละคันไม่ได้หนาเท่ายุโรปครับ

จริงๆถ้าวางกองงบประมาณเท่าๆกัน ผมว่าญี่ปุ่นก็ทำแบบยุโรปได้ แต่คนซื้อคงหายาก..

ตัวอย่างดีๆก็มองพวก Lexus ไว้นั่นแหละครับ ช่วงล่างดีเท่ามั้ย? ราคาเป็นไง?

ปล ผมว่าอีกไม่เกิน 10 ปี ความรุ้เรื่องช่วงล่างอาจจะอิ่มตัวแล้วก็ได้ครับ เพราะตอนนี้เท่าที่ดูฝั่งยุโรปก็เหมือนอิ่มตัวแล้ว คือนิ่ง นุ่ม มีลูกเล่นแบบปรับช่วงล่างได้แบบ Sport หรือ Normal หรือ Eco พวกนี้ญี่ปุ่นทำตามได้สบายๆครับ ขอแค่เวลา

ออฟไลน์ Jatupon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 193
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 15:10:00 »
D segment ญี่ปุ่น นั้นทำรถดีขึ้นมากครับ (ในภาพรวมนะ )แต่ถ้า pin point ไปเลยว่า เอาเฉพาะการขับขี่ผมว่ามันก็มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว เพราะ concept ของรถญี่ปุ่นระดับนี้ ( Camry ,Accord , Teana )แตกต่างจาก รถยุโรป อยู่แล้ว ( ราคาตัวรถถูกว่า, ซ่อมน่าจะถูกกว่า,ความซับซ้อนน้อยกว่า)

ใจจริง ผมไม่อยากให้เอาฟีลลิ่งมาเป็นตัวแปรหลัก เพราะแต่ละคน ความรู้สึกไม่เท่ากัน  ผมเคยใช้ Mazda  3 ตัวถัง BK ปี2005รถที่ใครๆก็ชื่นชมว่าเกาะถนนมากๆ ในยุคนั้นsegment นั้น  มีวันนึงมีโอกาสเอานิสสันTiida hatch back ไปขับระหว่างMazda3 เข้าซ่อม. ปรากฎว่าในโค้งเดียวกัน ที่มาสด้า ยาง 205  ขอบ 16 เข้าโค้งด้วยความเร็ว 80 km/hr  เจ้าTiida  ยาง 185 ขอบ 15  ก็เข้าโค้งนั้นได้ ด้วยความเร็วพอๆกัน  จนผมประหลาดใจ 

ถ้าเป็นไปได้ อยากลองให้ 528 i  หรือ E 300 blue tech hybrid  vs. D segment ญี่ปุ่น บ้านๆเช่น ACV 50  ,L33  ไปซัดโค้งในสนามบุรีรัมย์ ดูโดยใช้เงื่อนไขที่ว่า ยางเบอร์เดียวกัน. ยี่ห้อเดียวกัน ซัดดูว่าใครหลุดก่อน  เผลอๆ ความเร็วก่อนหลุดโค้ง D segment ญี่ปุ่นอาจทำได้น้อยกว่า รถยุโรปแค่ บวกลบ  5 km/hr ก็เป็นได้

แต่ถ้าเอาฟีลลิ่งการขับขี่มาจับจริงๆ อยากให้เอาLexus  GS รึ infinity Q50  มาลองวัดกับ ยุโรป น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกว่าครับ


ออฟไลน์ Elestra

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 185
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 15:20:35 »
ราคารถเมืองนอก D-segment Japan VS D-segment Europe ไม่ต่างกันมากนะคับ
เชคง่ายๆ เลย www.whatcar.co.uk
ราคา BMW F10 , Eclass ,  Honda Accord, Mazda 6, Camry ต่างกันไม่เกิน 25%

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,841
  • Let the SKYFALL
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 15:40:25 »
ไม่ต่างกันเท่ากับความต่างของราคาครับ
ดีต่างกัน +-10-15% D segment บางคันใกล้เคียงกันเลย
ทั้งที่ราคาต่างกัน 3 เท่า (ค่าภาพลักษณ์เกือบทั้งหมด)
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 15:44:57 »
ทุกวันนี้ ใกล้มากครับ

20 ปีที่แล้ว แคมรี่ แอคคอร์ด สู้รถยุโรปแทบไม่ได้ซักเรื่อง
ทั้งความทนทาน ห้องโดยสาร ออฟชั่น การขับขี่ ความหนักแน่นนุ่มนวล อัตราเร่ง
ลองนึกถึงสมัยแอคคอร์ดตาเพชร เทียบกับ W124 หรือ E34
สมัยนั้นเดินทางไกล เต็มที่ก็ 120 ในขณะที่โลงจำปายังนิ่งๆ
เอาแบบไม่คิดเข้าข้างนะ โครงสร้างตัวถัง ความหนักแน่น มันคนล่ะเรื่องเลยจริงๆ

10 ปีที่แล้ว สมัย G7 หรือ ACV30 เทียบกับ W210 W211 หรือ E39
ตอนนั้นทิศทางเริ่มแตกต่าง ดูเหมือนรถญี่ปุ่นจะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นในระดับนึง
อย่างน้อยๆอัตราเร่งก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ACV30 หรือ Accord G7 ก็ทำให้รถยุโรปร้อนๆหนาวๆได้ถ้าคิดจะอัดแข่งกัน แต่ช่วงล่างยังห่างชั้น เจ้ารถยี่ปุ่นมีสไตล์เป็นของตัวเอง G7 คือแข็งไปเลย ในขณะที่แคมรี่ยุคนั้นขึ้นชื่อเรื่องความย้วย ในขณะที่ทางฝั่งรถยุโรปยังกินนิ่มๆได้ทั้งนุ่มสบาย ทั้งหนึบเกาะถนน
แต่สิ่งนึงที่รถยี่ปุ่นไล่บี้เข้ามา คือขนาดตัวถังและห้องโดยสารที่ใหญ่โต รวมถึงข้อดีที่อยู่คู่รถยี่ปุ่นคืออะไหล่ถูก(กว่า)

สมัยนี้...
ยุค ACV50 กับแอคคอร์ด G9 เป็นอะไรที่ใกล้เคียงเข้าไปทุกทีแล้ว
จากที่เคยขับ F30 กับ E60 มา กล้าพูดได้เลยว่า ช่วงล่างรถยี่ปุ่นสมัยนี้ก็ไม่ใช่เล่นๆ
มันไม่ได้ห่างชั้นราวฟ้ากับเหวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คือ ถ้าเร็วเกิน 160 ขึ้นไป ยอมรับว่าฝั่งยุโรปก็ยังดีกว่าวันยังค่ำ
เรื่องเครื่องยนต์ก็เหมือนกัน ขนาดเจ้าอัลติส 1.8 ช่วงตีนต้นยังแรงพอๆกับ 320d เลย
เรื่องความนุ่มสบาย แอคคอร์ดเองก็มาเหนือเมฆที่จัดความนุ่มมาเต็มๆ
ยิ่งสมัยนี้ ตั้งแต่สมัย J32 เจ้าเทียน่า 2.5 ก็เป็นตัวแรงที่รถยุโรประดับ Entry level ต้องคิดดีๆถ้าจะเล่นด้วย

ยกเว้น F10 กับ E90 ไว้ล่ะกันที่ยังอีกห่างไกล โดยเฉพาะในโค้ง

ออฟไลน์ Pat.Lee

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 961
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 16:32:59 »
จากที่ใช้ Camry Hybrid AH40, E300 AMG และ 525d Luxury เรื่องการขับขี่ผมให้ Camry กับ E300 พอๆ กันส่วน 525d เกาะกว่าทั้งสองคันชัดเจน
ผมมีโค้งประจำคือโค้งตรงเส้น บรมฯ ขาออกวนซ้ายเพื่อจะไป วงแหวนกาญจนาภิเษก ขาขึ้นไปบางใหญ่ ผมจะลองเข้าที่่ 70 Camry ล้อจะดังเอี๊ยดๆ เลย E300 ไม่ดังแต่ตัวรถแกว่งข้างมากทำให้ไม่ค่อยมั่นใจแต่ไปได้ 525d วิ่งได้แบบไม่กังวลยังใส่ได้เร็วกว่านี้ ขับทางไกลความเร็ว 120 ผมยังรู้สึกนิ่งพอๆ กันนะมั่นใจไม่ต่างกันเท่าไหร่ต่อให้ 140-160 ก็ยังไม่ต่างกันเท่าไหร่ผมเคยขับ Camry คันนี้จากเชียงใหม่ลงมาถึงกรุงเทพฯ ที่บ้านเพื่อนตรงสุขุมวิท 62 ใช้เวลา 7 ชั่วโมงยิ่งยาวแวะปั๊มครั้งเดียว เดี๋ยวไม่ไหวแล้วแพ้กล้องจับความเร็วยอมขับไม่เกิน 120 เพื่อความปลอดภัยด้วยครับ สรุปส่วนการขับขี่ ผมว่า BMW ยังทำได้ดีกว่าชัดเจน แต่ E300 AMG หนีรถอย่าง Camry Hybrid ไม่ออกแล้วยกเว้นคุณจะใช้ความเร็วสูงแบบ 200 ซึ่งผมไม่เคยลองขับเร็วขนาดนั้นเลยไม่มีข้อมูลและ Camry เค้าไปได้แค่ 180

ขอนอกเรื่องไปความนิ่มนุ่มนั่งสบายด้วย
เอาเบาะหน้าก่อนผมให้ 525d camry E300 ที่ E300 มันแย่ก็ตรงที่ก้นเนี่ยแหละเบาะแบบ AMG มันพยายามจะกระชับบริเวณกันกับขาแต่คนก้นใหญ่ตัวใหญ่แบบผมขับนานๆ แล้วปวดก้นมาก เคยขับไปบ้านพี่สาวที่ภูเก็ต ขับๆ อยู่ขาชาเพราะเบาะมันบีบจนเลือดเดินไม่สะดวก ตอนนี้คุณพ่อทนไม่ไหวซื้อที่รองก้นมาเสริม Camry ขับนานๆ ยังปวดหลังบางต้องพักทุกๆ 3-4 ชั่วโมง 525d ผมเคยขับรวด 6 ชั่วโมงแบบไม่พักโอเคนะลงมาแค่เส้นยึดยืดตัวทีเดียวก็หาย

เบาะหลัง ผมให้ E300 ดีสุดนะ Leg room Head room เบาะดี ต่อไปเป็น Camry Leg room Head room ดีเบาะใช้ได้ 525d คนสูง 180 อย่างผมนั่งหลังนานๆ ไม่ไหว Leg Room ค่อนข้างน้อยแต่คุณยายผมตัวเล็กๆ แก Love เลยโอบกระชับ Leg Room Head Room เหลือเฟือสัำหรับแก นั่งหลับสบายตั้งแต่โคราชยันกรุงเทพฯ เลย

ความนุ่มนวลของช่วงล่าง
E300 AMG ผมให้ตกนะ ตึงตังมากก เก็บทุกรอยต่อของถนนมาให้ก้นเลยสัมผัสกันเลย 525d โอเคนะกำลังดี Camry นิ่มนวลเพราะล้อแก้มไม่แข็งด้วยเลยได้เปรียบ

สรุปถ้าดูการขับขี่ 525d ทำได้ดีกว่าชัดเจน แต่ E300 amg หนีไม่ออกแล้วครับสำหรับผม

ออฟไลน์ arya

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 17:04:22 »
จากที่ใช้ Camry Hybrid AH40, E300 AMG และ 525d Luxury เรื่องการขับขี่ผมให้ Camry กับ E300 พอๆ กันส่วน 525d เกาะกว่าทั้งสองคันชัดเจน
ผมมีโค้งประจำคือโค้งตรงเส้น บรมฯ ขาออกวนซ้ายเพื่อจะไป วงแหวนกาญจนาภิเษก ขาขึ้นไปบางใหญ่ ผมจะลองเข้าที่่ 70 Camry ล้อจะดังเอี๊ยดๆ เลย E300 ไม่ดังแต่ตัวรถแกว่งข้างมากทำให้ไม่ค่อยมั่นใจแต่ไปได้ 525d วิ่งได้แบบไม่กังวลยังใส่ได้เร็วกว่านี้ ขับทางไกลความเร็ว 120 ผมยังรู้สึกนิ่งพอๆ กันนะมั่นใจไม่ต่างกันเท่าไหร่ต่อให้ 140-160 ก็ยังไม่ต่างกันเท่าไหร่ผมเคยขับ Camry คันนี้จากเชียงใหม่ลงมาถึงกรุงเทพฯ ที่บ้านเพื่อนตรงสุขุมวิท 62 ใช้เวลา 7 ชั่วโมงยิ่งยาวแวะปั๊มครั้งเดียว เดี๋ยวไม่ไหวแล้วแพ้กล้องจับความเร็วยอมขับไม่เกิน 120 เพื่อความปลอดภัยด้วยครับ สรุปส่วนการขับขี่ ผมว่า BMW ยังทำได้ดีกว่าชัดเจน แต่ E300 AMG หนีรถอย่าง Camry Hybrid ไม่ออกแล้วยกเว้นคุณจะใช้ความเร็วสูงแบบ 200 ซึ่งผมไม่เคยลองขับเร็วขนาดนั้นเลยไม่มีข้อมูลและ Camry เค้าไปได้แค่ 180

ขอนอกเรื่องไปความนิ่มนุ่มนั่งสบายด้วย
เอาเบาะหน้าก่อนผมให้ 525d camry E300 ที่ E300 มันแย่ก็ตรงที่ก้นเนี่ยแหละเบาะแบบ AMG มันพยายามจะกระชับบริเวณกันกับขาแต่คนก้นใหญ่ตัวใหญ่แบบผมขับนานๆ แล้วปวดก้นมาก เคยขับไปบ้านพี่สาวที่ภูเก็ต ขับๆ อยู่ขาชาเพราะเบาะมันบีบจนเลือดเดินไม่สะดวก ตอนนี้คุณพ่อทนไม่ไหวซื้อที่รองก้นมาเสริม Camry ขับนานๆ ยังปวดหลังบางต้องพักทุกๆ 3-4 ชั่วโมง 525d ผมเคยขับรวด 6 ชั่วโมงแบบไม่พักโอเคนะลงมาแค่เส้นยึดยืดตัวทีเดียวก็หาย

เบาะหลัง ผมให้ E300 ดีสุดนะ Leg room Head room เบาะดี ต่อไปเป็น Camry Leg room Head room ดีเบาะใช้ได้ 525d คนสูง 180 อย่างผมนั่งหลังนานๆ ไม่ไหว Leg Room ค่อนข้างน้อยแต่คุณยายผมตัวเล็กๆ แก Love เลยโอบกระชับ Leg Room Head Room เหลือเฟือสัำหรับแก นั่งหลับสบายตั้งแต่โคราชยันกรุงเทพฯ เลย

ความนุ่มนวลของช่วงล่าง
E300 AMG ผมให้ตกนะ ตึงตังมากก เก็บทุกรอยต่อของถนนมาให้ก้นเลยสัมผัสกันเลย 525d โอเคนะกำลังดี Camry นิ่มนวลเพราะล้อแก้มไม่แข็งด้วยเลยได้เปรียบ

สรุปถ้าดูการขับขี่ 525d ทำได้ดีกว่าชัดเจน แต่ E300 amg หนีไม่ออกแล้วครับสำหรับผม

นึกว่าผมคิดไปเองคนเดียว ระหว่าง w212 กับ camry  (คิดแบบเดียวกันเลยคับ)

ส่วน bmw ไม่เคยลอง อยากลองเหมือนกัน แต่กัวความจุกจิก

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 18:35:21 »
ถ้ามีF10 เข้ามาเกี่ยวข้อง คำว่าห่างชั้นยังใช้ได้อยู่ครับ

แต่ส่วนตัวแล้วใช้ในชีวิตประจำวัน ช่วงล่างของ Camry ACV50 ผมว่าก็ดีมากๆแล้วครับ ไม่ต้องถึงยุโรปหรอก

ออฟไลน์ Pat.Lee

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 961
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 19:18:18 »
ถ้ามีF10 เข้ามาเกี่ยวข้อง คำว่าห่างชั้นยังใช้ได้อยู่ครับ

แต่ส่วนตัวแล้วใช้ในชีวิตประจำวัน ช่วงล่างของ Camry ACV50 ผมว่าก็ดีมากๆแล้วครับ ไม่ต้องถึงยุโรปหรอก
เห็นด้วยครับแคมรี่หรือแอคคอร์ทไฮบรืด  แรง ประหยัด นั่งสบาย แต่ท้ายรถเล็กเสียหน่อยขับธรรมดาเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาเบนซ์หรือบีเอ็มก็น่าสนใจเพราะมันสวยครับ ปกติบ้านผมใช้แต่ D-Seg จนมาเจอ W212 Facelift กับ F10 LCI เลยอดใจไม่ไหวซื้อมาใช้อย่างละคัน

ออฟไลน์ laempiab

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 19:30:04 »
เจอต้นเหตุแล้ว --55

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 21:54:46 »
Camry Teana Accord จริงๆญี่ปุ่นเค้าตั้งใจออกแบบมาเพื่อที่จะให้เทียบชั้นไม่ได้กับรถยุโรปแบบ เบนซ์ E Class , Series 5 อยู่แล้ว  คนละ Price Range, Segment คนละ Target Group

เพราะเค้ามี Infinity Lexus เป็น top tier เอาไว้ฟัดกับพวกยูโรโดยเฉพาะ

พวก Lexus GS  Infiniti Q50 พวกนั้นก็ใช้โครงสร้างคนละโลกกับพวก Camry Teana โดยสินเชิง

GS, Q50 ขับหลัง เครื่องวางตามยาว ช่วงล่างปีกนกอลูมิเนียม แขนขายุบยั่บ 

Camry Teana ขับหน้า เครื่องวางขวาง ปีกนกเหล็ก บางๆ เล็กๆ

เรียกว่ามวยคนละรุ่น

ขนาดตั้งใจทำขนาดนี้ พวก Lexus Infiniti พวกหนังสือฝรั่งยังให้เป็นรองพวก BMW และ Benz ในบางรุ่นเลย

ถ้าจะเอาแค่ว่าว่าขับสบาย นุ่มนิ่ม กว้างขวาง เบาะนั่งสบาย แอร์เย็น ลูกเล่นนู่นนี่เยอะแยะ แบบนั้น Camry Accord Teana ทำได้ใกล้เคียง 

แต่ถ้าจะเอา driving fun, handling & chassis dynamic, driver involvement & confindent คุณลักษณะหายากพวกนี้พวก D-Seg ญี่ปุ่นแบบบ้านเราทำไม่ได้เลย

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,491
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2014, 23:21:59 »
สู้ไม่ได้คับ ตอบแบบมั่นใจมาก ;D

+1

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 937
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2014, 00:14:17 »
ถ้ารถ D-segment คันนั้นเป็น Mazda6,Legacy,Mondeo น่าจะมีลุ้นมากกว่า Camry,Accord นะครับ

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2014, 09:57:55 »
เจอต้นเหตุแล้ว --55


ปีกนกด้านหลังชิ้นล่างใหญ่มากๆๆ น่าลองมาเหวี่ยงในโค้งจริงๆครับ :o ช่วงล่างรถถ้าจะเอามาวัดกันว่าสู้ได้หรือไม่ต้องลองเข้าโค้งต่อเนื่องครับ มีความเร็วมีองศาที่ก่อให้เกิดแรงเหวี่ยงจนเข้าใกล้ขีดสุดของช่วงล่าง แรงเหวี่ยงแรงกระทำที่โยกจากข้างนึงอย่างหนักหน่วงแล้วย้ายไปอีกข้างนึงแบบรุนแรงในฉับพลันติดต่อกัน เรื่องของช่วงล่างไม่ใช่แค่รูปแบบของช่วงล่างที่ใช้เหมือนกันแล้วจะรับแรงกระทำชำเราได้เหมือนกัน จำนวนชิ้นส่วนที่ทำงานรับส่งกัน ขนาดของชิ้นส่วน รวมถึงประสิทธิภาพของตัวถังรถที่จะทำหน้าที่รับส่งให้เข้ากับช่วงล่างด้วย  :)
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2014, 11:25:33 »
ผมว่าช่วงล่างของเบนซ์รุ่นใหม่ๆมันทำออกมาได้แย่กว่าเดิมนะครับ ถ้าใครเคยขับเบนซ์เก่าๆอย่างรุ่น W124 W210 และมาลองขับ W212 ดูจะรู้เลยว่ามันไม่แน่น หรือ ขับไปไม่มั่นใจเหมือนแต่ก่อน ความรู้สึกเหมือนรถมันเบาๆกว่าเดิมเยอะยังไงอย่างงั้น พอเอามาเทียบกับD-Segment ญี่ปุ่นใหม่ๆ มันเลยดูใกล้เคียงกันมากเลย

ออฟไลน์ tommaris

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 560
    • อีเมล์
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2014, 11:30:40 »
รถคันนึงทำมาเพื่อให้อยู่ในระดับที่รับได้
กับอีกคันนึงที่ทำมาให้อยู่ในระดับแถวหน้า และเป็นเป้าหมายการพัฒนาของรถหลายๆ ค่ายหลายๆ รุ่น

รถคันนึงทุกคนจะถามว่าเข้าศูนย์ถูกแพงกว่ามากน้อยแค่ไหน
กับอีกคันที่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าศูนย์แพงจริงๆ และมาถกกันว่าอู่นอกที่ไหนซ่อมจบและไม่แพง

เรื่องรถมันพูดกันไม่จบ มันอยู่ที่ว่าเราพอใจที่ตรงไหน กระเป๋าเราเอื้อถึงจุดไหน
จุดประสงค์การใช้งาน ปัจจัยหลายๆ อย่าง ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

อย่างผมพอใจกับยุโรปมือสอง บางคนบอกญี่ปุ่น d-sec มือหนึ่งป้ายแดงสิครับ
ผมบอกว่ารถผมไม่มีด้านไหนด้อยกว่า d-sec นอกจากอายุ
บางคนบอกรถเก่ามีแต่ซ่อมๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,334
  • My Way or The Highway
Re: รถ D-segment กับ รถยุโรป
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2014, 21:52:20 »
ใช่ๆ Mazda6 Ford Mondeo ใกล้เคียงหรือดีกว่าบางรุ่นเลย