หนีจากรถมือสองเพราะกลัวจุกจิก แต่หนีไปหา Hybrid..... แถมใช้ยาวๆ ด้วย ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าระยะยาวๆ นี่ มือสองธรรมดากับมือหนึ่งไฮบริด
มันจะเป็นการหนีเสือปะจรเข้รึเปล่า ถ้าเป็นผมมีเฉพาะสองตัวเลือกนี้ ผมขอ E-Class ครับ
แต่ถ้าโจทย์ของความไม่จุกจิกสำคัญกว่าภาพลักษณ์ ด้วยงบ 1.8 นี้ ผมขอ Accord 2.4TECH ครับ
รถ Hybrid ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับ
ก็จริงอยู่นะครับ เท่าที่ติดตามข่าวไฮบริดรุ่นแรกๆ ถึงตอนนี้ภาพรวมก็ยังไม่เจออะไรมากนัก (ยกเว้น ราคาอะไหล่) แต่ว่า มือสองเอง ก็ไม่ได้เลวร้ายนักเช่นกันครับ
เจ้าของเก่าซ่อมบำรุงได้ถึง (ผมยังใช้มือสองที่คนเก่าซ่อมถึงอยู่เหมือนกัน ก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร) ซึ่งจากโจทย์ เจ้าของกระทู้น่าจะทราบประวัติรถคันนี้ดี
หากประวัติ W212 ระดับนี้ยังถือว่า "จุกจิก" ผมก็ไม่คิดว่าไฮบริดจะตอบโจทย์นี้ได้ครับ ถึงผมปฏิเสธไม่ได้ว่ามือหนึ่งญี่ปุ่นมีแนวโน้มทน ถูกกว่ามือสองยุโรปแน่นอน
แต่ถ้าจะใช้รถยาวๆ หลายๆ ปี ผมว่าฝั่งญี่ปุ่นที่พ่วง Hybrid จะค่าซ่อมถูกกว่ามือสองยุโรป.......แค่นิดเดียว ก็อาจเป็นไปได้ จึงได้พูดไปเช่นนี้ครับ
ซึ่งฟังจากโจทย์ที่ดูจะใส่ใจเรื่องความจุกจิกพอสมควร ผมคิดว่าระบบ Hybrid ณ ปัจจุบัน ยังอาจไม่ตอบโจทย์กระทู้นี้น่ะครับผม
เป็นการน่าเสียดายนะครับ ถ้าจะแลก E-Class รุ่นเกือบปัจจุบัน เป็น Camry เพื่อความจุกจิกที่น้อยลงไม่มากนัก
หนีจากรถมือสองเพราะกลัวจุกจิก แต่หนีไปหา Hybrid..... แถมใช้ยาวๆ ด้วย ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าระยะยาวๆ นี่ มือสองธรรมดากับมือหนึ่งไฮบริด
มันจะเป็นการหนีเสือปะจรเข้รึเปล่า ถ้าเป็นผมมีเฉพาะสองตัวเลือกนี้ ผมขอ E-Class ครับ
แต่ถ้าโจทย์ของความไม่จุกจิกสำคัญกว่าภาพลักษณ์ ด้วยงบ 1.8 นี้ ผมขอ Accord 2.4TECH ครับ
อยากทราบเหตุผลว่าทำไม hybrid จุกจิกมากครับ
โดยภาพรวมผมคิดว่าท่านนะจะรู้จักระบบไฮบริดอยู่แล้วนะครับ งั้นผมขอพูดเป็นมุมมองของผมก็แล้วกัน
จุดที่ผมกลัวที่สุดคือตัวแปลงไฟ Inverter น่ะครับ เห็นราคาแต่ละตัวแล้วแทบลมจับแทนเจ้าของรถ ราคาแบตว่าแพงแล้วตัวอินเวอร์เตอร์ยิ่งกว่า
รองลงมาคือพวกการบำรุงรักษา เช่น ช่องเป่าลมร้อน ช่องดูดลมเย็น (หล่อเย็นแบต) ซึ่งเป็นการยากนะครับที่เราจะบอกผู้โดยสารที่ขึ้นมาบนรถทุกคน
โดยเฉพาะถ้าเป็นลูกค้า เกิดใครวางของปิดเข้า มีปัญหาอีก
แล้วก็ลักษณะเฉพาะตัวอื่นๆ เช่น เสียงเบรก สเปกน้ำมัน ฯลฯ ที่ถึงจะไม่ใช่ปัญหาการใช้งาน แต่ถ้าอยู่กับคนที่ไม่รู้ (ซึ่งบางครั้งเราก็ควบคุมไม่ได้ตลอด)
มันก็อาจจะเกิดเป็นปัญหาจริงๆ ขึ้นมาได้ มันใช้ยากกว่า มีจุดพึงระวังมากกว่า และค่าซ่อมแพงกว่ารถที่ไม่มีไฮบริด นี่คือจุดที่ผมคิดนะครับ
และดูท่าจากโจทย์นี้ รถคันนี้น่าจะไปเผชิญโลกกว้างพอสมควร ผมเลยไม่เห็นด้วยว่าไฮบริดจะเหมาะสมไปกว่ามือสองครับ
ปล. ผมยังไม่มีภาระการเงิน ถ้าผมเลือกเอง ผมไม่ตัดไฮบริดออกแน่นอนครับ พิจารณาตามตัวรถ
แต่สำหรับโจทย์กระทู้นี้ ผมว่ามันอาจจะยังไม่ใช่น่ะครับผม ไม่ได้อคติกับไฮบริด แต่จากโจทย์นี้ คาแรกเตอร์ของไฮบริดที่มันเป็น อาจจะยังไม่ใช่น่ะครับ
ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน ใช้แค่ในครอบครัว ร้อยปีถึงจะมีใครมาเห็นรถเรา แบบนี้ยังพอโอเคครับ