ผมตอบอีกครั้งนะครับ
เอาจากความจริงเลย บ้านผม ก่อนจะเข้าหมู่บ้านจะต้องเข้าซอยเป็นระยะทางเกือบ2 กิโลเมตร
ในวันนั้น อาม่าผมไม่สบายหนัก ผมเลยต้องรีบกลับไปบ้านเพื่อไปหาอาม่า ระหว่างซอยเข้าหมู่บ้าน ก็มีบ้านคนพักอาศัยตลอดทาง
ถนน เป็นลักษณะ แค่2เลนส์สวน หน้ากว้างประมาณ 6 เมตร ผมต้องรีบกลับบ้าน เพื่อมาหาอาม่า มาดูอาการ ให้เร็วที่สุด
อย่างน้อยๆ ให้ผมได้เห็นท่านมีลมหายใจเป็นครั้งสุดท้าย ก็ยังดี
ผมเลือกขับเร็วที่สุดเท่าที่จะเล่าได้ ใครขวางปมบีบแตร ใครช้าผมแซงแล้วปาด รถผมเปิดไฟหน้าไฟขอทางวุ่นไปหมด สลับกับไฟสูงและบีบแตร
ผมมองเข็มหน้าปัทม์ อีกทีก็ปาเข้าไปเกือบ 110แล้วในซอย ถามว่าทำไมต้องขับเร็ว ผมมีเหตุผมของผม เหตุผลคือ มีคนป่วยใกล้เสียชีวิต รอผมอยู่
สุดท้าย ผมกลับไปบ้าน ได้เจอหน้าอาม่าผม ไม่ถึง 5 นาที ท่านก็จากผมไป...
ที่ผมมาตอบแบบนี้ ว่าคุณอาจจะผิดหรือเปล่า เขาอาจจะรีบหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้อยู่ในเหตุการ์ณ ผมไม่ได้คนในพื้นที่ ผมไม่เคยวิ่งถนนเส้นนั้น
แต่ผมแค่อยากให้คุณมองในจุดๆนี้ ถนนไม่ได้เป็นของคุณ และไม่ใช่ของเขาคนเดียว
คนเรา ขับรถไม่ใช่จะเก่งเหมือนกันหมดทุกคน บางคน ที่ต้องเปิดไฟไล่ แล้วไม่เข้ามาชิด เพราะเขาอาจจะกะระยะที่ว่าเหมาะสมมากพอสำหรับเขาแล้ว
ดังนั้น ถ้าคุณทนไม่ไหว ต่อพฤติกรรมเหล่านั้น หลบซ้าย แล้วปล่อยให้เขาไป คิดในใจก็พอ เขาอาจจะเดือดร้อนจริงๆก็ได้ หรือถ้าวันนั้นเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่เขาเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาจริงๆ คุณอาจจะไม่ได้มีสิทธิ์ มาโพสด่าเขาแบบนี้อยู่ก็ได้
อยู่ในสังคม ใจกว้างสักนิด คิดซะว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราทำดีที่สุดแล้ว แค่นั้นพอ
แต่ถ้าคุณ ยังคิดเจ็บใจ แค้นใจ ก็เชิญ
ผมตอบแบบนี้ ไม่ได้จะหาเรื่อง แต่ผมต้องการยกกรณีตัวอย่างให้ฟัง เหตุการ์ณของผมวันนั้น ไม่ได้จะหาเรื่องใครใดๆทั้งสิ้น แต่สถานการ์ณทุกอย่าง มันเลยทำให้ผมต้องปฏิบัติออกมาแบบนั้น
สุดท้าย ผมต้องขอโทษอีกครั้ง ที่เลือกตอบคำถามคุณด้วยวิธีนี้ อาจจะทำให้เกิดอารมณ์บ้าง ไม่เป็นไร แต่ผมอยากให้คุณมองมุมกลับ และลองปรับมุมมองดูสักนิด แค่นั้น
วันที่เมียผมจะคลอดลูก ทั้ง3 คน
วันที่ลูกผมป่วย ไข้ขึ้น 39 องศาแล้วต้องพาไปหาหมอ
วันที่ข้าศึกบุกประชิดประตูเมือง
ผมกับทำแบบนี้เหมือนกันแหละครับ
ปล เคยมีรถคันหนึ่งจะขับตามมาหาเรื่องผม พอผมเลี้ยวเข้ารพ. เท่านั้นแหละ แกเลยตามเลยไปเลย