« ตอบกลับ #37 เมื่อ: มกราคม 14, 2015, 09:43:08 »
ถ้าเอาเม็ดเงิน เทียบกับสาระความเป็นรถที่มีขนาดเดียวกัน แอร์เย็น มีสี่ล้อวิ่งได้ ขับได้ ไม่ซื้อครับ
เงิน 8 แสน
ผมคงไปออก VIOS ตัวถูกสุด เลือกเกียร์ออโต้ก็ได้จะได้แพงอีกนิด 589,000บาท และส่วนลดที่ีอาจจะได้อีก 2-3 หมื่นบาท
ทันทีที่ซื้อเลย เอาแบบไม่มีส่วนลด ผมจะม่ีส่วนต่างของราคารถอยู่ 211,000 บาท เอาไว้เติมน้ำมันได้อีกราว ๆ 3-4 ปี (ผมใช้ค่าน้ำมันประมาณนี้) สบาย ๆ
หรือถ้ามองในแง่การดูแลรักษา หลังจากอ่านเทคโนโลยีของรถรุ่นนี้แล้ว ผมก็ไม่ต้องเสี่ยงกับการที่เครื่องยนต์จะอายุไม่ยืนนัก ซ่อมมากจุกจิก อะไหล่แพงกว่า VIOS, CITY แน่ ๆ คุณคิดว่าไอ้ระบบวาล์วที่เปิดปิดแบบนั้นกับช่วงการทำงานแบบนี้มันจะอายุยืนรึเปล่าล่ะครับ ? ผมไม่แน่ใจและจะรอดู นี่ยังไม่คิดถึงปัญหาของ i-eloop ที่เกิดในรุ่นพี่ของมันอีก ถ้ามันมีมาด้วย คงปวดหัวแน่ ๆ
มองไปในอนาคต เวลาขายรถเบื่อ ๆ หรือเงินขาดมือ จะขายรถ VIOS, CITy มันง่ายกว่า Mazda 2 อยู่หลายขุม ทำไมน่ะเหรอ ? ลองดู FOCUS TDCI สิครับ ที่เขารีวิวกันประหยัด ๆน่ะ สุดท้ายเวลาเป็นมือสอง ก็ขายยากอยู่ดีนั่นแหละไม่ได้ขายง่ายเหมือน 520D เลย และยังโดนกดราคาเพราะเป็น Brand นอกสายตาคนเล่นรถมือสองส่วนใหญ่ซะอีก
แต่....
เห็นว่ามีรุ่นถูกสุดอยู่ 6 แสนกว่า ๆ มันจะแพงกว่าVIOS อยู่ราว ๆ 5-7 หมื่นบาท (ราคาผมก็ยังไม่ทราบครับ) ถ้าราคานี้ผมก็ต้องหันหน้ามามองมันซักนิดว่ามันมีอะไรดีกว่าอีกที่จะจ่าย 5-7 หมื่นบาท ซึ่งอาจจะได้ยางล้อแม็ก แอร์แบคมากกว่า ก็คงจะคิดว่าคุ้มค่าได้อยู่กับการจ่ายเงินส่วนนี้เพิ่ม ซึ่งถ้าไม่มีอะไรมากกว่านี้ ผมก็ยังแอบคิดว่ามันแพง เพราะได้ส่วนลดภาษีสรรพสามิตมาเยอะกว่าด้วยน่าจะกดราคาเท่า VIOS รุ่นล่างสุดเกียร์ออโต้ได้ด้วยซ้ำไป
เรืื่องข้ออ้างดีเซลราคาแพงกว่าเบนซินเป็นแสนผมไม่เชื่ออยู่แล้ว ไร้สาระ เพราะสมัย เบนซ์ หรือ VW ขาย Cdi, Tdi ก็ไม่ได้แพงกว่าเครื่องเบนซินมากมายขนาดนั้น เครื่องใหม่เป็น Short block ทั้งอันผมก็เคยเห็นราคาแล้วไม่ได้แพงกว่านี่หว่า จะแพงหรือถูกมันอยู่ที่ Option หลอกเด็กล้วน ๆ