ผู้เขียน หัวข้อ: จากกระแสเครื่องดีเซลที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำไม F1 ถึงไม่ใช้เครื่องดีเซลครับ  (อ่าน 15754 ครั้ง)

ออฟไลน์ final

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 582
    • อีเมล์
จากที่เห็นการเปรียบเทียบรถ 1 รุ่น ระหว่างเครื่องเบนซินกับดีเซล จะมีคนเชียร์เครื่องดีเซลเกือบทั้งหมด ด้วยข้อดีต่างๆ นาๆ เช่น แรงบิดสูง ใช้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน แรงม้าไม่ได้น้อยหน้าเบนซิน แม้ว่าราคาจะสูงกว่าเป็นแสนและเสียงเครื่องดังกว่าก็ตาม และในความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้นซะด้วย เช่น BMW ที่รุ่นดีเซลจะมีคนใช้มากกว่าเบนซิน ข้อดีของเบนซินที่เห็นก็มีแค่แรงม้าที่สูงกว่าและเสียงเครื่องที่เงียบกว่า ความเร็วปลายที่มากกว่านิดนึงแต่กว่าจะถึงคงโดนทิ้งไปเป็นทุ่งละ

แล้วทำไมสุดยอดเทคโนโลยีของรถอย่าง F1 ถึงใช้เครื่องเบนซินครับ รวมถึงรถสปอร์ตชื่อดังอย่างเฟอร์รารี่และแลมโบ ซึ่งใช้เครื่องเบนซินแถมยังเป็นเครื่อง NA ซะด้วย การแข่งขันหรือรถที่ขับมันส์ๆ อัตราเร่งที่ปรู๊ดปร๊าดกดเป็นมาน่าจะสำคัญกว่าความเร็วปลายที่ไม่ค่อยได้ใช้และไม่ค่อยกล้าใช้กันซะเท่าไหร่

คือสงสัยครับ เพราะเห็นบอกกันว่าดีเซลเทคโนโลยีสูงกว่าเบนซิน ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันก็ดีกว่า ความแรงความเร็วมากกว่า ถ้าให้เลือกก็เอาดีเซลแน่นอน แล้วทำไมรถที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลกและรถที่เน้นสมรรถนะสูงถึงยังใช้เบนซินครับ และทำไมรถเบนซินตลาดทั่วไปถึงโดนดีเซลกลืนกินไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,712
  • การเดินทางครั้งใหม่
F1 ใช้รอบสูงมากตลอดช่วงการขับ ส่วนเครื่องดีเซลเน้นรอบต่ำคงไม่เหมาะกับการใช้งานนัก อาจทำให้สึกหรอมากกว่า
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ dazetos

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 406
ดีเซลในตลาดในปัจจุบันเกือบทั้งหมดมีเทอร์โบ
แต่เบนซินมีเทอร์โบอยู่ไม่กี่รุ่น

ถ้าที่ความจุเท่ากันและมีเทอร์โบเหมือนกัน ผมเลือกเบนซินนะ

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีข้อมูลวิชาการมาอ้างอิงเลยครับ  ;)

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,604
    • อีเมล์
redline f1 อยู่ที่ 18000 รอบ รอบเบาประมาณ 3-4000 รอบ v8 2400cc อันนี้คือสเปค 2013

พอมา 2014 เปลี่ยนมาใช้ v6 เทอร์โบแล้ว ลดรอบมาที่ 15000 รอบ

ช่วงที่มันที่สุดคือ 1994 3500cc v12 ไม่จำกัดรอบ ซึ่งทำได้เกิน 20000 รอบแน่ๆ




ถ้าถามว่าทำไมพวกซุปเปอร์คาร์ถึงยังใช้เบนซิน na อยู่ เพราะรถพวกนี้ต้องให้อารมณ์ร่วมไปกับคนขับหรือก็คือ Rav happy นั่นเอง ถ้ามีโอกาสได้ลองรถที่เร่งได้ซัก 8000 รอบจะเข้าใจเอง ไม่ก็ลองไปคุยกับคนที่เล่น big bike ดูได้เหมือนกัน

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,398
ตอนแรกก้สงสัยเหมือนกันครับ แต่พอได้ใช้บ่อยๆและลองศึกษาการใช้งานของดีเซลจริงๆ ถ้าเครื่องเบนซินมีเทอโบเหมือนกัน ไม่มีทางที่ดีเซลจะสู้ได้ครับ ดีเซลจะเป็นแนวดึงแบบช่วงต้น ใครขับแบบต้นแรงๆไม่เกิน 160 จี้ดแน่นอน หลายๆคนชอบครับ แต่รถอย่าง Supercar F1 เน้นแรงปลายและเสียงเครื่องต้องเพราะครับเพราะงั้นเบนซินยังดีกว่าครับสำหรับเรื่องนี้ เอาให้เห็นภาพนะครับ 525d เรื่องประหยัดชนะ 528i หน่อย ส่วนเรื่องอัตราเร่งจะรู้สึกว่า 525d ดึงกว่า 528i แต่จิงๆจับเวลาจิงๆ 528i มีแต่จะแรงกว่าตั้งแต่ต้นจนจบยิ่งเลย 160 ไปนี่ห่างพอสมควรเลยครับ

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,601
    • อีเมล์
มันคนละวงการกันครับ

รถแข่งก็พัฒนาเบนซินไป

ส่วนรถบรรทุกตอนนี้ ผมกำลังหลงไหล วอลโว่ FH750 ครับ

พลังมหาศาลมากๆ
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,462
อีกอย่างคือ ดีเซล ถูกนำไปใช้ในภาคการขนส่ง และในภาคอุตสาหกรรมมาก ฉะนั้น F1 คงไม่อยากไปใช้ เพราะจะโดนหาว่าไปใช้ทดลองให้สิ้นเปลืองพลังงาน

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
มันคนละตลาดกันนี่ครับF1กับรถบ้านใช้งานทั่วไป ถ้าจะสบประมาทดีเซลก็อย่าลืมว่าเครื่องดีเซลของออดี้ก็ชนะแชมป์เลอมังมาแล้วนี่ ถ้าพูดถึงเรื่องดีเซลเทอโบได้เปรียบกว่าเบนซินจะไม่ให้ดีเซลมีเทอโบมาเทียบเบนซินก็ต้องเทียบกับเบนซินที่ไม่มีวาล์วแปรผันนะ ระบบเครื่องดีเซลมันรอบต่ำไม่เอื้ออำนวยต่อการให้มีระบบวาวแปรผัน อีกทั้งยังมีเรื่องของแรงอัดที่มหาศาลเข้ามาอีกทำให้ดีเซลยุคนี้ยังมีวาล์วแปรผันไม่ได้ เลยมีการเอาเทอร์โบมาใช้แทนระบบวาล์วในเบนซินแทน เรื่องนี้เคยมีกันมาแล้วในเว็บนี่แหละ ดีเซลจะให้แรงก็ทำได้มัขึ้นนอยู่กับว่าทำรถขายตลาดไหน SLKดีเซล ออดี้TTดีเซลก็มี จะเอาแรงกำลังสูงM5ดีเซลก็มี  ::)
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ JAAP01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 413
มันคนละตลาดกันนี่ครับF1กับรถบ้านใช้งานทั่วไป ถ้าจะสบประมาทดีเซลก็อย่าลืมว่าเครื่องดีเซลของออดี้ก็ชนะแชมป์เลอมังมาแล้วนี่ ถ้าพูดถึงเรื่องดีเซลเทอโบได้เปรียบกว่าเบนซินจะไม่ให้ดีเซลมีเทอโบมาเทียบเบนซินก็ต้องเทียบกับเบนซินที่ไม่มีวาล์วแปรผันนะ ระบบเครื่องดีเซลมันรอบต่ำไม่เอื้ออำนวยต่อการให้มีระบบวาวแปรผัน อีกทั้งยังมีเรื่องของแรงอัดที่มหาศาลเข้ามาอีกทำให้ดีเซลยุคนี้ยังมีวาล์วแปรผันไม่ได้ เลยมีการเอาเทอร์โบมาใช้แทนระบบวาล์วในเบนซินแทน เรื่องนี้เคยมีกันมาแล้วในเว็บนี่แหละ ดีเซลจะให้แรงก็ทำได้มัขึ้นนอยู่กับว่าทำรถขายตลาดไหน SLKดีเซล ออดี้TTดีเซลก็มี จะเอาแรงกำลังสูงM5ดีเซลก็มี  ::)

มีแล้วนิครับ All new triton 2.4L MIVEC  ;D

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,886
ปัจจัยหลักอยู่ที่น้ำหนักล้วนๆเลยครับ

ลองเอา gtr ไปใส่เครื่อง f1 ผมยังไม่การันตีเลยว่ามันจะชนะเครื่องเดิมได้หรือเปล่า
เพราะน้ำหนักตัวยังห่างกับ f1 อยู่หลาย

ส่วนถ้าจับเอา f1 ไปใส่เครื่อง gtr ผมว่าแค่เข้าโค้งแรก รถก็เป๋ ไถลเพราะ นน หนักเครื่องที่หนักขึ้น


ออฟไลน์ art_duron

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 990
อย่างน้อยๆ ก็มี Audi กับ Peugeot ใช้เครื่องดีเซลกับรถแข่งคลาสใหญ่ LMP1 ในรายการ FIA World Endurance Championship นะครับ
แล้วก็ประสบความสำเร็จมากๆ ด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 21:43:54 โดย art_duron »

ออฟไลน์ BMW_Soc_OkuBo

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 34
รอบสูงๆ เกียร์หลายๆ สเตป ยังไงเบนซิน ก็ชนะ ดีเซล

ปล. 328i  0-100 เร็วกว่า 325d นะ (ตัวเลขจากโรงงานเคลมไว้)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 22:12:48 โดย BMW_Soc_OkuBo »

ออฟไลน์ pongisra

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,458
Dakar บางยี่ห้อก็ใช้เครื่อง diesel ครับ

Mini ก็เอาดีเซล 6 สูบเรียงของ BMW มาใช้ในรถที่แข่งในรายการนี้

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
ในมาสด้าcx5ก็โฆษณาไว้ว่ามีน่ะครับแต่กระทู้โน้นเห็นว่ามันให้ผลน้อยมากเทียบไม่ได้กับการผันแปรจากเทอร์โบแบบแปรผัน เป็นเรื่องของการตลาดมากกว่า แต่แม้จะน้อยมากก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว จากไม่เคยมีมาเริ่มมีแล้วในตอนนี้ ในอนาคตอาจจะมีการแปรผันชนิดนับที่เริ่มตั้งแต่รอบที่1เลยก็ได้ เทอร์โบเองในตอนนี้ก็มีการริเริ่มหันมาใช้เทอร์โบไฟฟ้าที่มีความละเอียดอ่อนกว่าเทอโบปกติในตอนนี้ ทำไมระบบวาล์วแปรผันในดีเซลจะเกิดขึ้นแบบเห็นผลจริงจังไม่ได้  :)
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ prototype82

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 42
F1 กติกากำหนดให้ใช้ได้แค่เบนซินเท่านั้น
อ้างถึง
19.1.1 The purpose of this Article is to ensure that the fuel used in Formula One is petrol as this term is generally understood.
ที่มา http://www.formula1.com/inside_f1/rules_and_regulations/technical_regulations/8700/fia.html
เรื่องความแรงเบนซิน/ดีเซล ลองดูกติกา WAC ที่กำหนดความจุเครื่องยนต์รถแข่ง LMP1 เพื่อให้ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน
   เบนซิน NA ความจุสูงสุด 3.4 ลิตร (Toyota TS-040 Hybrid)
   เบนซิน+เทอร์โบ  ความจุสูงสุด 2 ลิตร (Porsche 919 Hybrid)
   ดีเซล+เทอร์โบ  ความจุสูงสุด 3.7 ลิตร (Audi R-18 E-Tron)
มีเทอร์โบเหมือนกันแต่ความจุต่างกันตั้ง 1.7 ลิตร แลัวถ้าความจุเท่ากันล่ะ?  8)

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,876
ผมว่าจขกท.ต้องไปศึกษาใหม่หลายเรื่องเลยนะครับ เริ่มจากไปดูผลการทดสอบserie3ก็ได้ จะเห็นว่าที่ความจุเท่ากันมีเทอร์โบเหมือนกัน เบนซินอัตราเร่งดีกว่าดีเซลทั้ง0-100และ60-120 ที่เข้าใจว่าดีเซลแรงกว่าอันนั้นคงเทียบกับเบนซินไม่มีเทอร์โบ
แล้วก็แน่ใจนะครับว่าการแข่งขันf1อัตราเร่งดีกว่าสำคัญกว่าความเร็วปลาย  ต่อให้จริงเราก็พูดถึงอัตราเร่งที่รอบเครื่องหมื่นกว่ารอบและความเร็ว300kmphนะครับ ไม่ใช่เร่งจาก0-100เหมือนรถทั่วไป
สรุป ดีเซลไม่ได้เร็วแรงกว่าเบนซินนะครับ แค่แรงบิดมากกว่า และประหยัดน้ำมันกว่า จึงเหมาะกับรถบ้านที่เน้นประหยัดน้ำมัน และต้องการแรงดึงจากหยุดนิ่ง ในขณะที่f1ใช้รอบสูงมากและเน้นความเร็วปลาย+อัตราเร่งที่รอบสูงๆ เครื่องเบนซินจึงเหมาะกว่า

ออฟไลน์ sith(สิทธิ์)

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,411
  • นับ1ใหม่
    • อีเมล์
รถบ้านๆกะรถแข่ง อารมย์มันก็ต่างกันละ
ถ้าจะซื้อรถบ้านๆมาขับให้ได้อารมย์รถแข่งผมว่า ไม่นานครับ นอนยาว
อารมย์ของดีเซลบ้านๆมันอยู่ที่ รอบต่ำ มาเร็วหมดไว นั่นคือการใช้ในชีวิตจริง
ออกตัว เร่งแซง 80-140 นี่คือ อารมย์ที่จะได้จากดีเซล คือตรงนี้
มันใช้ในชีวิตจริง ใช้ได้ทุกวัน อย่าเอาไปเทียบกะรถแข่งเลย
เราต้องแยกก่อน รถแข่งในสนามกับรถใช้ในชีวิตจริง
ไม่ใช่รถแข่งในสนามมาเทียบกับรถแข่งในชีวิตประจำวัน พวกดันรางแข่งถนนหลวง
 ;D ;D
สนามแข่ง รีดพลังมาขนาดไหนก็ได้เพื่อชัยชนะ
ชีวิตจริง ใช้เท่าที่มี

ออฟไลน์ Koong

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 993
มันคนละสไตล์กัน
ถ้าจะเอาเร็ว  ก็เบนซิล
ถ้าจะเอาแรง ก็ดีเซล  ครับ

รถบ้านที่เขาเชียร์ดีเซลกัน เพราะมันขับง่าย เร่งขึ้นง่าย แต่ความเร็วปลายงั้นๆ
ถึงแม้จะทดเกียร์เฟืองท้ายเพื่อให้ปลายมันไหล   แต่ก็สู้เบนซิลไม่ได้ที่มันไหลได้ด้วยรอบเครื่องของมันเอง

อย่างรถกระบะเครื่อง 2500 ที่เห็นวิ่งทะลุ 200 ได้ ก็ควันท่วมกันทั้งรั้น ขณะที่เครื่องเบนซิล 2500  NA ทำได้สบายๆ
แต่ถ้าดูอัตราเร่งดีเซลอาจจะชนะ  และต้องดูน้ำหนักตัวถังที่แบกอยู่ด้วย  ถ้าน้ำหนักน้อยๆ  เครื่องเบนซิลยิ่งได้เปรียบ  แต่ถ้าน้ำหนักตัวถังมากเครื่องดีเซลจะยิ่งได้เปรีบ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 23:05:01 โดย Koong »

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,050
.
.
.
CC เท่ากัน มีเทอร์โบเหมือนกัน ยังไงเบนซินก็แรงกว่า
อีกอย่างที่ยังไงผมก็ไม่เลือกใช้ดีเซลเด็ดขาดคือเสียงมัน
น่าเกลียดสุดๆ

ออฟไลน์ top3245

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 465
รถแข่ง หรือ รถสปอร์แพงๆ (ไม่ได้เอาไว้ให้คนนั่งเยอะๆ หรือ เอาไว้บรรทุกของ หรือ ลากของ)

น้ำหนักรถจึงเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเบา ยิ่งดี
เครื่องเบนซิน เบากว่าเครื่องดีเซล ทำให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักรถสูงกว่า เพราะเครื่องเบนซินใช้วิธีจุดระเบิด ไม่ใช่วิธีอัดระเบิด

เครื่องแบบช่วงชักสั้นๆ แรงอัดในกระบอกสูบต่ำ รอบจะขึ้นไวกว่าและสร้างรอบได้สูงกว่าเครื่องช่วงชักยาว ทำให้อัตราเร่งดีกว่า ซึ่งเครื่องเบนซินทำเรื่องพวกนี้ได้ดีกว่าเครื่องดีเซล

เครื่องเบนซินสามารถสร้างแรงม้าได้มากกว่าเครื่องดีเซล ยิ่งแรงม้ามากยิ่งอัตราเร่งดี  

ออฟไลน์ Elextons

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 180
ผมว่าจขกท.ต้องไปศึกษาใหม่หลายเรื่องเลยนะครับ เริ่มจากไปดูผลการทดสอบserie3ก็ได้ จะเห็นว่าที่ความจุเท่ากันมีเทอร์โบเหมือนกัน เบนซินอัตราเร่งดีกว่าดีเซลทั้ง0-100และ60-120 ที่เข้าใจว่าดีเซลแรงกว่าอันนั้นคงเทียบกับเบนซินไม่มีเทอร์โบ
แล้วก็แน่ใจนะครับว่าการแข่งขันf1อัตราเร่งดีกว่าสำคัญกว่าความเร็วปลาย  ต่อให้จริงเราก็พูดถึงอัตราเร่งที่รอบเครื่องหมื่นกว่ารอบและความเร็ว300kmphนะครับ ไม่ใช่เร่งจาก0-100เหมือนรถทั่วไป
สรุป ดีเซลไม่ได้เร็วแรงกว่าเบนซินนะครับ แค่แรงบิดมากกว่า และประหยัดน้ำมันกว่า จึงเหมาะกับรถบ้านที่เน้นประหยัดน้ำมัน และต้องการแรงดึงจากหยุดนิ่ง ในขณะที่f1ใช้รอบสูงมากและเน้นความเร็วปลาย+อัตราเร่งที่รอบสูงๆ เครื่องเบนซินจึงเหมาะกว่า

อยากกดบวกความเห็นนี้ ถูกใจมากๆ

ว่าจะไม่ตอบกระทู้นี้ละ

เพราะบางความเห็นออกแนว Bias ให้กับดีเซล

ข้อดีของดีเซล เพียงอย่างเดียว ที่ผมให้เหนือกว่า คือ  Fuel Consumption

ดีเซลมันวิ่งได้ระยะทางต่อลิตรเยอะกว่า (แต่ในความเป็นจริง ราคาดีเซลในต่างประเทศ หลายๆ ประเทศสูงกว่าเบนซิน)

เรื่องความทนทานอย่าเอาไปเทียบกับกระบะเลย จุดประสงค์การดีไซน์เครื่องยนต์ มันต่างกัน รายละเอียดมันซับซ้อน

กว่ากันมาก อย่างเช่น Centrifugal Pendulum เอาไว้ลดการสั่นสะเทือนในเครื่องดีเซลของ BMW เป็นต้น


ส่วนที่รู้สึกว่าแรง เป็นเพราะทอร์คมันเยอะกว่า มันเลยรู้สึกดึงมากกว่า

เอาจาก BMW Series 3 F30 ตัวปัจจุบัน

ลองไปดูอัตราเร่ง 0-100 หรือ 80-120 km/hr ดู

เครื่องเบนซิน N20   0-100 km/hr ใช้เวลา     7.3 วินาที  (ตัวเลขจากโบรชัวร์ BMW Thailand รถผมเอง ผมไม่เคยลอง ยังไม่พ้นรันอิน)   คุณจิมมี่เทสได้ 8.58 วินาที
เครื่องดีเซล   N47  0-100 km/hr ใช้เวลา     7.4 วินาที  (ตัวเลขจากโบรชัวร์ BMW Thailand)   คุณจิมมี่เทสได้ 9.22 วินาที

นี่ยังไม่นับว่าตัวเครื่อง 320i กับ 328i ได้เครื่องตัวเดียวกัน (คาดว่ามีการเปลี่ยนเพียง MAP เพราะในต่างประเทศมีคนเทสแล้ว)
ส่วน 320d กับ 325d มีการเพิ่มฮาร์ดแวร์ Turbo ขึ้นมาอีก 1 ลูก ใน 325d
2007 Honda Civic FD 1.8E AT/AS
2014 BMW F30 320i

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
รถพวกนี้เสน่ห์ของมันคือใช้รอบสูงๆ ความเร็วปลาย ความเร็วสูง ดังนั้นเข้าทางเบนซินหมดครับ ง่ายๆ จบเลย

มันก็เหมือนการออกกำลังกายในร่ม ยิ่งเสียงเร้าใจมันก็ยิ่งทำให้มีอารมณ์ร่วมครับ รถประเภทพวกนี้ก็เหมือนๆกันแหละ แล้วถ้าเสียงมันทื่อๆตันๆมันคงแปลกๆ ดีเซลก็เช่นกัน

ส่วนตัวชอบทั้งคู่ครับ ถ้าให้เลือกในรุ่นเดียวกันก็คงลำบาก แต่ถ้าเป็นพวกรถที่แรงมากๆยังไงเครื่องเบนซินก็เหมาะกว่าจมครับ เอาแค่ C63 w204 ก็ไม่รู้จะหลงรักยังไงแล้ว

ออฟไลน์ Kiengkai 1234

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 60
เขากลัวมองไม่เห็นถนนเวลาวิ่งครับ ;D

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,609
    • อีเมล์
ถ้า F1 ใช้ดีเซล

คงจะสับ Paddle Shift กันมือหงิกครับ เพราะรอบหมดเร็วเกิน  ;D

แล้วรายการนี้ คงจะเหมือนตอนสิงห์คะนองนาออกตัว คือ ควันดำท่วมสนามแน่ๆ

ออฟไลน์ earrt

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 740
 ;)

ดีเซลเปรียบรูปร่างเป็นนักกล้ามครับ ตัวใหญ่ๆ แรงมากๆ ยกหนักๆ Torque เยอะๆ

เบนซินเปรียบเหมือนนักวิ่งครับ ผอมเพรียว คล่องตัว

F1 น้ำหนัก 600-800(มั้ง) จึงไม่ต้องการ Torque อะไรมากตอนออกตัว แต่ปลายได้เยอะตามอัตราทด และเพราะรถน้ำหนักเบาเลยมีปีกเต็มคัน

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
;)

ดีเซลเปรียบรูปร่างเป็นนักกล้ามครับ ตัวใหญ่ๆ แรงมากๆ ยกหนักๆ Torque เยอะๆ

เบนซินเปรียบเหมือนนักวิ่งครับ ผอมเพรียว คล่องตัว

F1 น้ำหนัก 600-800(มั้ง) จึงไม่ต้องการ Torque อะไรมากตอนออกตัว แต่ปลายได้เยอะตามอัตราทด และเพราะรถน้ำหนักเบาเลยมีปีกเต็มคัน

+1

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,191
    • อีเมล์
F1 ถ้าใช้ดีเซลเสน่ห์ของมันคงหายไปเยอะครับ
ขนาดเปลี่ยนจาก V8 na มาเป็น V6 turbo ยังมีการวิจารณ์ถึงเสียงเครื่องยนต์ที่ขาดอารมณ์ไปมากเลยครับ
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
นึกภาพ muscle car มาใช้ ดีเซลแล้วสยองครับ หมดฟิล เสียงดุดัน โหดๆหมด 


ออฟไลน์ Cheercheers

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 243
;)

ดีเซลเปรียบรูปร่างเป็นนักกล้ามครับ ตัวใหญ่ๆ แรงมากๆ ยกหนักๆ Torque เยอะๆ

เบนซินเปรียบเหมือนนักวิ่งครับ ผอมเพรียว คล่องตัว

F1 น้ำหนัก 600-800(มั้ง) จึงไม่ต้องการ Torque อะไรมากตอนออกตัว แต่ปลายได้เยอะตามอัตราทด และเพราะรถน้ำหนักเบาเลยมีปีกเต็มคัน
กระจ่างเลยครับ
Cheercheers

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,431
การแข่งขันรถยนต์ มีหลายประเภทนะครับ ทั้งเครื่อง เบนซิน ดีเซล และไฮบริด หลังๆมาเริ่มมีแข่งขัน Formula E

ขึ้นอยู่กับกฏการแข่งขันแต่ละประเภท ถ้าพูดถึง F1 แล้ว กฏกติกามีการเปลี่ยนแปลงได้ทุกปีครับ เพื่อลดการผูกขาด

ถ้าตอนนี้คงเป็น
- ใช้เครื่อง V6 1.6 ลิตร จากเดิมที่ใช้ V8 2.4 ลิตร (รอบเครื่องสูงสุดลดมาเหลือ 15,000)
- ใช้ Turbo changer แล้ว
- Gear เพิ่มเป็น 8 speed (จากเดิมที่ใช้ 7)
- ความจุถังน้ำมัน 140 ลิตร (ลดจากปีก่อน 30%)
- มีระบบ Energy Recovery Systems พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวนึงรับการปั่นไฟมาจากไอเสีย อีกตัวปั่นจากการเบรก