ผู้เขียน หัวข้อ: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ  (อ่าน 6226 ครั้ง)

ออฟไลน์ benzino

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
เดิมทีจอง preve เอาไว้ครับว่าจะออกสิ้นเดือนนี้ แต่ดันติดปัญหาเรื่องค่าเงินบาทซึ่งถ้าแลกแล้วขาดทุนเยอะพอสมควรเลยผลัดการออกรถออกไป แล้วใช้ city 97 เกียร์ธรรมดาต่อไป 

เลยมีได้มีเวลาดูรุ่นนั้นรุ่นนี้อีกเรื่อยๆ ซึ่งเจ้า 2 ตัวเริ่มต้นก็อยู่ใน range ราคาที่พอจะซื้อได้เมื่อเทียบกับ preve ที่หักส่วนลด + ค่าติดแก๊สแล้วราคาจะใกล้เคียงกันมากจึงไปลองเทส

เจ้า 2 ที่ศูนย์ดูครับ ซึ่งแน่นอนว่าศูนย์ให้เทสเป็นตัวท็อปอยู่แล้ว  แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะขอลองนั่งสัมผัสรุ่นเริ่มต้นที่เล็งเอาไว้ด้วยครับ

เนื่องจากไปเทสตอนเกือบๆจะ 5 โมงเย็นแล้ว เซลเลยให้เทสยาวๆเท่าที่อยากจะวิ่งเลยครับ ผมเลยจัดไปราวๆ 20 โล  เส้นทางที่ผมเทสนั้นคือ  เส้นปราณบุรี - กุยบุรี  ซึ่งท่านใดที่

วิ่งสายใต้คงทราบถึงความเน่าของถนนได้ดี แถมเทสในช่วงรถเยอะพอสมควร เลยได้เทสเรื่องคันเร่งกับเครื่องในการเร่งแซงบ่อย


---เครื่องยนต์ อัตราเร่ง-----
ในช่วงออกตัวหรือความเร็วต่ำถ้ากดคันเร่งแบบปกติ รถจะไปแบบนิ่มๆไม่ได้พุ่งอะไร ถ้ากดคันเร่งแบบจมมิดช่วงแรกความเร็วจะขึ้นปกติแต่จะเริ่มทยานไปไวมากๆก็ราวๆ 60+ ขึ้นไปครับ

อัตราการเร่งแซงนั้นแรงหายห่วงเลยครับ วิ่งตามรถบรรทุกที่ความเร็วราวๆ 60-80 กม/ชม รอบอยู่ที่1พันปลายๆ  เมื่อสบโอกาสได้แซง คิกดาวคันเร่ง แล้วรอบกวาดขึ้นไปที่ 3พันรอบพร้อมกับรถที่พุ่งทยานไปเร็วมากๆแปบเดียว 140 แล้ว  มีช่วงนึงที่มี วิโก้ยกสูงจี้ตูดเหมือนจะขอลองเจ้า 2  ซึ่งผลคือโดนเจ้า 2 ฉีกไปพอสมควรเลยครับ ผมยกคันเร่งที่ ประมาน 145

ถ้าเทียบกับ preve แล้ว ในความเร็วต่ำ ผมว่าแทบจะสูสีกับ preve ในเกียร์ D  เลยทีเดียว แต่ถ้ารถเริ่มลอยตัว preve รอบเกิน 2200+ แล้ว อันนี้ preve น่าจะไปไวกว่าครับ  แต่ถ้า
เทียบกับ preve ในโหมดเกียร์ S แล้ว ก็ยังสู้ไม่ได้เยอะครับ  ตอนลองเองไม่ได้จับเวลานะครับ แต่เท่าที่หาดูมา แล้วก็เจ้าของ preve ที่เคยรีวิวไว้ในเวบนี้ 0-100 มันติด 7   วิกลางๆถึงปลายๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้องไปวัดกับ pulsa turbo ถึงจะถูกคู่  แต่อัตราเร่งของเจ้า 2 ที่ให้มานี่ก็เหลือเฟือสำหรับผมมากๆแล้วครับ

-----คันเร่ง------
ในช่วงความเร็วต่ำหรือตอนออกตัว คันเร่งแทบจะไม่หน่วงเลยแม้แต่นิดเดียว กดเป็นไป สั่งอย่างไรได้อย่างนั้น   ไม่ต้องเกิดอาการหลอนเวลาจะออกตัวที่จุดยูเทิร์น ซึ่งผมบอกเลยหลอนทุกครั้งที่ใช้รถวิออสของพี่ หรือวิออสตอนที่เช่ารถมาใช้ หรือตอนที่ลองขับ pulsa 1.8 ตัวท็อปที่เพื่อนเสนอขายให้เลยให้ลองรถ  อาการหลอนที่ว่าคือคันเร่งที่หน่วงเกินเหตุครับ  ช่วงอื่นไม่เท่าไหร่ครับ แต่ตอนออกตัวจากยูเทิร์นที่ต้องการความมั่นใจในการเร่งออกตัว  คันเร่งที่หน่วงมันทำให้รู้สึกไม่ดีเลยครับ  ซึ่งเจ้า 2 นี้ ทำได้ดีมากๆจนน่าประทับใจ

มันประทับใจตอนออกตัวแล้วก็กลับรถที่ยูเทิร์นแค่นั้นครับ  หลังจากวิ่งจริงๆแล้วผมกลับจะงงๆกับคันเร่งมันเหมือนกัน  เช่น ถ้าคุณขับที่ความเร็วธรรมดาเรื่อยๆ หรือ ตามหลังรถบรรทุก ช่วงราวๆ 60-100 กิโล/ชม  คันเร่งมันจะฟรีราวๆ 20-25% ของแป้น คือกดคันเร่งแล้วมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ถ้าจะเร่งแซงล่ะ กดคันเร่งประมาณไหน  ผมลองกดที่ 50% ดู  ผมรู้สึกว่ารถมันนิ่งไปเกือบๆ 1 วินาทีเลยครับ กว่ามันจะเร่งขึ้นมาแล้วเป็นการเร่งแบบช้าๆด้วย  ซึ่งถ้าจะเอาอัตราแบบทันใจนี่ผมต้องกดคันเร่งจนติดพื้นรถนั่นเลยครับ  แล้วรอบจะกวาดขึ้นมาแบบน่าตื่นตาตื่นใจ  สิ่งที่ผมงงๆคือบางครั้ง มันจะหน่วงเวลาเกือบๆ 1 วิแล้วลดเกียร์  บางทีกดปุ๊บมันก็เปลี่ยนเกียร์แบบทันควันเลย  ซึ่งอันนี้ผมเองก็บอกก่อนว่าใช้เกียร์ธรรมดามาตลอด รถที่เคยใช้และเป็นเกียร์ออโต้ที่ไม่ใช่ cvt มีแค่ วิออสกับ city type z แค่นั้นเอง ความเข้าใจในเรื่องคิ๊กดาวอาจจะทำไม่ถูกวิธีก็ได้ครับ  แต่โดยรวมแล้วผมไม่ชอบคันเร่งที่หน่วงนานขนาดนี้ซักเท่าไหร่ครับ

ออ  อีกอย่างนะครับ แป้นคันเร่งมันเบาและนิ่มไปหน่อยครับ ใช้แรงกดน้อยแต่คันเร่งออกจะจมลงไปค่อนข้างเยอะ  ซึ่งผมมองว่าถ้าคนที่หัดขับรถอาจจะต้องฝึกควบคุมคันเร่งมากกว่าปกติครับ  แต่ข้อดีของมันอย่างนึงก็คือ  ถ้าขับรถระยะไกลแล้ว  มันจะนุ่มสบายเท้ากว่ามากๆ ไอ้ความรู้สึกอยากได้รถที่มี cruise control มันหายไปเยอะเลยล่ะ

ถ้าเทียบกับ preve คันเร่งของเจ้านี่มันจะตอบสนองค่อนข้างจะไวครับ แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงความเร็วไหน ซึ่งผมชอบครับ เรื่องคันเร่งผมจึงชอบคันเร่งของ preve มากกว่า


-----พวงมาลัย------
เป็นอะไรที่ผมรู้สึกโครตจะว๊าว!! เลยครับ  ในช่วงความเร็วต่ำ  ออกตัว  เลี้ยวที่แคบ  จอดเก็บรถเข้าซอง  ทั้งหมดนี้พวงมาลัยจะเบามากครับ แต่เป็นเบาที่มั่นใจ มั่นใจว่าควบคุมได้ ไม่ลั่นออกไปไหน  หักเท่าไหร่เลี้ยวเท่านั้นได้ดั่งใจมาก ทั้งที่ขับครั้งแรกแล้วต้องออกจากที่แคบก็ตาม  ไม่มีอาการฟรีหลอกแปลกๆใดๆ

ในช่วงความเร็วสูงพวงมาลัยจะตึงมือขึ้นมาในระดับที่พอดีพอเหมาะมากๆ ไม่ว่าจะช่วง 60  100 หรือ 140  ให้ความมั่นใจในการความคุมมากๆ

ถ้าเทียบกับสวิฟแล้วช่วงความเร็วสูง พวงมาลัยสวิฟจะมีช่วงฟรีของพวงมาลัยที่มากกว่า  ของเจ้า 2 นี้ ช่วงฟรีของพวงมาลัยจะน้อยกว่า แล้วก็การเด้งขืนมือของพวงมาลัย เจ้า 2 จะเด้งขืนมาน้อยกว่าสวิฟครับ โดยรวมผมว่าพวงมาลัยเจ้า 2 ดีกว่าสวิฟนิดหน่อยเลยละครับ

ถ้าเทียบกับ preve นี่ต้องบอกว่าช่วงความเร็วต่ำ น้ำหนักพวงมาลัยต่างกันคนละเรื่องเลยครับ  ของ preve มันหนัก!! เอาว่าหนักกว่า city 97 ของผมหน่อยๆด้วยซ้ำ  ยังดีที่ผมชินกับรถพวงมาลัยหนักๆ

-----ภายใน-----


ในส่วนที่ผมชี้ตรงนั้นที่รุ่นท็อปจะเป็นวัสดุบุนุ่มนะครับ แต่ถ้าเป็นตัวล่างกับตัวกลางมันจะไม่มีไอนุ่มๆนี้ มันจะแข็งครับ 
ทำไมถึงต้องบอก เพราะว่าไอ้ตรงนี้มันเบียดเข่าซ้าย เบียดจนน่าลำคาร ถ้าเป็นตัวท็อปมันจะไม่เจ็บหรือน่าลำคารซักเท่าไหร่เพราะมันออกจะนุ่มแต่ตัวล่างกับตัวกลางนี่บอกเลยครับถ้าขับนานๆนี่เจ็บได้เหมือนกัน  ทางแก้ล่ะ  ก็ต้องคงปรับเบาะให้ต่ำลงครับ(ผมสูง 166) เข่ามันจะติดน้อยลง แต่มันก็ยังเบียดมาอยู่ดีล่ะครับ

ในส่วนของเบาะนั่งนั้นมันก็โอเคครับไม่ได้ประทับใจในความนุ่นสบาย แต่ก็ไม่ได้แข็งจนเลวร้าย  ช่วงบั้นเอวนั้นผมรู้ว่ามันจะโอบบีบไปหน่อยนึง ส่วนช่วงกลางหลังด้านบนจนเกือบถึงท้ายทอยมันจะโหวงๆ เหมือนจะรองรับน้อยไปนิด ส่วนพนักพิงหัวนี่ผมว่ากำลังดีเลย  ปรับเบาะเอนเล็กน้อย ก็ได้ท่านั่งขับที่สบาย แล้วหัวก็ไม่ลอยด้วย

ส่วนที่โดยสารด้านหลังนั้น แน่นอนว่าไม่เป็นปัญหากับคนตัวเตี้ยอย่างผม legroom ก็น่าจะพอๆกับ fiesta แต่ความสบายของเบาะนั่งของ 2 น่าจะสบายกว่าเล็กน้อยนะครับ

การเก็บเสียง เป็นเรื่องนึงที่ต้องบอกว่าว๊าวอีกเรื่องเลยจริงๆ  เงียบมากๆ แม้ในช่วงความเร็ว 140 ผมว่ามันยังเงียบกว่า รถผมเองตอนขับ 80 เสียอีก แต่บอกไว้เลยนะครับว่าไม่ต้องถามผมว่าเงียบกว่า 3 หรือ cx5 หรือปล่าว ผมตอบล่วงหน้าเลยครับว่าไม่เคยสัมผัสทั้ง 2 รุ่น ซึ่งถ้าเทียบกับ preve ผมว่าการเก็บเสียงลมของ 2 นั้นดีกว่า preve โดยเฉพาะการเก็บเสียงเครื่องยนต์เข้าห้องโดยสารนั้นบอกเลยว่า 2 นั้นเก็บได้ดีมากๆ ส่วน preve นั้น เสียงเครื่องเข้าห้องโดยสารดังเอาเรื่องเลยครับ และมันก็ดังกว่า 2 ด้วยครับ  ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนที่นอกจากพวงมาลัยกับช่วงล่างแล้วนั้น  การเก็บเสียงที่ดีของเจ้า  2  นี้นั้น ทำให้ คนที่อยู่ในรถรู้สิ่งว่า  "นิ่ง" มากขึ้นอีกมาเลยครับ

-----เบรก-------

แป้นเบรกของ 2 นี้ ผมว่าแทบจะไม่มีช่วงระยะฟรีเลยมั้ง เบรกได้แทบจะตามใจนึก  แทบไม่มีอาการจึกๆให้เห็นเลยซึ่ง preve ก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่

แต่เบรกของตัวเริ่มเห็นว่าเป็นแบบหน้าดิส หลังดรัม นะครับ ซึ่งจะทำให้มันต่างกับตัวท็อปหรือรองท็อปที่เป็นดิสทั้งหน้าและหลังอย่างไร ผมก็ไม่ทราบครับ


-----ช่วงล่าง------

อย่างที่บอกไว้ตอนต้นครับว่า ผมเทสถนนเส้น ปราณบุรี - กุยบุรี ซึ่งถนนเรียกได้ว่าเน่าสุดๆ  ในพื้นพิวที่แทบทั้งหมดเป็นพื้นผิวที่เป็นหลุมที่ถึงมันจะไม่ได้ลึก  แต่มันเป็นหลุมตื้นๆแทบจะทั้งผิวถนนประหนึ่งพื้นผิวดวงจันทร์  เจ้า 2 นั้นซับแรงกระแทกได้ดี  อาการรถกระเด้งไปกระเด้งมาไม่มากเท่าไหร่  รถพยายามเก็บอาการได้ดีพอสมควรแม้ในตอนความเร็ว 120 แต่ถ้าขึ้นไป 140 จะมีเสียวบ้างนิดๆ  คนในรถนั้นจะโคลงน้อยกว่ารถคลาสใกล้เคียงกัน  ถ้าเป็นคันอื่นๆที่เคยขับผ่านเส้นนี้ผมรู้สึกว่าหัวผมมันโยกตามรถเยอะมาก แต่เจ้า 2 นี่มันจะน้อยกว่าเยอะ ซึ่งถือว่านิ่งมากๆแม้ความเร็วจะสูงก็ตาม ผมลองตกหลุมลึกๆกว้างประมาณ 1 ฟุต ที่ความเร็ว 100กว่า รถมันรักษาความนิ่งมีอาการแค่บอกให้รู้ว่ารถตกหลุมนะ แต่ไม่ยวบลงแล้วไม่มีเสียงดังตึงให้ได้ยินชัด 

แล้วถ้าเทียบกับ preve ล่ะ   เรื่องการเข้าโค้งนั้นผมคงบอกอะไรไม่ได้มากว่าตัวไหนดีกว่ากัน  เพราะเส้นทางที่ผมวิ่งนั้นไม่ได้มีโค้งยากๆอะไร แล้วผมก็ไม่ได้ขับเร็วมากพอที่จะวัดด้วยครับ  แต่เอาเป็นว่าการเข้าโค้งธรรมดาทั่วๆไปของทั้งคู่ที่ 100-120 กม/ชม เมื่อเทียบ city ของผมเองแล้วก็ vios ที่ใช้บ่อยแล้วนั้น ต้องบอกว่า มั่นใจกว่าในระดับที่เรียกว่ามหาศาลเลยละครับ  การรับแรงกระแทกจากหลุมลึกๆผมว่าก็พอกัน   แต่จุดที่ต่างมันอยู่ที่ความโคลงและการกระเด้งไปมาของรถบนพื้นผิวที่เป็นหลุมตื้นๆแต่ทั่วทั้งผิวถนนที่เหมือนดวงจันทร์นั้น  ผมมองว่า preve เก็บอาการได้ดีกว่าพอสมควร แต่ preve เองผมว่ามันก็ออกอาการตึงตังมากกว่า 2 อยู่ด้วยครับ

โดยรวมผมว่าช่วงล่างเจ้า 2 นี่ดีเป็นที่น่าพอใจสำหรับผมมากๆครับ 

----อัตราการบริโภคเชื้อเพลง-----
ไม่รู้ครับ 555555



สรุปคือ ตอนนี้ผมบอกแฟนซึ่งจะเป็นผู้ซื้อว่า  ก็พึ่งมีเจ้้า 2 นี่แหละที่เมื่อพิจารณาความความคุ้มค่าโดยรวมทั้งหมดแล้ว ถ้าเค้าจะตัดสินใจทิ้งจอง preve มาเอาเจ้า 2  แล้วผมจะไม่บ่น ไม่ท้วงเสียดาย preve

ส่วนผมถ้าจะเป็นคนซื้อเอง ผมเองก็บอกบอกว่า 50/50  เพราะเจ้า 2 หาศูนย์ง่ายกว่า ไม่ต้องติดแก๊ส แต่จ่ายค่าเพลิงแพงกว่า preve ติดแก๊สแค่นิดเดียว(ทั้งนี้ถ้าน้ำมันขึ้นราคา preve จะคุ้มกว่าทันที)   ถึงไม่มี cruise control แต่แป้นคันเร่งที่นิ่มนั้นก็ไม่เลว  และดีไซภายนอกที่สวยกว่า  แต่ preve เองก็ได้รถที่มีพื้นที่ส่วนหลังมากกว่า ออปชั่นหนักกว่า รถแรงกว่า ช่วงล่างดีกว่า


เพราะฉะนั้น ไหนๆก็ต้องยืดเวลามาแล้ว  ขอรอดู ciaz ไปด้วยเลยละกันครับ

ส่วนตอนนี้ก็ขับ city 97 เกียร์ธรรมดา ไปกลับ กทม-ปราณบุรี ต่อไปครับ เพราะราคาน้ำมันยังถูกอยู่ อัตราบริโภคเชื้อเพลิง  18-19 กิโล/ลิตร ผมเลยยังสู้ได้สบายๆอยู่ครับ









ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,604
    • อีเมล์
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 04:45:03 »
ในฐานะวิ่งขึ้นลงจังหวัดนี้แทบทุกเดือน ยืนยันเลยว่าถนนโครตจะ Fu.. โครตพ่อโครตแม่ แต่ถ้า จขกท วิ่งแค่ปราณ-กทม มันยังพอไหวยิ่งช่วงนี้ปรับถนนใหม่แล้วด้วย (ช่วยอัพเดตหน่อยว่าเสร็จยัง เบื่อรถติดมาก) แนะนำว่าใช้เกียร์ธรรมดาต่อไป งบนี้ราคาเท่านี้คุณไปหา civic m/t ได้ซึ่งผมกล้ายืนยันให้เลยว่ามันยังเร็วกว่า 2 แยอะ
อย่าให้แรงบิดมาหลอกคิดว่ารถมันแรง ผมลองมาแล้วมันไม่ได้แรงว๊าวขนาดนั้น แต่ที่ดีจริงๆคือช่วงล่าง แต่มันก็ดีในระดับมันและก้าวไปพอๆกับ c seg แต่ถ้าเทียบกับ
ซีวิคเกียร์ธรรมดายังไม่ไหว ถ้าใช้ชีวิตใน กทม ผมก็แนะนำออโต้นะ แต่ถ้าวิ่งต่างจังหวัดหรือใช้ชีวิตต่างจังหวัดยังไง m/t ก็ยังดีกว่า

ออฟไลน์ benzino

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 04:58:59 »
รถคันที่จะซื้อนี้แฟนจะเป็นคนซื้อแล้วก็ใช้ในวันธรรมดาขับไปทำงานครับ  แล้วเย็นวันศุกร์ ผมถึงจะเป็นคนขับขึ้นมา กทมพร้อใกับแฟน  ซึ่งจะใช้คันนี้ขึ้นมาแทนคันเก่า เพราะฉนั้นเลยต้องเป็นเกียออโต้ เท่านั้นครับ

ส่วนถนนยังไม่เสร็จครับพึ่งเริ่มทำอีกครึ่งที่เหลือ ยังไม่ลงราดยางเลยครับ  ซึ่งถ้าเสร็จแล้วผมว่ายังต้องทำช่วงหน้าค่ายธนะรัตน์เข้าบายพาสจนถึงแม็คโคร โดยเฉพาะตรงหน้า ปตท เป็นต้นไป ตรงนั้นแย่สุดๆแถมเป็นคอขวดอีกต่างหาก

ออฟไลน์ secrecyguy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,743
  • 3.2plus
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 09:17:14 »
เวลากระทืบคันเร่ง  อารมณ์เหมือนพวกกระบะดีเซล มีจังหวะนิ่งสักนิด ก่อนเร่ง เเต่ก็ไวกว่าทุกๆตัว ถ้าใช้โหมดm ดูจะตอบสนองดั่งใจกว่า

ออฟไลน์ aobness

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 693
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 11:05:42 »
ไอเจ้า proton นี่0-100  ต่ำ  8 วิ เลยเรอครับพึ่งรู้ว้าว  ถึงขนาดวัดกับ pulsar turbo  เลยรึนี่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2015, 11:08:19 โดย aobness »

ออฟไลน์ benzino

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 11:42:45 »
ใช่ครับ. ลองหาดูใน user review ถ้าจำไม่ผิด พี่เค้าเทสได้ 7.75 วิ ซึ่งสอดคล้องกับใน YouTube และเวบบอร์ดต่างๆ

ซึ่งที่พี่เค้าเทสกับที่พี่จิมมี่เทส มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมมันต่างกันตั้ง 2 วิกว่าๆ ผมเลยไปหาคำตอบเอาเอง. ผมก็ถึงบางอ้อว่า มันต่างที่โหมดเกียร์ D กับ S  นั่นเอง  ซึ่งผลการเทสของพี่ทั้งสองก็ได้คล้ายๆกับที่อื่นๆเทส ก็คือ ถ้าเกียร์ D ส่วนใหญ่จะได้ที่ 9 วิกลางๆถึง 10 วิต้นๆ  ส่วนเกียร์ S จะได้ที่ 7 วิต้นๆถึงเกือบๆ 8  ครับ

ออฟไลน์ r0u0g0e0k

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 826
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 11:54:48 »
เล่นโปรตอนเลยหรอครับ ระยะยาว คิดหนักๆนะครับ เป็นผม ไป mz 2 อย่างไม่ลังเลเลย  ถ้ามีตัวเลือกเเค่ สองตัวนี้

ออฟไลน์ benzino

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 12:21:19 »
จริงๆทุกตัวที่มี range ราคาช่วงประมานนี้ (รวมรถที่มีส่วนลด)  ทุกรุ่นคือตัวเลือกหมดเลยครับ เพียงแต่ที่เลือก preve มาเป็นอันดับ 1 (ก่อนจะได้ลอง Mazda 2) เพราะสิ่งที่ได้มากับข้อเสียของมันที่ต้องรับให้ได้นั้น ผมรับพอรับไหวครับ ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการจะซื้อโปรตอนก็คือศูนย์การที่น้อยมากๆ แถมศูนย์ที่มีนายช่างเก่งๆนี่ต้องศูนย์วิภาอีกต่างหาก. ที่ผมรับข้อนี้ได้เพราะ ผมต้องไปกลับ กทม ทุกอาทิตย์  อีกอย่างคือแฟนกับทางบ้านเค้าอยู่ ด่านนอก ชายแดนไทย มาเล  มีธุรกิจอยู่ที่ มาเล เลยคิดว่าถ้ามีปัญหายังสามารถหาของเองได้ครับ อีกทั้งต้องไปแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนใช้โปรตอนเพื่อดูร้านที่เค้าใช้บริการเพื่อเก็บเป็นข้อมูลเอาด้วยครับ

ออฟไลน์ tsingtho

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 108
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 14:57:31 »
มีปัญหาที่ "เข่าซ้าย" เช่นกันครับ รู้สึกเคืองๆยังไงบอกไม่ถูก
ส่วนพื้นที่ด้านหลัง ด้วยความที่มีครอบครัว มีลูก มันเลยดูอึดอัดไปนิด
เพราะถ้าจะซื้อรถใหม่ มันจะเป็นรถคันเดียวในบ้านครับ
ทำให้คงต้องตัดเจ้า Mazda 2 ที่จดๆจ้องมานานแสนนานตัวนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
(ตอนนี้ใช้ Mazda Protege อยู่ครับ)

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
    • อีเมล์
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 17:21:04 »


ทำไมผมนับได้เกียบๆ 9 วิหว่าในคลิปนี้

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,018
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 31, 2015, 20:13:33 »
หากติด LPG แล้วค่าเชื้อเพลิงก็สู้กันได้ครับ

หากมีศูนย์ใกล้บ้าน และใกล้เส้นทางประจำก็น่าเล่นนะครับ Preve ราคา+ Option คุ้มค่า
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ เซลล์ขายรถ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 704
  • เซลล์ขายรถจริงๆนะครับ
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2015, 21:59:30 »
คันเร่งหน่วงนี้เรื่องจริงครับ หน่วงนานไปหน่อยแต่สักพักถ้าขายดีๆคงมีคันเร่งโมสัญญาณมา ;D
ต้องดันยอดเดี๋ยวเจอโกฮังจัดการ :(

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,462
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2015, 23:05:31 »
เส้นลงใต้ ซ่อมพังๆๆๆ อยู่แบบนี้แหละครับ กินระยะทางไม่ใช่น้อยๆๆด้วยสิ

ออฟไลน์ Khanisorn

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • อีเมล์
Re: แชร์เรื่องราว หลังจากได้เทส Mazda 2 ครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 18:21:50 »
เสริมให้ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองครับ ออกมาจากศูนย์วิ่งไปประมาณ 100 กม.
ผมเติมน้ำมันแล้ว reset trip A ใหม่ จากนั้นวิ่งไป 650 กม.
เติมดีเซลธรรมดา esso 37 ลิตร 940 บาท เฉลี่ยได้ 17.5 กม./ลิตรครับ