อยากทราบว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะว่า โครงการถคันแรก หรือว่าต่างชาติถอนการผลิต หนีประเทศไทยครับ
อย่าพูดถึงที่มาเลยครับ เดี๋ยวกลายเป็นเข้าเรื่องการเมือง
เอาเป็นว่าหลายปัจจัยมันอำนวยให้ trigger เศรษฐกิจมาอยู่ใน loop นี้
เหมือน uzumaki น้ำวน คล้ายๆเศรษฐกิจในญี่ปุ่น
ฟองสบู่อาจโตขึ้นโดยเฉียบพลันเพราะอะไรบางอย่างเร็วเกินไป แล้วแตกไปโดยเราไม่ทันรู้ตัว
ตรงกับสภาพที่ว่า หลังวิกฤติเบอร์เกอร์ ตลาดเงิดฉุดตัวลงอย่างแรงจากปัจจัยภายนอก แต่เด้งกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เพราะมีเงินจาก QE เทพรวดเข้ามา ผ่านตลาดหุ้น เศรษฐกิจถูกกระตุ้นเต็มที่ หลายคนรวยในพริบตา
แต่แล้วจู่ๆ คนทั่วๆไปเงินก็ช็อต เหมือนฟองสบู่ถูกปั่นขึ้นมาเร็วเกินไป แต่ราคาสินค้ายังไม่ทันขึ้นนะ คนช็อตไปหมดแล้ว
เข้าสู่ยุคเงินฝืดทันที สถาบันการเงินช่วยไม่ทัน รัฐไม่รู้ตัว มันเร็วมาก เพราะแทบทุกคนพร้อมใจกันไม่ซื้อของ
ลืมทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เรื่องเงินฝืด เงินเฟ้อไปได้เลย เพราะหลายฝ่ายปรับตัวไม่ทัน แต่เราตีความด้วยคำง่ายๆแค่ว่าเศรษฐกิจอิ่มตัว
ถ้าแบบนี้ เราต้องไปลงทุนเมืองนอก ไปขายของคนเมืองนอกแทน แบบบริษัทญี่ปุ่น
แต่ปัญหาคือคนในประเทศไม่ได้มีตังเก็บ ไม่ได้เก็บเงินเก่งแบบญี่ปุ่น เกิดเศรษฐกิจแบบนี้
อาจมีคนไม่มีกิน คราวนี้ถ้ารัฐไม่เข้ามาอุ้ม เราตาย จะประชานิยมยังไงก็ได้ รถเมล์ฟรี อาหารฟรี เรียนฟรีควรทำ
แต่นั้นจะทำให้รัฐเป็นหนี้ สุดท้ายไปเป็นแบบกรีซอีกก็ไม่ไหว สภาพแบบนี้เหมือนเป็นมะเร็งยังไงไม่รู้
เอาเป็นว่า ขอให้ธุรกิจอย่างอาหารและการส่งออก การท่องเที่ยวยังคงแบกรับได้อยู่
เป็นไม้สุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ทำยังไงให้ดึงนักลงทุนเข้ามา แต่ช่วยให้เค้าส่งออกได้เต็มที่
ลองคิดดูเล่นๆ ไม่เก็บภาษีอะไรสักอย่าง ดึงดูดได้อยู่ คนก็จะมีงานทำ แต่อย่าลืมคุมเรื่องสิ่งแวดล้อมดีๆนะ
พูดถึงตรงนี้ ดึงเลือดข้างนอกเข้ามาอาจจะกระตุ้นให้ร่างกายที่ขาดเลือด มีเลือดวิ่งได้อยู่
แต่ไทยมีตลาดส่งออกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตมากขนาดไหน เมื่อตีซะว่ากำลังซื้อภายในแทบไม่มีเลย ผู้ลงทุนคงคิดหนักอยู่