ผู้เขียน หัวข้อ: มีคำถามให้ช่วยคิดหน่อยระหว่างผ่อนป้ายแดง Ford Everest 1.6 ล้านกับมือ 2 MX5  (อ่าน 5988 ครั้ง)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
     ขอถามหน่อยนะครับพอดีไม่มีประสบการณ์ซื้อมือ 2 แบบผ่อน  ซื้อแต่สด เลยไม่มีปัญหาอะไรพอจะมาซื้อแบบผ่อนสำหรับมือ 2 เลยกลัว      แต่รถป้ายแดงเคยซื้อแบบผ่อนมาแล้วไม่น่ากลัวเท่าไหร่สำหรับดอกเบี้ยและเรื่องเอกสารต่าง   ๆ         ถ้าจะซื้อมือ 2 แบบผ่อนมันเลยกลัวโน่นกลัวนี่ไปหมดเห็นว่าเค้าว่าดอกแพง ภาษีอีก  ประกันภัยอีก    เปรียบเทียบรถ 2 คัน ที่อยากเป็นหนี้นะครับ รายละเอียดด้านเทคนิคของรถการใช้งานไม่ต้องพูดถึงแล้วกัน   เพราะรายละเอียดพวกนี้ผมก็พอทราบอยู่แล้วการใช้งานก็ไม่กังวลเพราะมีรถ Fortuner  2.7 4x4 อีกคันเอาไว้ใช้อยู่แล้วเช่นกัน   ทั้ง 2 คันเลือกเข้ามาเพราะกิเลสล้วน  ๆ    ไม่เอาข้ออ้างโน่นนี่มาพูดให้เสียเวลา           พูดถึงเรื่องเงินที่จะต้องจ่ายอย่างเดียว  

        1. Ford Everest  ราคา 1.6 ล้าน  ดาวน์ 25% ไม่รุ้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ใครจองแล้วแจ้งที แถมประกันด้วยหรือไม่   ที่กังวลอยู่คือเครื่อง 3.2 ภาษีประจำปีน่าจะมี 8 พันบาท ใครใช้รุ่นนี้อยู่ช่วยแจ้งหน่อย   กับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ  หลังจากใช้รุ่นนี้แล้วไม่น้อย เพราะ Ford เป็นรรถซ่อมแพงพอควร ตอนเช็คระยะทีนึง   ของเพื่อนเอา Ford Fiesta  ไปเช็คระยะโดนครั้งนึงก็แพงกว่า TOYOTA  เป็นพันบาททุกครั้ง ครั้งล่าสุดก็โดนหลักหมื่น    

        2.    Mazda MX5 nc2  ค่าตัวตีราคาตอนนี้ 1.2-1.4 ล้านบาท ปีประมาณ 2009-2011 ระหว่างนี้  เนื่องจากป้ายแดง MX5  ND  ที่ถามไปยังไงก็ราคามาเกิน 2 ล้าน  สู้ไม่ไหวครับเกินฐานะและรถก็ยังมาไม่ถึง         ถ้าผ่อนรถมือ 2 ลักษณะแบบนี้จะโดนดอกเบี้ยเท่าไหร่   ค่าประกันประมาณ 3.5 - 5 หมื่น  ดูแล้วอ่วมอรทัยพอควร  รวม ๆ แล้วจ่ายหนักกว่าผ่อนป้ายแดง Ford Everest หรือไม่  

      ค่าซ่อมที่ต้องจ่ายตามมา   เข้าศุนย์ทั้งคู่ไม่ทำอู่นอก  ที่บอกว่ายี่ห้อนั้นทำถูกอย่างนั้นอย่างนี้แต่ไปทำ อู่นอกเลิกคุย    
รถเข้าศูนย์อย่างเดียวทั้งคู่  ตีประมาณว่าตอนนี้ผมพอรับได้กกับค่าบริการ MX5   ติดตามมาพอควรแล้ว  
ระหว่าง 2 ตัวนี้ใครจะจ่ายหนักกว่ากันทั้งระยะสั้นระยะยาว    ความน่าเล่นน่าเล่นที่ตัวไหน ถ้าดูเรื่องงบประมาณที่ต้องใช้ไม่ดูเรื่องการใช้งานหรือเรื่องอื่น ๆ  

      
  

  
    
    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2015, 10:41:56 โดย Auto »

ออฟไลน์ F

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
ทำไมเช็คระยะของ Fiesta ราคาสูงจังครับ

เอาเฉพาะส่วนที่ทราบนะครับ เรื่องค่าใช้จ่ายเช็คระยะของ Focus MK3 2.0 ของผมซื้อโปรแกรมล่วงหน้า 21000 บาท เข้าเช็คระยะได้ 7ครั้ง ครั้งละ 15000km เฉลี่ยครั้งละ 3000 บาทครับ ของน้องอีกคน รุ่นเดียวกันไม่ได้ซื้อโปรแกรม เช็คระยะตกครั้งละ 3000+ -4000+ ต่อ 15000km ครับ(เฉพาะเช็คระยะปกตินะครับ ซ่อมหลังหมดประกันตัวใครตัวมัน อิอิ)

แต่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เอง ครั้งละ 1000+ ครับ (ตามคู่มือเปลี่ยนครั้งแรกที่ 240,000km)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2015, 10:28:06 โดย F »

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
 ลองเปรียบกับ Vios  น่ะครับ ฟรีค่าแรง 5 หมื่นโล  ช่วงนี้จะเสียค่าน้ำมันเครื่อง 1800 บาท กรอง 225 บาท แหวนรอง 19 บาท รวมแล้วจ่ายประมาณ 2 พันบาท  ถ้ามีช่วงโปรน้ำมันเครื่องจากศูนย์โตโยต้าลด 300  บาท ก็จะจ่ายไม่เกิน 2 พันบาท   ยังไงก็ถูกกว่า Ford เป็นพัน        แต่ถ้าหมดประกันยิ่งห่างกันเยอะ  หมายถึงฟอร์ดห่างไปไกลเลยครับ   
อย่างล่าสุดโตโยต้าโดน 9 พันบาท ครั้งใหญ่เปลี่ยนผ้าเบรคด้วย  แต่คนที่เล่นกะฟอร์ดโดนไป 12,000 บาท   

คือเห็นบางท่านโพสต์ไว้ค่าแรงฟอร์ดก็ชั่วโมงละ 400 บาท เหมือนกันแต่ทำไมเข้าศูนย์ทุกครั้งเปรียบทุกครั้ง   มันแพงกว่าเป็นพันบาททุกครั้งเลย 

ออฟไลน์ cherubian

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
Fiesta/Focus เชคทุกๆ 15,000 โลนะครับ
ถ้า Vios เชคครั้งละ 2000 ทุกๆ 30,000 โลจะต้องเสียตัง 20000 * 3 = 6000
ซึ่งก็เท่าๆ กับ Fiesta ที่ 3000 * 2 = 6000 นี่ครับ
แถม Ford ไม่ต้องเข้าบ่อยๆ อีก

ปล. ตัวเลขผมไม่ชัวร์นะครับ เพราะไม่เคยจำได้เลย
อ้างอิงมาจากเมนท์บนๆ


ออฟไลน์ Minidog

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 159
Everest ไม่แถมประกันครับ แต่ถ้าจอง200คีนแรกไม่รู้ว่าแถมไหม ดอกเบี้ยตามนี้ครับ

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
แน่ๆเลยมาสด้ามีค่าบำรุงรักษามากกว่าครับ รถมันประมานเกือบ5ปีแล้ว ของบางอย่างมันถึงเวลามันก็ต้องซ่อมแต่ฟอร์ดมันได้รถใหม่ไงครับ เอามาแล้วใช้ยาวๆสบาบใจไปในระดับนึง แต่ถ้าคุณเบื่อแล้วอยากจะขายรถ รถ2ประตูราคามันตกไม่เยอะ ใช้ไปอีกซัก3-4ปี ราคามือสองขายได้เท่ากัน เอาคุ้มค่าเล่นมาสด้ามือสอง ซื้อความสบายใจไปฟอร์ดเลย ค่าดอกเบี้ยกับค่าซ่อมตอนแรกของมาสด้าที่มากกว่าคิดซะว่ามันไปบวกคืนตอนขายต่อแทนละกันครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,472
    • อีเมล์
มาสด้ากับฟอร์ด ใช้ศูนย์บริการ่วมกันนี่ครับ

ผมใช้มาสด้า แต่ไม่เคยใช้ฟอร์ด

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,997
ถ้าสามารถผ่อน ได้ ผมว่า ยังไงรถใหม่ก็น่าใช้กว่าเยอะครับผม ด้วยประการทั้งปวงจริงๆครับผม
รถเก่า มือสอง ไม่รู้ว่าจะต้องซ่อมอะไรบ้าง และอะไรที่มันไม่สมบูรณ์บ้าง ถึงรถจะไม่ได้ชนหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมา แต่ว่า
พวกช่วงล่างอะไรมันก็ต้องเสื่อมตามอายุครับ ซ่อมช่วงล่าง ผมว่า มันแพงเอาเรืองนะครับผม ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนๆ ครับผม
แต่รถใหม่ ผมว่า ส่วนใหญ่ 5 ปี แทบไม่ได้ซ่อมอะไรเลยนะครับผม ดูแลตามระยะเท่านั้น คำนวณดีๆ จะทำรถมือสอง
ให้ขี่ดีเหมือนรถใหม่ ยังไงก็ค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร ครับผม ไม่รู้ว่าสองแสนจะพอหรือเปล่านะ ซ่อมเสร็จก็ยังเป็นรถเก่า
ครับผม แต่รถใหม่ ยังไงก็ใหม่อีกนานครับผม
 :)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
มาสด้ากับฟอร์ด ใช้ศูนย์บริการ่วมกันนี่ครับ

ผมใช้มาสด้า แต่ไม่เคยใช้ฟอร์ด
 ตอนผมไปลองขับ MZ2  ที่ศูนย์มาสด้าตรงบางนาขาออก กม 13   เจ้าของศุนย์ฟอร์ดกับมาสด้า เป็นคนคนเดียวกันครับ      แต่นโยบายใหม่จากฟอร์ดให้แบ่งสมบัติแยกโชว์รูมกันเรียบร้อยแล้ว   ห้ามมารวมกันกับมาสด้า      ราคาอะไหล่  2 เจ้านี้ก็ไม่เท่ากันนะครับ ศูนย์อื่นก็ต้องทยยอทำเหมือนกันหมด          ในส่วนโรงงาน AAT  ระหว่างฟอร์ดกับมาสด้าก็ให้แยก TOOL Jig  ในการประกอบรถทั้งหมดอออกจากกันเรียบร้อยไปแล้ว   ไม่เกี่ยวข้องกันอีก         ระหว่างฟอร์ดกับมาสด้าถ้าจะมีความเกี่ยวพันก็โรงงานประกอบ AAT  ที่โตมาด้วยกันกับการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่มาด้วยกัน   นอกนั้นคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
  
 ถ้าผมจะซื้อคงไม่เป็น 1 ใน  200 คนแรกแน่ครับ  ให้คนอื่นจองไปก่อน   ตอนนี้ขอคิดเยอะ ๆ คิดหลาย ๆ ด้านก่อนครับ
หรือถ้ายังไม่มั่นใจอนาคต (การเงิน)  ก็จะรอไปก่อนครับ  เพราะที่ซื้อเนื่องจากกิเลสล้วน ๆ   SUV  มีแล้วแต่ที่สนใจฟอร์ดเพราะอ๊อพชั่นสุดสุดจริง  ๆ     ถ้าซื้อเข้าไม่รู้จะใช้อะไรอีก     กับ Nc 2  ฉีกแนวออกไปเลยจะมีความสุขกว่าไม๊
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2015, 13:51:55 โดย Auto »

jomyoot

  • บุคคลทั่วไป
เล่นเทคโนโลยีปัจจุบันดีกว่าครับ ถ้ามาสด้าเป็นสกายแอคทีฟแล้วน่าเล่นครับ ถ้าอดีตผมของผ่านมาสด้สครับ  สรุปเลือกฟอร์ดครับ

ออฟไลน์ Poj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
รถมันคนละประเภทกันเลยนะครับ

เลือกตามการใช้งานดีกว่า

ผมเอาeverest เพราะใช้งานได้เอนกประสงค์กว่า

ออฟไลน์ tierak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 903
กรณีนี้ เลือกรถใหม่ครับ ทั้งออฟชั่นที่แตกต่าง และใช้อีกอย่างน้อย 5 ปี จึงจะมีเปลี่ยนอะไหร่หรือต้องซ่อมบำรุง เว้นแต่ว่ารถมีปัญหาเยอะ แต่ev พื้นฐานมาจากเรนเจอร์ ไม่น่าจะมีปัญหากับตัวรถมากมายอะไร ส่วนค่าใช้จ่ายเช็คระยะปรกติก็ตามสมาชิกท่านอื่นที่เคยใช้บอกมา
   แต่รถเก่ามันถึงเวลาต้องเปลี่ยนอะไหร่ที่สึกหรอตามเวลาของมันพอดีซ่อมทีงานเข้าแน่เลย

ออฟไลน์ ichok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 790
    • อีเมล์
ถ้ามีฟอร์จูนเนอร์ 2.7 อยู่แล้ว ก็น่าจะเอา mx-5 ครับ แต่เราก็จะได้รถเก่ามาอยู่กับตัวทั้ง 2 คัน พอได้ mx-5 มา อีกซักปีนึงคุณก็จะต้องขายฟอร์ไปออกเอเวอร์เรสอยู่ดี หรือถ้าเอาฟอร์ด ก็ต้องขายน้องจูนทิ้งและก็ต้องรอซักพักเพื่อที่จะหาเงินไปดาว์น mx-5 มาขับสนองกิเลสอีกแถมยังมีฟอร์จูนเนอร์ออกมาใหม่ยั่วใจอีก สรุปถ้าฟอร์จูนเนอร์ยังใช้งานได้ดีไปอีก 3 ปี ผมจะเลือก mx-5 แล้วก็ผ่อนไปซัก 2-3 ปี หลังจากนั้นก็ค่อยหันมามอง เจ้าเอเวอร์เรสใหม่อีกครั้งว่าปีปัญหาอะไรหรือเปล่าและจะได้เปรียบเทียบกับเจ้าฟอร์จูนเนอร์ใหม่ด้วย

ออฟไลน์ secrecyguy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,743
  • 3.2plus
ฟอร์ดเช็คระยะทุก15,000กม. เครื่อง 3.2 ใช้น้ำมันเครื่องเกือบๆ 10ลิตร ปกติผมเสียค่าใช้จ่าย ราวๆ5,000บาท ครับ

ถ้าคิดมากเรื่องดูเเลรักษา มองข้ามEverest 3.2 ไปได้เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2015, 20:53:39 โดย secrecyguy »

ออฟไลน์ tozmania

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 223
เอาจริงๆ ถ้ากลัวเรื่องบำรุงรักษาผมว่าอย่าซื้อเลยครับ
แต่ถ้าจะซื้อจริงๆ ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อ everest ในเมื่อคุณมี fortuner อยู่แล้ว

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
ถ้ามีฟอร์จูนเนอร์ 2.7 อยู่แล้ว ก็น่าจะเอา mx-5 ครับ แต่เราก็จะได้รถเก่ามาอยู่กับตัวทั้ง 2 คัน พอได้ mx-5 มา อีกซักปีนึงคุณก็จะต้องขายฟอร์ไปออกเอเวอร์เรสอยู่ดี หรือถ้าเอาฟอร์ด ก็ต้องขายน้องจูนทิ้งและก็ต้องรอซักพักเพื่อที่จะหาเงินไปดาว์น mx-5 มาขับสนองกิเลสอีกแถมยังมีฟอร์จูนเนอร์ออกมาใหม่ยั่วใจอีก สรุปถ้าฟอร์จูนเนอร์ยังใช้งานได้ดีไปอีก 3 ปี ผมจะเลือก mx-5 แล้วก็ผ่อนไปซัก 2-3 ปี หลังจากนั้นก็ค่อยหันมามอง เจ้าเอเวอร์เรสใหม่อีกครั้งว่าปีปัญหาอะไรหรือเปล่าและจะได้เปรียบเทียบกับเจ้าฟอร์จูนเนอร์ใหม่ด้วย
  รถฟอร์จูเนอร์ 2.7 4x4 ที่ผมใช้อยุ่ ถ้าใช้งานระยะยาวค่าซ่อมถูกกว่าฟอร์ดเยอะครับ เข้าศูนย์ครั้งแรกเช็ค 10,000 กิโลเมตร จ่ายแค่ 960 บาทยังจำได้ดีตั้งแต่ตอนนั้น ระยะอื่น ๆ ที่เสียไปก็ยังถูกกว่าฟอร์ดเยอะอยู่ครับ   สภาพรถผมกะว่าใช้งานไปอีกยาวเลย     
ที่อยากซื้อ Ford  ดังที่เรียนข้างต้น  อดใจกิเลสไม่ไหวซื้อเพราะ Option ล้วน ๆ เลย  หมายตาไปที่ตัว Top หลังคาพาโนรามิก  คือซื้อเข้ามาเพิ่มเฉย ๆ  ไม่ได้กะใช้งานประจำวันเท่าไหร่ Ford Everest  จะให้เป็นรถคันเดียวใช้งานหลัก ๆ ผมไม่มั่นใจขนาดนั้น  อยากได้แค่เป็นรถสำรองเท่านั้น    MX5 Nc  ก็เหมือนกันครับ เหตุผลเดียวกันแต่ใจเทไปทาง MX5  มากกว่าเพราะแตกต่างจากเดิมเยอะ  แต่ที่กลัวคือมันเป็นการผ่อนรถมือ 2  ไม่เคยผ่อนมือ 2 มาก่อนและวงเงินมือ 2 มันสูงเกินไป

ตอนเย็นฟังรายการนักเลงรถกะบะ เค้าก็บอก Everst  ออกมาตอนนี้เพื่อมากั๊ก New Fortuner  และ Pajero เฉย ๆ  กว่ารถจะพร้อมส่งมอบก็ไตรมาส 3  ก่าทีมงานจะได้ขับก็ปลายปีเป็นอย่างน้อย   เรื่องกินน้ำมันคงหนักแน่แม้เป็นดีเซล น่าจะราว 10 ในเมือง น่าจะ 8-9 หรือต่ำกว่านั้น  ผมอาจจะขอบายแต่ขอไปลงอขับดูก่อนแล้วจะมาเปรียบเทียบให้ฟังว่าตัดใจลงหรือไม่     

ออฟไลน์ jztang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,722
  • Born To Race
ไม่รู้เทียบได้มั้ย ผมกระบะ XLT MT เช็คระยะครั้งละ 4,000ต้น

แต่ งง กับค่าใช้จ่าย fiesta :o

ออฟไลน์ WTF

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 616
ถ้าจะมีรถคันเดียวก็ everest แต่ผมว่ามันก็ใหญ่ไปหน่อย ขับในเมืองแล้วอึดอัด แต่ถ้าต้องมีคันเดียวก็ต้องเลือกคันนี้

ถ้ามี fortuner แล้วเป็นรถคันที่2 เอารถ2ที่นั่งดีกว่า เปลี่ยนฟีลดี แต่ซื้อผ่อนมือสองผมก็ไม่เคยนะ ผมว่าดอกมันแพง