ผู้เขียน หัวข้อ: ###Epic Review of Porsche Panamera S e-hybrid กบไฟฟ้าที่วิ่งเร็วได้ประหยัดก็ดี  (อ่าน 63326 ครั้ง)

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
ครั้งนี้นับว่าเป็น Review ที่ใช้เวลาศึกษาตัวรถที่นานพอสมควรเกือบจะครบ 1ปีเต็ม เนื่องจากผมเองช่วงหลังๆยุ่งอยู่กับงานที่บริษัทค่อนข้างมาก มีงานหลาย Project เข้าหา
เลยใช้เวลาศึกษาตัวรถมาได้ค่อนข้างมาก ตอนนี้วิ่งไป 2หมื่นกว่า km แล้วครับ  Review ตัวนี้จึงอาจจะเป็นลักษณะ Freestyle อ่านเพลินครับ มีหลายๆด้านของตัวรถให้ดู
เพราะระบบไฟฟ้าของรถคันนี้ถ้าหากทดสอบกันแค่ไม่กี่วันจะไม่รู้จักลักษณะนิสัยที่แท้จริงของตัวระบบ Hybrid ครับ

ก่อนอื่นขอเท้าความก่อนว่าทำไมถึงเป็นเจ้า Porsche Panamera S e-hybrid คันนี้ได้ เนื่องจากว่ารถคันนี้คุณพ่อจะเป็นคนใช้เป็นหลัก ทั้งขับเองและคนขับรถขับ
ลักษณะการใช้งานคือ ส่วนใหญ่จะวิ่งไปกลับ บ้าน-ที่ทำงาน(มีไปที่อื่นทำธุระเขตรัศมี กรุงเทพฯ ไม่เกินประมาณ 200km) ซึ่งก่อนหน้านี้รถที่ใช้อยู่คือ
Mercedes-Benz W221 2007 S320CDI ของ MBTH ที่วิ่งไปอยู่ 150,000km อายุราวเกือบ7ปี ซึ่งเริ่มมีค่าซ่อมที่มาก มาตั้งแต่ 100,000km ไม่ว่าจะระบบ
Infortainment ช็อต ใช้งานไม่ได้ทั้งระบบ, ECU ช็อต, สมองเกียร์รวน, ระบบถุงลมช่วงล่าง fault, ระบบแรงดันน้ำมันมีปัญหา, ฯลฯ นับได้ว่า เจอปัญหาทั้งหมด
รวมค่าซ่อมรวมกันน่าจะประมาณ 7-8แสนบาท คุณพ่อจึงคิดว่า ถ้านานไปกว่านี้ คงต้องเสียค่าซ่อมอีกหลายรายการในอนาคต เลยตัดสินใจหาคันใหม่แทนในช่วงต้นปี 2014
โดยตอนนั้นเป็นช่วงที่มีรถในระดับ Luxury class ในระดับประมาณ 10 ล้าน+-อยู่พอสมควร ไล่ตั้งแต่ Benz W222 S300/400 hybrid, BMW 7 series, Audi A8, Jaguar XJL
Maserati Quattroporte S V6, Range Rover 3.0 Diesel, Lexus LS460, Porsche Panamera ฯลฯ
โดยได้คุยกันตัด BMW ออกไปก่อนเพราะใกล้จะเปลี่ยน Model Change, Audi A8 แกบอกว่าเหมือน A6 ตัวปัจจุบันเกินไป, Jaguar XJL หลังคาด้านหลังติดหัวคุณพ่อ,
Range Rover จะไปซ้ำกับ Cayenne ที่บ้าน, Lexus ไม่ชอบเป็นการส่วนตัว,
Maserati ท่านไม่ชอบรถอิตาลี่เป็นการส่วนตัว ทำให้ Choice เหลือเข้ารอบสุดท้ายคือ
W222 และ Panamera ตอนนี้ก็มานั่ง +- ในเรื่องต่างๆกัน โดย W222 เอง ท่านให้ความเห็นว่า เหมือนเอาS-classคันเดิมมา upgrade(แม้ลึกๆมันจะเอาพื้นฐานตัว W221 มาพัฒนาต่อยอด)
พอรถออกมาเยอะๆก็เริ่มโหล มีรถรับส่งโรงแรมจนดูชินตาไปเร็ว(คุณพ่อหลังๆค่อนข้างชอบอะไรที่uniqueซักเล็กน้อย) ภายในการประกอบในส่วนรอยต่อถือว่า
ถ้าดูกันจริงๆถือว่าไม่เนี๊ยบเท่า Porsche/Audi A8 วัสดุพวกปุ่มกดค่อนข้างเปราะกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย แต่ข้อดีของมันคือเบาะหลังที่นั่งสบายมากๆๆ
อย่างกับเก้าอี้ First Class ภายในตกแต่ง Modern ดี ระบบไฟฟ้า Infortainment HiTech มากมาย
หลังจากนั้นก็มาดูฝั่ง Porsche บ้าง ซึ่งตอนนั้นก็จะมีที่ดูคือ Diesel/Se-hybrid ตอนนั้นตัด Diesel ออกไปเพราะว่าราคาค่อนข้างสูงกว่าพอสมควร เนื่องจากตัว Hybrid ได้รับการสนับสนุนเรื่องภาษี
ที่ได้ต่ำกว่ารุ่น Diesel +คิดว่าระยะทางที่จะขับจะค่อนข้างใกล้ ไม่ได้เดินทางระยะไกล เพราะถ้าออกต่างจังหวัดไกลๆก็ใช้ Cayenne Diesel ตามปกติ
ตอนนั้นก็ได้ศึกษาตัว S e-hybrid มาเรื่อย เริ่มรู้ว่าตัว hybrid ตัวนี้ไม่ใช่เล่นๆเหมือนตัว S hybrid ตัวก่อนอีกแล้ว การ upgrade ของ Battery, แรงม้า/แรงบิด Motorไฟฟ้า, ระบบ Plug-in
มีหลายๆอย่างที่ได้รับการปรับปรุงที่ดีขึ้น (Panamera มีข้อเสียถ้าเทียบกับ s-class อย่างเดียวคือที่นั่งด้านหลังที่ถือว่าคนสูง 180cm สามารถนั่งได้สบาย เหลือพื้นที่หัวอีกเป็นหลายนิ้ว
เอนหลังก็ทำได้น้อยกว่า    legroom ก็ถือว่าแคบกว่า s-class พอสมควร แต่เอาจริงๆแก้ไขง่ายๆคือ ปรับเบาะด้านหน้าที่นั่งให้ชิดสุด legroom ก็จะมีเหลือมากมายสบายๆ)
ชั่งน้ำหนักไปๆมาๆอยู่เกือบ 1 เดือน(ระหว่างนั้นก็อ่าน review จาก web ต่างประเทศไป เพราะตอนนั้นรถทั้ง 2 รุ่นนี้เมืองไทยเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นานนัก)

ก็สรุปจบออกมาเป็น Porsche Panamera S e-hybrid โดยก็ได้ทำการหาศูนย์+Options+สีรถ ตามความชอบส่วนตัว(ส่วนนี้ขอข้ามไปครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ปรากฎว่ากลับไปได้เจ้าเดิมครับ Wiz Auto Sales ซึ่งตอนนั้นได้ spec ที่ถูกใจอยู่พอดีเลย แล้วรถก็อยู่ที่ท่าเรือเมืองไทยเรียบร้อยมีใบ 32 เรียบร้อย Options เป็นที่พอใจ
ก็เลยทำการจองรถ พร้อมเงื่อนไขตามแต่ละบุคคล หลังจากนั้น 3-5วันรถก็มาอยู่ที่ Showroom เรียบร้อย ก็รอฤกษ์ร่วมเดือน หลังจากนั้นก็ทำการตรวจรับรถตามปกติ
ก็ได้เจ้ากบไฟฟ้าคันนี้มาประจำอยู่ที่บ้าน

พี่น้องจากโรงงานเดียวกัน ผลิตจากโรงงาน Leipzig,Germany เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มาจอดอยู่ข้างกัน อายุต่างกัน 3ขวบเศษ




ซึ่งตอนแรกที่บ้านยังไม่ได้เตรียมปลั๊กเอาไว้สำหรับเจ้ากบคันนี้เลย มีแต่เต้าไฟสำหรับดูดฝุ่นรถอย่างเดียว ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช้งานได้หรือไม่ในตอนแรก เพราะทางเซลล์เองก็ไม่มีข้อมูลเช่นกัน
ผมก็ได้ศึกษารายละเอียดจาก web UK มากมายได้ทราบว่า

(*สำหรับบางท่านที่มีรถแล้วเจอปัญหานี้ stepนี้ถือว่าผ่านอยู่ครับ ผมใช้มา 1ปีเต็ม ระบบไฟฟ้าที่บ้านปกติทุกอย่าง ให้ช่างไฟฟ้าที่บริษัทมาตรวจทุกอย่างเป็นปกติครับ ส่วนนี้สามารถข้ามได้นะครับ)
1.เต้ารับไฟจะต้องเป็นปลั๊ก 3 ขา ที่มีสาย Neutral เท่านั้น เพราะจะมี canbus ตรวจเช็คในตัวชาร์จเองว่ามี สาย Neutral หรือไม่ ถ้าไม่มีจะไม่สามารถชาร์จได้
2.การชาร์จสำหรับไฟบ้านเราที่เป็น 220V จะสามารถชาร์จผ่านหัวไฟบ้าน 3 หัว UK (Level1) ใช้เวลา 4ชม. หมดถึงเต็ม จริงๆมี Level 2 ให้ Charge ได้โดยการเปลี่ยนหัวเป็น Industrial Plug เช่น
หัว NEMA จะลงมาอยู่ที่ 2.5ชม. แต่เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง และคิดว่าชาร์จ 4ชม. ถือว่ารับได้(เพราะก็สามารถทิ้งข้ามคืนไว้ ถ้าเต็มระบบก็จะตัดให้อัตโนมัติ)
3.Circuit Braker ต้องทำการเปลี่ยน เพราะตัวชาร์จจะใช้ Peak Amp อยู่ที่ 16Amp ตัวเก่าก่อนจะให้ช่างไฟมาเปลี่ยน ไปเช็คแล้วปรากฎว่าตรงนั้นมี Breaker อยู่ที่ 20 Amp อยู่แล้ว
จึงสามารถเสียบเพื่อใช้งานได้เลย
4.หัวปลั๊กที่ทางศูนย์ให้มาจะเป็น UK plug ต้องทำการหาหัวเปลี่ยน โดยที่ต้องเป็นหัวที่ไม่มี Fuse ในตัวไม่งั้นจะตัดหมด Fuse ส่วนใหญ่จะมาอยู่ที่ 10 Amp
ลองอยู่หลายยี่ห้อที่เป็นตัวเกรดดีสุด ช่วงแรกผมเลยต้อง observe หัวปลั๊กแปลงบ่อยๆหน่อยว่าจะพบปัญหาไหม
ปรากฎว่าบางยี่ห้อเสียบไป 2-3วัน ถ้าสังเกตุเข้าไปช่องเสียบจะพบว่า Plastic มีการเสียรูปเล็กน้อย ผมเลยเปลี่ยน จนมาเจอของ Toshino ตัวส่งออก แบบครบชุดหลายร้อยบาทอยู่
ที่รับได้สูงสุด 18Amp 240V ผลที่ได้คือ ตัวปลั๊กไม่ละลายสามารถใช้งานได้ปกติ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่เดือนก็ตาม (แบรนด์Toshinoนี้สินค้าเค้าคุณภาพใช้ได้อยู่นะครับ^^)
5.หัวที่ใช้เสียบตัวรถจะเป็นมาตรฐานของรถที่นำเข้ามาจาก UK (Mode 2: 62196-2 Female Plug)  ถ้ารถมาจากที่อื่นก็จะแตกต่างกันครับ
6.ตัวชุดชาร์จที่ให้มากับรถจะมีคือ
     1).ตัวAdapter Porsche universal charger (AC) ทรง Capsule หรูหรา เอาไว้แปลงไฟ ACจากบ้านมาเป็นไฟDC  
     2).สายหัวปลั๊กบ้านเข้าตัว Adapter  3).สายจากAdapterเข้าตัวรถหัวเป็นหัวFemale
     ทั้งชุดถ้าซื้อใหม่ก็ร่วมแสนได้ครับ

from postmediadriving




*ตำแหน่งการชาร์จไฟฟ้าที่บ้านครับ  


#############################################################################################################
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2015, 21:44:24 โดย TheBestOrNothing »

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
Re: ###Epic Review of Porsche Panamera
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 00:39:41 »
Porsche Panamera คันนี้เป็นรุ่น Facelift มาจากรุ่นรหัส 970 (รุ่นUpdateเป็น รหัส 971)
เป็นรถ  Full-size Luxury 4door Sport Sedan ที่เป็นรุ่นแรกของทาง Porsche ในการทำรถ 4 ประตู ทรง Coupe นอกเหนือจาก Carrera, Boxster, Cayman, Cayenne
ที่มาของชื่อรถมาจาก Carrera Panamericana race โดยเคยเป็นรถ Concept รุ่น Porsche 989 ในช่วงปี 1980s
เป็นผลงาน Designer ชื่อนามว่า Michael Mauer โดยมีการผลิต Final assembly อยู่ที่เมือง Leipzig, Germany
(สามารถย้อนไปดู Review ของ Cayenne เกี่ยวกับภาพบางส่วนของโรงงานผลิตนี้ได้ครับ) ซึ่งเป็นที่ที่ผลิตทั้ง Cayenne, Macan, Panamera อยู่ ณ ปัจจุบัน

รุ่น Facelift เปิดตัวครั้งแรกที่ Auto Shanghai International Automobile Show เมื่อวันที่ 3 April 2013
โดยมีรุ่นไล่ไปคือ Panamera, Panamera4, PanameraS, Panamera4S, PanameraDiesel, PanameraGTS, PanameraTurbo, PanameraTurboS และ Panamera S e-hybrid
ราคาตั้งแต่ 63,000Pounds-131,000Pounds (ไม่รวม Options เพิ่มเติมอีกหลายหมื่นPounds)

มาพูดถึง Spec ตัวรถบ้างครับ
-ระบบเครื่องยนต์แบบ parallel full hybrids + เกียร์ Auto 8 speed Tiptronic S
-V6 Supercharger Direct Injection   2995cc.  333hp, Max. torque 440 N.m
-Motor ไฟฟ้า                                                    95hp, Max. torque 310 N.m แบตเตอรี่แบบ Li-ion ความจุ 9.4kWh จาก Bosch (ระบบ Air cool & Liquid cool)
-รวม2ระบบ                                                    416hp,Max. torque 590 N.m ที่ 1,250 - 4,000 รอบต่อนาที (เทียบตัวเลขเอา Ferrari 458 Italia จะอยู่ที่ 540N.m)
เป็นผลจาก Motor ไฟฟ้าล้วนๆถึงได้ Torque มาลักษณะแบบนี้
-ทำความเร็ว 0-100km/h 5.5วินาที (มี Options SportChornoPackage-SportPlus จะเร็วขึ้นประมาณ 0.1-0.3วินาที)
-Top speed 270km/h
-วิ่งไฟฟ้าล้วนได้จริงๆอยู่ที่ 25-30km ถ้าขับปกติไม่เร็วมาก รถไม่ติด ที่ไม่เกิน 90km/h
-ปล่อย CO2 71g/km (อันนี้ spec แจ้งมาซึ่งผมว่าจริงๆคงมากกว่าแน่นอน) + กินน้ำมัน 33km/l (จริงๆต่ำกว่านี้พอควรเลยครับ)
-Motor ล้วน ทำความเร็วได้สูงสุดในถนนจริงที่ไทยก่อนระบบจะตัดคือ 140km/h (มากกว่าที่ Porsche claim ไว้คือ 135km/h เล็กน้อย)
-ซึ่ง S hybrid ตัวแรก Motor 47 hp  แบตเตอรี่แบบ nickel metal hydride ความจุ 1.7kWh (ระบบ Air cool)
-ช่วงล่างด้านหน้า Aluminium double-wishbone front axle พร้อม Adaptive air suspension
-ช่วงล่างด้านหลัง Aluminium multi-link rear axle               พร้อม Adaptive air suspension
-ความปลอดภัย Porsche Stability Management (PSM) with ABS, Engine Drag Torque Control (EDTR), Automatic Brake Differential (ABD),brake assist
Airbag 10ลูก คู่หน้า+คู่ด้านข้าง+คู่ม่านถุงลม+คู่ด้านข้างด้านหลัง+ถุงลมเข่าคู่หน้า
-Brake disc diameter 360 mm in front, 330 mm in the rear

*รายละเอียดเพิ่มเติมดูจาก website ต่างประเทศได้เลยครับ
http://www.porsche.com/uk/models/panamera/panamera-s-e-hybrid/featuresandspecs




กุญแจรถเป็นทรง Panamera พร้อมกับสีกุญแจสีเดียวกับตัวรถ สามารถซื้อเปลี่ยนได้ตามศูนย์ครับ


#####################################################################################################################################
การออกแบบภายนอก
-ขึ้นอยู่กับบุคคลครับ บางคนชอบก็ชอบมาก เกลียดก็เกลียดเลยครับ 555 แต่ผมชอบตรงที่เป็นรถ 4ประตูที่ดูพริ้วดี มี Porsche Design DNA เป็นอะไรที่แปลก
ผมเคยเจอลูกของญาติอายุ 6 ขวบ เค้าเอามือชี้แล้วก็พูดว่า "ปอดเช่ๆ จะเอาๆ" ซึ่งไม่ง่ายหนักที่จะทำให้เค้าดูแล้วรู้เลยว่ารถคันนั้นยี่ห้ออะไร เป็นอะไรที่เป็นเสน่ห์ของ Porsche อย่างนึง  





-สีที่เลือกเป็นสี White ไม่มีมุข ซึ่งขาวมากๆ อาจเป็นเรื่องของ Primer หรือชั้นLacquer ที่พิเศษเล็กน้อย

Front View มี Engine Dome เป็นเอกลักษณ์ของ Porsche ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
พร้อมกับไฟ LED DRL ในโคมข้างละ 4 จุด รอบไฟ Bi-Xenon Projector + ไฟเลี้ยวเป็น LED ทั้งหมด พร้อมระบบฉีดน้ำทำความสะอาด+ Sensorหน้า6จุด

รูปไฟDRLแบบชัดๆครับ



ด้านท้ายเป็นแนวลาดคล้าย 911 บางคนเรียกว่า Sportback กดเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า + ก้านปัดน้ำฝนหลัง
+ ไฟท้ายเป็นระบบ LED ทั้งหมด แม้แต่ไฟส่องป้ายทะเบียนก็เช่นกัน พร้อมTubelightเป็นวงแหวน 3D ตอนกลางคืนดูสวยคล้ายๆกับ Bentley Flying Spur ตัวใหม่  
+กล้องมองหลังจะอยู่ตรงเหนือป้ายทะเบียน ทำงานควบคู่กับพวงมาลัย จะบอกองศาการเลี้ยวให้ว่าต้องหักมากน้อยเพียงใด


สัญญลักษณ์บอกถึงความแรง+ประหยัด(สีเขียว) สืบทอดมาจาก 918spyder


ม้าจาก Stuttgart


Caliper สีเขียว Acid Green ที่เด่นมากๆบอกถึงความรักษ์โลก + เขื่อนขุนด่านปราการชล(นำพลังงานน้ำไปปั่นไฟฟ้าไร้มลพิษ)
Theme รักษ์โลกพอดีเลยครับ


มุมจากด้านท้ายที่ถ้าไม่เรียกว่าสวย ก็มีเสน่ห์แบบเฉพาะ
+ท่อไอเสียระบบ Sport Exhaust System ออก4ท่อปลาย(ตอนเครื่องยนต์ติดเสียงจะกระหึ่มฟังจากข้างนอกค่อนข้างดังครับ ถ้าเป็นตัว Diesel จะต้องจ่ายเพิ่ม 2แสนบาท)



ช่องระบายลมด้านข้างกับเส้นสาย


มุมด้านหน้า


option ประตูแบบ Comfort Access เพื่อความสะดวกสบาย


option ล้อ Forged ลาย 911 Turbo II ขนาด 20" ลายนี้ไม่ว่าจะอยู่ในรุ่นไหนก็ตามมุมไหนก็ตามก็ทำให้ตัวรถดูลงตัวเข้าไปอีก
และช่วยทำให้ caliper สีเขียวนั้นเด่นเข้าไปอีกระดับนึง (เจอเพื่อนบ้านใกล้เคียงขอcopyสีเขียวนี้เอาไปใส่ใน Camry Hybrid โฉมปัจจุบันไปแล้วครับ 555)

ขนาดล้อด้านหลังครับ 295/35 R20  (ด้านหน้า 255/40 R20)  ยางติดรถเป็น ContiSportContact 5 ระดับเดียวกับ Pirelli P Zero


กระจกข้างทรงลู่ลมที่มีขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กจนเกินไป+ไฟกระพริบแบบ LED ตรง logo


Spoiler ด้านหลังที่จะถูกทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อขับเกิน 90km/h ขึ้นไป ถ้าขับเกิน 200km/h องศาก็จะชันขึ้นอีกระดับ
+ สามารถบังคับให้เปิดปิดเองได้เช่นกัน (เป็นอีกเสน่ห์นึงของคันนี้ ถ้าเป็นรุ่น Turbo จะมีชุดกางออกมาเพิ่มอีกระดับ)


เมื่อ Spoiler ทำงานมองจากด้านหลังจะเป็นลักษณะนี้ครับ



*********************************************************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2015, 21:14:53 โดย TheBestOrNothing »

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
Re: ###Epic Review of Porsche Panamera S e-
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 00:40:30 »
การออกแบบภายใน

เป็นการ Design ที่มีการผสมผสานระหว่างความ classic, modern, sport GT เข้าไว้ด้วยกัน
สังเกตุจากภายในบริเวณช่องแอร์ที่มีกรอบอลูมิเนียมล้อมเอาไว้ทุกช่องแอร์ภายในรถ ลักษณะเดียวกันกับ Cayenne, Boxster, Cayman ดูดีแม้มีการสะท้อนจากกระจกบ้างเล็กน้อยในบางครั้ง
มีเส้นนำสายตาตรงกลางรถจากด้านหลังสู่ด้านหน้าคันเกียร์ได้ค่อนข้างชัดเจน นับปุ่มทุกปุ่มรวมกันน่าจะ30ปุ่มได้ครับ ให้อารมณ์เหมือนกำลังอากาศยานอยู่ลำนึงได้เลยครับ (ขออภัยในAccessoriesเพิ่มเติมนะครับ บดบังภายในรถไปบ้าง)

ภายในจะเป็นสีพิเศษสำหรับ Panamera คือ Marsala(ม่วงเปลือกมังคุด)
+ option Comfort Memory Package(เพิ่มระบบMemoryคู่หน้า+เบาะไฟฟ้าปรับ14ways+ตัวดันหลังไฟฟ้า+พวงมาลัยปรับ4wayไฟฟ้า+ไฟLEDตรงกระจกมองข้างด้านนอก)
กับ options ภายใน Natural Leather Interior เป็นหนังแท้ผิวสัมผัสนุ่มในทุกจุดของ console/แผงข้าง/ช่องเก็บของ/มือจับประตู/รอบคันเกียร์ พร้อมเดินเส้นด้ายแท้รอบภายในรถ
(ถ้าเป็นรถAASตัวพื้นฐานจะเป็นลักษณะคล้ายหนังเทียมPU ค่อนข้างแข็ง และเดินเส้นด้ายเฉพาะด้านหน้า)



ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังตรงเสา B ครับ ตัวนี้จะได้รับลมส่วนนึงจาก com แอร์ด้านหน้าครับ


มุมมองผู้โดยสารด้านหน้าครับ+ตรงเหนือช่องเก็บของจะเป็นที่เก็บที่วางแก้ว 2 อัน จะ slide ตัวออกมาเมื่อใช้งาน


รายละเอียดการเก็บตระเข็บเส้ยด้ายต่างๆที่เหนือกว่าของทาง Mercedes
+switchระบบไฟ วางในตำแหน่งคลายๆกับของ Bentley
+เบรคมือไฟฟ้า+Memoryตำแหน่งเบาะ/เครื่องเสียง/ความแรงแอร์


อีกรูปของด้านข้าง แถบสีดำตรงกระจกมองข้างคือoption ระบบ Blind Spot โดยจะขึ้นไฟ LED สีส้มกรณีมีรถแซงข้างมา และกระพริบถี่ๆถ้าเรากดไฟจะเลี้ยวในจุดมีรถ


แผงประตูข้างแสดงรอยเย็บหนังเต็มทั้งแผง คล้ายกับของ Bentley + ระบบ Soft close (option) เป็นระบบประตูดูด


option ระบบเครื่องเสียง BOSE (ตัว S e-hybrid จะไม่สามารถสั่ง Burmerster ได้เนื่องจากข้อจำกัดในด้านพื้นที่ด้านหลัง)
BOSE? Surround-Sound system with 14 loudspeakers incl. 200-Watt active subwoofer, 9-channel amplifier and a total output power of 585 Watt พร้อมระบบลดเสียงรบกวนภายนอก


มุมมองคนขับ พวงมาลัยMultifunctionหุ้มหนังแท้พร้อม Paddle Shift


Dashboard แสดงรายละเอียดต่างๆ ซ้ายไปขวา
1.แสดงอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น+ปริมาณBattery hybrid คงเหลือ
2.ก้านแสดงสถานะ hybrid
3.รถHybridไม่กี่รุ่นที่ยังคงมีมาตรวัดรอบเครื่องแบบปกติ+ความเร็วdigital
4.จอMultifunction แสดงการทำการHybrid/เครื่องเสียง/ลมยางแต่ละล้อ/แผนที่/ระยะทางBatteryวิ่งได้อีกโดยประมาณ


บริเวณรอบคันเกียร์กับปุ่มที่เยอะอยู่เอาการ ไล่จากบนมาล่าง
-ระบบแอร์ซ้ายขวาแยกฝั่ง และปรับทิศทางลม+ระบบอุ่นเบาะ
-ด้านซ้าย=ระบบปรับการขับขี่ ระบบช่วงล่าง ถุงลมยกตัวรถ ESP
(SportPlus เป็น Option มาพร้อมกับนาฬิกาจับเวลาด้านบน และระบบเก็บตำแหน่งGPS แบบ SPP วาดเป็นเส้นทางที่เราขับ สามารถวาดเป็น Trackได้)



จอ PCM3.1 แบบ Touch Screen 7"
แสดงรายละเอียดทุกอย่างของตัวรถ ระบบHybrid, ข้อมูลการขับSpeed-Accelerometer-G force-องศาล้อ, ระบบแผนที่GPS, TV tuner(option),
เครื่องเสียง FM-AM-USB-AUX-BluetoothStraming-Harddisk40GB, Fuel Consumption, แสดงภาพขณะถอยจอดด้านหลัง พร้อมแสดงองศาการเลี้ยวล้อ
พร้อมตัว WiFi Wireless Hotspot โดยใส่ซิม 3G เข้าที่ช่องเก็บของด้านข้าง


option ระบบแอร์แยกฝั่งซ้ายขวาด้านหลัง(4Zone) และปรับทิศทางลม
+ปุ่มปรับเบาะโดยสารด้านหน้า และระบบม่านไฟฟ้าด้านหลัง+ที่วางแก้วซ้อนอยู่ตรงกลาง


option เบาะนั่งด้านหลังแบบปรับไฟฟ้าได้8ways คนสูง 180cm ยังคงสามารถนั่งได้อย่างสบายเหลือพื้นที่เหนือหัวพอสมควร
การเอนหลังถือว่าพอใช้ได้แต่ไม่ได้ราบมากนัก แต่รับไหล่และสะโพกได้ดี+legroom ถือว่าเหลือมากพอสมควร จากรูปเบาะด้านหน้าคือตำแหน่งขับปกติครับ

พร้อมกับระบบ Rear Seat Entertainment ติดตั้งมาจากโรงงาน พร้อมหูฟังwireless เย็บหนังแท้เดินด้าย



ฝาท้ายแบบ Auto Liftgate ตั้งความสูงได้


(option) Sunroof เปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อม Jam Protection


#############################################################################################################

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
Re: ###Epic Review of Porsche Panamera S e-
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 00:41:11 »
มาดูเรื่องการขับขี่+ความประหยัดกันบ้างครับ



Panamera S e-hybrid จะมีโหมดการขับขี่อยู่ 3 อย่างคือ
http://press.porsche.com/media/gallery2/d/13102-1/2014+Porsche+Panamera+S+E-Hybrid+Drivetrain+_1_.jpg







1.E-Power mode :จะเป็นการขับขี่ที่ใช้ Motor ไฟฟ้าเป็นหลักในการขับขี่ แป้นคันเร่งจะถูกเปลี่ยนแปลงระยะกดให้สั้นลง มีปุ่มด้านหลังมาดามไว้ ถ้ากดเกินจุดนี้เข้าไปเครื่องยนต์จะติดขึ้นมาทันที (โดยจะใช้ไม่ได้ถ้าBatteryต่ำกว่า10%)
ความรู้สึกการขับขี่จะคล้ายรถธรรมดามากกว่ารถบางรุ่นเพราะ Motorไฟฟ้า จะอยู่ตรงกลางระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์ จึงสามารถใช้เกียร์ 8Speed ในการส่งกำลังได้โดยตรง โดยจะมี Spindle Actuator เป็นตัวควบคุม
การจับปล่อยclutch ระหว่างเครื่องยนต์และ Motor ไฟฟ้า และ Electronic Controller ควบคุมระบบ hybrid อีกที รายละเอียดมีอีกมากมายสามารถดูเพิ่มเติมจาก Website Porsche.uk ได้เลยครับ
ถ้ากรณีที่มี battery เหลืออยู่พอสมควร Modeนี้จะเป็นMode Default แรกตอน start รถ
แต่ถ้า Parameter บางอย่างไม่เหมาะสมเช่น มีน้ำมันอยู่เต็มถัง/ความร้อนภายนอกร้อนมากเกินไป ระบบนี้จะถูก Disabled ไปชั่วคราวครับ แล้วซักพักก็จะใช้งานได้ใหม่
*ตอนที่ใช้การขับขี่แบบนี้เสียงภายในจะเงียบมากๆ สามารถฟังเพลงจากเครื่องเสียงBoseได้อย่างเต็มอรรถรส มีแต่เพียงเสียงยาง กับเสียง Motor ไฟฟ้าเบาๆ
ถ้าฟังจากภายนอกเสียงมันจะเหมือนรถไฟฟ้า BTS ตอนออกตัวครับ :) จริงๆก็เสียงเดียวกับพวก Tesla Model S, Nissan Leaf ครับ คือมีเสียงวีดเบาๆนุ่มๆ เพียงแค่นั้นครับ
แต่พอเครื่องยนต์ทำงานแค่นั้นเสียงภายในตัวรถก็ถือว่ายังเบาอยู่ แต่ถ้ากดคันเร่ง เสียงจาก Sport Exhaust system ก็จะมีเสียงครึมๆทุ้มๆ เสียงท่อจะคล้ายกับพวกแนว Bentley/S600
คือไม่ได้ดังมากมาย แต่จะมีจังหวะทุ้มๆ กังวานกว่าหน่อย


2.E-Charge mode:จะเป็นการขับขี่ที่ตัวเครื่องยนต์จะนำพลังงานที่ได้จากเครื่องส่วนนึงนำมาเก็บประจุไว้ที่ battery อีกที ลักษณะเหมือน Generator เพื่อเอาไว้ใช้ขับตอนรถติดๆหรือในเมืองต่อไป
ระยะทางที่ต้องขับจนทำให้ battery เต็มจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการขับขี่ สำหรับผมที่เคยทำได้ต้องใช้ระยะทางประมาณ 50-60km ในการเก็บประจุไฟฟ้าจาก 0จน100% เพื่อวิ่งได้อีกประมาณ 20-25km โดยไฟฟ้าล้วน

3.Hybrid mode    :เป็นการขับขี่แบบรถ Hybrid ทั่วๆไป คือ ถ้าเราขับความเร็วคงที่ เครื่องยนต์จะทำงานและส่งไปเก็บประจุที่Battery,
ถ้าชะลอรถ เครื่องยนต์จะตัดการทำงานพร้อมกับระบบ Brake Recuperating ทำการชะลอรถโดยใช้การหน่วงจากกระแสไฟฟ้า โดยไม่ได้ใช้เบรคจริงๆของรถ พร้อมกับเก็บกระแสไฟฟ้าเข้า Battery เช่นกัน,
ถ้าเบรคหนักขึ้น เครื่องยนต์จะตัด และระบบเบรคจริง&Brake Recuperating จะทำงานร่วมกัน,
ถ้าถอนคันเร่ง เครื่องยนต์จะตัด ชุดClutchจะถูกปล่อย ทำให้ตัวรถไหล่ไปได้ด้วยแรง Inertia ที่มีอยู่ พร้อมกับเก็บประจุไฟฟ้าไปได้พร้อมๆกัน
(เป็นโหมดที่ผมไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ เพราะบางทีทำให้เสียจังหวะบ้างเป็นบางครั้ง เครื่องยนต์ดับและstartบ่อยเกินไป มีสะดุดอารมณ์บ้าง แม้การ start ใหม่ของเครื่องตัวนี้จะเนียนมากๆก็ตาม
เนียนกว่า E300 Bluetec Hybrid มากพอสมควรเลยครับ รายนั้นจะสั่นค่อนข้างชัดเจนและเสียง start ดังกว่า)



*ความประหยัดของแจ้งให้ทราบจากการทดสอบจริงๆบนถนนเมืองไทย สภาพอากาศในไทยครับ (เคยใช้ทั้งระบบในรถกับวัดที่หัวจ่ายจริง อัตราสิ้นเปลืองแตกต่างกัน ประมาณ5% ระบบรถจะ over กว่าเล็กน้อย)
1.วิ่งในเมืองถ้ามี Battery เต็ม100% (เรียกว่าไม่ใช้น้ำมันซักหยดเลยก็ได้ครับ เคยขับจากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์-จุฬาฯ-เยาวราช-วัดพระแก้ว-สะพานพุทธ-กลับมาที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ วนไปมารวมๆก็ 20กว่า km ครับ แบตหมดพอดี)
แต่ถ้าจะเอาจริงๆ รวมถึงตอน Battery หมดด้วยรถติดในเมือง เคยวิ่งได้อยู่ที่ประมาณ 15-20km/l
2.ถ้าวิ่งต่างจังหวัด 100-300km สลับใช้ Battery เป็นช่วงๆ ความเร็วประมาณ 110-130 km/h มีวิ่งเร็วบ้างช่วงแซง จะอยู่ที่ประมาณ 13-15km/l
3.วิ่งแบบปกติกิจวัตรประจำวัน มีที่ชาร์จคือที่บ้านและที่บริษัท ไปธุระในเมืองบ้างนอกเมืองบ้าง 1เดือนกว่าจะอยู่ที่ประมาณ 19km/l


4.วิ่งแบบปกติมีทุกเหตุการณ์ในระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือน ประมาณ 16.4km/l
(น่าจะเป็นการทดสอบการใช้น้ำมันระยะยาวที่ผลใกล้จริงที่สุดแล้วครับ เพราะช่วงเวลายาวนานมากเป็นพิเศษ) เพระา log ของ Panamera จะเก็บได้มากสุดคือ 9999km ครับ



*ค่าใช้จ่าย?(อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับว่าสามารถคิดอย่างนี้ได้หรือไม่ ผู้รู้รบกวนแก้ไขให้ด้วยนะครับ ^^ ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ)
ถ้าคิดแบบหยาบๆสำหรับการชาร์จ Battery ขนาด 9.4kWh ซึ่งก็คือหน่วย Unit
ราคาตีไปคร่าวๆว่า 2.9บาทต่อUnit(เผื่อๆไว้) 9.4X2.9บาท= 27.26บาท ต่อครั้งในการชาร์จเต็ม100%
ถ้าชาร์จเต็มวิ่งได้เฉลี่ยคือ 25km คือ 27.26/25=1.0904บาทต่อkm


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาดูปุ่มอันน่าสงสัย Sport, SportPlus บ้างครับ

Panamera S e-hybrid เป็นรุ่นที่ติดตั้งช่วงล่างแบบ
1.Sport จะเป็นการเปลี่ยนช่วงล่างให้ Damp แข็งมากขึ้น ถุงลมPASMจะปรับไปที่โหมดSportแต่สูงเท่าเดิม ระบบเกียร์ตอบสนองเร็วขึ้นมากลากรอบได้ยาวขึ้น ระบบ ESP ทำงานปกติแต่ลดระดับความตึงเครียดลงเล็กน้อย พวงมาลัยไวขึ้นเล็กน้อย
2.Sport Plus (option) จะทำให้ Damp แข็งขึ้นอีกเล็กน้อย ความสูงตัวรถลดลง3-4cm ระบบเกียร์ตอบสนองHardcoreมากขึ้น ระบบ ESP ทำงานปกติแต่ลดระดับความตึงเครียดลงเล็กน้อย สามารถออกตัวล้อฟรีได้บ้าง พวงมาลัยไวขึ้นอีกนิด
ระยะแป้นเบรคตื้นขึ้นเล็กน้อย เป็นโหมดที่ขับแล้วสนุกที่สุดแล้วครับ  Consumption จะตกมาอยู่ที่ 7-8km/l ได้เลยทีเดียวครับ

ทางตรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้แตะ 200km/h ได้อย่างสบายๆ

*ภาพถ่ายตอนรถหยุดนิ่งแล้วครับ ขอไม่สนับสนุนให้ทำนะครับผม

เอาของต่างประเทศให้ดูละกันครับ Acceleration ข้ามไปที่ 1:10 ได้เลยครับ



###########################################################################################################
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2015, 21:18:05 โดย TheBestOrNothing »

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
Re: ###Epic Review of Porsche Panamera S e-
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 00:41:52 »
บทปิดจบ Review ที่ยาวมากมายเหลือเกิน (ผมเกรงว่าผู้อ่านบางท่านอาจจะหลับไปเรียบร้อยแล้วบ้าง555)

คำถามสำหรับรถ Plug-in ในบ้านเรานั้น ยังคงเป็นอะไรที่ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก แม้จะมีการสนับสนุนในเรื่องของภาษีที่ต่ำกว่ารถเครื่องยนต์ทั่วไปอยู่มากมายอยู่
แต่จุดสำหรับ Charge รถจำพวกนี้ ในประเทศไทยผมเองก็ยังไม่เห็นที่สามารถให้คนทั่วไปเข้าใช้งานได้จริงๆ เคยได้ยินการไฟฟ้านครหลวง ว่าจะสามารถให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้
แต่ ณ ตอนนี้ได้ทราบแต่เพียงว่ายังคงใช้สำหรับรถภายในบริษัทก่อน ยังไม่พร้อมเรื่องการให้บริการแบบจริงๆ  แม้แต่ของทาง ปตท. ว่าจะทำสถานี Plug in นำร่องอันนี้ผมยังไม่ทราบรายละเอียดเช่นกันครับ
ท่านสมาชิกท่านใดพอจะมีข่าวหรือข้อมูลเกี่ยวกับจุดบริการพวกนี้ รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับผม  หรืออาจจะต้องรอให้ทางศูนย์การค้าเจ้าใหญ่ๆในกทม. เป็นผู้ลองทำก่อนก็เป็นได้ครับ

ในอนาคตคาดว่าราคา Battery ที่ใส่ในรถจะราคาถูกลง ถ้าตามที่ Porsche Claim เอาไว้ว่า Battery จะสามารถใช้ได้จริงๆอยู่ที่ 6-7ปี
"A 2013 study by the American Council for an Energy-Efficient Economy reported that battery costs came down from US$1,300 per kilowatt hour in 2007 to US$500 per kilowatt hour in 2012.
The U.S. Department of Energy has set cost targets for its sponsored battery research of US$300 per kilowatt hour in 2015 and US$125 per kilowatt hour by 2022. Cost reductions of batteries
and higher production volumes will allow plug-in electric vehicles to be more competitive with conventional internal combustion engine vehicles."
ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ อนาคตของรถ PHEV และ EV car ก็จะได้รับความนิยมมากๆยิ่งขึ้น แล้วยิ่งมีการลดภาษีนำเข้ารถประเภทนี้อยู่ต่อไป
ไม่แน่ในอนาคตประเทศไทยอาจจะมี Charging Station เต็มไปหมดเลยก็ได้ครับ



สรุปครับ
ข้อดี
1.ภาพลักษณ์ดูเหนือกว่า S-class, 7 series, Audi A8 , LS อยู่ในระดับนึง การใช้งานในสังคมถือว่าเป็นอีก step นึงกับรถระดับ Luxury แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้น Lamborghini/Ferrari ขนาดนั้นครับ
2.เป็นรุ่นที่ดึงดูดสายตาจากคนภายนอกได้ค่อนข้างมากในระดับนึง ขับไปต่างจังหวัดมักจะโดนมองบ่อย บางทีคนขับก็อายครับ 555+ รูปทรงที่เรียกว่าดึงดูดสายตา มากกว่าคำว่าสวยครับ
3.Engineering ทางด้านการขับขี่ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ดีมากๆระหว่างระบบเครื่องยนต์สันดาบทั่วไป กับ Motor ไฟฟ้า มี Mode ในการขับขี่ที่หลากหลายมากมายให้เลือก ตั้งแต่รักษ์โลกจนทำลายโลก(SportPlus+)
4.การประกอบภายในที่เนี๊ยบมากจนถึงที่สุด บางจุดมีการประกอบและวัสดุที่ดีกว่า Bentley Flying Spur W12 2014 คันที่ผมเคย Review มาก่อนก็มีบ้างครับ จุดยึดต่างๆที่เปลือยออกมามีการเก็บที่เรียบร้อยมากกว่า Benz/BMW เกรดพอๆกับ Audi ครับ
5.ระบบช่วงล่างแบบถุงลมไม่มีอาการโยนตัวเหมือนบางค่าย ไม่มีอาการเมารถเหมือนกับ S-class W221
6.การตกแต่งภายในที่ดู classic ดูได้นาน ไม่น่าเบื่อ

ข้อปรับปรุง
1.พื้นที่ภายในอาจจะเล็กไปสำหรับบางคน การเอนเบาะด้านหลังสำหรับรถ Luxury car ควรมีองศาที่มากกว่านี้ซักเล็กน้อย
2.เครื่อง V6 Supercharger 3.0ลิตร ที่แรงดีมากๆ ควรปรับปรุงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ยังค่อนข้างสูงอยู่ ถ้าวิ่งโดยไม่ใช้ไฟฟ้าเลย จะอยู่ที่ 9-11km/l ถือว่าค่อนข้างกินน้ำมัน
3.Options ต่างๆของตัวรถราคาแพงมากจนเกินไป ทำให้ราคารถถีบตัวขึ้นเร็วมากเพียงแค่เพิ่ม option บางอย่างเข้าไป
4.การซับแรงสะเทือนจากหลุมยังไม่เนียนมากเท่า S-class แม้ระบบถุงลมจะช่วยได้มากในระดับนึงก็ตาม(อาจเป็นเพราะคันผมเป็นล้อ 20" หากล้อเล็กกว่านี้อาจจะแก้ไขได้ครับ)

ไว้เจอกันโอกาสหน้าครับผม!


*ขอสงวนสิทธิ์ในการใช้ข้อมูลและรูปภาพทั้งหมด ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมเท่านั้น
*Review นี้จะมีอยู่เฉพาะ www.headlightmag.com เท่านั้น ห้ามนำ link ไปเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด



ออฟไลน์ TCh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 204
อ่านจบแล้วครับ ขอบคุณมากเลย ได้ความรู้และอ่านง่ายครับ

ปล. ผมอยากเห็นภาพ ไฟหน้า แบบใกล้ๆ ชิดๆ ตอนเปิด Day light จังครับ

ออฟไลน์ I_AM_M

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 300
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ รถสวยมากเลย

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,776
เยี่ยมครับน้องโบ๊ท เป็นSuper Luxury Car ที่ทั้งแรง ประหยัด แถมยังสั่งออปชั่นเพียบมาเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,591
ขอบคุณครับ อ่านสนุกและได้ความรู้เยอะดี
ผมชอบรีวิวของ จขกท ทุกอันเลยนะครับ โดยเฉพาะเจ้ากบยักษ์
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ GUDJA-MAN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,643
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Harem

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,766
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,860
    • ร้านค้าออนไลน์
ภายในอลังการมากกกกกก
ขอบคุณครับ
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ GlicoPooky

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 14
อยากถามคุณ จขกท. ว่าตลอดระยะเวลาทร่ใช้งานมา 1 ปีมีปัญหาตุกจิกกวนใจอะไรบ้างไหมครับ เพราะกำลังเล็งๆ Cayenne S E-Hybrid ไว้อยู่ แต่ก็ยังกลัวๆว่าระบบ Hybrid จะทำให้รถกมันจุกจิกอะครับ

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,952
สวยงามครับ อยากได้เลย รูปสวยมากครับ

ออฟไลน์ w212cdi

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 708
รถสวยงาม  hi tech มาก  ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ kaluu

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
ขอบคุณกับรีวิวดีๆครับ :)

ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากลองขับรถไฟฟ้าแบบนี้จัง ยิ่งเจ้าtesla หรือพอร์ชตัวนี้นะ อูยยยย

ออฟไลน์ chanvitjeab

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
ละเอียดดีครับเห็นถึงความตั้งใจในการรีวิว ขอบคุณมากครับ
อยากนั่งเบาะหลังหั้ยเป็นบุญตูดจัง   ;D ;D ;D

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,604
  • Das Auto
รถสวยมากๆครับภายในอัลงการดี ส่วนรีวิว ยังรีวิวได้ดีเหมือนเดิมครับน้องโบ๊ท  :D :D ในช่วงที่ porche ออกพวกรุ่น hybrid มาใหม่ๆ มีบ่นหลายเสียงเลย ว่าค่อนข้างจุกจิกมีปัญหาโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งบ่นกันหลายคน ในคาเยนนะครับ สำหรับ panamera เท่าที่ใช้มามีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่าครับ เพราะพ่อพี่ก็เล็งๆตัวไฮบริดอยู่เหมือนกัน เพราะได้รถแรงกว่า ราคาถูกกว่า ซึ่งถือว่าคุ้มเลยทีเดียว   

ออฟไลน์ newclear

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ DeSatan

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 78
ขอบคุณสำหรับ รีวิวดี มีคุณภาพครับ

ออฟไลน์ JJ

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 191
ขอบคุณมากครับ:o

ออฟไลน์ RockTheMonk

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 347
  • What Happened, Happened...
งดงามครับ..ทั้งรายละเอียดและรูปภาพ

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะคร๊าบบ

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,936
.
.
.
ขอบคุณมากเลยครับ รีวิวละเอียดมาก เยี่ยมเลยครับ

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 582
สุดยอดมากเลยครับ

กำลังสนใจรถพลังงานไฟฟ้าอยู่พอดีเลย 

ออฟไลน์ tomatoboy

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ รีวิวละเอียดมาก ไม่ต้องถามsale เลย

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,949
    • อีเมล์
ยินดีด้วยครับน้องโบ็ทที่มีเวลาว่างมาเขียนรีวิวแล้ว ยังละเอียดเหมือนเดิมเลยครับ  ;D  ;D  ;D

ออฟไลน์ ozzy750

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ....

ออฟไลน์ TerngST

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 290
ขอบคุณคับ รถสุดยอด

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
Re: ###Epic Review of Porsche Panamera S e
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: เมษายน 01, 2015, 22:05:09 »
อ่านจบแล้วครับ ขอบคุณมากเลย ได้ความรู้และอ่านง่ายครับ

ปล. ผมอยากเห็นภาพ ไฟหน้า แบบใกล้ๆ ชิดๆ ตอนเปิด Day light จังครับ
จัดให้ครับ รูปอยู่ตรง Design ภายนอกเลยครับ :)


รถสวยมากๆครับภายในอัลงการดี ส่วนรีวิว ยังรีวิวได้ดีเหมือนเดิมครับน้องโบ๊ท  :D :D ในช่วงที่ porche ออกพวกรุ่น hybrid มาใหม่ๆ มีบ่นหลายเสียงเลย ว่าค่อนข้างจุกจิกมีปัญหาโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งบ่นกันหลายคน ในคาเยนนะครับ สำหรับ panamera เท่าที่ใช้มามีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่าครับ เพราะพ่อพี่ก็เล็งๆตัวไฮบริดอยู่เหมือนกัน เพราะได้รถแรงกว่า ราคาถูกกว่า ซึ่งถือว่าคุ้มเลยทีเดียว   
ขอบคุณครับคุณอ๊อฟ สบายดีนะครับ ^^
ตอนนี้ใช้มา 1ปี ได้ครับ นอกจากเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ยังไม่มีปัญหาอะไรครับ การชาร์จBatteryก็ปกติ Hybridปกติดีครับ ตอนนี้วิ่งไป 2หมื่นkm ครับ
ส่วนตัวคิดว่ารถที่เป็น Gen2 ก็น่าจะมีการ Implement แก้ไข Bug ต่างๆนาๆไปส่วนนึงจากรุ่นก่อนหน้ามาบ้างระดับนึง หวังว่าจะอยู่กันไปยาวๆครับผม :)

ยินดีด้วยครับน้องโบ็ทที่มีเวลาว่างมาเขียนรีวิวแล้ว ยังละเอียดเหมือนเดิมเลยครับ  ;D  ;D  ;D
ขอบคุณครับพี่นนท์ ถ้าจะว่างก็เสาร์-อาทิตย์นี่แหละครับ วันธรรมดาก็ยังเหมือนเดิมครับกลับบ้าน1-3ทุ่ม ^^" 555+

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,305
Re: ###Epic Review of Porsche
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: เมษายน 01, 2015, 22:08:41 »
เยี่ยมครับน้องโบ๊ท เป็นSuper Luxury Car ที่ทั้งแรง ประหยัด แถมยังสั่งออปชั่นเพียบมาเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ
ขอบคุณมากครับพี่วี พี่วีสบายดีนะครับผม
ผมมีพี่วีเป็น idol ผมนี่แหละครับ ^^
รายละเอียดทาง Technic ผมยังไม่ถึงขั้นพี่วีเลยครับ  :D
ยังต้องปรับปรุงอีกบ้างครับ