ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเครื่องsemiเกรดศูนย์Honda 0w-20เป็นยังไงบ้างครับ  (อ่าน 9768 ครั้ง)

ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
น้ำมันเครื่องเกรดศูนย์Honda 0w-20เป็นยังไงบ้างครับ
ผมใช้accord G8 มา5-6ปีครับ ปกติใช้สังเคราะห์แท้ศูนย์ตลอด มีครั้งล่าสุด ผมไม่ได้ดูครับ ช่างเติมsemi 0w-20 เกรดรวมแกลลอนมาให้
ลักษณะการใช้งานของผม ขับน้อยมากครับ จอดสนิท แต่ใช้งานแต่ละครั้งค่อนข้างหนักเช่น วิ่งทางไกล500-1000กิโลเมตรโดยไม่ดับเครื่อง จอดติดในเมือง2-3ชั่วโมงร้อนๆ นิ่งๆ ค่อนข้างใช้งานทารุณและเท้าหนักมากคนนึง
ผมสงสัยว่า น้ำมันเกรดนี้มันยังคงรองรับการใช้งานแบบผมได้หรือไม่ครับ เหมาะสมมั้ย หรือควรเปลี่ยนไปใช้แบบเดิมโดยเร็ว หรือแบบไหนดีครับ

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
วิ่งในเมืองมันจะลื่น ช่วยประหยัดน้ำมัน เนื่องจากค่าความหนืดมันน้อย
ถ้าถ้าวิ่งยาวๆ ไกลๆ ใช้ความเร็วสูง  ผมว่าไม่ค่อยเหมาะสม
กลัวว่าค่าความหนืดมันจะหายไป  การหล่อลื่นจะไม่ค่อยดีครับ
ความเห็นส่วนตัว เบอร์ xW-30 น่าจะเหมาะสมมากกว่า...แต่ถ้าเหยียบเร็วๆ เท้าหนักๆ โดดไป xW-40 เลยครับ
อ้อ!! ผมหิ้วน้ำมันเครื่องไปเองเข้าศูนย์ Honda ให้เขาถ่ายให้ พร้อมเปลี่ยนกรองศูนย์ด้วย
ค่าแรงแค่ 220 บาท ค่ากรอง 2 ร้อยกว่าบาท ;D

ออฟไลน์ Dubee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,530
เหมือนคุณข้างบนว่าครับ เบอร์นี้เหมาะสำหรับวิ้งชิวๆประหยัดน้ำมัน ลื่นๆหัวแตกครับ แต่เห็นคุณใช้รถน้อย แต่ใช้ทีนึงก้เดินทางไกลๆ ใช้งานถือว่าหนักครับด้วยที่ว่าวิ้งน้อยก็ว่าหนักแล้ว ยังวิ้งทางไกลด้วย รอบต่อไปจัดจำพวก 5W30 ดีกว่าครับ

ออฟไลน์ hisoman999

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
น้ำมันเครื่องแกลลอนใหญ่ของฮอนด้า เป็น สังเคราะห์100%นะครับ

อ้างอิงจาก

ออฟไลน์ pongsakorn11

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 854
มายืนยันอีกเสียงว่า ตอนนี้ 0w20 เป็นสังเคราะห์100%แล้วนะครับ
ถ้ารถวิ่งน้อย ไม่กินน้ำมันเครื่อง เเละไม่ใช้รองสูงๆเกินสี่พันสามารถใช้ได้ครับ

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,586

 ดูคู่มือรถ ว่าให้ใช้ที่ความหนืด แค่ไหน

 ใสมากก็ไม่ได้แปลว่าดู  ถ้า spec เครื่องใช้ไม่ได้

ออฟไลน์ shikimaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,313
    • อีเมล์
สเปคนี้ ถ้าขับเรื่อยๆ 80-120 รอบไม่กวาดสูงๆ มันก็โอเคระดับนึงครับ นมค ไม่ค่อยหาย แม้จะสังเคราะห์ก็ตาม

แต่ถ้าขับไกลๆ 500 โล+ เท้าหนักด้วย ไปเล่นเบอร์ 40 ดีกว่าครับ ผมใช้รุ่นเดียวกัน 2.4
เบอร์ 40 โมตุล htech ขับรอบสูงๆบ่อย +ขับยาวๆ 300 โล+ พอ 6000 โล นี่ นมค หายไปเกือบครึ่งลิตรละครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,472
    • อีเมล์
0W-20 เป็นตัวเลขบอกความหนืด หรือความหนาของฟิล์มน้ำมันเครื่องนะครับ ไม่ใช่เกรดหรือชั้นคุณภาพ

ถ้าดูแค่ตัวเลขดังกล่าว ก็จะรู้แค่ว่า ตัวเลขยิ่งมาก ก็ยิ่งหนืด หรือฟิล์มน้ำมันหนา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณภาพสูงหรือต่ำ

มาตรฐานของน้ำมันเครื่อง มีหลายสำนักที่ใช้ในการนำมาอ้างอิง แต่ที่ค่อนข้างนิยมในบ้านเรา และดูง่ายก็คือ API

มาตรฐาน API ของน้ำมันเครื่องยนต์เบนซิน จะขึ้นต้นด้วยตัว S และตามด้วย A B C D ไปเรื่อยๆ เช่น SA SB SC

ตัวอักษรตัวท้าย ยิ่งห่างจาก A มากเท่าไร คุณภาพก็จะยิ่งสูง สูงสุด ณ ปัจจุบันคือ API-SN

น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล จะขึ้นต้นด้วยตัว C สูงสุด ณ ปัจจุบันคือ CJ 4 ครับ

ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429

 ดูคู่มือรถ ว่าให้ใช้ที่ความหนืด แค่ไหน

 ใสมากก็ไม่ได้แปลว่าดู  ถ้า spec เครื่องใช้ไม่ได้
ในคู่มือเขาระบุ 0,5,10,15W-30 กับ0,5,10,15W-40เลยครับผม เลยกังวลว่าเบอร์20ใสเกินไปรึป่าวครับ

ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
น้ำมันเครื่องแกลลอนใหญ่ของฮอนด้า เป็น สังเคราะห์100%นะครับ

อ้างอิงจาก
มายืนยันอีกเสียงว่า ตอนนี้ 0w20 เป็นสังเคราะห์100%แล้วนะครับ
ถ้ารถวิ่งน้อย ไม่กินน้ำมันเครื่อง เเละไม่ใช้รองสูงๆเกินสี่พันสามารถใช้ได้ครับ
อ่อ ครับผมขอบคุณครับ พอดีเห็นในใบเสร็จพิมพ์เป็นกึ่งสังเคราะห์อ่ะครับ 0W-20 ผมเลยสับสนครับ

ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
0W-20 เป็นตัวเลขบอกความหนืด หรือความหนาของฟิล์มน้ำมันเครื่องนะครับ ไม่ใช่เกรดหรือชั้นคุณภาพ

ถ้าดูแค่ตัวเลขดังกล่าว ก็จะรู้แค่ว่า ตัวเลขยิ่งมาก ก็ยิ่งหนืด หรือฟิล์มน้ำมันหนา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณภาพสูงหรือต่ำ

มาตรฐานของน้ำมันเครื่อง มีหลายสำนักที่ใช้ในการนำมาอ้างอิง แต่ที่ค่อนข้างนิยมในบ้านเรา และดูง่ายก็คือ API

มาตรฐาน API ของน้ำมันเครื่องยนต์เบนซิน จะขึ้นต้นด้วยตัว S และตามด้วย A B C D ไปเรื่อยๆ เช่น SA SB SC

ตัวอักษรตัวท้าย ยิ่งห่างจาก A มากเท่าไร คุณภาพก็จะยิ่งสูง สูงสุด ณ ปัจจุบันคือ API-SN

น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล จะขึ้นต้นด้วยตัว C สูงสุด ณ ปัจจุบันคือ CJ 4 ครับ

สเปคนี้ ถ้าขับเรื่อยๆ 80-120 รอบไม่กวาดสูงๆ มันก็โอเคระดับนึงครับ นมค ไม่ค่อยหาย แม้จะสังเคราะห์ก็ตาม

แต่ถ้าขับไกลๆ 500 โล+ เท้าหนักด้วย ไปเล่นเบอร์ 40 ดีกว่าครับ ผมใช้รุ่นเดียวกัน 2.4
เบอร์ 40 โมตุล htech ขับรอบสูงๆบ่อย +ขับยาวๆ 300 โล+ พอ 6000 โล นี่ นมค หายไปเกือบครึ่งลิตรละครับ
ขอบคุณครับ ผมคงควรไปเปลี่ยนเบอร์ใหม่เลยละครับกลับไปใช้40น่าจะเหมาะสมกว่าครับ เพื่อความสบายใจในการใช้งานเนอะ แต่ยังสงสัยว่าทำไมHondaถึงยังขายน้ำมันเกรดความหนืด20อยู่ทั้งๆที่คู่มือระบุว่าให้ใช้30-40อ่ะครับ มันเพียงพอจริงๆเหรอครับ

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 937
ขออ้างอิงโพสคุณ Jae ครับ อธิบายได้เข้าใจง่าย คำไหนสงสัยก็ลอง Google เพิ่มครับ

พอดีผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่องอยู่ครับ ในตลาดมันมีเยอะจริงๆ
ได้เจอกระทู้เก่าที่คุณ Jae เคยคอมเม้นท์ไว้ เกี่ยวกับเรื่อง HVI
ที่ว่า XHVI (extra high viscosity index) น่าจะดีกว่า VHVI (very high viscosity index)

แล้วก็ไปเจอ handbook ตามลิงค์ จากหน้า11 เรื่อง solubility
http://www.engnetglobal.com/documents/pdfcatalog/NYN001_200412073535_Base%20oil%20handbookENG.pdf

แต่ข้อมูลเหมือนจะสลับกัน ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า

เลยจะรบกวนขอความรู้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ




ก่อนอื่น มันคือ VI ครับ ไม่ใช่ HVI  และ XHVI กับ VHVI ถ้าพูดบนน้ำมันเบอร์เดียวกัน มาตรฐานเดียวกันที่โลกนี้ยอมรับ  XHVI จะมี VI มากกว่า VHVI

หนังสือที่อ้างมา เข้าอธิบายใหัฟังถึง Base Oil ครับ ในที่นี้เขาเจาะจงลำดับ XHVI, PAOs, VHVI ว่า VGS และ Aniline point ของ VHVI ที่เขายกมานั้นมีค่าดีกว่า แต่ไม่ได้บอกว่า VI มากกว่านะครับ อย่าเอาไปมั่วกัน

ซึ่งในโลกนี้ ถ้าเราคุณกันเรื่องว่า Base oil ที่ยังไม่ผสมเป้นน้ำมันเครื่อง ก็ถูกต้องแล้วครับว่า Base oil พวก Ester, PAOs, มันเสี่ยงต่อการเป็นกรด และผสมกับน้ำมันชนิดอื่นได้ยากกว่าตามลำดับ เพราะอย่างที่ผมเคยเขียนไปและพูดไปน่าจะเป็นพันครั้งว่า ESTER ไม่สามารถนำมาใช้เปล่า ๆ ได้ มันไม่ทนร้อนชื้น อันนี้ถ้าเคยอ่านที่ผมเขียน จะเห็นประโยคแบบนี้ซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆกันหลายกระทู้มาก เขียนจนเริ่มเบื่อเหมือนกันครับ เพราะคิดว่า ใคร ๆ ก็ไปหาอ่านได้ แต่ทำไมยังซื้อใช้ ESTER เยอะ ๆ กันอีก

เอามาดูเรื่องน้ำมันเครื่องที่ใส่กระป๋องแล้วดีกว่า ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำมันในโลกนี้มันถูกขายตามสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน คนผลิต ก็ต้องคิดว่า ทำอย่างไรจะเหมาะสมกับ อุณหภูมิต่ำสุด และ สูง (อาจจะไม่สุด) เช่น เบอร์ 0W-20 ที่ศูนย์บริการหลายแห่งยัดเยียดให้ลูกค้าใช้ เบอร์นี้ VI จะสูงมาก ส่วนใหญ่เป็นพวก XHVI  แต่เป็น Hydrocracked เพราะถูก ทำง่าย ประหยัดน้ำมันเวลาอุณหภูมิตำ น้ำมันเบอร์นี้ และเบอร์ 0W-10 มันใช้ได้ดีใน ALASKA, CANADA, China, EUROPE ครับ เอาแค่ที่ผมว่ามานี่ ก็เกินครึ่งโลกแล้วมั้ง ถามว่าพวกนี้มีอากาศร้อนไหม มีครับ แต่ร้อนไม่เท่าเราหรอก เขาใช้ได้ดีเพราะOil temp มันอยู่แค่ 80-90 เอง ครับ

แต่มาเมืองไทย Oil Temp อย่าง BMW อยู่แถว ๆ 100-120 แทบจะตลอดเวลา ยิ่งรถติดมันก็ยิ่งร้อน HTHS ของน้ำมัน ถ้าได้แค่ 2.6 มันจะไหวไหม ? ผนังสูบมันไม่ใช่ 150 องศาแน่ ๆครับ

....

ชักจะยาวอีกละ

...

เอาเป็นว่า เลือกน้ำมันเครื่อง ให้ดู Base oil, VI, HTHS, ยี่ห้อ, คนขายของแท้, การใช้งานอุณหภูมิ อากาศ, ระยะการถ่าย และที่สำคัญที่สุด ราคาเหมาะสม เช่นน้ำมันเบอร์เดียวกัน ยี่ห้อ M ใส่ สารสังเคราะห์ 6 ชนิด ราคา 2 พัน กับยี่ห้อ C ใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด ราคา 2พันเหมือนกัน ผมก็ต้องเลือก M  แต่ถ้ามียี่ห้อPใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด แต่ราคาครึ่งนึงของ C ผมก็ไม่เลือก M แล้วไปใช้ P ก็พอ เพราะผมอาจจะไม่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่ากันนิดหน่อยของ M ก็ได้ ทุกยี่ห้อก็มีพืื้นฐานทางคุณสมบัติไม่เท่ากันแต่ก็มีแน่ ๆ ล่ะ เช่น ป้องกันตะกอน ลดคราบโคลน ทำความสะอาด ช่วยจุดระเบิด ลดการเกิดฟอง ฯลฯ "สำหรับผม" ผมว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับทำได้ดีมากน้อยต่างกันแค่นั้นล่ะ


ยี่ห้อไหนดีไม่ดีกว่าอีกยี่ห้อไหน ผมตอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้นครับ  นอกจากตัวผมเอง เพราะผมชั่งน้ำหนักราคาที่จ่ายกับน้ำมันไว้แล้ว คุณเองก็ต้องไปชั่งน้ำหนักราคากับความต้องการของคุณเช่นกันครับ





ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
ขออ้างอิงโพสคุณ Jae ครับ อธิบายได้เข้าใจง่าย คำไหนสงสัยก็ลอง Google เพิ่มครับ

พอดีผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่องอยู่ครับ ในตลาดมันมีเยอะจริงๆ
ได้เจอกระทู้เก่าที่คุณ Jae เคยคอมเม้นท์ไว้ เกี่ยวกับเรื่อง HVI
ที่ว่า XHVI (extra high viscosity index) น่าจะดีกว่า VHVI (very high viscosity index)

แล้วก็ไปเจอ handbook ตามลิงค์ จากหน้า11 เรื่อง solubility
http://www.engnetglobal.com/documents/pdfcatalog/NYN001_200412073535_Base%20oil%20handbookENG.pdf

แต่ข้อมูลเหมือนจะสลับกัน ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า

เลยจะรบกวนขอความรู้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ




ก่อนอื่น มันคือ VI ครับ ไม่ใช่ HVI  และ XHVI กับ VHVI ถ้าพูดบนน้ำมันเบอร์เดียวกัน มาตรฐานเดียวกันที่โลกนี้ยอมรับ  XHVI จะมี VI มากกว่า VHVI

หนังสือที่อ้างมา เข้าอธิบายใหัฟังถึง Base Oil ครับ ในที่นี้เขาเจาะจงลำดับ XHVI, PAOs, VHVI ว่า VGS และ Aniline point ของ VHVI ที่เขายกมานั้นมีค่าดีกว่า แต่ไม่ได้บอกว่า VI มากกว่านะครับ อย่าเอาไปมั่วกัน

ซึ่งในโลกนี้ ถ้าเราคุณกันเรื่องว่า Base oil ที่ยังไม่ผสมเป้นน้ำมันเครื่อง ก็ถูกต้องแล้วครับว่า Base oil พวก Ester, PAOs, มันเสี่ยงต่อการเป็นกรด และผสมกับน้ำมันชนิดอื่นได้ยากกว่าตามลำดับ เพราะอย่างที่ผมเคยเขียนไปและพูดไปน่าจะเป็นพันครั้งว่า ESTER ไม่สามารถนำมาใช้เปล่า ๆ ได้ มันไม่ทนร้อนชื้น อันนี้ถ้าเคยอ่านที่ผมเขียน จะเห็นประโยคแบบนี้ซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆกันหลายกระทู้มาก เขียนจนเริ่มเบื่อเหมือนกันครับ เพราะคิดว่า ใคร ๆ ก็ไปหาอ่านได้ แต่ทำไมยังซื้อใช้ ESTER เยอะ ๆ กันอีก

เอามาดูเรื่องน้ำมันเครื่องที่ใส่กระป๋องแล้วดีกว่า ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำมันในโลกนี้มันถูกขายตามสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน คนผลิต ก็ต้องคิดว่า ทำอย่างไรจะเหมาะสมกับ อุณหภูมิต่ำสุด และ สูง (อาจจะไม่สุด) เช่น เบอร์ 0W-20 ที่ศูนย์บริการหลายแห่งยัดเยียดให้ลูกค้าใช้ เบอร์นี้ VI จะสูงมาก ส่วนใหญ่เป็นพวก XHVI  แต่เป็น Hydrocracked เพราะถูก ทำง่าย ประหยัดน้ำมันเวลาอุณหภูมิตำ น้ำมันเบอร์นี้ และเบอร์ 0W-10 มันใช้ได้ดีใน ALASKA, CANADA, China, EUROPE ครับ เอาแค่ที่ผมว่ามานี่ ก็เกินครึ่งโลกแล้วมั้ง ถามว่าพวกนี้มีอากาศร้อนไหม มีครับ แต่ร้อนไม่เท่าเราหรอก เขาใช้ได้ดีเพราะOil temp มันอยู่แค่ 80-90 เอง ครับ

แต่มาเมืองไทย Oil Temp อย่าง BMW อยู่แถว ๆ 100-120 แทบจะตลอดเวลา ยิ่งรถติดมันก็ยิ่งร้อน HTHS ของน้ำมัน ถ้าได้แค่ 2.6 มันจะไหวไหม ? ผนังสูบมันไม่ใช่ 150 องศาแน่ ๆครับ

....

ชักจะยาวอีกละ

...

เอาเป็นว่า เลือกน้ำมันเครื่อง ให้ดู Base oil, VI, HTHS, ยี่ห้อ, คนขายของแท้, การใช้งานอุณหภูมิ อากาศ, ระยะการถ่าย และที่สำคัญที่สุด ราคาเหมาะสม เช่นน้ำมันเบอร์เดียวกัน ยี่ห้อ M ใส่ สารสังเคราะห์ 6 ชนิด ราคา 2 พัน กับยี่ห้อ C ใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด ราคา 2พันเหมือนกัน ผมก็ต้องเลือก M  แต่ถ้ามียี่ห้อPใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด แต่ราคาครึ่งนึงของ C ผมก็ไม่เลือก M แล้วไปใช้ P ก็พอ เพราะผมอาจจะไม่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่ากันนิดหน่อยของ M ก็ได้ ทุกยี่ห้อก็มีพืื้นฐานทางคุณสมบัติไม่เท่ากันแต่ก็มีแน่ ๆ ล่ะ เช่น ป้องกันตะกอน ลดคราบโคลน ทำความสะอาด ช่วยจุดระเบิด ลดการเกิดฟอง ฯลฯ "สำหรับผม" ผมว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับทำได้ดีมากน้อยต่างกันแค่นั้นล่ะ


ยี่ห้อไหนดีไม่ดีกว่าอีกยี่ห้อไหน ผมตอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้นครับ  นอกจากตัวผมเอง เพราะผมชั่งน้ำหนักราคาที่จ่ายกับน้ำมันไว้แล้ว คุณเองก็ต้องไปชั่งน้ำหนักราคากับความต้องการของคุณเช่นกันครับ






ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ได้ความรู้เยอะเลยครับ