ผู้เขียน หัวข้อ: My Younger Brother "Citroen Xm"  (อ่าน 58168 ครั้ง)

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
My Younger Brother "Citroen Xm"
« เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 20:38:28 »
ก่อนเริ่ม......หัวข้อนี้เป็น Review แบบตามใจฉันนะครับ  ;D


สวัสดีครับพี่ผู้อ่านทุกท่าน....ผม Headman ยินดีนำเสนอ......My younger brother "Citroen Xm"

ตั้งแต่ที่จำความเรื่องรถยนต์ได้ และ เริ่มที่จะลองขับรถ........และเริ่มที่จะชอบรถ.....วันนึง......ผมได้กลับบ้านก่อนเวลา (จำได้แม่นเลย วันสอบกลางภาควันสุดท้ายสมัยผมอยู่ ม.1 วันนั้น พ่อผมไปรับกลับจากโรงเรียน ด้วย KB2200 คันเดิม แอร์เย็น เพลงไม่เพราะ.....

ระหว่างทางกลับบ้าน (ผมเรียนชลชายครับ) ก็ผ่าน หน้า Lotus ผ่านหน้า Big C ผมก็นั่งดูทางไปตามปกตินั่นล่ะ...ดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อย.....ระหว่างนั้น พ่อผมซึ่งเป็นคนขับรถช้า....ก็วิ่งเลนซ้าย...ไปเรื่อยๆ ตามภาษาพ่อนั่นล่ะครับ....พอมาถึงหน้าจัตุจักร....ก็ดันแว๊บไปเห็น......รถเก๋งคันนึง......

เป็นรถเก๋ง ที่ดูมีอายุ.....มี 4 ประตู ท้ายตัด และโหลดเตี้ยมาแน่ๆ (ติดดินเลย) หน้ารถติดป้ายว่า "ขาย 50000".......หลังรถมีอะไรไม่รู้ดำๆ ติดอยู่.......หน้ารถไฟด้วยโต มีกระจกมองหลังข้างเดียว.......ผมมองรถคันนั้นตั้งแต่พ่อผมยังไม่ขับรถผ่าน...จนขับผ่านมันไปก็ยังหันหลังกลับไปมองมันอยู่....และคิดในใจว่า "เย็นนี้ ขี่จักรยานมาดูหน่อยดีกว่า"


ภสพของคันที่ผมไปเห็นมา...คล้ายๆ คันนี้เลยครับ สีประมาณนี้เลย

ผมขี่จักรยานจากฝั่งถนนข้าวหลาม มาถึงตรงสะพานลอยคนข้าม ใกล้ๆ วิทยาลัยสารพัดช่าง ยกรถจักรยานข้างสะพานลอย (วันนั้นคงเป็นวันที่ยกจักรยานข้ามสะพานได้รู้สึกเบาที่สุดล่ะครับ) พอขึ้นถึงกลางสะพาน ก็เห็น "รถเก๋งคันนั้น" มีคนมาดูอยู่ 2 คน....คิดในใจว่า เขาจะซื้อหรือเปล่า....แต่พอผมลงสะพาน...เขา 2 คนนั้นก็ไม่อยู่ล่ะครับ...

ผมไปถึงหน้ารถคันนั้น ที่จอดอยู่หน้าร้านรับฉายภาพยนตร์ มีเข้าของอายุมากพอสมควรเดินออกมา....ผมยกมือไหว้เขาก่อนเลย..แล้วถามว่า...รถคันนี้ยี่ห้ออะไรอ่ะครับ แล้วพี่ไปโหลดมาหรือ?

"ยี่ห้อ Citroen ไม่ได้โหลดมา แต่มันเป็นระบบช่วงล่างแบบ Hydrolic......." งงซิครับ....ก็แหง่ล่ะ สมัยนั้น ผมไม่รู้จักรถยุโรบเลย......รู้จักก็แต่ Toyota Honda อะไรพวกนี้...ยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคันไหนเป็น BMW series 3 หรือ 5

พี่เจ้าของรถคันนั้นใจดีมาก....เปิดประตู ให้เข้าไปนั่ง......โอ้ววววว รถบ้าอะไร ทำไม พวงมาลัยมีก้านเดียว........เข้าไปนั่งในรถเก่า ก็มองไปรอบๆ.......เอ๊ะ ทำไม ที่เปิดแอร์มาอยู่ตรงคอนโซนกลาง ไฟเลี้ยวมันหายไปไหน? คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวอย่างกับดอกเห็ด.....แถม...พี่เข้าของรถยังบอกว่า ติดเครื่องดูซิ......

กุญแจ.........มันต้องใช้มือซ้ายสตาร์ดซินะ...อ๊ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองดูก็ได้ (ผมพอจะขับรถเป็นตั้งแต่ประถมล่ะครับ พ่อใช้ให้ถอยเข้าถอยออกในบ้านบ่อยๆ กะเคยไปขับในไร่ที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน)

ภายนี้คือ รูป Dashboard ของ Citroen Cx Pallas ครับ แต่ตัวที่ผมเจอวันนั้น คือ Cx20 แบบธรรมดา ช่วงรถไม่ได้ยาวกกว่าปกติ แต่การตกแต่งภายในไม่ได้หรูมากเท่า Pallas ครับ

บิดกุญแจ...สตาร์ด.........แจ๊กๆๆๆๆๆ ชึ่งงงงงง

ความรู้สึกตอนนั้นคือ...เห้ยยย ทำไมเสียงเครื่องมันแน่นแบบนี้.....แน่นกว่า Lancer E car ของน้าชายอีก.....เสียงมันแบบ นุ่มแบบแปลกๆ
ซักพักนึง...!!!!!!!!!!!! ทำไมรถมันยกตัวเองขึ้นได้อ่ะ......เจ๋งงงงง (เริ่มรู้สึกว่า เราต้องได้คันนี้มาก็ ตอนนั้นเลยครับ ฮ๋าๆๆๆ) หลังจากนั้นก็ดับเครื่อง มันก็ยุบๆ ลงไปเป็นปกติ.........เปิดดูในห้องเครื่อง ก็งั้นๆ อ่ะครับ รู้แค่ว่าเป็นเครื่องคาร์บูเรเตอร์...เท่านั้นเอง......


ในรูปคือ Citroen Cx GTI ตัวแรกสมัยก่อนครับ มีเข้าเมืองไทย 2 คันเห็นจะได้......

หลังจากนั้น ชีวิตผมกวนเวียนอยู่ในโลกของ Citroen มาอีก 3-4 ปี.....ช่วงนี้ เริ่มมีความรู้มากขึ้น....เริ่มได้ลองขับ.....เริ่มได้ใช้ชีวิตกับ Citroen ทั้ง BX CX ZX ได้หลายๆ วันมากขึ้น.......ได้มีโอกาสได้สัมผัส C6 ตัวเป็นๆ ได้เห็น C5 ยางแตกต่อหน้าต่อตา แต่ มันก็ยังวิ่งต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....ได้เข้าชมรม Citroen.org ได้ดูรถรุ่นใหม่ๆ เป็นตัวมากมาย...แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไมามีรถคันไหน จะมาเทียบ สิ่งที่เรียกว่า Citroen ได้..........แต่ผมคิดไว้เสมอว่า ถึงวันนึง...ผมจะต้องมีเขา...มาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านผมให้ได้อย่างแน่นอน......และวันนั้น ก็มาถึง...



ที่บ้านเราควรจะมีรถใหม่ได้แล้วนะ.........คำพูดนี้ออกจากปากคุณยายผม ไม่นาน...หลังจากนั้น.....เราก็เริ่มมองหารถใหม่.....ในช่วงแรกที่มองหารถใหม่นั้น ยอมรับเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น BMW 520D ที่ไปลองกันมาจนซะถูกใจ....หรือว่าจะเป็น Ml250 ที่พ่อบอกว่าชอบหนักหนา......หรือว่าจะ รถคลาด พวก Captiva อะไรพวกนี้....พ่อไปลองมาหมดเลย...สุดท้าย ก็ยังไม่ได้ซื้อ...และดันมาเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำยกครอบครัวกันซะก่อน....เลย...ใช้เวลาไปกับการรักษาตัว และเรื่องคดีความอันแสนยืดยาว...และแล้ว ทุกคนก็กลับมาเหมือนปกติ เหลือแต่รอรถตู้ Hiace คู่ใจที่รอซ่อมอยู่ (ซึ้งก็ใกล้เสร็จแล้วในเร็ววัน)

ระหว่างที่รถซ่อมอยู่นั่นเอง.....ผมก็เลย......ถามคนในบ้านว่าอยากได้อะไรกันบ้าง.....ทุกคนบอกอย่างได้โน่น นี่นั่น อย่างโน่น อย่างนี้ แต่

"ไม่เอา Citroen" คือ...ทำไมอ่ะ? Citroen มันทำอะไรผิดหรอ? เคยใช้กันหรือเปล่า ก็ไม่เคย....คนไม่เคยใช้ จะมารู้ดีกว่าพวกที่เขาใช้กันอยู่ได้ไง....ไม่ลองไม่รู้ดิ โด่ววววว

ลืมไปเลย....Citroen ที่ผมเลือกไว้ตอนแรกที่จะพาเข้าบ้านนั้น คือ Xantia แต่ไปๆ มาๆ มาลงที่ Xm เพราะอะไรลองติดตามดูก่อนนะครับ


หลังจาดวันนี้ที่เราทะเลาะกันเรื่องนั้น...ก็ช่วงราวๆ ผมอยู่ ม.5 เห็นจะได้ ผมเริ่มรู้จัก Citroen แล้ว และเริ่มรู้จักคนในวงการ Citroen หลายๆ คนเป็นอย่างดี เริ่มรู้จักอู่ที่ไว้ใจได้ 2-3 ที่ และเริ่มที่จะออกหา Xm เป็นของตัวเอง......

ผมใช้เวลา 2 ปีกว่า ในการหา Xm

XM ถูกแบ่งออกเป็น 2 phase ในบ้านเรา.... Phase แรก จะเริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปี 1994 (แต่รถมีบ้านเราที่จดปี 1995 บางคันก็ยังเป็น Phase 1 อยู่นะครับ)

วิธีการสังเกต Phase 1 นั่นไม่ยาก....ดูได้ตรงคอนโซล และพวงมาลัย รวมถึง สปอยเลอย์หลังรถครับ และที่สำคัญ Phase 1 จะเป็นรถที่เป็นเครื่อง 2.0I หัวฉีด 8 วาว single point infection ซะส่วนใหญ่ เป็นเกียร์อัตโนมัติ และช่วงล่างเป็น Hydractive 1 อยู่

สำหรับคนที่ งง นะครับ....ขออธิบายเพิ่มเติมแบบเข้าใจง่ายๆ ซักนิด ระบบช่วงล่าง ของ Citroen จะมี 2 แบบหลักๆ คือช่วงล่างแบบคอยสปริงธรรมดา พบได้ในรุ่น AX ZX Evasion C1 C2 C3 C4 Jumper Ds3 Ds4 Ds5 ช่วงนี้จะใช้ สปริง และโช๊คอัพ ในการซับแรกสะเถือน

ส่วนอีกแบบนี้ ช่วงล่างแบบ Hydrolic หรือ Hydroneumatic ครับ ช่วงล่างแบบนี้ จะใช้ตุ้มก๊าซไนโตรเจน และ แรงดันน้ำมัน LHM ในการทำงานครับ
Hydrolic หรือ Hydroneumatic นี้ ไม่ได้ใช้เฉพาะส่วนที่เป็นช่วงล่างเท่านั้นนะครับ แต่ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ ระบบเบรค ก็ใช้ระบบแรงดันที่ว่านี้ในการทำงานเหมือนกัน...ฉนั้น เวลาที่ Citroen ที่มีระบบนี้ สตาร์ดไม่ติด อย่าคิดแม้แต่จะหมุนพวงมาลัยครับ..... ;D ;D
Citroen ที่ใช้ระบบ Hydroneumatic ก็มี BX CX GS SM Xm Xantia C5 C6 ครับ แต่!!!
Xm Xantia C5 C6 จะใช้ระบบ Hydroneumatic ที่ใช้ "ไฟฟ้า" ในการควบคุมครับ หรือเราเรียกช่วงล่าง Hydroneumatic แบบใช้ไฟฟ้าควบคุมว่า Hydractive นั่นเองครับ.....



ถ้าถามว่า แล้วตอนนี้ เทคโนโลยีนี้ พัฒนาไปถึงไหนแล้ว.....เชิญชมคลิปนี้เลยครับ.....



ในคลิปคือ The new C5 Touner ที่ใช้ช่วงล่างแบบ Hydractive 3+ ค่าตัวคันนี้ในเมืองไทยเห็นว่า 2 ล้านนิดๆ แต่มีแต่ตัวถัง Berlin ไม่มี Touner แบบในคลิปดังกล่าวครับ.....แย่ยังยนตรกิจไม่ยอมสั่งเข้ามา...ฮ๋าๆๆๆ

พักโฆษณาสักครู่ครับ



มาต่อกันที่ Phase 1 หรือ phase 2 นะครับ....อธิบายรวดเดียวเลยดีกว่า

Phase 1 พวงมาลัยก้านเดียว หรือ 2 ก้าน เท่านั้นครับ Phase 1 จะเป็นเครื่อง
2.0I Single point injection 8V 130HP
2.0I Carburetor 110Hp
2.0I 8V turbo 155 HP
2.0D turbo diesel
3.0IA 12V 160 HP

มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาครับ

จุดสังเกตภายใน และภายนอกดูตามรูปเลยครับ....ข้อดีของ Phase 1 นี้ ความ Classic ครับ....ลักษณะ Dashboard ที่เป็นเหลี่ยมเหมือนกับตัวรถ และกระจังหน้าที่เข้ากัยตัวรถมากกว่า รวมถึงพวงฝาครองล้อด้วยครับ แลดูเก๋าดีครับ
แต่ ข้อเสียคือ....อุปกรณ์ภายในทุกชิ้น..หลังจากเวลาผ่านไป...มันแตก!!! ง่ายมากครับ....กรอบแกรบไปหมด...เปลี่ยนหลอดไฟหน้าปีดที ขัดน๊อตตรงคอนโซลทีนี่ มีแต่เสียงหรอบแกรบ ฟังแล้วปวดใจครับ ประกอบกับ เครื่อง 2.0I 8วาว ที่โบราณเกินไป อัตราเร่งอืดมาก....กว่าจะลอยตัว ฟาดไปเกิน 100 ก็ไม่ไหวครับ และซดน้ำมันเยอะพอสมควร.....เครื่องคาบูเรเตอร์ไม่มีผ่านเช้ามาในไทยครับ (แต่มีตัวหายากเป็นเครื่องคาบูเรเตอร์เกียร์ธรรมดาที่เจ้าของพากลับมาจากต่างประเทศ อยู่ชายแดนใต้ของบ้านเรา มีอยู่แค่คันเดียวครับ

ใช่แล้ว..หลายๆ คนก็คงจะเกิดข้อสงสัย ทำไมไม่ไป 2.0I turbo ก็เพราะ ไอ้เครื่อง Turbo นั่นล่ะครับ..ซ่อมตายแน่ๆๆๆ ฮ๋าๆๆๆ ถึงแม้ว่าตัวจะเบาที่สุด แรงที่สุด และราคาไม่แพงเหมือน V6 แต่รออะไหล่ทีล่ะหลายเดือน ไม่ใช่เป็นแค่เมืองไทยที่หาอะไหล่ไม่ได้นะครับ เป็นกันทั่วโลกเลยล่ะ ฉนั้น ส่วนใหญ่คันที่เป็น Turbo มักจะเปลี่ยนเครื่องเป็น 16V Phase 2 กันแล้วทั้งนั้นครับ....

ขออนุญาติ ใช้ภาพในการอธิบายนะครับ จะได้เข้าใจง่ายกว่า แฮๆ อันนี้คือ
Phase 1 และ Phase 2 เทียบกันเลยนะครับ
ท้ายจะมี Phase 1 spoiler จะมีขนาดใหญ่กว่าครับ

ในขณะที่ Phase 2 หน้าตาจะทันสมัยมากกว่า และสปอยเลอร์เล้กกว่าครับ


ภายในจะเป็นทรงที่เหลี่ยมกว่า และดูเก๋กว่า Phase 2 ที่เป็นรูปมนๆ ครับ แต่ Phase 2 นั่น จะมีความทนต่อสภาพอากาศมากกว่า Phase 1 ชัดเจนครับ

อันนี้จะเป็นภายในของ Phase 2 ครับ ทันสมัยกว่าเยอะเลย....


อ๋อเกือบลืมไปเลย Xm นี่จะมีตัวพิเศษ ออกมาเหมือนสั่งลาน่ะครับ เรียกง่ายๆ ว่า ตัว 3.0IA Exclusive V6 24V ครับ คันนี้จะหรูเป็นพิเศษ ภายในมี Internet build in มาให้ด้วยครับ แล้วก็ ข้างหน้าจะมี GPS ด้วยครับ สำหรับปี 2000 คันนี้นี่ หรูมากเลยล่ะ แต่ก็นะ ผมเคยเห็นเค้าครั้งเดียว เมื่อนานมาแล้วที่สิงคโปรน่ะครับ



ว่ากันที่เรื่องเครื่องยนต์กันบ้างดีกว่าครับ
ณ จุด จุดนี้ (ทำเสียงหล่อแบบโน๊ต อุดมเลย) ผมขอรวมเอาเครื่องยนต์ของทั้ง 2 เฟสเข้าด้วยกันนะครับ เริ่มกันที่ตัวเก่าสุด
 
2.0I Single point injection 8V (Phase 1)
เครื่องตัดนี้ออกแนวอืดๆ และความเร็วจะเริ่มไหลมาเทมาเมื่อเกิน 100 ขึ้นไปแล้วครับ เป็นเครื่อง 8 วาว ที่ทนแก๊ซมากเพราะวาวมันใหญ่ครับ อาการของเครื่องที่รอบเดินเบาจะสั่นๆ ไม่นิ่งเหมือนเครื่องตระกูลญี่ปุ่นครับ จัดสังเกตว่าคันนี้ 8 วาวหรือเปล่า ดูว่ามี Air Flow กับลิ้นปีกผีเสื้ออยู่ด้านบนครับ....เครื่องนี้ ไม่ได้เลวร้าย แต่ในความคิดของผม ผมคิดว่ามันเอามาวิ่งไล่ตามรถสมัยปัจจุบันได้ยากพอสมควรครับ ต้องเค้นแรงเครื่องมากเกินไปครับ


2.0I Carburetor 110Hp (Phase 1) ไม่มีประสบการณ์กับเครื่องตัวนี้เลยครับ แต่มักจะมาใน XM ปีแรกๆ ที่ผลิตเลย (1989) เป็นเครื่องรุ่นแรกเลยครับ น่าจะมีหลุดเข้ามาในบ้านเรา แต่ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังวิ่งได้อยู่หรือเปล่าครับ


2.0I 8V turbo 155 HP (Phase 1) แรง เร็ว เบา คือนิยามของเครื่องตัวนี้ แต่ อย่าใหเสียเชียวล่ะ เพราะว่ามี Turbo นั่นล่ะครับ ปัญหาเยอะสุดๆ ทั้ง Turbo รั่ว Boost หาย อีกมากมาย ไหนจะท่อยางของมันที่หาโคตรจะยาง และหาของเทียบไม่ได้ เพราะระหว่างท่อยางมันมีท่ออีกเส้นมาต่อเป็น 3 ทางครับ...ปัญหาเรื่องหาอะไหล่เครื่องยากของรุ่น Turbo นี่ ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะในบ้านเราครับ แต่เป็นปัญหากับผู้ใช้ XM ทั้วโลกเลยครับ ถ้า เครื่องรุ่นมีอะไหล่ และสาามารถศ่อมได้ด้วยงบไม่มาก....เป็นเครื่องที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะแรงม้ามาก และเบาที่สุดในทุกๆ รุ่นครับ


เครื่องดีเซลทั้ง 2 ตัวนี้ ผมไม่มีข้อมูลเลยนะครับ ขออนุญาติข้ามไปนิดนึงนะค้าบบ
2.0D turbo diesel (Phase 1)
2.5 TD + intercooler (Phase 2)

3.0IA 12V 160 HP (Phase 1+ Phase 2) ตัวนี้ เป็น V6 12วาว ห้องเครื่องเขาจะแน่นเป็นพิเศษ เป็นเครื่องที่มีแรงบิดดีในรอบต้น เดินทางไกล คันนี้แลดูจะสบายที่สุด มีอะไหล่ให้พอหาได้แบบไม่ยากเย็นนักในตลาดทั่วไป มีคนใช้อยู่พอประมาณครับ แต่ ข้อเสียคือ เพราะว่าเครื่องมันแน่น ห้องเครื่องเลยแน่น เวลาจะซ่อมอะไร มันก็เลยพาลเอายากลำบากไปเสียหมดครับ อีกอย่างเครื่องตัวนี้ ซดน้ำมันน่าดูเลยครับ นอกเมืองยังพอมี 10 กม ลิตร ให้เห็นบ้าง ไม่เมืองไม่ต้องพูดถึงครับ  ;D


2.0I Multi point injection 16V (Phase 2) ตัวนี้ คือเครื่องที่ผมใช้อยู่ครับ เป็นเครื่อง 16V ไม่มีระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุดประมาณ 135 แรงม้าครับ เป็นเครื่องที่หาอะไหล่ค่อนข้างง่าย เพราะมีบาง Part ที่ใข้ร่วมกับ Xantia ได้ครับ เครื่องตัดนี้จะมี 2 version นะครับ ของผมจะเป็นตัวฝาขาว ผลิตตั้งแต่ปี 1996-1997 ตอนปลายครับ หลังจากนั้นจะเป็นเครื่องฝาดำซึ่งใหม่กว่าครับ



3.0IA V6 24V (Phase 2) ตัวนี้ ไม่เคยลองครับ แต่ถ้า....มีหัวตัดมาให้ผมสับของล่ะก็ ไม่แน่ครับ ^^ เพราะมันคือเครื่องที่ใส่มาให้ในตัวสุดท้ายก่อนที่ Xm จะอำลาสายการผลิตลงในปี 2000 ครับ



เดี๋ยวมาต่อนะครับ เชียนไปเรื่อยๆ ครับผม ^^

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2015, 23:05:13 โดย Headman »
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 21:12:47 »
ลืมบอกไปเลย ว่าที่ผมเขียนมาทั้งหมด..ไม่ได้เขียนด้วยคำของผมเอง..แบบว่า มันอาจจะเข้าใจยากไปหน่อย หรือเปล่า ฮ๋าๆๆๆๆ
จุดประสงค์ของการเขียน Review ครั้งนี้ คืออยากเห็น ประชากร Citroen บนถนนเมืองไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น และ อย่างจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ใครๆ ก็เป็นเข้าของ Citroen ได้นะครับ  ;D

มาต่อกันเลยดีกว่า คราวนี้ล่ะ ได้เข้า Review การใช้งานแบบจริงจังซักที......

ก่อนที่จะเริ่มอ่านตรงจุดนี้ อยากให้พี่ๆ นึกไว้เสมอนะครับ ว่านี่คือ รถอายุ 17 ปี อายุน้อยกว่าเจ้าของแค่ 2 ปี........ลองเปรียบเทียบเทคโนโลยีของวันนั้นกับวันนี้ดูนะครับ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

เริ่มจาก....เข้ารถกันก่อน.....
ถ้าเป็นตัวที่เป็น กุญแจรีโมท จะต้อง เอารีโมทมายิงๆ ใกล้ๆ รถ แถวๆ แนวรับสัญญาณตรงเหนือ Dashboard ครับ แต่ ของผมเป็นรุ่น VSX พูดง่ายๆ รุ่นกลางนั่นเอง...เลยไม่มี Function นี้.....
กุญแจ หน้าตาแบบนี้ครับ

(เห็นแบบนี้ รูปกุญแจ แน่นมากครับ ใครคิดจะเอากุญแจผีมาใส่...ฝันเลย ฮ๋าๆๆๆๆ)

หลังจากไขกุญแจแล้ว...จะมีเสียงเซ็นทรัลล๊อคทำงาน...กรือออออ.....นั่น แสดงว่ารถได้เปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว....

ดึงมือเปิดประตู (ดึงแรงๆ หน่อยนะครับ เอานิวเดียวเกี่ยวแล้วดึง....นิ้วหักแน่นอนครับ ลืมบอกไป เสียงปิดประตู แน่นมากกก และกลไกปิดประตู อันเล็กแต่ใช้งานได้ดีครับ)


เข้าไปนั่งที่เบาะคนขับ เสียบกุญแจ (ลืมบอกไป ตรงกุญแจ ไม่เรืองแสงแบบรถรุ่นใหม่ๆ แต่มาเป็นไฟส่องรูกุญแจแทนครับ น่ารักไปอีกแบบ)
พวงมาลัยปรับสูงต่ำ ใกล้ไกลได้ แบบ Manual นะครับ แล้วก็ เบาะคู่หน้า ปรับไฟฟ้า

ฟังไม่ผิดครับ ปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง สูงต่ำ เลื่อนหน้าหลัง เอนขึ้น ลง ส่วนฝั่งคนนั่ง ปรับ 4 ทิศทางไม่มีสูงต่ำครับ มี แอร์แบคคู่หน้าครับ

เสียงกุญแจ ปิดไปที่ตำแหน่ง On ไฟหน้าปิดติด..........แบบในภาพเลยครับ (มันอาจจะไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นตอนค่ำคือล่ะก็ แสงสีเขียว สวยมากๆ เลยล่ะครับ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในเครื่องบินเก่าสมัยก่อนเลยครับ อ๋อ ลืมบอกไป.....ที่หน้าปัด จากซ้ายไปขวา เป็นมาตรวัดรอบ มาตรวัดความเร็ว...มัน TripA ให้ ทางวงกลมขวาสุดด้านซ้าน เป็นที่วัดระดับน้ำมันในถังครับ (ถัง 80 ลิตร) ด้านบนเป็นความร้อนครับ ความร้อนเวลาเดินทางจะอยู่ใกล้ๆ 90 ครับ ไม่เกิน หรือพอดี...ความร้อนเวลารถติด จะขยับขึ้นเป็น 92-95 ไม่เกินนี้ครัย ส่วนทางขวาสุด อันนี้ทีเด็ด.........มาตรวัดระดับน้ำมันเครื่อง ซึ่งจะติดครั้งเดียวเท่านั้นเวลาติดเครื่อง และจะดับลงเมื่อเครื่องติดเรียบร้อยครับ


ส่วนจอเขียวๆ ทางด้านขวา (ของผมมันเสีย หาของได้แล้วยังไม่ได้เปลี่ยน ฮ๋าาา) จะเป็นตัวบอกนาฬิกาและ อุณภูมินอกรถครับ ถ้าเป็นตัว Turbo หรือ V6 จอทางด้านขวา....จะบอก Consumption ได้ครับ และสามารถบอกได้ด้วยความ จะวิ่งได้อีกไกลเท่าไหร่น้ำมันจะหมดถัง บอกอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยแบบ Real time ได้ด้วยครับ


จอเขียวๆ ทางซ้าย คือ Imformation Display ครับ ตัวนี้ บอกได้เอนกประสงค์มากๆ เวลาบอก...มันจะมาพร้อมเสียง ติ๊ด....แล้วก็ขึ้นเป็นข้อความครับ เช่น Right Front Door Open, Left rear door open ครับ แต่...ไม่ใช่แค่บอกแบบ Basic เท่านั้น...ถ้าจอดรถแล้วปรับระดับให้ต่ำสุด (กันหมาเข้าไปนอน) เวลาติดเครื่อง มันจะบอกว่า Warning hydrolic pressure ตามด้วย Brake pressure fault ได้ด้วยครับ คือให้เรารอจนกว่าปั๊มไฮโดรลิคจะสร้างแรงดัน แล้วมายกรถขึ้นในระดับวิ่งครับ จอทางซ้ายนี้ ยังสามารถบอกได้แม้กระทั้งว่า....ไฟหน้า ไฟท้าย ดวงไหนไม่ติดหรือเปล่า...บอกเตือนเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบเครื่องยนต์และ Hydrolic ได้ด้วยครับ

ตั้งแต่ผมใช้มา...เคยเจอ...ติ๊ดดด Low water level........ยังไม่หยุดครับ มองเข็มความร้อน...ไม่มีอะไร.....ติ๊ดดดด Low water level หาทางกลับบ้านครับ...ถึงหน้าบ้านกำลังจะเปิดประตู Stop immediately พร้อมสัญญาณไฟ STOP ที่กลางจอเลยครับ ฮ๋าๆๆๆๆ ท่อน้ำรั่วครับ     

หลังจากปิดกุญแจแล้ว....ก็ต้องมากด รหัส start ก่อนครับ เป็นรหัส 4 ตัวครับ...รหัสนี้ ไม่ใช่รหัสไฟฟ้าที่จะตัดการทำงานของระบบไฟนะครับ ถึงไม่ใส่รหัสนี้ก็สตาร์ดรถได้ครับ แต่จะไม่ติด...เพราะมันตัดระบบการจ่ายน้ำมันครับ.....มันตัดระบบน้ำมันไปเลย...ทางเดียวที่จะแก้หากลืมรหัส ก็คือ....เปลี่ยนกล่อง ECU ครับ ซึ่ง....ปัจจุบัน มันน่าจะหาไม่ได้แล้วนะ...ฮ๋าๆๆๆๆๆ


ใส่รหัส แล้วก็ บิดสตาร์ดได้เลยครับ ทีเดียวติด (ติดง่ายมาก) แต่ถ้าใครไม่เคยได้ยินเสียง Start ของ Citroen มาก่อน อาจจะตกใจได้ครับ...เพราะมันดังแบบ...อืม...น่าเกลียดกว่าเสียง Start ของ Honda อีกครับ แต่พอเครื่องติดแล้ว เงียบครับ (จะไม่เงียบได้ไง มีทั้ง แคตตาไลติด ผ่านด้วยท่อพักสูตรพิเศษทำโดยร้านท่อชื่อดังแถวๆ หัวลำโพง อีก 3 ท่อพัก....เงียบมากครับ (รถ Citroen ถ้าไปทำท่อพักร้านอื่น จะแพง และ เสียงไม่เงียบด้วยครับ ร้านนี้ ทำท่อพักเฉพาะ Citroen เสียงจึงเงียบมว๊ากกกก

หลังจากสตาร์ดติดแล้ว.....รอให้ไฟ Stop ดับ แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกพร้อมลุยได้เลย....แต่....ถ้าหากเป็นตอนเช้า ควรติดเครื่อง แล้วทิ้งไว้นิ่งๆ เพื่อให้รถยกตัวขึ้นมาระดับวิ่งก่อนครับ ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีครับ ระหว่างนั้นก็ จัดการ เปิดแอร์ กึ่งอัตโนมิติ (ที่จริงมันก็แอร์ออโต้นั่นล่ะครับ เพียงแค่ไม่มีจอนั้นเอง...และเป็นแอร์ออโต้ ที่ควบคุมอากาศหมุนเวียนภายในและนอกรถได้ด้วย....ฮ๋าๆๆๆ แล้วก็ เปิดเพลงรอได้เลย...เครื่องเสียงที่ใช้พี่เจ้าของคนเก่าทำมาดีพอสมควร...ถือว่าจบเลยครับไม่ทำเพิ่ม แต่ถ้าเป็นเครื่องเสียงเดียวนี่ ยี่ห้อ บราวฟุ้ง มี CD Changer ด้วย 6 แผ่นเลยครับ คุณภาพเสียงถือว่า โอเคเลยล่ะครับ

นั่งรถลักษณะนี้ ต้องฟังเพลงพวงเพลงบรรเลงครับ แบบ เพลงที่เป็น Instrument อย่างเดียว บรรยากาศในการขับนี้...ฟินๆ เลยครับ....

หลังจากเซ็ตเครื่องเสียงเรียบร้อย....ก็พร้อมเดินทางเลยครับ บีบคันเกียร์ P R N D ไปกันเลยย....
ไฟเลี้ยว และระบบไฟทั้งหมด อยู่ที่ด้านซ้ายนะครับ....ส่วนระบบอัดน้ำฝน อยู่ทางขวาครับ Feeling เวลากดปุ่มพวกนี้ ดู Premium มากครับ
แตร ไม่ได้อยู่บนพวงมาลัยนะครับ แต่อยู่บนปลายก้านไฟเลี้ยวครับ เสียงแตร นุ่มแน่นดีครับ บนพวงมาลัยมี Multi function ควบคุมพวงมาลัย ใช้กับเครื่องเสียง Pioneer ได้ครบทุกปุ่นครับ



ระบบพวงมาลัย เบรค และช่วงล่าง จะถูกเชื่อมต่อกันหมดครับ...พูดง่ายๆ คือ รถคันนี้ไม่มีน้ำมันเบรคครับ เพราะว่า มันเอาแรงดันไฮโดรลิคนั่นล่ะไปเบรคครับ.....แล้วจะเกิดอะไรขึ้น.....ถ้าคนที่ขึ้นมาขับครั้งแรก....เบรคหัวทิ่มทุกคนครับ...เพราะแป้นเบรค....มีระยะให้กด ไม่ถึงนิวเลยซะด้วยซ้ำ......โดยปกติ.....รถทั่วไป เราจะสร้างแรงดันเบรคจากเท้าเรา...แต่สำหรับ Citroen แรงดันเบรค คือแรงดันสะท้อนกลับของน้่ำหนักรถครับ กล่าวคือ....

ด้านหลังของ XM จะมีตุ้มแรงดันอยู่ 3 ลูก เวลาเรากดเบรค วาวจะเปิดเพื่อให้แรงดัดของตุ้มทั้ง 3 ด้านหลัง ไหลเข้ามาในระบบเบรคไปบีบผ้าเบรคครับ.....ฉนั้น ไม่แปลกเลยที่ เวลาเราเบรค แล้วท้ายรถจะยุบ แทนที่จะเป็นหน้าทิ้มไปข้างหน้าครับ...ฮ๋าๆๆๆๆ ถ้าจินตนาการไม่ออก ลองดูคลิปนี้เป็นตัวอย่างครับ




ส่วนระบบพวงมาลัย เป็น พาวเวอร์แบบ Hydrolic เช่นกันครับ....ที่ความเร็วต่ำ มันจะเบาแบบพอประมาณ (คือหนักในสมัยนี้ถ้าเทียบพวกพวงมาลัยไฟฟ้าทั้งหลายครับ เอานิ้วเดียวหมุน มีปวดแน่ๆ) แต่ที่ความเร็วสูง จะหนักขึ้น และนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด...ผมเคยซักยาวๆ จากชลบุรี พัทยา เล่นกับ Camry Hybrid โฉมปัจจุบัน.....ที่เกิน 160 ขึ้นไป.....ผมสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ ที่ขณะวิ่งเล่นซ้ายที่ถนนเป็นหลุ่มเป็นบ่อนั่นอ่ะครับ รูดไปได้เลย...คนนั่งไม่รู้สึก.....ช่วงล่างเก็บอาการหมดครับ......พวงสะพานมอเตอร์เวย์ ที่ต้องถอนคันเร่งกัน....

ถ้ามาขับ Citroen เหยีบยส่งเลยครับ...ไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่าลงสะพาน อารมณ์มันเหมือนกับเรือโดนคลื่นนิดนึงครับ.....ฮ๋าๆๆๆ อันนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร...ต้อหาโอกาสมาลองสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วจะติดใจเลยครับ

เวลาโยกเปลี่ยนเลน.....มันจะนุ่มๆ นิ่มๆ อ่ะครับ....ไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าทางตรง แล้วถนนไม่ดี นี่ของถนัดน้องเขาเลยล่ะ ฮ๋าๆๆๆ อีกอย่างที่ประทับใจมากคือ..หลังเต่าครับ ไม่ว่าจะมาแนวเลวร้ายแบบ ม.บูรพา หรือพวกขัดๆ กลางถนนที่มันหนาๆ ของถนนเรียบหาดบางแสน.....Xm เก็บหมดครับ เรียบเนียน รู้สึกนิดๆ แค่นั้น...นอกนั้น...นิ่มมากครับ แล้วเวลาขึ้นลงหลังเต่า...ตอนลงมันจะเด้งที่เดียว แล้วหยุดแค่นั้นครับ มันมีโยกไปมาเหมือนช่วงล่างแบบปกติครับ.......

ภายในนอกจากคนขับที่สบายแล้ว...คนนั่ง ก็สบายไม่แพ้กันครับ เพราะว่าเบาะมันใหญ่มาก......Leg room นี้เหลือๆ เลยครับ Head room ก็ ผมสูง 185 เหลือประมาณ 2 เซนเห็นจะได้ครับ...แอร์ Citroen เย็นมากครับ เย็นจนหนาวเลย...แล้วยังมีแอร์ที่ชอบประตูของคนนั่งหลังอีกต่างห่าง แรงลมแอร์ไปด้านหลัง แรงกว่า Camry ท้ายย้อย แล้วก็แรงกว่า Nissan ทุกรุ่นเลยครับ แต่ยังไม่แรงเท่า MG6 ฮ๋าๆๆๆ
ที่นั่งคนหลังเป็น Theater seat ด้วยนะครับ.....ระยะท้าวแขน ไม่เตี้ยเหมือน C Segment สมัยนี้ครับ เบาะหนังแท้ นุ่มนิ่ม สบาย มีที่เก็บเหรียญที่แผงประตูทุกบานครับ....และถ้าคนนั่งหลัง...นั่งเอนเอาหัวพิงผนักไว้...คนภายนอกจะไม่มีทางมองเห็นคนท่นั่งอยู่หลังรถแน่นอน มุมและองศาของกระจก มันทำหลบคนนั่งหลังไว้ครับ ต้องส่องเข้ามาหรือจ้องเลยล่ะ ถึงจะเห็นว่า มีคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง....



ลักษณะของรถเปิดแบบ กึ่ง 5 ประตู (ฺBerlin) เวลาเปิดฝาท้ายแล้ว สามารถใส่ของได้เยอะพอสมควรครับ.....ยางอะไหล่ห้อยอยู่ใต้ท้องนะครับ และยังมีกระจกกันลมบานที่ 13 (ลองนับประจกรอบคันดูนะครับ จะนับได้ 12 บานที่ 13 จะซ่อนอยู่ข้างในอีกที) กระจกบานนี้มีหน้าที่ไม่ให้แอร์ออกมาครับ...อีกทั้งยังป้องกันกลิ้นทุเรียนที่ใส่หลังรถมา ไม่ให้เข้ามาในรถได้อีกด้วยครับ




เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ แต่ไม่เรียบ แยกพับไม่ได้ ครับ


ทีเด็ดสุดท้ายของคันนี้......Ride high selector เลยครับ.......
น่าเสียดายที่รูปที่แอบถ่ายเก็บไว้ หายไปซะแล้วว คงต้องไปขอถ่ายมาใหม่แล้วล่ะครับ ฮ๋าๆๆๆๆๆๆ ขออภัยด้วยนะครับหากกล้องมันไม่ชัดเลย
 
ทางด้านขวาของคันเกียร์ คือ ระบบควบคุมความสูงของตัวรถครับ.....ไอ้นี้ล่ะ ทีเด็ดเลย....หากต้องมุดลงไปใต้ท้องรถ หรือเปล่ายาง...ง่ายนิดเดียวครับ......ยกรถขึ้นสุด (ขีดบนสุด) แล้วก็เอาแม่แรงสอดเข้าไปเลย...แล้วก็ยกรถลงต่ำสุด ล้อจะลอย...แค่นี้ก็เปลี่ยนยางได้ สบายๆ
ระดับบนสุดนี้ ใช้เพื่อข้าวสิ่งกีดขวางที่สูงมากๆ ครับ เวลาใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะว่า ระบบช่วงล่างจะแข็งตายที่จุดนี้เลยครับ

ต่อมาคือระดับวิ่งสูง...คือระดับที่ เอาไว้วิ่งในทางขรุขระครับ ใช้ความเร็วไม่มากครับ (ไม่เกิน 100 กมชม ครับ)
อีกระดับที่ 3 จากด้านบน อันนี้คือระดับวิ่งปกติครับ...ใช้วิ่งทุกๆ วันก็ระดับนี้เลยครับ....
และระดับสุดท้าย คือ ระดับจอดเพื่อซ้อม...ระดับนี้รถจะลดระดับตัวเองลงจนติดพื้นเลย (เคลื่อนที่ไม่ได้) มีไว้เพื่อนซ่อมอย่างเดียวครับ




ทีนี้ ก็มาถึงตอนท้ายล่ะครับ

พักโฆษณา สักครู่นะครับ

เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ มึน!!

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
  • -*-
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 21:29:40 »
รถดีๆๆที่หายไปจากไทยเพราะผู้นำเข้าล้วนๆๆ

ก้านไฟเลี้ยวไม่ได้มีไว้ประดับรถ เปิดกันบ้าง ไม่ต้องกลัวมันถลอกกก

ออฟไลน์ Puitam

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 486
    • อีเมล์
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 22:25:55 »
เคยดูในtopgearนานมาแล้ว  สนามม้าเค้าใช้Citroenแบกกล้องแบบฝาท้ายเปิด

เพื่อวิ่งตามม้าที่กำลังวิ่งแข่งในสนาม  แล้วtopgearเอามาเที่ยบกะBMWติดกล้องที่วิ่งเส้นทางเดียวกัน

ปรากฎว่า  ภาพที่ได้จาก Citroen smooth  มากกว่าBMW  ถ้าจำไม่ผิดนั่นCitroenเปนรุ่นเก่า เก๋ากึ๊กส์ด้วยซั๊มไป

http://www.streetfire.net/video/042-top-gear-citroen-c6_183687.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2015, 22:37:31 โดย Puitam »

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 22:28:28 »
ตรงนี้ผมขอ เป็นหัวข้อทำความเข้าใจล่ะกันนะครับ
ทำความเข้าใจเรื่องที่ว่า ถ้าจะพา Citroen เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว...จะต้องทำอย่างไรบ้าง....

1.ต้องมีความรู้เรื่อง Citroen คันนั้นบ้าง ต้องรู้ว่า ส่วนไหนคือจุดอ่อน ส่วนไหนที่ควรจะดูเวลาซื้อมือ 2 มา
สำหรับ XM คันนี้ ส่วนที่ต้องให้ความสำคัยเป็นพิเศษ มีอยู่ชิ้นเดียว...ครับ ฟังไม่ผิด ชิ้นเดียวเลย คือยางหัวโช๊คครับผม...

ยางหัวโช๊ค ของ Xm จะเป็นของมันเองโดยเฉพาะ ไม่สามารถใช้ร่วมกับรุ่นอื่นได้เลย...และ ไม่สามารถหาซื้อใหม่ได้ แต่สามารถเอาของเก่าที่เรามี (อันที่มันขาดแล้ว) นำไป Renovate ได้ครับ ค่าทำ Renovate ถ้าส่งไปต่างประเทศเพื่อ Renovate จะอยู่ราวๆ 5000 บาท ต่อข้าง ไม่รวมค่าขนส่ง ใช้เวลาประมาณ 15-20 วันทำการครับ แต่ถ้าจะซื้อของในเมืองไทย ข้างล่ะ 7000 บาทรับประกัน 1 ปีครับ หาได้ไม่ยากเลย และมันก็ไม่ได้เสียกันง่ายๆ ด้วยครับ
ส่วนที่ 2 คือ หลังคาบนหัวผู้โดยสารตอนหลัง แตก.....อันนี้ต้องดูให้ดีเวลาซื้อครับ มันแตกได้ทุกคันครับ เพราะว่าบางทีเจ้าของเก่าอาจปิดประตูหลังแรงเกินไป.......ทำให้แตกได้ครับ

2.ต้องรู้จักช่างที่คุณกันแล้วถูกคอครับ....ยนตรกิจ ไม่ใชคำตอบเสมอไปครับ...ถ้าชาตินี้ รู้จักแต่ยนตรกิจ...แนะนำ ซื้อ Toyota ต่อไป ดีแล้วครับ อันนี้จริงๆ นะครับ......ยนตรกิจ ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่ ช่างดีๆ ที่เคยอยู่ในยนตรกิจออกมาเปิดอู่เองหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็...อืม....แค่นั้นครับ

3. ต้องไม่ใช่รถคันเดียวในบ้าน....โอกาสที่ Citroen Xm ผทจะงอแง มีน้อยมากครับ เพราะเขามี Information Display mี่จะบอกล่วงหน้าก่อนถึง 2 ครั้ง ฉนั้นโอกาสที่จะใช้งานเขาจนพัง....ยากครับ และ เครื่อง เกียร์ของ XM ส่วนใหญ่ทำมาจากเหล็กหล่อครับ ฉนั้นความแข็งแรง....มีมากกว่าเครื่องลักษณะอื่นแน่นอน...สังเกตได้จาก....Citroen Club ทั้งหลาย เราไม่ค่อยพูดกันเรื่องเครื่องยนต์หรือเกียร์เลยครับ 2 ส่วนนี้ ซ่อมจบครับ ขออย่างเดียว ให้ช่างที่ซ่อมเป็นทำ หรือช่างที่ละเอียดๆ ทำนะครับ.....แค่นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย....แถมอะไหล่เครื่อง มันถูกซะด้วยล่ะ....เปลี่ยนยางท่อน้ำ 2 เส้น ไม่เกิน 1000 เท่านั้นเองทำแล้วจบเลย

4. จะเอา XM มาดูแล ต้องมีเงินประมาณ 2 แสนครับ...และอย่ารีบหารถครับ....รถที่เป็นของเรา ถึงวันนึง เขาจะมาหาเราเองครับ อย่ารีบ นี้ประเด็นเลยครับ ถ้ารีบ โดนฟันแน่นอนครับผม ที่ว่าต้องมีงบ 2 แสนนี่คือ.....รวมค่ารถและค่าซ่อมนะครับ...ถ้าซื้อรถราคา 150000 ก็ต้องซ่อม 50000 ครับ แน่นอนครับ ถ้าซื้อรถราคาต่ำกว่าแสน ก็ซ่อมเป็นแสนเช่นเดียวกัน......ซ่อมจบไม่จบ อยู่ที่ช่างและเจ้าของครับ ส่วนตัวผมเอง ซ่อมจบหมดทุกงานครับ ตอนนี้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเกือบ 100 ล่ะครับ เหลือเอาไปลง Program ขัดสี ทำสีกันชนนิดๆ หน่อยๆ ครับ

5.อย่าฟัง แค่คนรอบข้างครับ...คนใช่ไม่บอก คนไม่ใช่ ดันรู้ดีซะงั้น ฮ๋าๆๆๆ อย่าเชื่อ จนกว่าจะได้เจอคนที่เป็น Professional จริงๆ ครับ เซียนเก๋ๆ มีเยอะครับ...คนพวกนี้ดีแต่บอกไม่ดีอย่างโน่น ไม่ดีอย่างนี้.....แต่คนเหล่านี้ ไม่เคยลองขับ ไม่เคบยใช้จริง บางครั้ง แค่เห็นคำว่า Citroen กับ ยนตรกิจ....ก็หนีกันแล้ว....ฮ๋าๆๆๆ อันนี้ ถ้าใจไม่สามารถก้าวผ่านจุดนี้ได้....กลับไปใช้รถตลาดเหมือนเดิมครับ

6. Hydroneumatic ไม่ใช้เรื่องน่ากลัว น้ำมันเขียว...ไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่คิดครับ....ระบบช่วงล่างพวกนี้...ดูแลให้ดีเป็นพอครับ...ผมสามารถใช้ XM ตลอดสัปดาห์ได้โดนไม่เปิดฝากระโปรงเลยครับ ฮ๋าๆๆๆ ระบบ Hydroneumatic ที่จริงแล้ว ผมว่ามันง่ายกว่า คอยสปริงอีกนะครับ แต่ขอให้ศึกษาให้เข้าใจเขาสักนิด รู้จักช่างที่ไม่กักวิชา (ช่าง Citroen ที่ผมเจอมาทุกคน ไม่มีใครกักวิชาเลยครับ บอกหมดเลย ตรงนี้มำงานอย่างไร อย่างไร ว่ากันตรงๆ เลย แถม ช่าง Citroen มักเป็นคนที่มีศิลปะในหัวใจ...น่ารักมากครับ ค่าแรกไม่แพงด้วยครับ)

7.ภาษาครับ ถ้าคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าไม่...ควรไปศึกษามาก่อนครับ เพราะ Citroen ไม่ได้เป็นแค่รถ แต่มันคือ สังคมแบบนึงเลยล่ะ...ข้อมูลหลายๆ อย่าง ผมไม่ได้ได้มันมจากเมืองไทยนะครับ ผมได้มันมาจาก ต่างประเทศครับ ไม่ว่าจะเป็น UK หรือ Netherlands หรือ แม้กระทั้ง Malaysia ครับ ถ้าคุยอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง จอดเลยครับ อะไหล่ภายนอกบางชิ้น (กรณีโดนอุบัติเหตุมา) จำเป็ฯต้องสั่งของนอกครับ..นั่นล่ะครับ ถ้าคุณ สื่อสารกับเขาไม่ได้....อย่าเพิ่มพา Citroen เข้าบ้านครับ สำบากแน่ๆ เลย....

ที่เหลือ ใจล้วนๆ ครับ.....สิ่งเดียวที่ผมเชื่อ คือถ้าเราดูแลเขาดี....เขาจะดูแลเราดีเองครับ ^^

Headman

ขออภัยหากรูปมันไม่ชัด ไว้จะหา DSLR มาถ่ายแล้วลงให้ดูสวยๆ เลยครับ
หากมีข้อสงสัย สอบถามได้เลย ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีตอบทุกเรื่องเลย อย่างให้มี Citroen วิ่งในบ้านเราเยอะๆ ครับ
ขออภัยหากมีข้อมูลผิดพลาด...

ขอบคุณพี่จิมมี่ สำหรับพื้นที่ครับ

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับผม
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 22:30:51 »
เคยดูในtopgearนานมาแล้ว  สนามม้าเค้าใช้Citroenแบกกล้องแบบฝาท้ายเปิด

เพื่อวิ่งตามม้าที่กำลังวิ่งแข่งในสนาม  แล้วtopgearเอามาเที่ยบกะBMWติดกล้องที่วิ่งเส้นทางเดียวกัน

ปรากฎว่า  ภาพที่ได้จาก Citroen smooth  มากกว่าBMW  ถ้าจำไม่ผิดนั่นCitroenเปนรุ่นเก่า เก๋ากึ๊กส์ด้วยซั๊มไป

คันนั้นน่าจะเป็น Citroen Cx ครับผม เอากล้องแบกหลังรถเลยครับ...ฮ๋าาา แล้วคลิปนั่นจะเอา C6 ไปเทียบกับ Series 5 น่ะครับ
Cx เป็นรถเก็บแล้วครับ อายุขอว Cx ปีนี้ก็ 41 ปีแล้สครับ ^^ ส่วน C6 ไม่ไหวครับ เปิดราคามาน่ากลัวเกินไปครับ ฮ๋าาา สู้ไม่ถึงจริงๆ ครับ ใจอบ่างได้นะครับ ถ้ามีโอกาสมีมือ 2 มา ตอนที่ผมมีตังค์ล่ะก็...ไม่แน่ครับ

เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 22:33:43 »
รถดีๆๆที่หายไปจากไทยเพราะผู้นำเข้าล้วนๆๆ



ผู้นำเข้านี่ห่วยจริงจังครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ หลังมานี่ รถตัวเองยังไม่รู้จักเลยครับ ช่างเก่งๆ ก็ออกมาอยู่ข้างนอกกันหมดแล้วครับ ตอนนี้สถานการณ์ศูนย์หัวหมาก...เหมือนรอวันตายเลยครับ.........รถที่โชว์ก็ไม่ค่อยจะมีเหลือแล้วครับ :'(
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ jumpon77

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,364
    • อีเมล์
Re: My younger brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 14, 2015, 23:06:41 »
ถ้าจำไม่ผิดชีอมาไม่ถึงแสนครับผมเองชอบอีกรุ่นหนึ่งของชีตองคือรุ่นC5ดีเชลครับ
http://facebook.com/jumpon.hiranyanon
https://twitter.com/jumpon77     คุยได้นะครับ.
 Corolla Altis 1.8 E MT MY2008 Corolla Altis 1.6 J AT my2011 Isuzu D-MAX Spark my2003

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,585
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 15, 2015, 00:04:00 »
ระบบมันดีเกินไปสำหรับในสมัยนั้นจริงๆ สมัยนั้นรถฝรั่งเศสนี่นำเทรนเทคโนโลยีมากๆครับ Renault R21 ผมก็ประมาณนี้เลยมีมาตรวัดบอก Consumption

บอกระดับน้ำมันเป็นตัวเลข บอกอัตราเฉลี่ยสิ้นเปลือง พวงมาลัยมี Multifunction เชื่อมต่อกับเครื่องเสียงได้ พอลองมองหันไปเทียบกับแบรนหรูอย่าง Benz BMW ในปีเดียวกันนี่

S-Class W140,Series 7 E32 นี่ยังไม่มีระบบนี้เลย คิดแล้วก็เสียดายถ้าผู้นำเข้าตั้งใจทำมากกว่านี้ป่านนี้เราอาจจะได้เห็นการแข่งขันเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องการดูแลรักษาคนนอกร้องยี้จริงๆครับ Citroen เป็นรถที่ไม่ใช่ช่างไหนๆก็ซ่อมได้ ช่างบ้านเราหลายคนมีความมั่นใจสูง เจอรถยุโรปแปลกๆเข้าไปหน่อยมีเป๋ไปไม่เป็น

กันเลยทีเดียว คนใช้ก็หาว่ารถจุกจิก ทั้งๆที่ถ้าเจอช่างชำนาญแปปๆก็ซ่อมได้แล้วจากประสบการณ์กับรถยุโรปหลายๆยี่ห้อ ส่วนผมCitroenขอผ่านเลยครับ หน้าตามันไม่ถูก

กับตัวผมจริงๆ และระบบที่ดูซับซ้อนไปหน่อยเกินกว่าที่ผมจะอยากเข้าใจ

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 15, 2015, 00:14:36 »
ระบบมันดีเกินไปสำหรับในสมัยนั้นจริงๆ สมัยนั้นรถฝรั่งเศสนี่นำเทรนเทคโนโลยีมากๆครับ Renault R21 ผมก็ประมาณนี้เลยมีมาตรวัดบอก Consumption

บอกระดับน้ำมันเป็นตัวเลข บอกอัตราเฉลี่ยสิ้นเปลือง พวงมาลัยมี Multifunction เชื่อมต่อกับเครื่องเสียงได้ พอลองมองหันไปเทียบกับแบรนหรูอย่าง Benz BMW ในปีเดียวกันนี่

S-Class W140,Series 7 E32 นี่ยังไม่มีระบบนี้เลย คิดแล้วก็เสียดายถ้าผู้นำเข้าตั้งใจทำมากกว่านี้ป่านนี้เราอาจจะได้เห็นการแข่งขันเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องการดูแลรักษาคนนอกร้องยี้จริงๆครับ Citroen เป็นรถที่ไม่ใช่ช่างไหนๆก็ซ่อมได้ ช่างบ้านเราหลายคนมีความมั่นใจสูง เจอรถยุโรปแปลกๆเข้าไปหน่อยมีเป๋ไปไม่เป็น

กันเลยทีเดียว คนใช้ก็หาว่ารถจุกจิก ทั้งๆที่ถ้าเจอช่างชำนาญแปปๆก็ซ่อมได้แล้วจากประสบการณ์กับรถยุโรปหลายๆยี่ห้อ ส่วนผมCitroenขอผ่านเลยครับ หน้าตามันไม่ถูก

กับตัวผมจริงๆ และระบบที่ดูซับซ้อนไปหน่อยเกินกว่าที่ผมจะอยากเข้าใจ

หน้าตามันไม่ถูกนี่จริงครับ ถ้าหน้าตาไม่ใช่แล้ว ก็จะไม่ใช่เลยล่ะครับ.....ส่วนตัวผมชอบรถที่หน้ามันเบื่อโลกอ่ะครับ ฮ๋าๆๆๆ แบบว่า ตาตี่ๆ หน่อย น่ารักไปอีกแบบครับ เรื่องการบำรุงรักษานี่...ช่างข้างนอก ผมใช้หลักการ ชี้นิ้วซ่อมรถเอาครับ...ผมมีคู่มือ และวิธีการซ่อม (ส่วนใหญ่มันจะเสียที่เดิมๆ แล้วก็พวกถังน้ำมัน LHM ที่ต้องถอดมาล้างอะไรแบบนี้อ่ะครับ เน้นว่าไปอู่ที่คุ้นเคยกัน แล้วชี้นิ่ว แล้วลุงช่างก็ทำให้เลยครับ...

จบปิ๊ง ^^ ดีใจครับที่มีคนหลงรักรถฝรั่งเศษอยู่ครับ
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Jinfinite

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
    • อีเมล์
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 15, 2015, 01:19:01 »
ขอบคุณครับที่ทำให้ผมได้รู้จักรถอีกยี่ห้อหนึ่งมากขึ้น ซึ่งพบไม่ค่อยบ่อยบนท้องถนนประเทศเรา

รวมถีงเสน่ห์และเอกลักษณ์ของ Citroen  :D

ว่าแต่ระบบเบรค ที่ใช้ระบบแรงดันไฮโรลิค

เวลาเสียทีนี้ชวนใจหายเหมือน ระบบ SBC ของ W211 รึเปล่าครับ  :o

เวลาเสียที ระยะเบรคที่เพิ่มขึ้น และควบคุมระยะเบรคไม่ได้





ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 15, 2015, 18:19:58 »
ขอบคุณครับที่ทำให้ผมได้รู้จักรถอีกยี่ห้อหนึ่งมากขึ้น ซึ่งพบไม่ค่อยบ่อยบนท้องถนนประเทศเรา

รวมถีงเสน่ห์และเอกลักษณ์ของ Citroen  :D

ว่าแต่ระบบเบรค ที่ใช้ระบบแรงดันไฮโรลิค

เวลาเสียทีนี้ชวนใจหายเหมือน ระบบ SBC ของ W211 รึเปล่าครับ  :o

เวลาเสียที ระยะเบรคที่เพิ่มขึ้น และควบคุมระยะเบรคไม่ได้






เรื่องรถนี้ห้อตราดาว ผมไม่มีความรู้เลยอ่ะครับ ฮ๋าๆๆๆ รู้แต่ว่า แพง...แค่นั้นเลยจริงๆ ส่วนเรื่องแรงดันเบรค ถ้ากรณี เอารถลงระดับต่ำสุด แล้วออกตัว (ที่จริงห้ามทำ) รถเบรคไม่อยู่ครับ....แต่มันจะมีข้อความเตือนครับ ประมาณว่า Hydrolic pressure ตามด้วยข้อความที่ 2 ประมาณว่า Warning brake pressure lost ครับ ฉนั้น โอกาสที่จะออกรถไปโดยที่ไม่มีแรงเบรค เป็นไปได้ยากครับ ฮ๋าๆๆๆ

มันฉลาดมาก...เพราะ ถึงรถระบบมันจะเยอะ (มาก) แต่มันก็ฉลาดมาก แล้วก็ ถ้าเราเข้าใจเขา เขาก็จะเข้าใจเราเองครับ แฮๆๆ ;D
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Odeng

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 55
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 15, 2015, 18:22:43 »
   ขอบคุณครับ เป็นอีกแง่มุมนึงของ Citroen รถจากฝรั่งเศสที่สมัยนี้คนแถบจะไม่รู้จักแล้ว 555  :)  สิ่งสำคัญสำหรับคนที่จะเล่นรถแนวนี้ก็คือ ต้องรู้จักช่างดีๆ ต้องรู้จักแหล่งอะไหล่ ต้องมีรถสำรองใช้เวลาจำเป็น... แต่อีกสิ่งนึงที่หลายๆ คนอาจจะมองข้ามไป ซึ่งคุณ Headman ก็ช่วยย้ำเตือนให้แล้ว คือ ต้องรู้จักรถ หรือมีความรู้เรื่องรถยี่ห้อนั้นๆ ด้วยครับ (เป็นข้อแรกเลยที่คุณ Headman แนะนำไว้) เพราะถ้าคุณไม่รู้อะไรเลย ไม่สามารถดูแลรถ หรือสังเกตอาการปัญหารถในเบื้องต้นได้เลย  แล้วไปฝากความหวังไว้ที่ช่างอย่างเดียว มันก็อาจจะอยู่กับคุณได้ไม่นานอยู่ดี...

   ป.ล. มีอยู่ช่วงนึงที่คุณ Headman พูดถึงไฟ Stop ที่หน้าปัทม์ไว้ ทำให้นึกถึงรถคันเก่า Peugeot 405 sri ที่เคยใช้อยู่เหมือนกันครับ มีไฟ Stop แบบนี้เหมือนกัน  ;)

ออฟไลน์ chanvitjeab

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 16, 2015, 08:59:21 »
ลืมไปเลยว่าเคยมียี่ห้อนี้ขายในบ้านเรา
รีวิวดีมากครับ ละเอียดยิบ
อยากได้ความรู้สึกเนียนๆตอนขึ้นหลังเต่า กับข้ามรอยต่อสะพานจัง

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 16, 2015, 21:25:23 »
รถซีตรองดูเหมือนงานศิลป์มากกว่ารถยนต์ เดี๋ยวนี้รุ่นเล็กๆ นี่ design ได้น่ารักมาก ที่ Paris นี่วิ่งเกลื่อนเมือง อิจฉาชาวฝรั่งเศส...สมัยวัยเด็กซีตรอง CX นี่เป็นรถในฝันของผมรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว...
ขอบคุณสำหรับ review ดีๆ ครับ
 ;)

ออฟไลน์ i-Kao

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 17, 2015, 18:38:37 »
ผมก็ชอบซีตรองครับ เล็งๆอยู่ ก็เห็นจะเป็น CX-20 ไว้โอกาสพร้อม เงินพร้อม เวลาพร้อม ก็อยากจะหามาปั้นสักคันเหมือนกันครับ  ;D

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 17, 2015, 22:22:03 »
  ขอบคุณครับ เป็นอีกแง่มุมนึงของ Citroen รถจากฝรั่งเศสที่สมัยนี้คนแถบจะไม่รู้จักแล้ว 555  :)  สิ่งสำคัญสำหรับคนที่จะเล่นรถแนวนี้ก็คือ ต้องรู้จักช่างดีๆ ต้องรู้จักแหล่งอะไหล่ ต้องมีรถสำรองใช้เวลาจำเป็น... แต่อีกสิ่งนึงที่หลายๆ คนอาจจะมองข้ามไป ซึ่งคุณ Headman ก็ช่วยย้ำเตือนให้แล้ว คือ ต้องรู้จักรถ หรือมีความรู้เรื่องรถยี่ห้อนั้นๆ ด้วยครับ (เป็นข้อแรกเลยที่คุณ Headman แนะนำไว้) เพราะถ้าคุณไม่รู้อะไรเลย ไม่สามารถดูแลรถ หรือสังเกตอาการปัญหารถในเบื้องต้นได้เลย  แล้วไปฝากความหวังไว้ที่ช่างอย่างเดียว มันก็อาจจะอยู่กับคุณได้ไม่นานอยู่ดี...

   ป.ล. มีอยู่ช่วงนึงที่คุณ Headman พูดถึงไฟ Stop ที่หน้าปัทม์ไว้ ทำให้นึกถึงรถคันเก่า Peugeot 405 sri ที่เคยใช้อยู่เหมือนกันครับ มีไฟ Stop แบบนี้เหมือนกัน  ;)

2-3 วันที่ผ่านมานี่ ผมขับเขาบ่อยมากครับ วันนึง 200-300 กม หลังอัดตุ้มมา แล้วก็เปลี่ยนยางหัวโช๊ค ใช้กระจายเลยครับ.....ถนนว่าว่างเป็นกด.....เข้าโค้งบางครั้ง เทโค้งไปเลย...ไม่เบรค ถอนคันเร่งอย่างเดียว ^^ ไว้จะหาโอกาสไปถ่ายรูปมาลงเพิ่มครับ เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย หลังจากทำยางหัวโชณคเสร็จ ก็ลองกลับรถแบบนักซิ่งดูหน่อย ฮ๋าๆๆๆ อยู่เลนขวาสุด เห็นฝั่งโน่นว่างพอดี...หักสุดเลยครับ...ล้อหลังออกนิดๆ มีเสียงเอี๊ยดๆ หน่อยๆ แต่ วงเลี้ยว มันแคบจนหน้ากลัวอย่างกับ Eco car หลับรถจากเลนขวาสุด สามารถกลับลำเข้าเลนขวาสุดของฝั่งตรงข้ามได้แบบ......เกือบทั้งคัน มีล้อหน้าซ้ายที่ออกไปเลนที่ 2 บ้างเล็กน้อยเท่านั้นเอง... ;D ;D

แต่คงไม่ทำบ่อยล่ะครับ สงสารรถๆ เอิ๊กๆๆๆ

สิ่งเดียวเลยที่เขาโดนทิ้ง (เป็นซากเยอะมาก) คือ เจ้าของไม่รักกันจริงครับ แล้วก็ อย่างว่านั่นล่ะ......คิดแล้วเศร้าครับ ล่าสุดประชากร XM ที่ยังโล้ดแล้นอยู่บนถนน มีไม่เกิน 1000 คันแล้วครับ (รวมทุกรุ่น ทุก Phase) ต่างประเทศ ก็เริ่มเป็น รถ Classic แล้วด้วยครับ

เพราะว่าปีนี้ เราคงต้อง Happy Birthday ให้กับ XM เพราะเขามีอายุครบ 25 ปร พอดีเลยที่ปีนี้ครับ (นับตั้งแต่ Phase 1 คันรกออกจากโรงงานนะครับ)
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: เมษายน 17, 2015, 22:24:37 »
รถซีตรองดูเหมือนงานศิลป์มากกว่ารถยนต์ เดี๋ยวนี้รุ่นเล็กๆ นี่ design ได้น่ารักมาก ที่ Paris นี่วิ่งเกลื่อนเมือง อิจฉาชาวฝรั่งเศส...สมัยวัยเด็กซีตรอง CX นี่เป็นรถในฝันของผมรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว...
ขอบคุณสำหรับ review ดีๆ ครับ
 ;)

ระวังโดน อังเด ซีตรอง สะกดจิตเอานะครับ  :P
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Peter Wen

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 377
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 00:17:27 »
ซีตรอง รถในดวงใจของผมเหมือนกันครับ ผมก็เด็กเก่าชลชายเหมือนกับคนเขียนด้วย ครับ  :)

ปล.เมื่อสองปีก่อนผมเคยเจอcx25 prestige วางเครื่อง2.4ของแคมรี่ แล้วช่วงล่างยังใช้งานได้ปกติด้วย รถอยู่แถวลาดพร้าวฝั่งบางกะปิ เจ้าของเขาให้ผมลองนั่งขับวนรอบนึงด้วย เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่เคยได้นั่งซีตรอง ปลื้มมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2015, 00:37:24 โดย Peter Wen »
長樂.文

ออฟไลน์ God father

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
    • อีเมล์
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 00:57:29 »
pallas prestige รถจะยาวกว่า cx20 หลังเบาะหน้าเปิดออกเป็นโต๊ะทำงานให้คนนั่งหลังได้ด้วย สมัยนั้นหรูมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2015, 01:13:00 โดย KOKNAMM »

ออฟไลน์ tozmania

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 19:29:53 »
ขอบคุณมากครับ โฆษณาเยอะมาก สปอนเซอร์เพียบ  ;D

สมัยก่อน นอกจาก XM ก็คุ้นแค่ BX กับ CX เห็นรหัสรุ่น SM
ผมก็ต้องเอาขาหลังเกาหูแกร่กๆ เปิดวิกิ อั่ยย่ะ ไม่เคยเห็น สวยดีแหะ

อ่านคำแนะนำมาถึงข้อ 7 ผมก็นึกว่าคนเล่นซีตรองต้องพูดฝรั่งเศสได้ซะอีก
ระบบเตือนของรถนี่ดูฉลาดดี ถ้าพูดได้นี่เกือบๆจะเป็นรถสายลับในหนังแล้วน่ะ


ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 22:40:05 »
ซีตรอง รถในดวงใจของผมเหมือนกันครับ ผมก็เด็กเก่าชลชายเหมือนกับคนเขียนด้วย ครับ  :)

ปล.เมื่อสองปีก่อนผมเคยเจอcx25 prestige วางเครื่อง2.4ของแคมรี่ แล้วช่วงล่างยังใช้งานได้ปกติด้วย รถอยู่แถวลาดพร้าวฝั่งบางกะปิ เจ้าของเขาให้ผมลองนั่งขับวนรอบนึงด้วย เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่เคยได้นั่งซีตรอง ปลื้มมากครับ

CX นี้ ถ้าเครื่องเดิม จะเวิคกว่านี้ครับ เสียงเครื่องเวลาเร่ง แล้วปล่อย มันจะขาดแบบพวงรถเครื่องแรงๆ อย่าง Maserati กันเลยทีเดียวครับ

Magic Carpet ของ CX ตัวช่วงยาวนี่อยู่ที่เบาะหลังซ้ายครับ..........อธิบายไม่ถูกครับ ต้องลองนั่งดูเองเลยยย

 
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Asklepios

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 84
    • อีเมล์
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 23:47:32 »
ทำให้ความรู้สึกอยากได้ Xantia กลับมาอีกครั้ง  ;D

ออฟไลน์ Ishida

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 730
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 07:03:31 »
แต่ก็คงไม่ใช่แค่ผู้นำเข้าซะอย่างเดียวนะครับสำหรับความคอดผม เพราะตัว product มันก็แย่ลงจริงๆๆ สำหรับ PSA  Group เพราะเน้นราคาถูก กำไรเยอะ คุณภาพงานและคุณภาพทางวิศวกรรมก็ดูตกลงอย่างชัดเจน แต่ก็แลกมากับราคาที่ถูกจนน่าตกใจในยุโรป แต่หลังๆนี้เริ่มมาเน้นการออกแบบมากขึ้น เริ่มกลับมาในแนวทางที่เขาเคยคิดว่ามันดีกว่าขายกินกำไรไปวันๆ รอดูกันต่อๆปครับ Citroen  ก็ต้อง DS ล่ะน่ะ
พระเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา เพียงแต่ทำได้ในสิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราทำไม่ได้

ออฟไลน์ Fat

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 340
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: เมษายน 27, 2015, 22:22:38 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ อ่านเพลินและได้ความรู้เกี่ยวกับซีตรองมากขึ้น

ผมเองก็ชื่นชอบในรถแบรนด์นี้อยู่หลายรุ่น ที่ชอบมากๆเลยคือ Xm กับ Xantia มันดูสวยมากๆในยุคสมัยนั้น. ผมได้เก็บสะสมแคตตาล๊อกของ2ตัวนี้  ได้เปิดอ่านข้อมูลอยู่หลายรอบ และชื่นชอบกับเทคโนโลยีของมันมาก   วิ่งสามล้อได้ ยกรถให้สูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นอะไรที่รถยี่ห้ออื่นในยุคนั้ก็ยังไม่มี


มีโอกาสได้เห็นเจ้าXmอยู่บ่อยๆเนื่องจากมีคนที่ทำงานคุณพ่อใช้. สีตะกั่ว. เป็นตัวแรก คันจริงสวยมากๆ ส่วนXantiaก็ไปดูตอนขายป้ายแดงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไปซื้อยี่ห้ออื่นมาใช้   ยอมรับครับซีตรองเทคโนโลยีไม่ธรรมดาจริงๆเจ้านี้
Toyota Camry 2.2 SEG asv20 2001
Kia Carnival 2.4 CEO ll 2004
Nissan Tiida 1.8G H/B 2007 (sold)
Toyota Corolla Altis 1.6G 2011 (sold)
Toyota Camry Hybrid 2.5 2014
Toyota Chr Hybrid Mid 2019
Benz C220d AMG Dynamic 2020

ออฟไลน์ mairuna

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 140
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: เมษายน 30, 2015, 11:59:22 »
ขอบคุณสำหรับรีวิว ผมล่ะชอบตอนที่โช็คกำลังยกเลย เท่สุดๆ  ;D ;D ;D ;D
เออ รุ่นนี้ป่าว  :P :P :P :P
ดริฟทุกโค้ง กระจายทุกชิ้น = . ='

ออฟไลน์ TaR

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
  • "เป้าหมาย..."
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2015, 15:37:36 »
เป็นรถดีที่น่าจดจำอีกรุ่นหนึ่ง :D
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
"ชีวิตคือการเดินทาง..."
.
.
.

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2015, 23:11:51 »
ทำให้ความรู้สึกอยากได้ Xantia กลับมาอีกครั้ง  ;D

จัดเลยครับ Xantia ไม่ยากเลย รถมีเยอะกว่า XM ด้วยครับ ขับดีเหมือนกัน

เหตุผลข้อเดียวที่ผมไม่เอา Xantia เพราะมันไม่มีแอร์หลังครับ..แอร์หลังนี่ประเด็นเลย ถ้าไม่มี แล้วอาการบ้านเรานี้ จบครับ จะว่าไป รถเก่าๆ นี่ ส่วนใหญ่ เขามักจะมีปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็นกัน แต่กลับCitroen นี่ ไม่มีนะครับ แอร์หนาวเลยล่ะ แถมมี Auto ด้วยย  ;D
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2015, 23:15:02 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ อ่านเพลินและได้ความรู้เกี่ยวกับซีตรองมากขึ้น

ผมเองก็ชื่นชอบในรถแบรนด์นี้อยู่หลายรุ่น ที่ชอบมากๆเลยคือ Xm กับ Xantia มันดูสวยมากๆในยุคสมัยนั้น. ผมได้เก็บสะสมแคตตาล๊อกของ2ตัวนี้  ได้เปิดอ่านข้อมูลอยู่หลายรอบ และชื่นชอบกับเทคโนโลยีของมันมาก   วิ่งสามล้อได้ ยกรถให้สูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นอะไรที่รถยี่ห้ออื่นในยุคนั้ก็ยังไม่มี


มีโอกาสได้เห็นเจ้าXmอยู่บ่อยๆเนื่องจากมีคนที่ทำงานคุณพ่อใช้. สีตะกั่ว. เป็นตัวแรก คันจริงสวยมากๆ ส่วนXantiaก็ไปดูตอนขายป้ายแดงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไปซื้อยี่ห้ออื่นมาใช้   ยอมรับครับซีตรองเทคโนโลยีไม่ธรรมดาจริงๆเจ้านี้


ถ้าได้มีโอกาสพามเป็นเพื่อนร่วมทางจะดีมากๆ เลยครับ....ไว้เดี๋ยวผมมาเพิ่มเติมแน่นอนครับกระทู้นี้ รูปมันยังไม่จบครับ แล้วเดี๋ยวมีแนวทางการซ่อมหรือดูแลเขาด้วยครับ รับรอง ไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอนครับ
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ popdemonic

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
  • I'm Back!
Re: My Younger Brother "Citroen Xm"
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2015, 15:02:37 »
มีเรื่องเล่าติดตลกของCitroen สมัยโบราณเยอะ ว่ามันวิ่ง3ล้อบ้าง เจ้าของรถขับรถยางแบน ไม่รู้ตัว จนเพื่อนร่วมถนนต้องรีบชี้มือชี้ไม้โบกให้จอด
เลยกลายเป็นตำนานของCitroen จนมาถึงทุกวันนี้ ส่วนตัวผมอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับระบบHydropneumatic แต่เบรคAudi ผมนี่ระบบคล้ายๆCitroen
หละครับ แต่ทำงานแค่ใช้Hydrodraulic มาช่วยผ่อนแรง โดยมีตุ้มแรงดัน เหมือนCitroen นี่แหละครับ พอเวลาผ่านไปนานเข้า Nirogen ก็ซึม มีปัญหา
ต้องซื้อใหม่ หรือเอาไปอัดตุ้ม (แต่บ้านเรารถรุ่นผมมีน้อยและทั้งคันก็มีตุ้มอันเดียว โดยมากเลยกัดฟันเปลี่ยนลูกละเป็นหมื่นก็ยอม) รอบหน้าผมว่าจะส่งตุ้มนี่
ส่งไปอัดที่ ร้านรับอัดตุ้มแบบCitroen บ้าง หากคุณHeadman มีร้านแนะนำวานบอกและขอพิกัดด้วยครับ จะส่งตุ้มAudi ไปลองอัดดูบ้าง