ก่อนเริ่ม......หัวข้อนี้เป็น Review แบบตามใจฉันนะครับ
สวัสดีครับพี่ผู้อ่านทุกท่าน....ผม Headman ยินดีนำเสนอ......My younger brother "Citroen Xm"
ตั้งแต่ที่จำความเรื่องรถยนต์ได้ และ เริ่มที่จะลองขับรถ........และเริ่มที่จะชอบรถ.....วันนึง......ผมได้กลับบ้านก่อนเวลา (จำได้แม่นเลย วันสอบกลางภาควันสุดท้ายสมัยผมอยู่ ม.1 วันนั้น พ่อผมไปรับกลับจากโรงเรียน ด้วย KB2200 คันเดิม แอร์เย็น เพลงไม่เพราะ.....
ระหว่างทางกลับบ้าน (ผมเรียนชลชายครับ) ก็ผ่าน หน้า Lotus ผ่านหน้า Big C ผมก็นั่งดูทางไปตามปกตินั่นล่ะ...ดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อย.....ระหว่างนั้น พ่อผมซึ่งเป็นคนขับรถช้า....ก็วิ่งเลนซ้าย...ไปเรื่อยๆ ตามภาษาพ่อนั่นล่ะครับ....พอมาถึงหน้าจัตุจักร....ก็ดันแว๊บไปเห็น......รถเก๋งคันนึง......
เป็นรถเก๋ง ที่ดูมีอายุ.....มี 4 ประตู ท้ายตัด และโหลดเตี้ยมาแน่ๆ (ติดดินเลย) หน้ารถติดป้ายว่า "ขาย 50000".......หลังรถมีอะไรไม่รู้ดำๆ ติดอยู่.......หน้ารถไฟด้วยโต มีกระจกมองหลังข้างเดียว.......ผมมองรถคันนั้นตั้งแต่พ่อผมยังไม่ขับรถผ่าน...จนขับผ่านมันไปก็ยังหันหลังกลับไปมองมันอยู่....และคิดในใจว่า "เย็นนี้ ขี่จักรยานมาดูหน่อยดีกว่า"
ภสพของคันที่ผมไปเห็นมา...คล้ายๆ คันนี้เลยครับ สีประมาณนี้เลย
ผมขี่จักรยานจากฝั่งถนนข้าวหลาม มาถึงตรงสะพานลอยคนข้าม ใกล้ๆ วิทยาลัยสารพัดช่าง ยกรถจักรยานข้างสะพานลอย (วันนั้นคงเป็นวันที่ยกจักรยานข้ามสะพานได้รู้สึกเบาที่สุดล่ะครับ) พอขึ้นถึงกลางสะพาน ก็เห็น "รถเก๋งคันนั้น" มีคนมาดูอยู่ 2 คน....คิดในใจว่า เขาจะซื้อหรือเปล่า....แต่พอผมลงสะพาน...เขา 2 คนนั้นก็ไม่อยู่ล่ะครับ...
ผมไปถึงหน้ารถคันนั้น ที่จอดอยู่หน้าร้านรับฉายภาพยนตร์ มีเข้าของอายุมากพอสมควรเดินออกมา....ผมยกมือไหว้เขาก่อนเลย..แล้วถามว่า...รถคันนี้ยี่ห้ออะไรอ่ะครับ แล้วพี่ไปโหลดมาหรือ?
"ยี่ห้อ Citroen ไม่ได้โหลดมา แต่มันเป็นระบบช่วงล่างแบบ Hydrolic......." งงซิครับ....ก็แหง่ล่ะ สมัยนั้น ผมไม่รู้จักรถยุโรบเลย......รู้จักก็แต่ Toyota Honda อะไรพวกนี้...ยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคันไหนเป็น BMW series 3 หรือ 5
พี่เจ้าของรถคันนั้นใจดีมาก....เปิดประตู ให้เข้าไปนั่ง......โอ้ววววว รถบ้าอะไร ทำไม พวงมาลัยมีก้านเดียว........เข้าไปนั่งในรถเก่า ก็มองไปรอบๆ.......เอ๊ะ ทำไม ที่เปิดแอร์มาอยู่ตรงคอนโซนกลาง ไฟเลี้ยวมันหายไปไหน? คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวอย่างกับดอกเห็ด.....แถม...พี่เข้าของรถยังบอกว่า ติดเครื่องดูซิ......
กุญแจ.........มันต้องใช้มือซ้ายสตาร์ดซินะ...อ๊ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองดูก็ได้ (ผมพอจะขับรถเป็นตั้งแต่ประถมล่ะครับ พ่อใช้ให้ถอยเข้าถอยออกในบ้านบ่อยๆ กะเคยไปขับในไร่ที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน)
ภายนี้คือ รูป Dashboard ของ Citroen Cx Pallas ครับ แต่ตัวที่ผมเจอวันนั้น คือ Cx20 แบบธรรมดา ช่วงรถไม่ได้ยาวกกว่าปกติ แต่การตกแต่งภายในไม่ได้หรูมากเท่า Pallas ครับ
บิดกุญแจ...สตาร์ด.........แจ๊กๆๆๆๆๆ ชึ่งงงงงง
ความรู้สึกตอนนั้นคือ...เห้ยยย ทำไมเสียงเครื่องมันแน่นแบบนี้.....แน่นกว่า Lancer E car ของน้าชายอีก.....เสียงมันแบบ นุ่มแบบแปลกๆ
ซักพักนึง...!!!!!!!!!!!! ทำไมรถมันยกตัวเองขึ้นได้อ่ะ......เจ๋งงงงง (เริ่มรู้สึกว่า เราต้องได้คันนี้มาก็ ตอนนั้นเลยครับ ฮ๋าๆๆๆ) หลังจากนั้นก็ดับเครื่อง มันก็ยุบๆ ลงไปเป็นปกติ.........เปิดดูในห้องเครื่อง ก็งั้นๆ อ่ะครับ รู้แค่ว่าเป็นเครื่องคาร์บูเรเตอร์...เท่านั้นเอง......
ในรูปคือ Citroen Cx GTI ตัวแรกสมัยก่อนครับ มีเข้าเมืองไทย 2 คันเห็นจะได้......
หลังจากนั้น ชีวิตผมกวนเวียนอยู่ในโลกของ Citroen มาอีก 3-4 ปี.....ช่วงนี้ เริ่มมีความรู้มากขึ้น....เริ่มได้ลองขับ.....เริ่มได้ใช้ชีวิตกับ Citroen ทั้ง BX CX ZX ได้หลายๆ วันมากขึ้น.......ได้มีโอกาสได้สัมผัส C6 ตัวเป็นๆ ได้เห็น C5 ยางแตกต่อหน้าต่อตา แต่ มันก็ยังวิ่งต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....ได้เข้าชมรม Citroen.org ได้ดูรถรุ่นใหม่ๆ เป็นตัวมากมาย...แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไมามีรถคันไหน จะมาเทียบ สิ่งที่เรียกว่า Citroen ได้..........แต่ผมคิดไว้เสมอว่า ถึงวันนึง...ผมจะต้องมีเขา...มาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านผมให้ได้อย่างแน่นอน......และวันนั้น ก็มาถึง...
ที่บ้านเราควรจะมีรถใหม่ได้แล้วนะ.........คำพูดนี้ออกจากปากคุณยายผม ไม่นาน...หลังจากนั้น.....เราก็เริ่มมองหารถใหม่.....ในช่วงแรกที่มองหารถใหม่นั้น ยอมรับเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น BMW 520D ที่ไปลองกันมาจนซะถูกใจ....หรือว่าจะเป็น Ml250 ที่พ่อบอกว่าชอบหนักหนา......หรือว่าจะ รถคลาด พวก Captiva อะไรพวกนี้....พ่อไปลองมาหมดเลย...สุดท้าย ก็ยังไม่ได้ซื้อ...และดันมาเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำยกครอบครัวกันซะก่อน....เลย...ใช้เวลาไปกับการรักษาตัว และเรื่องคดีความอันแสนยืดยาว...และแล้ว ทุกคนก็กลับมาเหมือนปกติ เหลือแต่รอรถตู้ Hiace คู่ใจที่รอซ่อมอยู่ (ซึ้งก็ใกล้เสร็จแล้วในเร็ววัน)
ระหว่างที่รถซ่อมอยู่นั่นเอง.....ผมก็เลย......ถามคนในบ้านว่าอยากได้อะไรกันบ้าง.....ทุกคนบอกอย่างได้โน่น นี่นั่น อย่างโน่น อย่างนี้ แต่
"ไม่เอา Citroen" คือ...ทำไมอ่ะ? Citroen มันทำอะไรผิดหรอ? เคยใช้กันหรือเปล่า ก็ไม่เคย....คนไม่เคยใช้ จะมารู้ดีกว่าพวกที่เขาใช้กันอยู่ได้ไง....ไม่ลองไม่รู้ดิ โด่ววววว
ลืมไปเลย....Citroen ที่ผมเลือกไว้ตอนแรกที่จะพาเข้าบ้านนั้น คือ Xantia แต่ไปๆ มาๆ มาลงที่ Xm เพราะอะไรลองติดตามดูก่อนนะครับ
หลังจาดวันนี้ที่เราทะเลาะกันเรื่องนั้น...ก็ช่วงราวๆ ผมอยู่ ม.5 เห็นจะได้ ผมเริ่มรู้จัก Citroen แล้ว และเริ่มรู้จักคนในวงการ Citroen หลายๆ คนเป็นอย่างดี เริ่มรู้จักอู่ที่ไว้ใจได้ 2-3 ที่ และเริ่มที่จะออกหา Xm เป็นของตัวเอง......
ผมใช้เวลา 2 ปีกว่า ในการหา Xm
XM ถูกแบ่งออกเป็น 2 phase ในบ้านเรา.... Phase แรก จะเริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปี 1994 (แต่รถมีบ้านเราที่จดปี 1995 บางคันก็ยังเป็น Phase 1 อยู่นะครับ)
วิธีการสังเกต Phase 1 นั่นไม่ยาก....ดูได้ตรงคอนโซล และพวงมาลัย รวมถึง สปอยเลอย์หลังรถครับ และที่สำคัญ Phase 1 จะเป็นรถที่เป็นเครื่อง 2.0I หัวฉีด 8 วาว single point infection ซะส่วนใหญ่ เป็นเกียร์อัตโนมัติ และช่วงล่างเป็น Hydractive 1 อยู่
สำหรับคนที่ งง นะครับ....ขออธิบายเพิ่มเติมแบบเข้าใจง่ายๆ ซักนิด ระบบช่วงล่าง ของ Citroen จะมี 2 แบบหลักๆ คือช่วงล่างแบบคอยสปริงธรรมดา พบได้ในรุ่น AX ZX Evasion C1 C2 C3 C4 Jumper Ds3 Ds4 Ds5 ช่วงนี้จะใช้ สปริง และโช๊คอัพ ในการซับแรกสะเถือน
ส่วนอีกแบบนี้ ช่วงล่างแบบ Hydrolic หรือ Hydroneumatic ครับ ช่วงล่างแบบนี้ จะใช้ตุ้มก๊าซไนโตรเจน และ แรงดันน้ำมัน LHM ในการทำงานครับ
Hydrolic หรือ Hydroneumatic นี้ ไม่ได้ใช้เฉพาะส่วนที่เป็นช่วงล่างเท่านั้นนะครับ แต่ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ ระบบเบรค ก็ใช้ระบบแรงดันที่ว่านี้ในการทำงานเหมือนกัน...ฉนั้น เวลาที่ Citroen ที่มีระบบนี้ สตาร์ดไม่ติด อย่าคิดแม้แต่จะหมุนพวงมาลัยครับ.....
Citroen ที่ใช้ระบบ Hydroneumatic ก็มี BX CX GS SM Xm Xantia C5 C6 ครับ แต่!!!
Xm Xantia C5 C6 จะใช้ระบบ Hydroneumatic ที่ใช้ "ไฟฟ้า" ในการควบคุมครับ หรือเราเรียกช่วงล่าง Hydroneumatic แบบใช้ไฟฟ้าควบคุมว่า Hydractive นั่นเองครับ.....
ถ้าถามว่า แล้วตอนนี้ เทคโนโลยีนี้ พัฒนาไปถึงไหนแล้ว.....เชิญชมคลิปนี้เลยครับ.....
ในคลิปคือ The new C5 Touner ที่ใช้ช่วงล่างแบบ Hydractive 3+ ค่าตัวคันนี้ในเมืองไทยเห็นว่า 2 ล้านนิดๆ แต่มีแต่ตัวถัง Berlin ไม่มี Touner แบบในคลิปดังกล่าวครับ.....แย่ยังยนตรกิจไม่ยอมสั่งเข้ามา...ฮ๋าๆๆๆ
พักโฆษณาสักครู่ครับ
มาต่อกันที่ Phase 1 หรือ phase 2 นะครับ....อธิบายรวดเดียวเลยดีกว่า
Phase 1 พวงมาลัยก้านเดียว หรือ 2 ก้าน เท่านั้นครับ Phase 1 จะเป็นเครื่อง
2.0I Single point injection 8V 130HP
2.0I Carburetor 110Hp
2.0I 8V turbo 155 HP
2.0D turbo diesel
3.0IA 12V 160 HP
มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาครับ
จุดสังเกตภายใน และภายนอกดูตามรูปเลยครับ....ข้อดีของ Phase 1 นี้ ความ Classic ครับ....ลักษณะ Dashboard ที่เป็นเหลี่ยมเหมือนกับตัวรถ และกระจังหน้าที่เข้ากัยตัวรถมากกว่า รวมถึงพวงฝาครองล้อด้วยครับ แลดูเก๋าดีครับ
แต่ ข้อเสียคือ....อุปกรณ์ภายในทุกชิ้น..หลังจากเวลาผ่านไป...มันแตก!!! ง่ายมากครับ....กรอบแกรบไปหมด...เปลี่ยนหลอดไฟหน้าปีดที ขัดน๊อตตรงคอนโซลทีนี่ มีแต่เสียงหรอบแกรบ ฟังแล้วปวดใจครับ ประกอบกับ เครื่อง 2.0I 8วาว ที่โบราณเกินไป อัตราเร่งอืดมาก....กว่าจะลอยตัว ฟาดไปเกิน 100 ก็ไม่ไหวครับ และซดน้ำมันเยอะพอสมควร.....เครื่องคาบูเรเตอร์ไม่มีผ่านเช้ามาในไทยครับ (แต่มีตัวหายากเป็นเครื่องคาบูเรเตอร์เกียร์ธรรมดาที่เจ้าของพากลับมาจากต่างประเทศ อยู่ชายแดนใต้ของบ้านเรา มีอยู่แค่คันเดียวครับ
ใช่แล้ว..หลายๆ คนก็คงจะเกิดข้อสงสัย ทำไมไม่ไป 2.0I turbo ก็เพราะ ไอ้เครื่อง Turbo นั่นล่ะครับ..ซ่อมตายแน่ๆๆๆ ฮ๋าๆๆๆ ถึงแม้ว่าตัวจะเบาที่สุด แรงที่สุด และราคาไม่แพงเหมือน V6 แต่รออะไหล่ทีล่ะหลายเดือน ไม่ใช่เป็นแค่เมืองไทยที่หาอะไหล่ไม่ได้นะครับ เป็นกันทั่วโลกเลยล่ะ ฉนั้น ส่วนใหญ่คันที่เป็น Turbo มักจะเปลี่ยนเครื่องเป็น 16V Phase 2 กันแล้วทั้งนั้นครับ....
ขออนุญาติ ใช้ภาพในการอธิบายนะครับ จะได้เข้าใจง่ายกว่า แฮๆ อันนี้คือ
Phase 1 และ Phase 2 เทียบกันเลยนะครับ
ท้ายจะมี Phase 1 spoiler จะมีขนาดใหญ่กว่าครับ
ในขณะที่ Phase 2 หน้าตาจะทันสมัยมากกว่า และสปอยเลอร์เล้กกว่าครับ
ภายในจะเป็นทรงที่เหลี่ยมกว่า และดูเก๋กว่า Phase 2 ที่เป็นรูปมนๆ ครับ แต่ Phase 2 นั่น จะมีความทนต่อสภาพอากาศมากกว่า Phase 1 ชัดเจนครับ
อันนี้จะเป็นภายในของ Phase 2 ครับ ทันสมัยกว่าเยอะเลย....
อ๋อเกือบลืมไปเลย Xm นี่จะมีตัวพิเศษ ออกมาเหมือนสั่งลาน่ะครับ เรียกง่ายๆ ว่า ตัว 3.0IA Exclusive V6 24V ครับ คันนี้จะหรูเป็นพิเศษ ภายในมี Internet build in มาให้ด้วยครับ แล้วก็ ข้างหน้าจะมี GPS ด้วยครับ สำหรับปี 2000 คันนี้นี่ หรูมากเลยล่ะ แต่ก็นะ ผมเคยเห็นเค้าครั้งเดียว เมื่อนานมาแล้วที่สิงคโปรน่ะครับ
ว่ากันที่เรื่องเครื่องยนต์กันบ้างดีกว่าครับ
ณ จุด จุดนี้ (ทำเสียงหล่อแบบโน๊ต อุดมเลย) ผมขอรวมเอาเครื่องยนต์ของทั้ง 2 เฟสเข้าด้วยกันนะครับ เริ่มกันที่ตัวเก่าสุด
2.0I Single point injection 8V (Phase 1)
เครื่องตัดนี้ออกแนวอืดๆ และความเร็วจะเริ่มไหลมาเทมาเมื่อเกิน 100 ขึ้นไปแล้วครับ เป็นเครื่อง 8 วาว ที่ทนแก๊ซมากเพราะวาวมันใหญ่ครับ อาการของเครื่องที่รอบเดินเบาจะสั่นๆ ไม่นิ่งเหมือนเครื่องตระกูลญี่ปุ่นครับ จัดสังเกตว่าคันนี้ 8 วาวหรือเปล่า ดูว่ามี Air Flow กับลิ้นปีกผีเสื้ออยู่ด้านบนครับ....เครื่องนี้ ไม่ได้เลวร้าย แต่ในความคิดของผม ผมคิดว่ามันเอามาวิ่งไล่ตามรถสมัยปัจจุบันได้ยากพอสมควรครับ ต้องเค้นแรงเครื่องมากเกินไปครับ
2.0I Carburetor 110Hp (Phase 1) ไม่มีประสบการณ์กับเครื่องตัวนี้เลยครับ แต่มักจะมาใน XM ปีแรกๆ ที่ผลิตเลย (1989) เป็นเครื่องรุ่นแรกเลยครับ น่าจะมีหลุดเข้ามาในบ้านเรา แต่ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังวิ่งได้อยู่หรือเปล่าครับ
2.0I 8V turbo 155 HP (Phase 1) แรง เร็ว เบา คือนิยามของเครื่องตัวนี้ แต่ อย่าใหเสียเชียวล่ะ เพราะว่ามี Turbo นั่นล่ะครับ ปัญหาเยอะสุดๆ ทั้ง Turbo รั่ว Boost หาย อีกมากมาย ไหนจะท่อยางของมันที่หาโคตรจะยาง และหาของเทียบไม่ได้ เพราะระหว่างท่อยางมันมีท่ออีกเส้นมาต่อเป็น 3 ทางครับ...ปัญหาเรื่องหาอะไหล่เครื่องยากของรุ่น Turbo นี่ ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะในบ้านเราครับ แต่เป็นปัญหากับผู้ใช้ XM ทั้วโลกเลยครับ ถ้า เครื่องรุ่นมีอะไหล่ และสาามารถศ่อมได้ด้วยงบไม่มาก....เป็นเครื่องที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะแรงม้ามาก และเบาที่สุดในทุกๆ รุ่นครับ
เครื่องดีเซลทั้ง 2 ตัวนี้ ผมไม่มีข้อมูลเลยนะครับ ขออนุญาติข้ามไปนิดนึงนะค้าบบ
2.0D turbo diesel (Phase 1)
2.5 TD + intercooler (Phase 2)
3.0IA 12V 160 HP (Phase 1+ Phase 2) ตัวนี้ เป็น V6 12วาว ห้องเครื่องเขาจะแน่นเป็นพิเศษ เป็นเครื่องที่มีแรงบิดดีในรอบต้น เดินทางไกล คันนี้แลดูจะสบายที่สุด มีอะไหล่ให้พอหาได้แบบไม่ยากเย็นนักในตลาดทั่วไป มีคนใช้อยู่พอประมาณครับ แต่ ข้อเสียคือ เพราะว่าเครื่องมันแน่น ห้องเครื่องเลยแน่น เวลาจะซ่อมอะไร มันก็เลยพาลเอายากลำบากไปเสียหมดครับ อีกอย่างเครื่องตัวนี้ ซดน้ำมันน่าดูเลยครับ นอกเมืองยังพอมี 10 กม ลิตร ให้เห็นบ้าง ไม่เมืองไม่ต้องพูดถึงครับ
2.0I Multi point injection 16V (Phase 2) ตัวนี้ คือเครื่องที่ผมใช้อยู่ครับ เป็นเครื่อง 16V ไม่มีระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุดประมาณ 135 แรงม้าครับ เป็นเครื่องที่หาอะไหล่ค่อนข้างง่าย เพราะมีบาง Part ที่ใข้ร่วมกับ Xantia ได้ครับ เครื่องตัดนี้จะมี 2 version นะครับ ของผมจะเป็นตัวฝาขาว ผลิตตั้งแต่ปี 1996-1997 ตอนปลายครับ หลังจากนั้นจะเป็นเครื่องฝาดำซึ่งใหม่กว่าครับ
3.0IA V6 24V (Phase 2) ตัวนี้ ไม่เคยลองครับ แต่ถ้า....มีหัวตัดมาให้ผมสับของล่ะก็ ไม่แน่ครับ ^^ เพราะมันคือเครื่องที่ใส่มาให้ในตัวสุดท้ายก่อนที่ Xm จะอำลาสายการผลิตลงในปี 2000 ครับ
เดี๋ยวมาต่อนะครับ เชียนไปเรื่อยๆ ครับผม ^^