เนื่องจากได้คันนี้มาขับแบบงงๆ ก็เลยแวะเอามาเล่าหน่อยละกัน อีกอย่าง Camry 2.5G ใหม่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์กลไกอะไร
ฉะนั้นก็คงจะอ้างอิงได้บ้างยกเว้นเรื่องออปชั่นที่ผมไม่รู้ว่ารุ่นปรับโฉมเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้คันนี้มาขับ เพราะรุ่น 2.5G หายากมาก เอาจริงๆผมยังเห็นไม่ถึง 5 คันด้วยซ้ำ
ภายนอกไม่พูดไรมากละ แก่ๆ แต่ขับแล้วหล่อละกัน
แต่รุ่นปรับโฉมหล่อกว่า
ภายในไม่ได้ถ่ายรูปมา เอาแบบนี้ละกัน
- พวงมาลัยหุ้มหนัง จับกระชับมือดี แต่วงจับพวงมาลัยมันไม่ได้กลมแบบรถทั่วไป มันจะแบนๆเหลี่ยมๆยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก แต่ผมชอบ มันจับอยู่มือดี
วงพวงมาลัยใหญ่และรู้สึกว่าเทอะทะไปนิดๆ
- เบาะ ใหญ่มากกกกก และคิดว่าคงทำมารองรับคนตัวใหญ่ๆ ผมสูง 168 หนัก 58 นั่งแล้วไม่สบายเท่าไหร่ แต่สัมผัสเบาะหนังก็ใช้ได้ คันที่ผมขับเบาะเริ่มมีเยินบ้าง
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าแต่ไม่มีเมมโมรี่ใดๆมาให้ มีปรับดันหลัง
การปรับเบาะ ถ้าปรับต่ำสุดผมรู้สึกว่ามันก็ยังสูงไปนิดหน่อย สูงกว่าอัลติสอีก และผมคงเตี้ยด้วย ถ้าปรับต่ำสุดผมจะโดนหน้าปัดบังการมองเห็นไปเยอะมาก
ผมเลยต้องปรับขึ้นอีกประมาณ 3-4 เซ็นถึงจะขับถนัด ซึ่งนั่นทำให้ที่นั่งขับมันสูงๆลอยๆเยอะมากไป
ลืมไปอย่างหนึ่ง การใช้เบาะปรับไฟฟ้า เบาะคนขับปรับไฟฟ้ามันทุกทิศทางครับ สูงต่ำใกล้ห่างเอนเข้าออก
ข้อดีคือมันหรู แต่ผมไม่ค่อยชอบ ชอบแบบอัตโนมือเดิมๆมากกว่า มันทันใจดี เกิดอยากจะปรับเบาะเอนลงตึ้งเดียวนอนเลยก็ทำได้ แต่เบาะไฟฟ้าต้องรอมันสโลว์โมชั่น
เอนลงแบบผู้ดีซึ่งบางทีก็น่าหงุดหงิด พอดีผมมันพวกชอบความรุนแรงรวดเร็วด้วยสิ 555
- เบรกมืออยู่ที่เท้า(แล้วเรียกเบรกมือได้มั้ยเนี่ย) ไม่ใช่แบบไฟฟ้า
ออปชั่น บอกเท่าที่งมเจอละกัน รีวิวนี้เน้นการขับขี่ครับไม่เน้นเรื่องออปชั่นเพราะ......รถเก่าผมไม่มีลูกเล่นอะไรเลยพอมาเจอรถคันนี้ก็เหวอรับทานครับ 5555 ใช้ไม่เป็น
- หน้าปัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลตรงกลาง แสดงผลได้หลากหลาย ทั้งอัตราสิ้นเปลือง Real time, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย, Crusing range(คันนี้ใช้คำนี้) แสดงระยะทางที่วิ่งได้ ฯลฯ เท่าที่รถยุค 2012 คันหนึ่งจะมี
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ฝั่งซ้ายคุมเครื่องเสียง ฝั่งขวาเป็นปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- เครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่าย กราฟิกเข้าใจง่ายอยู่ มีบลูทูธเชื่อมต่อโทรศัพท์ ไม่มีเนวิเกเตอร์แต่ก็ช่างมันเถอะ
- แอร์ออโต้ 2 โซน ชอบมากกกกก เพราะผมไม่ชอบเปิดแอร์เย็นผมก็เลือกอุณหภูมิโซนของผมได้ ไม่ต้องไปปรับแอร์เย็นเอาใจใคร
- กระจกไฟฟ้า One-touch ทั้ง 4 บาน แต่ Jam Protection ไม่มั่นใจว่ามีเฉพาะฝั่งคนขับหรือมีทั้งหมด แต่รถระดับนี้คงมีหมดมั้ง ไม่งั้นโดนด่าตาย
- ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า เลื่อนลงอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอย
- เซ็นเซอร์กะระยะรอบคันหน้า-หลัง พร้อมขึ้นเตือนที่จอ MID ตรงกลางหน้าปัดว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่มุมไหน มีปุ่มปิดถ้ารำคาญ
อ้อ เซ็นเซอร์เฉื่อยชามากกกกกกกกก เวลาถอยรถต้องระวังหน่อย แต่เสียงเซ็นเซอร์ฟังดูผู้ดีไม่ขี้บ่นแบบ Altis ผม
- ไฟหน้า HID แบบเปิดปิดอัตโนมัติ คาสวิตช์ไว้ที่ Auto เดี๋ยวมันจัดการเอง
- ครูสคอนโทรล อันนี้ถ้าขับ ตจว มีประโยชน์มาก
- ระบบเตือนเปิดปิดประตู เตือนแยก 4 บาน ไม่ต้องเถียงกันว่าใครปิดประตูไม่แน่น
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ต้องรุ่น HV ถึงจะได้ 4 ใบ เอาเหอะ อัลติสผมไม่มีซักใบ
รุ่นปรับโฉมให้ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และหัวเข่า รวมแล้ว 7 ใบ (รึเปล่า ในโบรชัวร์มันไม่ได้บอกจำนวนด้วยสิ แต่ 2.0 ได้คู่หน้ากับด้านข้าง)
- กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้าแบบมุมมองกว้าง ใช้ครั้งแรกยังไม่ชินกับมันเท่าไหร่ และรู้สึกระยะลวงตาค่อนข้างเยอะ
รู้สึกว่าออปชั่นที่จำเป็นผมว่ามันก็มีครบแล้ว แต่ดันขาดสิ่งสำคัญมากๆไปสองอย่าง ทั้งที่รถราคาเท่านี้ ยุคนี้เขามีกันหมดแล้วคือ
1. VSC TRC
2. ระบบ Keyless
แต่สำหรับผมก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นอะไรของสองอย่างนี้
รุ่นปรับโฉมใส่มาแล้ว และเพิ่มระบบ Hill Assist Control ช่วยขึ้นเนินกับ ESS ไฟสัญญาณขณะเบรกกะทันหัน
และระบบช่วยเตือนมุมอับที่กระจกมองข้าง ทั้งสามอย่างมีครบทุกรุ่นย่อย มาที่การขับขี่ดีกว่า เพราะรีวิวนี้เน้นตรงนี้
เครื่องเบนซิน 2.5L 2AR-FE Dual VVT-i 181 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 231 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว จังหวะมันเยอะดี)
บอกก่อนว่ารถที่ผมขับเป็นรถบริษัทและผ่านการใช้งานมาแล้ว 50000 กว่ากิโลเมตร สภาพบางอย่างมันอาจจะส่งผลต่อการขับขี่ได้
เครื่องยนต์ ไม่มีอะไรให้ด่าเลย แรงดีมากกกกกกก ผมขับครั้งแรกเหยียบแค่นิดเดียวมีเหวอ และดูคลิปจากเว็บนี้ที่บอกว่าเป็นรถเก๋งที่ล้อฟรีง่ายมาก อันนี้จริงครับ
มีครั้งหนึ่งผมจอดบนพื้นถนนมีทรายนิดๆแบบน้อยมาก ผมออกตัวเหยียบแค่ไม่ถึง 1/3 แต่ล้อฟรีซะสะใจเลย
เกียร์ทำงานได้โอเค ถึงแม้ตอนขับแรกๆจะมีอาการเอ๋อๆบ้าง คงเพราะเกียร์ไม่ชินกับนิสัยการขับของผมเท่าไหร่ แต่ใช้ไปมามันก็โอเค ทำงานสมตัว
พวงมาลัยน้ำหนักดีมาก และขอละไม่ต้องไปแก้ไขมันแล้ว ทั้งช่วงความเร็วต่ำและสูงนั่นแหละ ผมสามารถขับคันนี้พุ่งขึ้น 140 ได้แบบชิวมากๆ ด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง
ทั้งเครื่องทำงานดี เกียร์โอเค พวงมาลัยนิ่ง มันทำให้ผมขับถึงความเร็วนั้นแบบไม่เกร็งเลยทั้งที่รถราคาล้านห้าแถมไม่ใช่รถตรูอีกต่างหาก
เรื่องความแม่นยำ ถ้าว่ากันว่าเป็นรถคันใหญ่ D-segment มันแม่นยำดีแล้ว แต่จะให้ไวแบบพวกรถสปอร์ตก็ไม่ใช่
ถึงจะมีความรู้สึกว่าต้องหักพวงมาลัยเยอะกว่าที่จำเป็นนิดหน่อยแบบ Altis แต่คันนี้อยู่ในระดับดีกว่ามาก
ช่วงล่าง เรื่องความนิ่ง ความเกาะดีอยู่ แต่เรื่องความสะเทือน โอ้โหหหหห มากไปมั้ย? สะเทือนกว่าอัลติสอีก
แต่ให้เดาคงเพราะล้อ 17 ยางแก้มเตี้ยและรถคงอัดลมยางแน่นไปหน่อย เพราะผมไม่ค่อยเชื่อว่า Camry จะสะเทือนขนาดนี้
ขับถึง 140 ผ่านถนนไม่เรียบรถยังนิ่งดี แต่เรื่องสะเทือนก็อย่างบอก
เบรก อันนี้ขอเก็บไว้สุดท้าย เพราะจะกันพื้นที่ไว้ด่า
น้ำหนักเบรก ห่วยมากกกกกกกก ไม่มั่นใจว่าเพราะผ้าเบรกเริ่มเสื่อมหรือว่ามันเป็นของมันอย่างนี้ เขื่อมั้ยว่าวีออสเก่ารุ่นดรัมเบรกหลังวิ่ง 7 หมื่นโลยังให้ความมั่นใจได้ดีกว่า
คือเรื่องเอาอยู่มั้ยมันก็เอาอยู่แหละถ้าไม่ได้ขับแบบ Fast7 แต่ฟีลลิ่ง น้ำหนักตอนที่มันหน่วงความเร็วลงใช้ไม่ได้เลย และผมรู้สึกว่าต้องกดแป้นเบรกเยอะมากๆ จนผิดปกติ
ยิ่งตอนความเร็วสูงๆผมกลัวมีอะไรตัดหน้ามาก เพราะน้ำหนักเบรกที่ไม่ให้ความมั่นใจนี่แหละ
เท่าที่ขับ Toyota มา 4 คันทั้งวีออส อัลติส วีโก้และคัมรี่ คันนี้เบรกห่วยสุด มีห่วยกว่าคือวีโก้แค่นั้น
อัตราสิ้นเปลือง กรุณาใช้วิจารณญาณเอาเอง เพราะผมก็มึนกับมันมาก
ผมขับจนรถขึ้นไฟเตือนให้เติมน้ำมัน ตอนนั้นคอมพิวเตอร์คำนวณว่าวิ่งได้อีก 14 กิโลเมตร(คือยอมใจแข็งวิ่งมาถึงในเมืองเพื่อจะเติม E20 = =;)
เติม E20 ไป 500 เพราะงบมีแค่นั้น เข็มน้ำมันกระดิกขึ้นมาตั้ง 1/4 (อัลติสเด้งมาเป็นครึ่งแล้ว) เด็กปั๊มคงนินทา รถอย่างเท่แต่แม่มเติมแค่ 500 ก็เอาเหอะ ไม่ใช่รถตรูหนิ
เติมน้ำมันได้ 18.90 ลิตร และ คอมพิวเตอร์คำนวณว่าวิ่งต่อได้อีก 174 กิโลเมตร ของเก่าเหลือ 14 กิโลก็เท่ากับว่าเหลือ 160 กม.
คำนวณตัวเลขแล้วได้ 8.46 กิโลเมตรต่อลิตร เหยยยยยยย ยังไง แต่ถ้าคิดเป็นบาท/กม ได้ 3.12 บาท/กม.
มันมีสูตรคำนวณอยู่ว่าน้ำมันประเภทไหนจะมีความคลาดเคลื่อนของอัตราสิ้นเปลืองเท่าไหร่แต่ผมจำไม่ได้ แต่รู้สึกว่า E20 คลาดเคลื่อน 22% รึเปล่า ตัวเลขแถวๆนี้
(E85 คลาดเคลื่อน 41% รู้แค่นี้)
ถ้าคิดกลับเป็นอัตราสิ้นเปลืองขณะใช้เบนซินเพียวๆ ก็คงได้ประมาณ 10-11 กม/ลิตร ซึ่งก็สมเหตุสมผลดีกับการขับของผม ที่ชอบเร่งความเร็ว ไม่เลี้ยงคันเร่งแต่ไม่ขับเร็วมาก
แต่ตอนที่ผมล็อกครูสคอนโทรลวิ่ง 105 กม/ชม ดูจากมาตรวัด Real time มันคำนวณได้ตั้ง 13.9 กิโลลิตรนะ
ตอนนั้นใช้น้ำมันเดิมที่คาถังซึ่งไม่ใช่ E20 และคงจะเป็นแก๊ส 95
สรุป: ซื้อเอาแรงไม่เอาหรู
ต้องบอกอย่างนี้เลยเพราะคุณสมบัติภาพรวมของรถมันทำให้ผมคิดอย่างนี้ ผมเคยคิดเล่นๆว่าถ้าโตจะซื้อคันนี้(มือสอง) มาแต่งเครื่องไว้วิ่งไล่รถสปอร์ต
เครื่องกับเกียร์มันดีมากจริงๆ แบบไม่ต้องด่าเลย แต่ข้อเสียกลับไปอยู่ที่เบรกแทน
จุดเด่นคงต้องยกให้พื้นที่ภายในเพราะมันใหญ่มากกกกก แม้ว่ารถจะสั้นสุดในบรรดาคู่แข่งก็เถอะ และเครื่องที่ชอบมากจริงๆ แรงดีแบบเพียงพอต่อทุกการขับขี่ยกเว้นว่าเพิ่งลงจากแลมโบมา กับที่เด่นอีกอันคือความมั่นใจในการควบคุมที่อันนี้ผมว่าดีมากนะ ยังไม่เคยขับ Accord Teana แต่สำหรับผม คันนี้ก็ดีมากแล้ว
จุดด้อยคือเบรกที่รู้สึกว่าเอาไม่ค่อยอยู่ และการที่ไม่มี VSC ทำให้ดูแย่ถ้าเทียบกับระดับราคา
กับเบาะที่สำหรับผมมันยังนั่งไม่สบายเท่าไหร่ รู้สึกตัวเบาะมันใหญ่ๆหนาๆไปหน่อย และเจ้าของรถคงปรับเบาะดันหลังมากไปหน่อย
ผมนั่งขับหลังแอ่นมากเพราะปรับคืนไม่เป็น 555 ถ้าไม่นับตรงนี้เบาะมันก็ใช้ได้อยู่
เท่านี้แหละครับที่อยากบอกไว้ ขอบคุณมากครับ