จริงๆผมมองว่าที่เกิดเหตุบ่อยเพราะ
1.รถมีมากขึ้น ทั้งรถเล็ก และรถใหญ่ ที่รถใหญ่มากเพราะระบบขนส่งอื่นพึ่งพาไม่ได้ รถไฟก็ไม่พัฒนา ทางเรือก็ติดเขื่อน เครื่องบินก็แพงไปและระยะทางไม่ไกลพอ
2.รถเล็กใช้ความเร็วสูงขึ้น ทางดีขึ้น เครื่องแรงขึ้น ขับเร็วกันมากมาย ขณะที่รถใหญ่ ไม่ว่ารุ่นใหม่แค่ไหน ก็เดินทางด้วยความเร็วเดิม 60-70 แค่นั้นไม่เร็วไปกว่านี้ เครื่องที่พัฒนาขึ้นมาส่งผลด้สนความประหยัด และกำลังเวลาขึ้นเนินเป็นหลัก รถบรรทุกไม่พัฒนาด้านความเร็วเลย
3.คนขับรถเล็ก มี ทักษะที่ต่ำ ฝึกหัดมาไม่ชำนาญ ก็ออกถนนใหญ่ จะไปเที่ยว เอารถตัวเองไปอวดเพื่อน ทางประจำขับเร็ว ทางไม่เคยไปก็ยังเร็ว ส่งผลให้เกิดเหตุบ่อยๆ
กันชนหลัง ทำแล้วดีนะ แต่มันทำต่ำมากไม่ได้ เช่นพวกรถขนดิน บางทีถอยเข้าไปเทที่หล่มๆ กันชนมันครูดดิน ทำงานลำบาก
พวกไฟต่างๆต้องตรวจให้เข้ม รถทั่วไป ตรวจ ตรอ ปีละ1ครั้ง รถใหญ่เพิ่มเป็นปีละ2ครั้ง 3 ครั้งก็ว่ากันไป
เคยคลุกคลีกับรถใหญ่มาพอสมควรครับ พวกรถท้ายเรียบวิ่งตู้คอนเทนเนอร์นี่แหละตัวดี
วิ่งรับงาน-ส่งงาน....ไม่เคยได้นอนต่อเนื่องเกิน 4 ชั่วโมงเลยครับ มาถึงโรงงานผม ตี 5 -โหลดเสร็จบ่ายโมง-ไปรอลงตู้ที่ ICD ลาดกระบัง จนถึงทุ่มนึง -เข้าบ้าน อาบน้ำ - วิ่งกลับมาโรงงานผมตอน ตี1 - นอนรอที่ลานจอดรถ(นอนในรถ).....
สกิลสูงจริง แต่สภาพหาดีๆยากมาก ยกเว้นรถของบริษัทจริงๆ ซึ่งมีน้อยมากครับ
แต่ก็ งง ว่าสภาพรถแย่ๆ หลายคันไฟแช็คยังสว่างกว่าเลย วิ่งไปเป็นกิโล แต่ยังเหม็นคลัชไหม้ติดจมูกบ้างแหละ แต่กลับต่อทะเบียนผ่านซะงั้น
แต่เรื่องสกิลนี่ยอมรับครับ พวกรถเล็กบางเจ้าเล่นพม่าแล้วครับ ไร้ความรับผิดชอบจริงๆ